| วันเวลาปัจจุบัน 11 พ.ย. 2025, 11:02 |
|
เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง |
|
หน้า 1 จากทั้งหมด 1 |
[ 2 โพสต์ ] |
|
|
|
|
||||||
ลงทะเบียนเมื่อ: 16 เม.ย. 2009, 06:18 โพสต์: 731
อายุ: 0 |
|
|||||
|
หน้า 1 จากทั้งหมด 1 |
[ 2 โพสต์ ] |
|
เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง |
ผู้ใช้งานขณะนี้ |
่กำลังดูบอร์ดนี้: ไม่มีสมาชิก และ บุคคลทั่วไป 1 ท่าน |
| ท่าน ไม่สามารถ โพสต์กระทู้ในบอร์ดนี้ได้ ท่าน ไม่สามารถ ตอบกระทู้ในบอร์ดนี้ได้ ท่าน ไม่สามารถ แก้ไขโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้ ท่าน ไม่สามารถ ลบโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้ ท่าน ไม่สามารถ แนบไฟล์ในบอร์ดนี้ได้ |
|



ผู้มีปัญญา ย่อมเล็งเห็นกามคุณเป็นของไม่เที่ยง เป็นทุกข์และเป็นโรค
จุดประสงค์ของชีวิต ก็เพื่อกระทำพระนิพพานให้แจ้ง พระสัมมาสัมพุทธเจ้าเมื่อครั้งที่พระองค์ยังสร้างบารมีเป็นพระบรมโพธิสัตว์อยู่ จะเกิดกี่ภพกี่ชาติ ก็ทำแต่ความดี จนกระทั่งหมดอายุขัย และตลอดระยะเวลานั้น ท่านไม่เคยละเลยต่อการฝึกฝนใจให้หยุดนิ่ง ทรงกระทำอย่างนี้ทุกชาติ จนบารมีเต็มเปี่ยมบริบูรณ์และได้ตรัสรู้เป็นพระสัมมาสัมพุทธเจ้า เป็นบรมครูของเรา สั่งสอนสัตวโลกให้เข้าถึงธรรมตามพระพุทธองค์ไปด้วย ดังนั้น เราควรหมั่นฝึกฝนใจให้หยุดนิ่งกัน
พระสัมมาสัมพุทธเจ้าสมัยเป็นสรภังคโพธิสัตว์ ได้กล่าวธรรมภาษิตไว้ว่า "ผู้มีปัญญา ย่อมเล็งเห็นกามคุณเป็นของไม่เที่ยง เป็นทุกข์และเป็นโรค ผู้เห็นอย่างนี้ ย่อมละความพอใจในกามคุณอันเป็นทุกข์ เป็นภัยใหญ่หลวงได้"
ปัจจุบันนี้ กระแสสังคมโลกกำลังเปลี่ยนไป โลกเข้าสู่ยุคข้อมูลข่าวสารไร้พรมแดน โลกใบนี้จึงดูเหมือนว่าจะเล็กลงไปถนัดตา ซึ่งคนส่วนมากจะพัฒนาแต่เฉพาะภายนอก โดยลืมนึกถึงการพัฒนาจิตใจ ทำให้เกิดการแข่งขัน ต่อสู้กันด้วยวิธีการต่างๆ เพื่อให้ได้มาซึ่งสิ่งที่มาบำรุงบำเรอตามความปรารถนา ซึ่งไม่พ้นไปจากรูป เสียง กลิ่น รส สัมผัส ที่เรียกว่า เบญจกามคุณ แสวงหาในเรื่องที่ทำให้ใจเหินห่างจากศูนย์กลางกาย ซึ่งเป็นต้นแหล่งแห่งความสุขที่แท้จริง ยิ่งแสวงหาเท่าไร ก็จะยิ่งห่างไกลจากความสุขมากขึ้นเท่านั้น
ผู้ที่มัวแต่แสวงหาความสุขจากภายนอก จะไม่มีวันรู้ซึ้งถึงความสุขที่แท้จริงเลยว่าเป็นอย่างไร เพราะผู้ปรารถนากามคุณ จะมีความพร่องอยู่เป็นนิตย์ แม้จะถมเท่าไรก็ไม่มีวันเต็ม เหมือนทะเลที่ไม่เคยอิ่มด้วยน้ำ หากเมื่อใดที่มนุษย์เปลี่ยนวิธีการแสวงหาความสุขจากภายนอก มาแสวงหาความสุขภายใน ที่เกิดจากใจหยุดนิ่งกัน ความรู้สึกพอดีก็จะบังเกิดขึ้น อยากแบ่งปันความสุขให้แก่ผู้อื่น เป็นความรู้สึกที่ออกมาจากใจอันบริสุทธิ์ ซึ่งความรู้สึกนี้จะเป็นจุดเริ่มต้นของการเปลี่ยนแปลงโลก ให้บังเกิดสันติสุขที่แท้จริง
โดยเฉพาะ ภาวนามยปัญญา ซึ่งเป็นปัญญาที่เกิดจากใจหยุดนิ่ง ทำให้รู้เห็นไปตามความเป็นจริง เล็งเห็นทุกข์ และโทษของเบญจกามคุณ ไม่หลงใหลเพลิดเพลิน กับสิ่งไร้สาระเหล่านั้น ทำให้เกิดความเบื่อหน่าย เมื่อเบื่อหน่ายก็คลายความกำหนัด ใจจะยินดีในพระนิพพาน มุ่งแสวงหาธรรมรส ซึ่งเป็นความสุขล้วนๆ ไม่มีทุกข์เจือปนเลย
พรหมทัตกุมารทรงพักผ่อนอยู่บนแผ่นมงคลศิลา ในพระราชอุทยานจนผล็อยหลับไป เผอิญวันนั้น พระเจ้ากรุงพาราณสีสวรรคตครบ ๗วันพอดี พระองค์ไม่มีรัชทายาทสืบทอดราชสมบัติ ปุโรหิตพร้อมกับเหล่าอำมาตย์จึงได้เสี่ยงบุษยราชรถ คือ ปล่อยราชรถที่เทียมด้วยม้าสีขาวออกจากพระนคร เพื่อแสวงหาผู้มีบุญมาปกครองแผ่นดิน
เมื่อพระราชกุมารได้สดับเสียงดุริยางค์ตื่นจากบรรทมแล้ว ปุโรหิตจึงได้ทูลอัญเชิญให้พระองค์เป็นพระราชาองค์ต่อไป พระราชกุมารมัวเพลิดเพลินอยู่กับความเป็นใหญ่ที่ได้รับ จึงลืมนึกถึงทรีมุขผู้เป็นพระสหาย ได้เสด็จขึ้นราชรถ มีบริวารห้อมล้อมมากมายเข้าไปสู่พระนคร

