วันเวลาปัจจุบัน 25 ส.ค. 2025, 15:24  



เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง


กฎการใช้บอร์ด


รวมกระทู้จากบอร์ดเก่า http://www.dhammajak.net/board/viewforum.php?f=7



กลับไปยังกระทู้  [ 1521 โพสต์ ]  ไปที่หน้า ย้อนกลับ  1 ... 17, 18, 19, 20, 21, 22, 23 ... 102  ต่อไป  Bookmark and Share
เจ้าของ ข้อความ
โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 18 พ.ค. 2010, 01:59 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 03 ม.ค. 2010, 02:43
โพสต์: 4467

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


ผมได้ติดตามอ่านหนังสือธรรมะต่างๆ รวมทั้งฟังการบรรยาย ของอาจารย์ มาเสมอ เพื่อพยายามขัดเกลาจิตใจที่ไม่ดีของตัวเอง พร้อมกับพยายามกระทำแต่ความดี ทั้งที่ยังไม่เคยได้รับรู้ผลของการกระทำความดีในแต่ละครั้ง อย่างไรก็ตาม ผมก็ได้ทราบอยู่อย่างหนึ่งว่ามีความสบายใจและรู้สึกปลอดภัย

มีคนหลายคนบอกว่าจะทำดีหรือชั่วก็คือกันเมื่อตายไปแล้ว ไปเกิดใหม่ไม่ว่าเป็นอะไร เราก็ไม่รู้แล้ว เกิดเป็นสิ่งใหม่/คนใหม่แล้ว เนื่องจากความจำของจิตและความรู้สึกเรา เมื่อจุติใหม่จะถูกลบไปสิ้น เราจะทำอะไรมาก็ไม่รู้แล้ว จะกระทำไปทำไม เพื่อไปเกิดดี/ชั่ว เราก็ไม่รู้สึกของการเสวยวิบากอีกแล้ว ผมสับสนครับ


คำตอบ
ที่หลายคนบอกวา “ จะทำดีหรือชั่วก็คือกัน ” ตายไปแล้วไม่รับรู้ สิ่งที่ได้ทำลงไปจะถูกลบไปสิ้น แล้วจะทำความดีไปทำไม นี่คือความเห็น ที่นำบุคคลลงไปเกิดเป็นสัตว์ในอบายภูมิ เรื่องนี้พิสูจน์ได้หรือไม่ ต้องพัฒนาจิตให้เข้าสู่ความตั้งมั่นสูงสุด (อัปปนาสมาธิ) ได้เมื่อใด โอกาสที่จิตจะเกิด “ ทิพพจักขุญาณ ” มีได้เป็นได้ แล้วเมื่อนั้นแหละ เขาจะแจ่มแจ้งด้วยตัวของเขาเอง ว่าจะเชื่อภูมิปัญญาของพระพุทธะ หรือจะเชื่อภูมิปัญญาของมนุสฺสเนรยิโก มนุสฺสเปโต หรือ มนุสฺสติรัจฉาโน

.....................................................
แบ่งปันกันกิน,รักษาศีล คือ กาย วาจา
เจริญสมาธิภาวนา, กาย- วาจา-ใจอ่อนน้อม
ยอมตนรับใช้, แบ่งให้ความดี
มีใจอนุโมทนา, ใฝ่หาฟังธรรม
นำแสดงออกไม่ได้เว้น, ทำความเห็นให้ถูกต้อง


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 18 พ.ค. 2010, 02:00 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 03 ม.ค. 2010, 02:43
โพสต์: 4467

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


กรรมที่รังแกผึ้งจะแก้ไขอย่างไรได้บ้างคะ

อาจารย์คะดิฉันมีเรื่องรบกวนถามค่ะคือที่ครอบครัวของพี่ชายมีผึ้งมาทำรัง อยู่ที่ในครัวจึงทำไห้มีคนเจ็บเนื่องจากผึ้ง
และการทำอาหารไม่ทราบไปรบกวนผึ้ง หรือปล่าว แต่เขาก็บินมาตกเอง

แต่มีครั้งหนึ่งพี่สะใภ้จุดธูปไปอยู่ใต้รังผึ้ง(จงใจอยากใล่เขาไป)แต่เขาก็ ยังไม่ไป

และมีบางครั้งพี่สะใภ้กับพี่ชายก็ทะเลาะกันเพราะเรื่องผึ้งบินมาต่อยเวลาออก ไปทำอาหาร
พี่ชายเลยต้องเอาไบกอนไปฉีด ก็ตายไปเยาะเหมือนกัน
แต่ปัจจุบันผึ้งก็ยังมาทำรังอยู่ แต่คราวนี้ไม่มีใครไปจงใจทำร้ายเขาแล้ว

ปัจจุบันนี้ครอบครัวของพี่ชายก็แตกแยกพี่สะใภ้พาลูกหนีกับไปอยู่บ้านตัวเอง

พี่ชายต้องอยู่คนเดียวและคิดถึงลูกมากสาเหตุของการทะเลาะกันเป็นเรื่องเล็ก น้อยมาก
ไม่ทราบว่าจริงๆแล้วเป็นเรื่องของกรรมในการรังแกผึ้งใช่ไหมคะ
เพราะเขามาพึ่งเราแต่เราไม่ให้เขาพึ่ง

แล้วจะแก้ไขได้อย่างไรบ้างคะ

เราเป็นน้องสามารถแผ่เมตตา แผ่กุศลช่วยได้ไหมคะ

หรือจะแผ่ให้ผึ้งแทนพวกเขาได้ไหมคะ

อยากให้ครอบครัวเขาอยู่อย่างมีความสุข
เพราะเขาทำไปเพราะความไม่รู้แท้ๆ



คำตอบ
สัตว์โลกเป็นไปตามกรรม เมื่อวิบากของกรรมให้ผลแล้วไม่มีใครเลี่ยงได้ วิธีแก้ไขคือชดใช้ผลของกรรมไปจนกว่าจะหมดสิ้น

น้องสาวสามารถแผ่บุญกุศล แผ่เมตตาให้กับผึ้งฝูงนั้นได้ แต่ผึ้งตัวที่เป็นเจ้ากรรมนายเวรกับพี่ชาย จะอโหสิให้หรือไม่ มันเป็นเรื่องของผึ้ง ทางที่ดีเอาพฤติกรรมของพี่ชาย มาเป็นครูสอนใจตัวเองว่า หากพี่ชายมีใจเมตตากรุณาแล้ว อกุศลวิบากนี้จะไม่เกิดขึ้น

.....................................................
แบ่งปันกันกิน,รักษาศีล คือ กาย วาจา
เจริญสมาธิภาวนา, กาย- วาจา-ใจอ่อนน้อม
ยอมตนรับใช้, แบ่งให้ความดี
มีใจอนุโมทนา, ใฝ่หาฟังธรรม
นำแสดงออกไม่ได้เว้น, ทำความเห็นให้ถูกต้อง


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 18 พ.ค. 2010, 02:00 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 03 ม.ค. 2010, 02:43
โพสต์: 4467

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


กระผมสุดโต่งเกินไปหรือไม่ครับ?

กระผม อยากเรียนถาม ความเห็นของท่านอาจารย์ คือ จากที่ผมได้ดูทีวีไม่นานมานี้ ได้พบข่าวงานพระราชทานเพลิงศพของผู้มีชื่อเสียงท่านหนึ่ง (นักการเมือง) มีการจัดงานใหญ่โตมาก ผู้คนที่ไปงานล้วนเป็นผู้มีชื่อเสียงระดับประเทศ ผมเห็นแล้วรู้สึกเบื่อหน่ายกับงานพวกนี้มาก ๆ และไม่เห็นด้วยกับการจัดงานอะไรทำนองนี้ เพราะคิดว่าแค่คนตายคนหนึ่ง(ซึ่งเป็นเรื่องธรรมดามากๆ ) ทำไมต้องจัดงานให้สิ้นเปลืองอย่างไร้สาระด้วย ผมคิดว่าไม่มีประโยชน์อันใดเลย ทำให้เป็นการเห่อเหิมความมีตัวมีตนด้วยซ้ำ

ดังนั้นจึงอยากถามท่านอาจารย์ว่า ความคิดเห็นของผมนั้นสุดโต่งเกินไปหรือไม่ เพราะผมค่อนข้างสับสนมากๆ (คิดว่าตัวเองบ้าหรือเปล่าที่ทวนกระแสสังคมแบบนี้ )



คำตอบ
ผู้ตอบปัญหาเป็นอย่างคุณนั่นแหละ แต่ที่เห็นเลยไปอีก คือมันเป็นเรื่องของเขา เขาเป็นครูสอนใจตัวเองว่าอย่าไปทำแบบเขา แล้วชีวิตของเราจะได้ไม่ต้องมาเวียนตาย เวียนเกิดอีกยาวไกลอย่างไรล่ะ

.....................................................
แบ่งปันกันกิน,รักษาศีล คือ กาย วาจา
เจริญสมาธิภาวนา, กาย- วาจา-ใจอ่อนน้อม
ยอมตนรับใช้, แบ่งให้ความดี
มีใจอนุโมทนา, ใฝ่หาฟังธรรม
นำแสดงออกไม่ได้เว้น, ทำความเห็นให้ถูกต้อง


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 18 พ.ค. 2010, 02:01 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 03 ม.ค. 2010, 02:43
โพสต์: 4467

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


คือว่า ตามหลักฮวงจุ้ย การเคลื่อนย้ายหรือขยับสิ่งศักดิ์สิทธิ์ เช่น พระพุทธรูป หรือหิ้งพระ จะต้องดูฤกษ์ยาม ซึ่งถือว่าสำคัญมากต่อเจ้าของบ้าน บังเอิญว่ามีคนไปเคลื่อนย้ายโดยไม่บอกให้เรารู้ก่อนและก็ย้ายไปอยู่บริเวณ ที่เดินข้ามไปข้ามมา ทำให้หนูโกรธมากและต่อว่าพวกเขาไป ซึ่งทำให้กลายเป็นอกุศลกรรมซ้ำเติมหนูเข้าไปอีก จนแทบไม่มองหน้ากัน

ขออาจารย์ช่วยชี้แนะด้วยค่ะว่าถ้าหนูจะย้ายหิ้งพระกลับจะต้องดู ฤกษ์ยามอีกไหมคะ และถ้าเกิดสถานการณ์แบบนี้อีก หนูควรจะทำใจอย่างไรเพื่อจะละจากโทสะได้ หรือมีความเห็นที่ถูกต้อง (สัมมาทิฐิ) เกี่ยวกับเรื่องนี้ค่ะ



คำตอบ
ย้ายไปได้ก็ย้ายกลับที่เดิมได้ พร้อมเมื่อไรก็ย้ายได้เมื่อนั้น ไม่จำเป็นต้องรอฤกษ์ยามอะไรทั้งสิ้น

เนื่องจากต่างคนต่างมีทิฏฐิไม่เหมือนกัน จึงทำในสิ่งที่ไม่เหมือนกัน วิธีดีที่สุดคือปรับความเห็นให้เข้ากันได้ แล้วหาข้อยุติว่า จะเอาสิ่งศักดิ์สิทธิ์ไปตั้งไว้ตำแหน่งไหนของบ้านจึงจะเหมาะสมที่สุด เรื่องที่เกิดขึ้นจะยุติลงได้

.....................................................
แบ่งปันกันกิน,รักษาศีล คือ กาย วาจา
เจริญสมาธิภาวนา, กาย- วาจา-ใจอ่อนน้อม
ยอมตนรับใช้, แบ่งให้ความดี
มีใจอนุโมทนา, ใฝ่หาฟังธรรม
นำแสดงออกไม่ได้เว้น, ทำความเห็นให้ถูกต้อง


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 18 พ.ค. 2010, 02:02 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 03 ม.ค. 2010, 02:43
โพสต์: 4467

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


ฝันเห็นยมฑูต

เพื่อนของหนูเล่าความฝันให้ฟังว่า มี 2 ยมฑูตมาเข้าฝัน และบอกว่า เขาจะมีอายุอยู่ไม่เกิน 26 ปีหรอก ความฝันนี้มีความหมายไหมคะ หรือว่าคนเราสามารถฝันอะไรไปต่างๆได้ธรรมดา



คำตอบ
ความฝันนี้มีความหมายว่า ผู้ฝันต้องรีบเร่งสั่งสมทรัพย์ภายในให้กับตัวเองให้มากที่สุด ด้วยการปฏิบัติบุญกิริยาวัตถุ 10 ก่อนที่สองยมทูตจะกลับมา เอาตัวผู้ฝันไปหาที่อยู่ใหม่ให้กับจิต

.....................................................
แบ่งปันกันกิน,รักษาศีล คือ กาย วาจา
เจริญสมาธิภาวนา, กาย- วาจา-ใจอ่อนน้อม
ยอมตนรับใช้, แบ่งให้ความดี
มีใจอนุโมทนา, ใฝ่หาฟังธรรม
นำแสดงออกไม่ได้เว้น, ทำความเห็นให้ถูกต้อง


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 18 พ.ค. 2010, 02:03 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 03 ม.ค. 2010, 02:43
โพสต์: 4467

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


ดิฉันอยากสอบถามว่าการลงทุนในหุ้นถือเป็นการพนันหรืออบายมุขหรือไม่คะ

คำตอบ
การลงทุนในหุ้น หากมีจิตตกเป็นทาสของการได้การเสีย (กำไร-ขาดทุน) ถือว่าเป็นการพนันได้

ดิฉันเป็นโรคผื่นคันผิวหนังตามตัวมาหลายปีและยิ่งเป็นหนัก ขึ้นเรื่อยๆค่ะเกิดจากทำกรรมอะไรมาคะ และจะขออโหสิกรรมกับเจ้ากรรมนายเวรอย่างไร

คำตอบ
อาการอาพาธ มีเหตุที่ทำให้เกิดได้หลายอย่าง เช่น ฤดูกาลเปลี่ยน บริหารกายใจไม่สม่ำเสมอ เพียรเกินกำลัง ผลกรรมเก่าที่ทำไว้ไม่ดี ฯลฯ


กรณีโรคผื่นคันตามผิวหนังที่บอกเล่าไป หากบริหารกายใจจนสามารถปรับสมดุลของดินน้ำไฟลมของร่างกายได้แล้วยังไม่หายก็ น่าเชื่อได้ว่า เกิดจากผลกรรมเก่าที่ทำไว้ไม่ดี วิธีแก้ปัญหาคือ หยุดทำกรรมที่เบียดเบียน ชดใช้กรรมเก่าจนกว่าจะหมดหนี้เวรกรรมและทำกรรมใหม่ดี ๆ ที่ให้ผลเป็นบุญใหญ่ เช่น จิตตภาวนา แล้วอุทิศบุญใช้หนี้เจ้ากรรมนายเวรไปเรื่อย ๆ
# นิสัยหรือสันดานของคนเราจะเหมือนกับในชาติที่แล้วๆมาไหมคะ
ขอกราบขอบพระคุณอาจารย์ที่เมตตาตอบคำถามค่ะ ภาวิตา

คำตอบ
นิสัยหรือสันดาน เป็นผลแสดงของพฤติกรรมที่เนื่องมาจากสัญญาเก่าที่ถูกเก็บฝังไว้ในจิตครั้ง แล้วครั้งเล่าที่ทำไว้แต่อดีตชีวิต

.....................................................
แบ่งปันกันกิน,รักษาศีล คือ กาย วาจา
เจริญสมาธิภาวนา, กาย- วาจา-ใจอ่อนน้อม
ยอมตนรับใช้, แบ่งให้ความดี
มีใจอนุโมทนา, ใฝ่หาฟังธรรม
นำแสดงออกไม่ได้เว้น, ทำความเห็นให้ถูกต้อง


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 18 พ.ค. 2010, 02:04 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 03 ม.ค. 2010, 02:43
โพสต์: 4467

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


1. หนูทำงานอยู่ที่สำนักงานบัญชี ซึ่งเป็นกิจการที่รับทำและตรวจสอบบัญชี โดยการทำงานบางครั้งทางเจ้าของกิจการก็มีการแนะนำให้ลูกค้าเสียภาษีน้อยลง จากความเป็นจริง ซึ่งหนูก็รับทราบเรื่องดังกล่าวแม้ใจจะไม่อยากปฏิบัติตามคำสั่งของเจ้านาย แต่ก็ขัดคำสั่งไม่ได้ ไม่ทราบว่าการกระทำดังกล่าวจะส่งผลให้หนูตกนรกหรือไม่ค่ะ

คำตอบ
การกระทำที่บอกเล่าไปเป็นอทินนาทานผลกรรมจะถูกเก็บไว้ในดวงจิตของผู้กระทำ หากก่อนตายจิตระลึกได้ถึงอกุศลกรรมที่ทำ โอกาสที่จะไปเกิดเป็นสัตว์ในนรกมีได้เป็นได้


2. และหนูก็เป็นแฟนกับลูกชายของเจ้าของสำนักงาน ซึ่งคงจะต้องรับช่วงการทำงานต่ออย่างแน่นอน หนูควรจะทำอย่างไรต่อไปดีค่ะ ลาออกแล้วหางานใหม่ดีหรือไม่ค่ะ


คำตอบ
ผู้รู้ชี้ทางสว่างให้สัตว์โลกนำพาชีวิต ให้ดำเนินไปบนเส้นทางแห่งสัมมาอาชีวะ คือประกอบอาชีพที่ไม่ผิดกฎหมายไม่ผิดศีลและไม่ผิดธรรม เส้นทางเดินของชีวิตยังมีอีกยาวไกลฉะนั้นต้องเลือกด้วยตัวคุณเอง ผู้ตอบปัญหาเป็นได้เพียง “ ผู้ชี้ทาง ” เท่านั้น

.....................................................
แบ่งปันกันกิน,รักษาศีล คือ กาย วาจา
เจริญสมาธิภาวนา, กาย- วาจา-ใจอ่อนน้อม
ยอมตนรับใช้, แบ่งให้ความดี
มีใจอนุโมทนา, ใฝ่หาฟังธรรม
นำแสดงออกไม่ได้เว้น, ทำความเห็นให้ถูกต้อง


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 18 พ.ค. 2010, 02:06 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 03 ม.ค. 2010, 02:43
โพสต์: 4467

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


ดิฉันได้แต่งงานเมื่อ 3 ปีที่แล้ว และตอนนี้ได้เลิกกับสามีแล้ว
ก่อนที่จะแต่งเคยไปดูหมอดูเค้าบอกว่าคนนี้เป็น เนื้อคู่ และพอเลิกกันแล้วเขาก็บอกว่าจริง ๆ เป็นเนื้อคู่กันนะ ไปดูหลาย ๆ หมอดูเขาก็บอกแบบนี้ และบอกว่าถ้าเลิก กับคนนี้ไปจริง ๆ จะเจอเนื้อคู่อีกทีก็ ประมาณเดือน ก.พ. ปี 50 แต่ดิฉันก็เชื่อมั่น ในการตัดสินใจของตัวเองมากกว่าหมอดู แต่ที่ไปดูเพราะตอนนั้นเสียใจรู้สึกว่าตัวเองไม่มีที่พึ่ง ตอนเลิกกับสามี พยายามทำใจ ช่วง 3 เดือนที่แล้วที่ดิฉันเสียใจมาก ๆ ก็ได้ฟัง CD ของอาจารย์ และเริ่มฝึกวิปัสสนากรรมฐาน ทำให้ดิฉันมีจิตใจไม่เศร้าหมองอีก และ ตั้งใจไม่อยากมีชีวิตครองเรือนอีกต่อไป เพราะได้เห็นถึงความทุกข์ ในการมีชีวิตครองเรือน แต่ที่ผ่านมาถือว่าชดใช้เจ้ากรรมนายเวร และอโหสิกรรมให้เขาไป สิ่งที่ดิฉันจะถามคือ

1.ดิฉันไม่ปรารถนามีชีวิตครองเรือน และไม่อยากเจอเนื้อคู่อีก การปฎิบัติวิปัสสนากรรมฐาน จะช่วยให้เรื่องพวกนี้ เปลี่ยนแปลงไปได้หรือไม่

คำตอบ
มีโอกาสเจอได้ หากไม่ประสงค์การมีครอบครัววิปัสสนากรรมฐานช่วยคุณได้ ต่อเมื่อต้องพัฒนาจิตจนเข้าถึงธรรมขั้นอนาคามี ซึ่งทั้งหญิงและชายที่ไม่ได้บวชก็สามารถเข้าถึงธรรมระดับนี้ได้

2.ดิฉันปฏิบัติวันล่ะ 1 ชั่วโมง และสวดมนต์ทุกวัน น้อยไปหรือเปล่าวคะ

คำตอบ
หนึ่งวันมี ๒๔ ชั่วโมง ปฏิบัติเพียงวันละ ๑ ชั่วโมงยังน้อยไป เวลาที่ไม่ปฏิบัติธรรม กิเลสมักจะเข้าสิงอยู่ในใจและเมื่อไรใจจะมีคุณธรรมคุ้มครองได้ล่ะ

การสวดมนต์เป็นการปฏิบัติธรรมขั้นต้นคือ สวดมนต์เป็นการเจริญสติ ทำบ่อย ๆ แล้วดี เป็นพื้นฐานรองรับใจให้เข้าถึงธรรมได้ง่าย


3.ปกติดิฉันเป็นคนไม่ค่อยโกรธและเป็นคนมีเมตตาพอสมควร ถ้าใครมาทำร้าย ก็มักจะเข้าใจว่าเป็นกรรมเก่า ก็อโหสิและแผ่เมตตาให้เขา ดิฉันเคยฟังอาจารย์บอกว่าคนที่ฝึกวิปัสสนากรรมฐานแล้วจะได้ปัญญาเห็นจริง แล้วจะขัด เกลานิสัยตัวเอง ให้ใจเย็นและมีเมตตา แต่ดิฉันก็ยังฝึกไม่เท่าไหร่ แต่ทำไมใจเย็นและอโหสิกรรมได้ง่าย ๆ คงยังไม่ใช่ ปัญญาเห็นแจ้งใช่ไหมคะ
สุดท้ายนี้ ขอกราบอาราธนาคุณพระศรีรัตนตรัย พระบรมศาสดาสัมมาสัมพุทธเจ้า พร้อมด้วยพระธรรมและพระอริยสงฆ์เจ้าทั้งหลาย ได้โปรดรักษาท่านอาจารย์ที่เคารพยิ่งให้มีความสุขกายสุขใจ มีสุขภาพแข็งแรง อยู่เป็นกัลยาณมิตรที่พึ่งของสาธุชนทั้งหลายได้นานที่สุด

คำตอบ
ที่บอกเล่าไป ยังไม่ใช่ปัญญาเห็นแจ้ง เป็นเพียงอภัยทานซึ่งเป็นบ่อเกิดแห่งเมตตา ซึ่งทำให้สงบเย็นลงได้ชั่วคราว ถ้าเป็นปัญญาเห็นแจ้ง ต้องผ่านการกลั่นกรองจากกฎไตรลักษณ์ เห็นความเป็นอนัตตาของอายตนะภายนอก (เสียง) ที่เข้าสัมผัสจิต แล้วจิตปล่อยวางเสียงได้ จิตมีอารมณ์เป็นอุเบกขาพร้อมกับการเกิดของปัญญาเห็นแจ้ง นั่นจึงจะใช่ของจริง

.....................................................
แบ่งปันกันกิน,รักษาศีล คือ กาย วาจา
เจริญสมาธิภาวนา, กาย- วาจา-ใจอ่อนน้อม
ยอมตนรับใช้, แบ่งให้ความดี
มีใจอนุโมทนา, ใฝ่หาฟังธรรม
นำแสดงออกไม่ได้เว้น, ทำความเห็นให้ถูกต้อง


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 18 พ.ค. 2010, 02:07 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 03 ม.ค. 2010, 02:43
โพสต์: 4467

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


ควรจะปฏิบัติอย่างไรเพื่อให้ดีกว่าเดิม

ปัจจุบันสามี (อายุ 35 ปี)ของดิฉัน (อายุ 33 ปี) เป็นมะเร็งตับขั้นสุดท้าย และอาการก็เริ่มที่จะแสดงออกอย่างชัดเจน เจ็บปวด ระบบขับถ่ายเสีย บวม ดิฉันก็มีภาระลูกเล็ก 2 คน พ่อแม่เขาที่ต้องเลี้ยงดู ดิฉันสงสารเขามากและเข้าใจในกรรมที่เขาและดิฉันร่วมสร้างกันมาและต้องชดใช้ ดิฉันบอกให้เขามีความหวังและใช้ธรรมมะ สมาธิ และปัญญา เข้าช่วยในการทำให้กายอยู่ต่ำกว่าใจของตนเพื่อลดความเจ็บปวด เครียด อย่ายึดติดกับทุกสิ่ง ซึ่งสามีเองก็ทำได้ดีพอสมควร เพราะสามีเองชอบสวดมนต์ สมาธิ เราสองคนได้ทราบถึงความทุกขครั้งนี้ยิ่งใหญ่มากสำหรับครอบครัวเรา แต่เราก็ดีใจที่ทำให้เราสามารถเข้าถึงการรู้จักใหอภัยต่อสิ่งรอบข้างกายเรา ไม่โกรธ ไม่โลภอีกแล้ว รู้จักการให้ทาน สำหรับดิฉัน ถึงแม้วันนี้ดิฉันพอที่จะละได้ซึ่งความทุกข์ พลัดพราก ลงได้บ้าง พยายามเป็นทุกๆ อย่างเพื่อเป็นที่พึ่งของคนที่ยังอยู่ แต่บางครั้งก็ซวนเซ ไม่แน่วแน่ และก็ยังไม่รู้ว่าเมื่อถึงวันที่สามีต้องจากไป จะทำใจให้ได้ดีกว่านี้หรือไม่

อยากให้ท่าน ดร. สนอง ช่วยแนะนำแนวทางการปฎิบัติที่ทำให้ดิฉันเข้มแข็งได้ดีกว่าและอยู่อย่างมีสุข กับครอบครัวที่เหลืออยู่ และอยากให้สามีมีแนวทางการปฎิบัติตนในช่วงเวลาที่เหลืออยู่ และมีความสุข เจ็บปวดน้อยที่สุดเวลาที่อาการมันมากกว่าที่เป็นตอนนี้ และหมดห่วงหมดทุกข์ก่อนที่จะจากไป และสุดท้ายอยากให้ลูกชาย 2 คน เป็นเด็กอายุ 6และ 4 ปี เริ่มที่จะมีธรรมมะเพื่อเติบโตเป็นพลเมืองดีของสังคม ควรจะเริ่มอย่างไร จะทำได้ไหมเพราเป็นเด็กอยู่



คำตอบ
การเกิดการตายเป็นเรื่องธรรมชาติของสัตว์ (มนุษย์) ทุกขณะเวลาที่เคลื่อนผ่านไป ทุกคนเดินเข้าใกล้ความตายอยู่ทุกขณะ การมีจิตระลึกรู้อยู่กับปัจจุบัน และทำปัจจุบันให้ดีที่สุดเป็นวิธีของผู้รู้ผู้ฉลาดเขาประพฤติกัน ฉะนั้นรักษาใจไว้ดีกว่า รักษาใจให้เป็นผู้รู้มีศีลคุมใจ อยู่ทุกขณะตื่น ทำจิตให้ตั้งมั่นเป็นสมาธิ การสวดมนต์นับเป็นการปฏิบัติธรรมขั้นต้น การทำจิตให้ตั้งมั่นเป็นสมาธิเป็นการปฏิบัติธรรมขั้นกลาง และหากเมื่อใด ทำจิตให้เกิดปัญญารู้เห็นได้ถูกตรงตามความเป็นจริง เรียกว่าเป็นการปฏิบัติธรรมขั้นสูงสุด

เมื่อรู้เห็นตามความเป็นจริงว่า ทุกสิ่งเมื่อมีเกิดแล้วต้องมีดับไปเป็นธรรมดา ทุกสิ่งเป็นเพียงสมมุติขึ้นชั่วคราว เช่นเดียวกันร่างกายเกิดขึ้นแล้วในที่สุดต้องดับไป คนที่รู้เห็นถูกตรงอย่างนี้ จะไม่หลงผิดยึดเอาสิ่งสมมติมาเป็นของตัวเอง ไม่ยึดเอาสามีมาเป็นของเรา ต่างคนต่างมาตามกรรม ต่างคนต่างต้องไปตามกรรม เท่านั้นเอง ฉะนั้นอยู่กับปัจจุบัน และทำปัจจุบันให้ดีที่สุด ทำให้เข้าถึงความจริงทั้งพ่อ ทั้งแม่ ทั้งลูกให้ได้ นี้เป็นวิธีที่ผู้รู้ผู้ฉลาดเขาปฏิบัติกัน เขายึดถือกัน จึงจะสามารถอยู่กับทุกข์โดยไม่ทุกข์ใจได้ ลองพิสูจน์ดูสิ

.....................................................
แบ่งปันกันกิน,รักษาศีล คือ กาย วาจา
เจริญสมาธิภาวนา, กาย- วาจา-ใจอ่อนน้อม
ยอมตนรับใช้, แบ่งให้ความดี
มีใจอนุโมทนา, ใฝ่หาฟังธรรม
นำแสดงออกไม่ได้เว้น, ทำความเห็นให้ถูกต้อง


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 18 พ.ค. 2010, 02:09 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 03 ม.ค. 2010, 02:43
โพสต์: 4467

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


ผลแห่งการสวดมนต์และการนั่งสมาธิต่างกันหรือเหมือนกันอย่างไรครับ



คำตอบ
เหมือนกันตรงที่การกระทำทั้งสองอย่างเป็นการปฏิบัติธรรม ต่างกันตรงที่ “ สวดมนต์ ” เป็นการปฏิบัติธรรมขั้นต้นเป็นบันไดขั้นแรก ที่จะก้าวไปสู่บันไดขั้นที่สอง คือการพัฒนาจิตให้ตั้งมั่นเป็นสมาธิ ซึ่งนำไปสู่การเกิดของฌานของโลกิยอภิญญา (อิทธิวิธี ทิพพโสต เจโตปริยญาณ ปุพเพนิวาสานุสติญาณ ทิพพจักขุ)

ของแถม หากลดกำลังของสมาธิ ให้ต่ำลงมาจากระดับฌานได้แล้ว โอกาสก้าวขึ้นสู่บันไดขั้นที่สาม คือการเกิดของวิปัสสนาญาณมีได้เป็นได้ด้วยพิจารณาสติปัฏฐาน 4 โดยมีกฎไตรลักษณ์เป็นเครื่องกรองปัญญาเห็นแจ้งให้เกิดขึ้น

.....................................................
แบ่งปันกันกิน,รักษาศีล คือ กาย วาจา
เจริญสมาธิภาวนา, กาย- วาจา-ใจอ่อนน้อม
ยอมตนรับใช้, แบ่งให้ความดี
มีใจอนุโมทนา, ใฝ่หาฟังธรรม
นำแสดงออกไม่ได้เว้น, ทำความเห็นให้ถูกต้อง


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 18 พ.ค. 2010, 02:10 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 03 ม.ค. 2010, 02:43
โพสต์: 4467

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


อยากทราบวิธีหลุดพ้น

ดิฉันมีเรื่องรบกวนเรียนถามอาจารย์ว่า จะมีวิธีหลุดพ้นจากบางสิ่งบางอย่างที่คอยรบกวนดิฉันได้หรือไม่อย่างถาวร คือว่าดิฉันอยู่ ๆ รู้สึกมีอาการผิดปกติเหมือนมีบางอย่างพยายามจะแฝงในตัวดิฉัน ทำให้ดิฉันไม่สามารถนึกคิดหรือรู้สึกว่าเป็นตัวของตัวเอง ไม่อยากฟังเพลง ดูหนัง หรือหาความเพลิดเพลินได้ตามปกติเหมือนคนทั่ว ๆ ไป แต่จะมีอาการหดหู่ หวาดกลัว ตัวมักชา ๆ ข้างในปากก็จะรู้สึกเย็น ๆ ปลายเท้าบางทีก็จะร้อนวูบ ๆ เวลาดิฉันสวดมนต์ในบางครั้งหูจะดังก้องผิดปกติ และมักจะนึกคิดแต่เรื่องพระเรื่องเจ้า อาการนี้เป็นมา 3 เดือนแล้วค่ะ ไม่ทราบว่าอาการที่ดิฉันเป็นอยู่นี้ใช่คนที่จะเป็นร่างทรงหรือเปล่าค่ะ ? ถ้าใช่มีวิธีที่จะหลุดพ้นได้อย่างถาวรหรือไม่ค่ะ ตอนนี้ดิฉันไม่สามารถนั่งสา มาธิ ได้เพราะว่าเวลาหลับตามักจะนึกคิดแต่เรื่องที่ทำให้ดิฉันกลัว เป็นห่วงคนโน่นคนนี้อยู่ตลอด ซึ่งเมื่อก่อนดิฉันก็ยังนั่งสมาธิได้บ้าง

มีอึกเรื่องที่ดิฉันขอรบกวนเรียนถามคือ วิบากกรรมไม่ว่าหนักหรือเบา พอกาลเวลาผ่านไปจะช่วยให้ลดลงหรือหมดไปได้หรือไม่ค่ะ



คำตอบ
ปัญหาที่บอกเล่าไป หากพัฒนาพละ 5 ให้มีกำลังกล้าแข็งได้เมื่อใดแล้ว ปัญหาดังกล่าวจะหมดไป

ส่วนเรื่องของวิบากที่ไม่ดี หากคุณยอมรับความจริงอยู่กับความจริง ยอมรับความจริงโดยไม่สร้างกรรมดำขึ้นใหม่ โอกาสที่ที่วิบากไม่ดีจะหมดไปในเวลาข้างหน้ามีได้เป็นได้

.....................................................
แบ่งปันกันกิน,รักษาศีล คือ กาย วาจา
เจริญสมาธิภาวนา, กาย- วาจา-ใจอ่อนน้อม
ยอมตนรับใช้, แบ่งให้ความดี
มีใจอนุโมทนา, ใฝ่หาฟังธรรม
นำแสดงออกไม่ได้เว้น, ทำความเห็นให้ถูกต้อง


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 18 พ.ค. 2010, 02:11 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 03 ม.ค. 2010, 02:43
โพสต์: 4467

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


ผมมีปัญหาเรื่องความเครียดครับ
แต่เมื่อดูตามมัน ความเครียดจะหายไป แต่ผมก็ทำได้บ้างไม่ได้บ้าง ครั้งที่ไม่ได้จะยิ่งเครียดเข้าไปใหญ่

ทำไมผมถึงทำได้บ้างไม่ได้บ้างครับผมอยากจะทำได้ตลอดครับ



คำตอบ
การแก้ปัญหาความเครียดหากทำให้จิตมีกำลังของสติกล้าแข็งอยู่ทุกขณะตื่นจึง สามารถทำตัวเองให้เป็นเพียงผู้ดูได้ ความเครียดที่เกิดขึ้นจะดับไป (อนัตตา) ตามกฎไตรลักษณ์ เหตุที่ทำได้บ้างทำไม่ได้บ้าง เหตุเพราะกำลังขณะสติยังไม่กล้าแข็งมากพอ ฉะนั้นต้องมีศีล 5 คุมใจให้ได้ก่อน ต้องทำจิตตภาวนา ต่อเนื่องยาวนานแล้วความเครียดจึงจะหมดไปได้ เมื่อจิตมีกำลังของสติเพิ่มมากขึ้น

.....................................................
แบ่งปันกันกิน,รักษาศีล คือ กาย วาจา
เจริญสมาธิภาวนา, กาย- วาจา-ใจอ่อนน้อม
ยอมตนรับใช้, แบ่งให้ความดี
มีใจอนุโมทนา, ใฝ่หาฟังธรรม
นำแสดงออกไม่ได้เว้น, ทำความเห็นให้ถูกต้อง


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 18 พ.ค. 2010, 02:16 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 03 ม.ค. 2010, 02:43
โพสต์: 4467

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว



.....................................................
แบ่งปันกันกิน,รักษาศีล คือ กาย วาจา
เจริญสมาธิภาวนา, กาย- วาจา-ใจอ่อนน้อม
ยอมตนรับใช้, แบ่งให้ความดี
มีใจอนุโมทนา, ใฝ่หาฟังธรรม
นำแสดงออกไม่ได้เว้น, ทำความเห็นให้ถูกต้อง


แก้ไขล่าสุดโดย ธรรมบุตร เมื่อ 18 พ.ค. 2010, 02:17, แก้ไขแล้ว 1 ครั้ง

โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 18 พ.ค. 2010, 02:18 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 03 ม.ค. 2010, 02:43
โพสต์: 4467

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว



.....................................................
แบ่งปันกันกิน,รักษาศีล คือ กาย วาจา
เจริญสมาธิภาวนา, กาย- วาจา-ใจอ่อนน้อม
ยอมตนรับใช้, แบ่งให้ความดี
มีใจอนุโมทนา, ใฝ่หาฟังธรรม
นำแสดงออกไม่ได้เว้น, ทำความเห็นให้ถูกต้อง


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 18 พ.ค. 2010, 02:18 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 03 ม.ค. 2010, 02:43
โพสต์: 4467

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว



.....................................................
แบ่งปันกันกิน,รักษาศีล คือ กาย วาจา
เจริญสมาธิภาวนา, กาย- วาจา-ใจอ่อนน้อม
ยอมตนรับใช้, แบ่งให้ความดี
มีใจอนุโมทนา, ใฝ่หาฟังธรรม
นำแสดงออกไม่ได้เว้น, ทำความเห็นให้ถูกต้อง


แสดงโพสต์จาก:  เรียงตาม  
กลับไปยังกระทู้  [ 1521 โพสต์ ]  ไปที่หน้า ย้อนกลับ  1 ... 17, 18, 19, 20, 21, 22, 23 ... 102  ต่อไป

เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง


 ผู้ใช้งานขณะนี้

่กำลังดูบอร์ดนี้: ไม่มีสมาชิก และ บุคคลทั่วไป 1 ท่าน


ท่าน ไม่สามารถ โพสต์กระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ตอบกระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แก้ไขโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ลบโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แนบไฟล์ในบอร์ดนี้ได้

ค้นหาสำหรับ:
ไปที่:  
Google
ทั่วไป เว็บธรรมจักร