วันเวลาปัจจุบัน 29 ก.ค. 2025, 21:57  



เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง


กฎการใช้บอร์ด


รวมกระทู้จากบอร์ดเก่า http://www.dhammajak.net/board/viewforum.php?f=7



กลับไปยังกระทู้  [ 3 โพสต์ ]    Bookmark and Share
เจ้าของ ข้อความ
โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 22 ต.ค. 2018, 06:45 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 03 ธ.ค. 2010, 15:28
โพสต์: 3041

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


รูปภาพ

"ดับริษยา ด้วยมุทิตา"

" .. วิธีอบรมคือระวังใจมิให้ริษยา ในเมื่อได้เห็นได้ทราบสมบัติ คือความพรั่งพร้อมของคนอื่น เมื่อความริษยาเกิดขึ้นก็พยายามระวังเสีย "หัดคิดว่า ตนเองมีความยินดีเมื่อตนได้สมบัติที่ชอบใจอย่างใดอย่างหนึ่ง ไฉน เมื่อคนอื่นเขาได้จึงจะริษยาเขา"

ควรจะพลอยยินดีกับเขา พิจารณาให้เห็นโทษของความริษยา เช่น "อรติ โลกนาสิกา" ความริษยาเป็นเหตุทำลายโลก "เมื่อทำมุทิตาจิตให้เกิดขึ้นได้ ก็หัดแผ่จิตเช่นนี้ออกไปแก่คนอื่นสัตว์อื่น" โดยเจาะจงหรือโดยไม่เจาะจงทั่วไป "ด้วยความคิดว่า จงอย่าวิบัติจากสิ่งที่ได้แล้ว" .. "

"พรหมวิหาร ๔"
สมเด็จพระญาณสังวรฯ


:b8: :b8: :b8:

.....................................................
.. สติเป็นโล่ห์ ปัญญาเป็นอาวุธ ..


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 30 ต.ค. 2018, 21:41 
 
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 7
สมาชิก ระดับ 7
ลงทะเบียนเมื่อ: 14 ต.ค. 2018, 00:52
โพสต์: 512

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


สาธุ สาธุ สาธุ
Kiss Kiss Kiss


สมเด็จพระญาณสังวรฯ ท่านแสดงธรรมสั้นๆ ดูแล้วเข้าถึงใจง่ายมาก
ผมก็เพิ่งเข้าใจว่าทำไมผมแทบจะไม่ริษยาใครเลย ที่แท้เพราะมุทิตาจิตจริงๆ ตามสมเด็จพระญาณสังวรท่านแสดงไว้เลยครับ

เมื่อก่อนเวลาเห็นใครได้ดี มีสุข ผมแค่ดีใจไปกับเขาที่เขาได้รับประโยชน์สุขสำเร็จสวัสดี ไม่ว่าจะเป็นที่รัก ที่ชัง ด้วยเห็นว่าเขาควรได้รับ เขาคตวรมี ควรคงไว้ไม่เสื่อมไป.. เมื่อเป็นแบบนั้นเขาก็จะมีจิตใจดีมีสุข เมื่อสุขก็จะทำในสิ่งที่ดี จิตน้อมในธรรมเครื่องกุศลง่าย เขาย่อมงดเว้นจากความเบียดเบียนทั้งภายในและภายนอกตน
..ซึ่งผมก็มองดูอยู่ว่าผมคิดผมน้อมใจมาผิดทางไหม จนมาเจอกระทู้นี้ครับ

พอดีผมได้ไปเจอในเวบนี้ ผมงงๆ เพราะดูซับซ้อนมากไปครับ เลยคลำทางแก้ไม่ออกเท่าไหร่
https://www.dhammahome.com/webboard/topic20070.html

แต่โดยส่วนตัวผม คิดว่าท่านที่โพสท์ใน Link ดังกล่าว ก็น่าจะสื่อธรรมในทางที่เหมือนกันกับที่องค์สมเด็จพระญาณสังวรฯ ท่านแสดง แต่ของเขากล่าวไม่ลงในมุทิตาจิต กล่าวผ่านๆ ไม่ตรงจุด ดูจะน้อมไปในทางเมตตา และอภิธรรมสังขารมากกว่า จึงดูงงๆ แต่ก็คงมีผู้ศึกษาในแนวนี้เข้าใจเข้าถึงได้ แต่ผมคงปัญญามีน้อยจึงเข้าไม่ถึงธรรมท่านเอง

..ซึ่งส่วนตัวผมคำครู คือ สมเด็จพระญาณสังวรฯ ท่านสอนแค่นี้ผมแจ้งใจเลยครับ

ขอบพระคุณที่โพสท์กระทู้นี้ครับ

.....................................................
(จิตรู้สมมติ เป็นสมุทัย)
(ผลอันเกิดจากจิตรู้สมมติ เป็นทุกข์)
(จิตเห็นจริงต่างหากจากสมมติ เป็นมรรค)
(ผลอันเกิดจากจิตเห็นจริงต่างหากจากสมมติ เป็นนิโรธ)


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 31 ต.ค. 2018, 07:54 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 03 ธ.ค. 2010, 15:28
โพสต์: 3041

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


.. ขอให้เจริญในธรรมยิ่ง ๆ ขึ้นไปนะครับ ..

:b12:

.....................................................
.. สติเป็นโล่ห์ ปัญญาเป็นอาวุธ ..


แสดงโพสต์จาก:  เรียงตาม  
กลับไปยังกระทู้  [ 3 โพสต์ ] 

เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง


 ผู้ใช้งานขณะนี้

่กำลังดูบอร์ดนี้: ไม่มีสมาชิก และ บุคคลทั่วไป 1 ท่าน


ท่าน ไม่สามารถ โพสต์กระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ตอบกระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แก้ไขโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ลบโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แนบไฟล์ในบอร์ดนี้ได้

ค้นหาสำหรับ:
ไปที่:  
Google
ทั่วไป เว็บธรรมจักร