วันเวลาปัจจุบัน 27 ส.ค. 2025, 06:17  



เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง


กฎการใช้บอร์ด


รวมกระทู้จากบอร์ดเก่า http://www.dhammajak.net/board/viewforum.php?f=7



กลับไปยังกระทู้  [ 1521 โพสต์ ]  ไปที่หน้า ย้อนกลับ  1 ... 37, 38, 39, 40, 41, 42, 43 ... 102  ต่อไป  Bookmark and Share
เจ้าของ ข้อความ
โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 26 พ.ค. 2010, 23:23 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 03 ม.ค. 2010, 02:43
โพสต์: 4467

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


ดิฉันสนใจในการปฏิบัติธรรม ในใจลึกๆดิฉันคิดอยากจะบรรลุธรรม มีจิตใจที่สงบ บริสุทธิ์ คือคิดอยากประสบความสำเร็จทางธรรม(คล้ายๆคนทางโลกที่คิดประสบความสำเร็จในด้านที่ตนอยากจะได้อยากจะเป็น)แต่ดิฉันก็ยังอยู่ทางโลกยังไม่ได้ออกบวช จริงๆถ้าดิฉันจะออกบวชก็ได้เพราะไม่มีภาระอะไร คุณแม่ก็อนุญาติ ดิฉันควรจะออกบวชเลยดีไหมค่ะ เพราะว่าถ้ายังอยู่ทางโลกการที่จะบรรลุธรรมก็ย่อมจะเป็นไปได้ช้ากว่าที่เราอยู่วัดอยู่ทางธรรม(และการประสบความสำเร็จทางโลกดิฉันก็ไม่ต้องการค่ะ ดิฉันคิดว่ามันเป็นภาระที่ค่อนข้างเปล่าประโยชน์เพราะเราไม่สามารถนำทรัพย์สมบัติเหล่านั้นข้ามภพข้ามชาติไปกับเราได้ นอกเสียจากเราจะนำไปทำบุญไปทำประโยชน์กับสังคม แต่มันก็จะเสียเวลาเราในการบำเพ็ญเพียรภาวนา) หรือว่าดิฉันควรอยู่ทำงานเก็บเงินทางโลกไปก่อน(ปัจจุบันดิฉันอายุ 37 ปีค่ะ) ถ้าเช่นนี้จะทำให้การบรรลุธรรมเนิ่นช้ายิ่งขึ้นรีเปล่าค่ะ? เพราะภาวะจิตของดิฉันก็คือปุถุชนกิเลสมากเหมือนคนส่วนใหญ่



คำตอบ
คุณมองตัวเองออกแล้ว่า มนุษย์สมบัติไม่สามารถนำติดตัวข้ามภพชาติไม่ได้ ดูปฏาจาราเป็นตัวอย่าง เกิดเป็นลูกสาวเศรษฐีที่สูญเสีย สามีลูกสองคน พ่อแม่และพี่ชาย ปราสาทที่เคยเกิดและอยู่อาศัยมาตั้งแต่เล็ก ก็ถูกลมพายุพัดพังไป เสียสติจนเป็นบ้าที่ได้เห็นมนุษย์สมบัติเป็นกำพร้าตั้งแต่เจ้าของยังไม่ตายจากไป ปฏาจารายังมีบุญเก่าสนับสนุนทำให้ได้ฟังธรรมจากพระโอษฐ์ว่า “ สิ่งใดสิ่งหนึ่งมีเกิดขึ้นเป็นธรรมดา สิ่งทั้งหลายทั้งปวงล้วนดับไปเป็นธรรมดาเช่นกัน ” ปฏาจาราได้สติพิจารณาตาม (โยนิโสมนสิการ) จึงได้บรรลุธรรมขั้นโสดาบัน ตั้งแต่ยังเป็นฆราวาส จึงขอบวชแล้วประพฤติตนให้มีศีลและปฏิบัติตามมรรค 8 จนสามารถบรรลุอรหัตตผลได้

ด้วยเหตุนี้ จะนำพาชีวิตให้ออกห่างไปจากสาระ หรือจะตัดตรงเข้าสู่ชีวิตที่สงบอิสระและบริสุทธิ์ต้องตัดสินใจด้วยตัวเองเพราะชีวิตเป็นของคุณ ผู้ตอบปัญหาเป็นได้เพียงผู้ชี้ทางเท่านั้น

.....................................................
แบ่งปันกันกิน,รักษาศีล คือ กาย วาจา
เจริญสมาธิภาวนา, กาย- วาจา-ใจอ่อนน้อม
ยอมตนรับใช้, แบ่งให้ความดี
มีใจอนุโมทนา, ใฝ่หาฟังธรรม
นำแสดงออกไม่ได้เว้น, ทำความเห็นให้ถูกต้อง


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 26 พ.ค. 2010, 23:24 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 03 ม.ค. 2010, 02:43
โพสต์: 4467

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


- นั่งปฏิบัติแล้วเกิด สมาธิ ทำให้ไม่ได้ยินเสียงใด ๆ รอบตัว แต่ชัดที่พอง ยุบ รู้สึก สงบ สว่าง ไม่มีเรื่องใด ๆ ให้จิตแกว่ง สว่าง โปร่งสบายอยู่อย่างนั้น
ขอถามว่า แล้วกำหนดอย่างไรต่อ ค่ะ ที่ทำคือ ดึงเสียงภายนอกเข้ามาพิจารณา ว่า เป็นสิ่งใด แค่รู้ ก็วาง คิดว่า คงไม่ถูกแต่ไม่รู้จะไปทางไหนต่อ ค่ะ

รบกวน อาจารย์ด้วยค่ะ
คนรู้น้อย

คำตอบ
ให้เอาความสว่าง โปร่ง สบาย ที่จิตรับสัมผัสได้นั้นมาพิจารณาให้เห็นว่า ดำเนินไปตามกฎไตรลักษณ์ เมื่อความสว่าง โปร่ง สบาย เข้าสู่ความดับ(อนัตตา) จิตจะเห็นแจ้งในผัสสะว่า เป็นสิ่งที่ไม่มีตัวตนแท้จริงจิตจะวางผัสสะจิตเป็นอิสระจากผัสสะ แล้วว่างเป็นอุเบกขา

ทุกผัสสะที่เกิดขึ้นให้พิจารณาในแนวเดียวกันนี้

.....................................................
แบ่งปันกันกิน,รักษาศีล คือ กาย วาจา
เจริญสมาธิภาวนา, กาย- วาจา-ใจอ่อนน้อม
ยอมตนรับใช้, แบ่งให้ความดี
มีใจอนุโมทนา, ใฝ่หาฟังธรรม
นำแสดงออกไม่ได้เว้น, ทำความเห็นให้ถูกต้อง


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 26 พ.ค. 2010, 23:25 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 03 ม.ค. 2010, 02:43
โพสต์: 4467

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


กระผมนั้นชอบนึกหรือคิดแต่เรื่องลามกอยู่เป็นประจำ เป็นมาตั้งแต่ตอนเด็กๆ จนถึงจนโต ถ้าว่างๆหรือไม่ได้ทำอะไรก็จะคิดอยู่ตลอด มีวิธีที่จะไม่นึกถึงเรื่องนี้ได้ไหมครับ เพราะผมก็พยายามไม่นึก แต่มันเหมือนเป็นนิสัยไปแล้ว



คำตอบ
ทุกครั้งที่ความคิดนึกที่เป็นอกุศลเกิดขึ้น ต้องใช้จิตที่สงบตามดูความคิดนึกไปให้ถึงที่สุด จนความคิดนึกที่ติดลบนั้นดับหายไป นี่เป็นวิธีลบโปรแกรมจิตที่ไม่ดีให้หมดไปจากใจ เน้นว่าต้องตามดูทุกครั้ง

.....................................................
แบ่งปันกันกิน,รักษาศีล คือ กาย วาจา
เจริญสมาธิภาวนา, กาย- วาจา-ใจอ่อนน้อม
ยอมตนรับใช้, แบ่งให้ความดี
มีใจอนุโมทนา, ใฝ่หาฟังธรรม
นำแสดงออกไม่ได้เว้น, ทำความเห็นให้ถูกต้อง


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 26 พ.ค. 2010, 23:26 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 03 ม.ค. 2010, 02:43
โพสต์: 4467

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


ผมเป็นนักการเมืองท้องถิ่นแห่งนึงครับ ก่อนการเลือกตั้ง สส.ที่ผ่านมา ได้มีผู้สมัคร สส.(3คน)จากพรรคการเมืองใหญ่พรรคหนึ่ง ได้นัดพวกผมเข้าฟังการปราศรัยของพวกเขา หลังเสร็จการพูดเรื่องนโยบายแล้วผู้สมัครออกจากห้องประชุมไป มีลูกน้องของเขาเข้ามา เอาเงินใส่ซองแจกทุกคนที่เข้าฟัง ได้เงินหลักพันครับ ก่อนหน้านั้นเห็นในทีวี กกต.เขาให้พวกผู้สมัคร สส. ดื่มน้ำสาบานจะไม่ทุจริต แต่พวกเขาทำแบบนี้ ผมคิดว่าบาปมากครับ ใจจริงไม่อยากจะรับ แต่เกรงว่าจะมีภัยเกิดขึ้นกับตัว ผมก็รับมา จากนั้นผมเอาเงินที่ได้ทั้งหมดไปทำบุญสร้างสถานปฏิบัติธรรม และตั้งจิตอุทิศบุญที่ได้ให้กลับไปหาเจ้าของเงินครับ (ในการเลือกตั้ง ผมไม่เลือกพวกเขาครับ)
เรียนถามท่านอาจารย์ครับ ว่า

1.การที่ผมทำแบบนี้ถูกต้องหรือเปล่าครับ ท่านอาจารย์มีแนวทางอื่นๆที่เห็นควรกระทำอีกครับ

2. ผลของการทุจริตด้วยการซื้อเสียงของผู้สมัคร สส.เหล่านั้นจะมีผลกรรมบังเกิดขึ้นแก่พวกเขาอย่างไรครับ

ขอขอบพระคุณท่านอาจารย์ในการให้ความกระจ่างครับ
ขออุทิศผลบุญกุศลที่ผมได้กระทำเอาไว้ทั้งหมดทุกภพชาติตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบันให้กับท่านอาจารย์สนองครับ และขอโมทนาในกุศลผลบุญทั้งหมดทุกภพชาติของท่านอาจารย์เช่นกันครับ
หากเคยได้ล่วงเกินท่านอาจารย์มาก่อนไม่ว่าทาง กาย วาจา ใจ โดยตั้งใจหรือไม่ตั้งใจก็ดี ขอท่านอาจารย์ได้อโหสิกรรมแก่ผมด้วยเถิดครับ

คำตอบ
(1) ทำถูกต้องแล้ว สาธุที่สัจธรรมยังมีอยู่ในโลก “ เงินซื้อคนเลวได้ แต่ซื้อคนดีไม่ได้ ” ทั้งนี้เป็นเพราะบุญเก่าของคุณส่งผลตามทัน ที่ไม่สร้างเหตุให้ลงไปเกิดเป็นสัตว์ในอบายภูมิในวันข้างหน้า

(2) เมื่อใดอกุศลกรรมให้ผล ผู้ประพฤติมีอบายภูมิเป็นที่หมาย

.....................................................
แบ่งปันกันกิน,รักษาศีล คือ กาย วาจา
เจริญสมาธิภาวนา, กาย- วาจา-ใจอ่อนน้อม
ยอมตนรับใช้, แบ่งให้ความดี
มีใจอนุโมทนา, ใฝ่หาฟังธรรม
นำแสดงออกไม่ได้เว้น, ทำความเห็นให้ถูกต้อง


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 26 พ.ค. 2010, 23:28 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 03 ม.ค. 2010, 02:43
โพสต์: 4467

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


ที่บ้านคุณพ่อทำอาชีพเลี้ยงหมู-ไก่ ขาย ซึ่งเป็นอาชีพที่ลูก ๆ ไม่สนับสนุนเลยและพยายามพูดขอร้องท่านเสมอ ๆ แต่ท่านก็ไม่ยอมเลิกค่ะ เลี้ยงไปก็ขายได้ไม่ดี จนกระทั่งตอนนี้ท่านลำบากเรื่องเงินใช้จ่าย ดิฉันในฐานะลูกเมื่อเห็นท่านลำบากก็สงสารท่านมาก ได้ให้เงินท่านเป็นจำนวนหนึ่งและบอกว่าให้ท่านไว้ใช้จ่ายและไม่ต้องบอกว่าใช้เรื่องอะไร และใจก็ทราบว่าท่านคงนำไปใช้เรื่องเลี้ยง ไก่-หมู บางส่วน แต่ในใจของดิฉันไม่ได้สนับสนุนเลยและคิดว่าเงินนั้นเพื่อช่วยเหลือพ่อเท่านั้น

อย่างนี้จะถือว่ามีส่วนร่วมในวิบากกรรมของการเลี้ยง ไก่-หมู นี้หรือไม่ค่ะ ? ถ้าใช่ ต้องทำอย่างไรค่ะ เพราะถ้าพ่อแม่ลำบากลูกไม่ช่วยเหลือ ก็อกตัญญูไม่ใช่หรือค่ะ ?
กราบขอบพระคุณอาจารย์เป็นอย่างสูงค่ะ

คำตอบ
มีเจตนาให้เงินพ่อแม่ใช้ไม่ถือว่าเป็นบาปส่วนใจที่ระลึกไปว่า พ่อแม่นำเงินจำนวนนั้นไปเลี้ยงหมู เลี้ยงไก่ การระลึกเช่นนี้เป็นบาป

ผู้ฉลาดเขาให้ทรัพย์เป็นทานแก่พ่อแม่แล้วเขาได้บุญเต็มร้อยผู้ไม่ฉลาดจะคิดต่อไปว่าทรัพย์ที่ให้ไปนั้น ผู้รับทรัพย์เป็นทานจะนำไปใช่จ่ายในเรื่องใด ความคิดเช่นนี้เป็นบาป

.....................................................
แบ่งปันกันกิน,รักษาศีล คือ กาย วาจา
เจริญสมาธิภาวนา, กาย- วาจา-ใจอ่อนน้อม
ยอมตนรับใช้, แบ่งให้ความดี
มีใจอนุโมทนา, ใฝ่หาฟังธรรม
นำแสดงออกไม่ได้เว้น, ทำความเห็นให้ถูกต้อง


แก้ไขล่าสุดโดย ธรรมบุตร เมื่อ 26 พ.ค. 2010, 23:31, แก้ไขแล้ว 2 ครั้ง.

โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 26 พ.ค. 2010, 23:30 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 03 ม.ค. 2010, 02:43
โพสต์: 4467

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


1. การนั่งวิปัสนากรรมฐานนั้นทำให้ได้บุญกุศลอย่างไร
2.เพราะเหตุใด ข้าพเจ้าเป็นคนที่ไม่เคยสมหวังในความรักเลย อกหักตลอด คนรักนอกใจหรือไม่ก็มีเหตุให้ต้องพลัดพลากจากคนรักทั้งที่ ตัวของข้าพเจ้าไม่เคยผิดศีลข้อกาเมเลย ไม่เคยนอกใจคนรักและไม่เคยแย่งคู่ครองของใครเลย หรือว่าข้าพเจ้าเคยสร้างบาปกรรมไว้เมื่ออดีตชาติ และพอจะมีวิธีแก้กรรมอย่างไร

คำตอบ
(1) การนั่งปฏิบัติวิปัสสนากรรมฐานเป็นบุญเพราะเมื่อเข้าถึงปัญญาเห็นแจ้งได้แล้ว ทำให้สามารถกำจัดสันดานไม่ดีให้หมดไปได้ ทำให้เข้าถึงความดีเกิดเป็นความประพฤติชองทางกาย วาจา ใจและทำให้มีความสุขเหล่านี้เรียกว่า “ บุญ ”

(2) กรรมคือการกระทำ มนุษย์ทำกรรมได้สามทางคือ กายกรรม วจีกรรมและมโนกรรม กรรมดีให้ผลเป็นความสุข กรรมไม่ดีให้ผลเป็นความทุกข์ ดังนั้นความผิดหวังเป็นผลแห้งกรรมไม่ดีที่เคยทำไว้ก่อนวิธีแก้ไข ต้องเลิกนึกถึงกรรมในอดีต เพราะไม่มีใครสามารถแก้ไขอดีตกรรมได้ แต่มีใคร ๆ ทำกรรมดีในปัจจุบันได้ กรรมดีที่ควรทำคือประพฤติบุญกิริยาวัตถุ 10 อยู่เสมอ ประพฤติทุกครั้งที่นึกได้ ประพฤติทุกครั้งที่ว่างจากงานภายนอก เมื่อใดกรรมให้ผล ความสุข ความสมหวัง จะเกิดขึ้นกับผู้มีบุญ

.....................................................
แบ่งปันกันกิน,รักษาศีล คือ กาย วาจา
เจริญสมาธิภาวนา, กาย- วาจา-ใจอ่อนน้อม
ยอมตนรับใช้, แบ่งให้ความดี
มีใจอนุโมทนา, ใฝ่หาฟังธรรม
นำแสดงออกไม่ได้เว้น, ทำความเห็นให้ถูกต้อง


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 26 พ.ค. 2010, 23:33 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 03 ม.ค. 2010, 02:43
โพสต์: 4467

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


ดิฉันจะสร้างอพาร์ตเม้นท์ประมาณ 4 - 5 ชั้นให้สามีเก็บเกี่ยวเลี้ยงครอบครัว เพราะเป็นหน้าที่ในทางโลก หากจะอาศัยอยู่ในอพาร์ทเม้นท์ดังกล่าวด้วย และต้องการจะสร้างห้องพระ 1 ห้องไม่ทราบว่าดิฉันจะสร้างในชั้นที่ 2 ได้หรือไม่ เพราะจะมีห้องเช่าอื่นๆอยู่เหนือห้องพระอีก


คำตอบ
ประสงค์สร้างห้องพระในชั้นที่สองของอพาร์ทเม้นท์สามารถทำได้ แต่จะดีหรือไม่ดีเป็นอีกเรื่องหนึ่ง เทวดารักษาองค์พระยังมีอัตตา เขาไม่ประสงค์อยู่ต่ำกว่ามนุษย์ผู้ทุศีล และเทวดาที่มีคุณธรรมเขาไม่ประสงค์อยู่สูงกว่าอริยบุคคล ฉะนั้นต้องคิดเอาเองวาควรจะทำอย่างไรกับตำแหน่งของห้องพระที่จะสร้าง

.....................................................
แบ่งปันกันกิน,รักษาศีล คือ กาย วาจา
เจริญสมาธิภาวนา, กาย- วาจา-ใจอ่อนน้อม
ยอมตนรับใช้, แบ่งให้ความดี
มีใจอนุโมทนา, ใฝ่หาฟังธรรม
นำแสดงออกไม่ได้เว้น, ทำความเห็นให้ถูกต้อง


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 26 พ.ค. 2010, 23:39 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 03 ม.ค. 2010, 02:43
โพสต์: 4467

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


คำถามที่ 1 . ดิฉันเริ่มมาจริงจังกับการปฏิบัติธรรมเมื่อ 6 เดือนที่ผ่านมา โดยเริ่มจากการสวดมนต์ เนื่องจากไม่มีเวลาเข้าวัดทำบุญ โดยปฏิบัติดังนี้
เริ่มสวดตั้งแต่บทบูชาพระรัตนตรัย กราบพระรัตนตรัย นมัสการพระรัตนตรัย(นะโม 3 จบ โดยนำเงินมาจบไว้ที่มือด้วย) คำขอขมาพระรัตนตรัยไตรสรคมน์ ถวายพรพระ(อิติปิ โสฯ) พุทธชัยมงคลคาถา(พาหุง) อิติปิ โส เท่าอายุบวกด้วย 1 เสร็จแล้วแผ่เมตตาให้กับญาติ ๆ (ระบุเป็นรายบุคคล)แล้วจึงนำเงินที่จบไว้ในมือใส่ในภาชนะที่วางไว้บนหิ้งพระ (โดยจะนำเงินไปทำบุญตามแต่โอกาส) เสร็จแล้วแผ่เมตตาแก่ตนเอง แผ่เมตตาให้สรรพสัตว์แผ่ส่วนกุศล กล่าวคำกรวดน้ำให้เจ้ากรรมนายเวร คำอธิษฐานอโหสิกรรม คำอธิษฐานขอพร แล้วจึงสวดบทพระคาถาชินบัญชร และสุดท้ายคือพระคาถาบูชาดวงวิญญาณเสร็จพ่อ ร.5 แล้วจะนั่งสมาธิต่อเมื่อมีเวลาพอ ไม่ทราบว่า ตัวดิฉันปฏิบัติถูกต้องหรือไม่ประการใด

คำถามที่ 2. สนใจปฏิบัติวิปัสนากรรมฐานเพื่อการหลุดพ้น ควรเริ่มปฏิบัติอย่างไรดีค่ะ

คำถามที่ 3. ดิฉันมีลูก 2 คน อายุห่างกันพอสมควร คนโตอายุ 5 ขวบย่าง 6 ขวบแล้ว เป็นหญิง นิสัยดื้อรั้น เอาแต่ใจตนเอง พูดจาไม่เพราะ ควรอบรม
บุตรอย่างไรดีค่ะ



คำตอบ
(1) เมตตาคือความรักความปรารถนาให้ผู้อื่นได้รับประโยชน์และมีความสุข เมตตาเกิดขึ้นจากการให้อภัยเป็นทาน ผู้ใดให้อภัยคนอื่นสัตว์อื่นได้ ผู้นั้นเป็นผู้มีเมตตาสถิตอยู่ในใจเป็นอัตโนมัติจึงไม่จำเป็นต้องแผ่เมตตาให้กับตนเอง ดังนั้นสัตว์จะได้รับประโยชน์และมีความสุขต่อเมื่อมีผู้มอบเมตตาให้

ส่วนบุญเกิดจากการประพฤติบุญกิริยาวัตถุ 10 ผู้ใดประพฤติแล้วผู้นั้นมีบุญ ผู้มีบุญสามารถอุทิศบุญให้สัตว์อื่นได้ ดังนั้นที่ปฏิบัติมาดีแล้ว จงทำดีต่อไป

(2) ต้องทำใจให้มีศีล หาครูผู้เป็นกัลยาณมิตรในทางธรรมมาเป็นผู้ชี้นำการปฏิบัติ และสุดท้ายทำตามครูด้วยตนเองให้ถูกตรงคำสอน

(3) อบรมตัวเอง (แม่) ให้เป็นผู้มีธรรมสถิตอยู่ในใจให้ได้ก่อนแล้วจึงสอนลูกด้วยการประพฤติสิ่งดีๆ ให้ลูกดู เมื่อใดที่ลูกศรัทธาแม่แล้วเขาจะไม่ดื้อ

.....................................................
แบ่งปันกันกิน,รักษาศีล คือ กาย วาจา
เจริญสมาธิภาวนา, กาย- วาจา-ใจอ่อนน้อม
ยอมตนรับใช้, แบ่งให้ความดี
มีใจอนุโมทนา, ใฝ่หาฟังธรรม
นำแสดงออกไม่ได้เว้น, ทำความเห็นให้ถูกต้อง


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 26 พ.ค. 2010, 23:41 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 03 ม.ค. 2010, 02:43
โพสต์: 4467

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


ข้าพเจ้าเป็นนักศึกษาค่ะ ตั้งใจจะรักษาศีล5 แต่มีข้อสงสัยศีลข้อ4คือมุสาวาทา ปกติข้าพเจ้าเป็นคนเงียบไม่ค่อยพูด
อยากทราบว่า ถ้าพูดหยอกล้อกับเพื่อนจะผิดศีลไหมคะ เพราะในสังคมปัจจุบัน ต้องอยู่ร่วมกับคนอื่นๆต้องมีการพูดเล่นพูดหยอกกัน


คำตอบ
เป็นคนเงียบไม่ค่อยพูด ยังไม่สำคัญเท่ากับว่าเมื่อใดที่มีการพูดเกิดขึ้น ต้องพูดด้วยวาจาที่เป็นวาจาสัตย์จึงจะไม่ผิดศีลข้อมุสาวาท การพูดหยอกล้อกับเพื่อน ถ้าพูดแล้วเหลวไหลไร้สาระ (เพ้อเจ้อ) การพูดนั้นไม่ผิดศีลแต่เป็นอกุศลวจีกรรม

.....................................................
แบ่งปันกันกิน,รักษาศีล คือ กาย วาจา
เจริญสมาธิภาวนา, กาย- วาจา-ใจอ่อนน้อม
ยอมตนรับใช้, แบ่งให้ความดี
มีใจอนุโมทนา, ใฝ่หาฟังธรรม
นำแสดงออกไม่ได้เว้น, ทำความเห็นให้ถูกต้อง


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 26 พ.ค. 2010, 23:43 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 03 ม.ค. 2010, 02:43
โพสต์: 4467

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


1. ดิฉันเป็นผู้หนึ่งที่มีจิตลบหลู่สิ่งศักดิ์สิทธิ์ นับแต่ที่เริ่มปฏิบัติธรรม เมื่อไม่นานมานี้มีเพื่อนผู้ปฏิบัติธรรมจนเข้าสู่องค์ฌาน3 ท่านเห็นอดีตชาติของดิฉันว่า เคยเป็นเจ้าแม่ที่มีมิจฉาทิฐิ เห็นแก่ของเซ่นไหว้ พยายามทุกอย่างเพื่อให้คนที่มากราบไหว้ ไม่หันไปไหว้พระพุทธ ดิฉันใส่ร้ายพุทธศาสนา ด้วยความโลภของจิต ณ ชาตินั้น ปัจจุบันคนที่มากราบไหว้ดิฉันเกิดมาเป็นพี่น้องให้ดิฉันชดใช้กรรม ดิฉันอยากให้อาจารย์ช่วยบอกวิธีแก้กรรมกับอดีตชาติที่ดิฉันทำกรรมมา และวิธีขอขมากับพระรัตนตรัยที่ดิฉันขัดขวางไม่ให้ใครนับถือ เพราะตอนนี้ดิฉันในใจจะพูดจาหยาบต่อพระสงฆ์ที่ดิฉันนับถือ ทั้งที่ดิฉันสวดมนต์อยู่ หรือกราบไหว้เจ้าแม่กวนอิมอยู่ แต่ในใจก็เรียกท่านอย่างหยาบคาย ดิฉันไม่กล้ามองวัด หรือพระพุทธรูปเลย เพราะจะมีคำกล่าวหยาบคาย ท้าทายในใจทันที ทำให้หนักใจมากค่ะ โปรดช่วยชี้ทางออกให้ดิฉันด้วยค่ะ

2. เพื่อผู้ปฏิบัติธรรมติดอยู่ที่องค์ฌาน

3 ยังก้าวต่อไปไม่ได้ต้องแก้ไขอย่างไรคะ

คำตอบ
(1) ผู้ถามมีประสงค์แก้ไขปัญหาอกุศลกรรมที่ถูกเก็บบันทึกไว้ในดวงจิต ต้องแก้ที่เหตุ 4 อย่าง
• นำพวงมาลัยดอกไม้ขาวล้วน ธูป เทียน ไปกราบขอขมาต่อพระรัตนตรัย ต่อองค์เจดีย์ที่บรรจุพระบรมสารีริกธาตุ กล่าวถึงต้นเหตุที่ทำให้เกิดปรามาส ผลกรรมที่ได้รับและกล่าวคำปฏิญญาว่า “ บัดนี้ข้าพเจ้าได้สำนึกผิดแล้ว ขอองค์พระรัตนตรัยได้โปรดผูกโทษให้แก่ข้าพเจ้าด้วย ต่อไปข้าพเจ้าจะไม่กระทำกรรมอันใด ที่จะเป็นเหตุล่วงเกินต่อพระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์ อีกต่อไป ”
• นำตัวเองบวชเป็นโยคีปฏิบัติธรรมนาน 3 เดือน เพื่อชำระจิตวิญญาณให้ปลอดจากมลทิน
• รักษาศีล 5 ให้บริสุทธิ์
• รักษาสัจจะให้มีอยู่กับใจให้ได้ทุกขณะตื่น

(2) และ (3) จะสัมฤทธิ์ผลได้ ต้องปฏิบัติตามที่แนะนำไว้ในข้อ (1) ปัญหาที่มอยู่ว่าผู้ถามปัญหาจะทำตามได้หรือไม่

.....................................................
แบ่งปันกันกิน,รักษาศีล คือ กาย วาจา
เจริญสมาธิภาวนา, กาย- วาจา-ใจอ่อนน้อม
ยอมตนรับใช้, แบ่งให้ความดี
มีใจอนุโมทนา, ใฝ่หาฟังธรรม
นำแสดงออกไม่ได้เว้น, ทำความเห็นให้ถูกต้อง


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 26 พ.ค. 2010, 23:45 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 03 ม.ค. 2010, 02:43
โพสต์: 4467

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


1.การแอบดูคำตอบหรือถามเพื่อนตอนทำข้อสอบเวลาอาจารย์เผลอทุจริตในการสอบจะบาป และผิดศีลไหมคะ
2.เวลาพ่อกับแม่ทะเลาะกันแล้วหนูก็ห้ามเขาและพูด ว่าเขาด้วยคำพูดที่ไม่ค่อยดีเท่าไหร่จะบาปไหมคะ


คำตอบ
(1) “ แอบดูคำตอบ ” เป็นการไปเอาข้อมูลที่เจ้าของมิได้อนุญาต และถามเพื่อนเมื่ออาจารย์คุมสอบเผลอ เป็นการร่วมกันประพฤติทุจริต ทั้งสองพฤติกรรมถือว่าเป็นบาป

(2) หากลูกพูดออกไปแล้วทำให้พ่อแม่ต้องเสียใจถือว่าเป็นบาป

.....................................................
แบ่งปันกันกิน,รักษาศีล คือ กาย วาจา
เจริญสมาธิภาวนา, กาย- วาจา-ใจอ่อนน้อม
ยอมตนรับใช้, แบ่งให้ความดี
มีใจอนุโมทนา, ใฝ่หาฟังธรรม
นำแสดงออกไม่ได้เว้น, ทำความเห็นให้ถูกต้อง


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 27 พ.ค. 2010, 01:40 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 03 ม.ค. 2010, 02:43
โพสต์: 4467

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


หนูอยากขอความกรุณาท่านอาจารย์ช่วยชี้แนะด้วยค่ะ คือได้เคยดูกิจกรรมที่ผู้ที่สนใจธรรมได้แจ้งข่าวและพูดถึงถึงครูบาอาจารย์ในเวปไซด์อยู่บ่อยๆ ครั้งหนึ่งพอเห็นชื่อของพระ อ.บุญกู้ วัดมหาธาตุฯ จิตกลับไปนึกถึงชื่อเปรตบุญกู้ที่เคยเป็นข่าวดังในหนังสือพิมพ์เมื่อหลายปีก่อน รู้ว่าเป็นสิ่งไม่ดีที่คิดเช่นนี้ และก็กลับมาคิดทุกครั้งที่นึกถึงท่าน รู้สึกไม่ดีที่คิดเช่นนี้และเกรงว่าจะเป็นบาป จนท้ายที่สุดก็มานั่งคิดว่า ชื่อเดียวกันก็จริงแต่ต่างกันลิบลับ คนหนึ่งทำตัวให้ตกต่ำกับอีกท่านเป็นพระผู้ปฏิบัติดีปฏิบัติชอบ เป็นตัวอย่างให้เราคิดว่าควรจะเดินตามทางของใคร เมื่อคิดเองเช่นนี้ก็กลับมาคิดในเรื่องนี้น้อยลงแต่หากคิดครั้งใดก็จะบอกตัวเองว่าเป็นคนละคนกัน แต่อยากทราบว่าการที่คิดเช่นนี้ถือเป็นบาปไหมคะ แล้วควรจะมีวิธีแก้เช่นไรคะ ควรไปกราบท่านเพื่อขอขมาหรือไม่คะ คือหนูก็ไม่เคยไปพบท่านมาก่อน ไม่ทราบว่าจะเป็นเรื่องไร้สาระหรือไม่ หากต้องไปกราบท่านจริงๆ ก็ไม่ทราบว่าควรจะเริ่มต้นพูดอย่างไรค่ะ อีกเรื่องคือ

เมื่อวานนี้คุณพ่อหันมาถามหนูว่ารู้ไหมว่าทำไมพระพรหมถึงมีแต่ผู้ชาย คุณพ่ออ่านหนังสือเยอะมาก และท่านว่าเคยอ่านพระท่านพูดถึงว่าพระพรหม (สี่หน้า) มีแต่ผู้ชาย หนูควรจะตอบท่านอย่างไรดีคะ


คำตอบ
การคิดถึงความไม่ดีของคนอื่น แล้วจิตของผู้คิดฝังความไม่ดีเช่นนั้นไว้ถือว่าเป็นบาป

ชื่อหนึ่งได้ประพฤติเหตุให้ชีวิตตกต่ำ ผู้ถามปัญหาเห็นว่าเป็นความประพฤติไม่ดีแล้วไม่ทำตาม และผู้มีชื่อเดียวกันปฏิบัติดีปฏิบัติชอบแล้วคิดว่าจะทำตาม ถือได้ว่าทั้งสองบุคคลเป็นครู เป็นผู้มีพระคุณทำให้ผู้ถามปัญหาเกิดปัญญาเห็นถูก ความคิดในลักษณะนี้เป็นบุญ

ส่วนเรื่องที่คุณพ่อบอกว่า พระพรหมมีแต่ผู้ชาย ผู้เป็นลูกที่ถามปัญหาควรตอบว่า “ ถูกแล้วค่ะ ” เพราะผู้ใดสามารถปฏิบัติสมถภาวนาจนบรรลุฌานแล้วตายในขณะจิตทรงฌาน จะไปโอปปาติกะ เป็นพรหมอยู่ในพรหมโลกซึ่งเป็นภพที่พ้นไปจากกาม

เหตุที่พรหมมีแต่เพศชาย เป็นเพราะกำลังแห่ง ฉันทะ วิริยะ จิตตะ และปัญญา เป็นแรงผลักดันให้เกิดเป็นบุรุษเพศ ผู้มีจิตเป็นอิสระจากกาม

.....................................................
แบ่งปันกันกิน,รักษาศีล คือ กาย วาจา
เจริญสมาธิภาวนา, กาย- วาจา-ใจอ่อนน้อม
ยอมตนรับใช้, แบ่งให้ความดี
มีใจอนุโมทนา, ใฝ่หาฟังธรรม
นำแสดงออกไม่ได้เว้น, ทำความเห็นให้ถูกต้อง


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 27 พ.ค. 2010, 01:41 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 03 ม.ค. 2010, 02:43
โพสต์: 4467

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


ดิฉันอาศัยอยู่ที่จังหวัดน่าน ได้รู้จักกับท่านจากการฟังบรรยายทางวิทยุ เมื่อ ท่านมาบรรยายที่โรงแรมเทวราช จ.น่าน เป็นที่สิ่งที่ข้าพเจ้าประทับใจและต้อง การศึกษา จึงได้ศึกษาค้นคว้าเพิ่มเติมโดยการอ่านหนังสือ และดาวน์โหลดเสียงจาก อินเทอร์มาฟัง นอกจากนั้นก็ได้อ่านหนังสือเกี่ยวกับธรรมะ เกี่ยวพับพระพุทธเจ้า มากยิ่งขึ้น เพราะท่านอาจารย์ยกกรณีตัวอย่างจะได้เข้าใจมากยิ่ง ทำให้ตนเอง พัฒนามากขึ้น (ประเมินตนเอง) คิดได้หลายเรื่อง ทำให้ทราบวิธีฝึกตนเอง และ ฝึกตนเองอยู่เสมอ กำหนดลมหายใจอยู่ตลอดเวลา สวดมนต์ ไหว้พระ แต่ไม่สม่ำเสมอ

จะพยายามทำให้ดีต่อไป ดิฉันเป็นครูได้นำความรู้ที่ได้รับมาเล่าสู่นักเรียน ฟังเป็นประจำ เมื่อก่อนก็รัก โลภ โกรธ หลง เหมือนคนทั่วไป แต่เดี๋ยวนี้ ดีขึ้นเยอะมาก รู้สึกเข้าใจผู้อื่นมากขึ้น รู้ว่าควรทำอย่างไรเราจึงจะมีความ สุข ดิฉันได้ชักชวนในคนในครอบครัวมาฟังเรื่องราวต่างๆ ที่ได้ฟัง สิ่งที่ดีดี ทำเป็นแบบอย่างให้ลูก ๆ ดู อ่านหนังสือของท่านให้ลูกฟัง ดิฉันมีลูกสามคน คน เล็กได้ 1 ปี 8 เดือน ปิดเทอมก็จะพากันไปนั่งสมาธิ ที่บ้านเป็นครอบครัว ใหญ่ดิฉันเป็นสะใภ้ อาศัยอยู่กับแม่ยายและน้องสาวของสามีซึ่งไม่แต่งงาน และ ยังพาคุณแม่มาเลี้ยงหลานอีกด้วย ฟังดูยุ่งมาก เมื่อก่อนก็ยุ่งใจมาก แต่ เดี่ยวนี้ไม่ยุ่งแล้ว เพราะดิฉันกำกับใจของตนเองได้ระดับหนึ่ง ซึ่งต่อทำต่อไป อีก ดิฉันได้กัลยาณธรรมที่ดีมากคืออาจารย์ ถือโอกาสการอยู่ร่วมกันมากฝึกสงบ จิตใจไปขั้นหนึ่ง ขอกราบขอบพระคุณอย่างสูงที่ได้พบเจอกับท่านอาจารย์และสิ่งที่ ดีดีเช่นนี้ ดิฉันตั้งใจไว้ว่าจะฝึกตนอยู่เสมอมิให้กิเลสเข้ามาครอบงำอยู่เสมอ
ดิฉันอยากเรียนถามท่านอาจารย์ว่า

1. ถ้าต้องการนั่งสมาธิในจังหวัดในภาคเหนือมีสถานที่ใดบ้าง

2. ขอข้อแนะนำเพิ่มเติ่มอีกคะ ขอบพระคุณอาจารย์มาก

ขอขอบพระคุณท่านอาจารย์อย่างสูง ขออนุโมทนาสิ่งที่อาจารย์ได้กระทำด้วยคะ

คำตอบ
(1) วัดแพร่ธรรมาราม อ.เด่นชัย จ.แพร่ หรือสาขาของวัดแพร่ ฯ เป็นสถานที่เหมาะแก่การพัฒนาจิตวิญญาณ

(2) ประสงค์เข้าถึงมรรคผลแห่งการปฏิบัติต้องทำใจให้เป็นผู้มักน้อย มีสันโดษ มีศีล มีสัจจะ มีความเพียรให้ได้ทุกขณะตื่น แล้วการปฏิบัติธรรมจะบรรลุจุดประสงค์

.....................................................
แบ่งปันกันกิน,รักษาศีล คือ กาย วาจา
เจริญสมาธิภาวนา, กาย- วาจา-ใจอ่อนน้อม
ยอมตนรับใช้, แบ่งให้ความดี
มีใจอนุโมทนา, ใฝ่หาฟังธรรม
นำแสดงออกไม่ได้เว้น, ทำความเห็นให้ถูกต้อง


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 27 พ.ค. 2010, 01:42 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 03 ม.ค. 2010, 02:43
โพสต์: 4467

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


ดิฉันมีข้อสงสัยบางประการในการรักษาศีล 8 ซึ่งดิฉันกำลังฝึกปฏิบัติอยู่ ขอเรียนอาจารย์ ในการปฏิบัติของดิฉันก่อนนะคะว่าถูกต้องหรือไม่และขอคำแนะนำจากอาจารย์ด้วยค่ะ

1. ดิฉันตั้งใจรักษาศีล5แต่ถือปฏิบัติแบบศีล 8 โดยไม่ได้รับศีล 8 จะได้หรือไม่

2. ในชีวิตประจำวันของการปฏิบัติงานทำให้การรักษาศีลให้บริสุทธิ์เป็นไปได้ค่อนข้างยาก ดิฉันสงสัยว่าถ้าเราต้องทำงานนอกบ้าน การรับรู้ข่าวสาร ทั้งฟังและอ่าน , การแต่งตัวแต่งหน้า สิ่งต่างๆเหล่านี้จะปฏิบัติอย่างไรที่จะให้กระทบกับการรักษาศีลให้น้อยที่สุด

3. ขอคำแนะนำสำหรับการรักษาศีล 8 สำหรับผู้ที่ยังต้องวุ่นวายอยู่ในสังคมด้วยค่ะ ว่าควรจะปฏิบัติอย่างไรจึงจะถือว่าปฏิบัติได้ถูกต้องและได้บุญ

กราบขอบพระคุณอาจารย์เป็ยอย่างสูงค่ะ
ผู้เริ่มปฏิบัติ

คำตอบ
(1) คำว่าสมาทาน มีความหมายได้ 2 นัย คือการคือเอาเป็นข้อปฏิบัติ หรือการรับเอาเป็นข้อปฏิบัติ

ฉะนั้น ผู้ใดรู้ว่าศีลแปดข้อมีอะไรบ้างแล้วนำทั้งแปดข้อนั้นมาถือปฏิบัติเพื่อให้เว้นจากความชั่ว สามารถทำได้โดยไม่ต้องไม่รับมาจากผู้ใด หรือตรงข้ามผู้ใดยังไม่รู้ว่าศีลแปดข้อนั้นมีอะไรบ้างต้องไปขอให้พระสงฆ์บอกศีลทั้งแปดข้อแล้วรับเอามาปฏิบัติ ก็ให้เหมือนกันคือ เว้นจากความชั่วได้

(2) ทุกกิจกรรมที่ประพฤติทั้งในบ้านและนอกบ้าน ต่างมีผลกระทบถึงการถือปฏิบัติศีลเพียงแต่ว่าเมื่อกระทบแล้วจะทำอย่างไรให้ศีลขาด ศีลพร่องเท่าที่จำเป็น ความประสงค์ในแนวทางนี้จะสำเร็จได้ต้องพัฒนาจิตตนเองให้มีกำลังของสติสัมปชัญญะกล้ามแข็งนั่นคือสติสัมปชัญญะจะเป็นตัวทำหน้าที่คัดเลือก เอาเฉพาะส่วนที่เป็นประโยชน์ในการฟัง การอ่าน การรับรู้ข่าวสาร การแต่งตัวแต่งหน้าเท่าที่จำเป็นกับชีวิต

(3) วันใดที่ยังต้องออกไปวุ่นวายกับสังคม ไม่ต้องปฏิบัติศีล 8 วันใดหยุดพักไม่ต้องออกงานสังคม วันนั้นให้ปฏิบัติศีล 8

.....................................................
แบ่งปันกันกิน,รักษาศีล คือ กาย วาจา
เจริญสมาธิภาวนา, กาย- วาจา-ใจอ่อนน้อม
ยอมตนรับใช้, แบ่งให้ความดี
มีใจอนุโมทนา, ใฝ่หาฟังธรรม
นำแสดงออกไม่ได้เว้น, ทำความเห็นให้ถูกต้อง


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 27 พ.ค. 2010, 01:43 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 03 ม.ค. 2010, 02:43
โพสต์: 4467

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


1. เคยฟังการบรรยายของอาจารย์ว่าการปรารถนา พุทธภูมิ ใช้เวลา หลายอสงค์ไขย หากปรารถนา นิพพาน จะใช้เวลาเท่าใดค่ะ และ ฆราวาส ปรารถนานิพพานได้หรือไม่

2. การรายงานวิชาหนึ่งของหลักสูตร ป.โท ให้กล่าวถึงผู้นำโลก ในทางโลกได้จัดทำรายงานไว้แล้ว แต่ในทางธรรม ดิฉันมีความเห็นว่าผู้นำโลก คือ พระพุทธเจ้า แต่ดิฉันบรรยายในทางธรรมไม่ชัดเป็นรูปธรรม ขอความกรุณาอาจารย์ช่วยดิฉัน บรรยายความหมายที่พระพุทธเจ้าเป็นผู้นำโลก ด้วยค่ะ


คำตอบ
(1) ปรารถนานิพพานสามารถทำได้ แต่จะบรรลุนิพพานได้เมื่อไร หรือใช้เวลายาวนานเท่าไร กำหนดไม่ได้ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับบุญบารมีที่ทำสั่งสมมาแต่อดีตชาติ อาทิ พระทัพพะมัลละบุตรและโสปากร บรรลุอรหัตตผลเมื่ออายุ 7 ขวบ กัญจนะ (พระมหากัจจายนะ) พาหิยะ พระนางเขมา ฯลฯ บรรลุอรหัตตผลขณะเป็นฆราวาสฟังธรรมจากพระโอษฐ์ และบางท่านต้องสร้างบุญบารมีต่อให้ชาติปัจจุบัน อาทิ พระมหาโมคคัลลานะ พระสารีบุตร พระมหาปชาบดี ฯลฯ หลังปฏิบัติธรรมแล้วจึงบรรลุอรหัตตผล

ฆราวาสสามารถปรารถนานิพพานได้ แต่จะเข้าถึงได้ต้องทำเหตุให้ตรง คือ ปฏิบัติสมถและวิปัสสนากรรมฐาน เมื่อใดเหตุปัจจัยลงตัวคือสามารถละสังโยชน์ทั้ง 10 ได้ ความปรารถนานิพพานจึงจะสัมฤทธิ์ผล

(2) พระพุทธเจ้าเป็นผู้นำโลกในทางธรรม หมายถึงเป็นผู้มีความเป็นสัพพัญญูคือรู้แจ้งในทุกสิ่งทุกอย่าง สามารถใช้ปัญญารู้แจ้งส่องนำทางให้กับจิตวิญญาณของมนุษย์ เทวดาและพรหมในสุทธาวาสพ้นไปจากความทุกข์ทั้งปวงได้

.....................................................
แบ่งปันกันกิน,รักษาศีล คือ กาย วาจา
เจริญสมาธิภาวนา, กาย- วาจา-ใจอ่อนน้อม
ยอมตนรับใช้, แบ่งให้ความดี
มีใจอนุโมทนา, ใฝ่หาฟังธรรม
นำแสดงออกไม่ได้เว้น, ทำความเห็นให้ถูกต้อง


แสดงโพสต์จาก:  เรียงตาม  
กลับไปยังกระทู้  [ 1521 โพสต์ ]  ไปที่หน้า ย้อนกลับ  1 ... 37, 38, 39, 40, 41, 42, 43 ... 102  ต่อไป

เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง


 ผู้ใช้งานขณะนี้

่กำลังดูบอร์ดนี้: ไม่มีสมาชิก และ บุคคลทั่วไป 1 ท่าน


ท่าน ไม่สามารถ โพสต์กระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ตอบกระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แก้ไขโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ลบโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แนบไฟล์ในบอร์ดนี้ได้

ค้นหาสำหรับ:
ไปที่:  
Google
ทั่วไป เว็บธรรมจักร