วันเวลาปัจจุบัน 26 มิ.ย. 2025, 12:28  



เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง




กลับไปยังกระทู้  [ 5 โพสต์ ]    Bookmark and Share
เจ้าของ ข้อความ
โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 15 พ.ย. 2011, 23:18 
 
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 11 ต.ค. 2010, 12:11
โพสต์: 5017


 ข้อมูลส่วนตัว


ทรงทราบพราหมณสัจจ์๒
(พุทธประวัติจากพระโอษฐ์)


ปริพพาชกทั้งหลาย! พราหมณสัจจ์ ๔ อย่างนี้ เราทำให้แจ้งด้วย
ปัญญาอันยิ่งเองแล้วประกาศให้ทั่วกัน. พราหมณสัจจ์ ๔ คืออะไรเล่า

ปริพพาชก ท.! ในธรรมวินัยนี้ พราหมณ์ได้พูดกันอย่างนี้ว่า
“สัตว์ทั้งปวง ไม่ควรฆ่า” พราหมณ์ที่พูดอยู่อย่างนี้ ชื่อว่าพูดคำสัจจ์ ไม่ใช่
กล่าวมุสา. และพราหมณ์นั้น ไม่ถือเอาการที่พูดคำสัจจ์นั้นเป็นเหตุสำคัญตัวว่า
“เราเป็นสมณะ, เราเป็นพราหมณ์, เราดีกว่าเขา, เราเสมอกับเขา, เราเลว
กว่าเขา”. เป็นแต่ว่าความจริงอันใดมีอยู่ในข้อนั้น ครั้นรู้ความจริงนั้น
ด้วยปัญญาอันยิ่งเองแล้ว ก็เป็นผู้ปฏิบัติเพื่อความเอ็นดูสงสารสัตว์ทั้งหลาย
เท่านั้นเอง.

ปริพพาชก ท.! อีกข้อหนึ่ง พราหมณ์ได้พูกันอย่างนี้ว่า “กาม
ทุกชนิด ไม่เที่ยง เป็นทุกข์ มีอันแปรปรวนเป็นธรรมดา”. พราหมณ์
ที่พูดอยู่อย่างนี้ชื่อว่าพูดคำสัจจ์ ไม่ใช่กล่าวมุสา. และพราหมณ์นั้นไม่ถือเอา
การที่พูดคำสัจจ์นั้นขึ้นเป็นเหตุสำคัญตัวว่า “เราเป็นสมณะ, เราเป็นพราหมณ์,
เราดีกว่าเขา,เราเสมอกับเขา, เราเลวกว่าเขา”. เป็นแต่ว่าความจริงอันใด
มีอยู่ในข้อนั้น ครั้นรู้ความจริงนั้นด้วยปัญญาอันยิ่งเองแล้ว ก็เป็นผู้ปฏิบัติเพื่อ
หน่ายกาม เพื่อคลายกำหนัดในกาม เพื่อดับกามทั้งหลายเสียเท่านั้นเอง.

ปริพพาชก ท.! อีกข้อหนึ่ง พราหมณ์ได้พูดกันอย่างนี้ว่า “ภพทุก
ภพ ไม่เที่ยง เป็นทุกข์ มีอันแปรปรวนเป็นธรรมดา”. พราหมณ์ที่กล่าว
อยู่อย่างนี้ ชื่อว่าพูดคำสัจจ์ ไม่ใช่กล่าวมุสา. และพราหมณ์นั้น ไม่ถือเอาการ
ที่พูดคำสัจจ์นั้นขึ้นเป็นเหตุสำคัญตัว ว่า “เราเป็นสมณะ, เราเป็นพราหมณ์,
เราดีกว่าเขา, เราเสมอกับเขา, เราเลวกว่าเขา". เป็นแต่ว่าความจริงอันใด
มีอยู่ในข้อนั้น ครั้นรู้ความจริงนั้นด้วยปัญญาอันยิ่งเองแล้ว ก็เป็นผู้ปฏิบัติเพื่อ
หน่ายภพ เพื่อคลายกำหนัดในภพ เพื่อดับภพเสียเท่านั้นเอง.

ปริพพาชก ท.! อีกข้อหนึ่ง พราหมณ์ได้พูดกันอย่างนี้ว่า “เราไม่
เป็นความกังวลแก่สิ่งใดๆ แก่ใครๆ. และความกังวลของเราในสิ่งใหน ๆ
ในใครๆ ก็ไม่มี.” พราหมณ์ที่พูดอย่างนี้ ชื่อว่าพูดคำสัจจ์ ไม่ใช่กล่าวมุสา.
และพราหมณ์นั้น ก็ไม่ถือเอาการที่พูดคำสัจจ์นั้น ขึ้นเป็นเหตุสำคัญตัวว่า
“เราเป็นสมณะ, เราเป็นพราหมณ์, เราดีกว่าเขา,เราเสมอกับเขา, เราเลว
กว่าเขา”. เป็นแต่ว่าความจริงอันใดมีอยู่ในข้อนั้น ครั้นรู้ความจริงนั้นด้วยปัญญา
อันยิ่งเองแล้ว ก็เป็นผู้ปฏิบัติให้เข้าแนวทางที่ไม่มีกังวลใดๆ เท่านั้นเอง

ปริพาชก ! นี้แล พราหมณ์สัจจ์ ๔ ประการ ที่ทำให้แจ้ง
ด้วยปัญญาอันยิ่งเองแล้ว ประกาศให้รู้ทันกัน.


:b41: :b42: :b41: :b42: :b41:


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 16 พ.ย. 2011, 08:55 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 01 มี.ค. 2010, 16:12
โพสต์: 2298

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


ขอแปะบ้างนะ .. :b13:

ในพระนครพันธุมดี มีพระบรมกษัตริย์ทรงพระนามว่าพันธุมา
ในวันเพ็ญ ท้าวเธอทรงรักษาอุโบสถศีล


สมัยนั้น ดิฉันเป็นนางกุมภทาสีในพระนครพันธุมดีนั้น เห็นเสนาพร้อมด้วยพระมหากษัตริย์จึงคิดอย่างนี้ในครั้งนั้นว่า แม้พระมหากษัตริย์ก็ยังทรงละราชกิจมา รักษาอุโบสถศีล กรรมนั้นต้องมีผลแน่นอน หมู่มหาชนจึงพากันเบิกบานใจ

ดิฉันพิจารณาเห็นทุคติและความเป็นคนยากไร้โดยแยบคาย ทำให้จิตใจร่าเริงแล้ว รักษาอุโบสถศีล ดิฉันรักษาอุโบสถศีลในพระศาสนาของพระสัมมาสัมพุทธเจ้า เพราะกรรมที่ทำไว้ดีแล้วนั้นดิฉันได้ไปสวรรค์ชั้นดาวดึงส์ วิมานที่บุญกรรมสร้างให้ดิฉันอย่าง สวยงามในดาวดึงส์นั้น สูงโยชน์หนึ่ง ประกอบด้วยเรือนยอดมีที่นั่งใหญ่โต ประดับแล้วอย่างดี นางอัปสรแสนนางต่างบำรุงบำเรอดิฉันอยู่ทุกเมื่อ

ดิฉันงามเกินนางเทพอัปสรอื่นๆ ในกาลทั้งปวง
ดิฉันได้เป็นพระอัครมเหสีของท้าวสักรินทเทวราช ๖๔ พระองค์
ได้เป็นพระอัครมเหสีของพระเจ้าจักรพรรดิ ๖๓ พระองค์
ดิฉันเป็นผู้มีผิวพรรณปานดังทองคำ ท่องเที่ยวอยู่ในภพทั้งหลาย
ดิฉันเป็นผู้ประเสริฐในที่ทุกสถาน นี้เป็นผลแห่งอุโบสถศีล
ดิฉันย่อมได้ยานช้าง ยานม้า และยานรถ แม้ทุอย่าง มากมาย นี้เป็นผลแห่งอุโบสถศีล

ภาชนะสำเร็จด้วยทองเงินแก้วผลึกและแก้วปทุมราช
ดิฉันได้ทุกอย่าง ผ้าไหม ผ้าขนสัตว์ ผ้าเปลือกไม้ ผ้าฝ้ายและผ้าที่มี ราคาสูงๆ
ดิฉันก็ได้ทุกสิ่ง ข้าว น้ำ ของเคี้ยว ผ้า เสนาสนะ
ดิฉันได้ทุกอย่าง นี้เป็นผลแห่งอุโบสถศีล
เครื่องหอมชนิดดี ดอกไม้ จุรณ์สำหรับลูบไล้ ดิฉันก็ได้ทุกประการ
นี้เป็นผลแห่งอุโบสถศีล เรือนยอด ปราสาท มณฑป เรือนโล้นและถ้ำ

ดิฉันก็ได้ถ้วนทุกสิ่ง นี้เป็นผลแห่งอุโบสถศีล
พอดิฉันอายุได้ ๗ ขวบก็ได้ออกบวชเป็นบรรพชิต
ได้บรรลุอรหัตเมื่อยังไม่ทันจะถึงครึ่งเดือน
ดิฉันมีอาสวะสิ้นไปหมดแล้ว
บัดนี้ภพใหม่ไม่มีอีก ในกัปที่ ๙๑ แต่กัปนี้
ดิฉันได้ทำกรรมใดในกาลนั้น ด้วยกรรมนั้น ดิฉัน
ไม่รู้จักทุคติเลย นี้เป็นผลแห่งอุโบสถศีล
ดิฉันเผากิเลสทั้งหลายแล้ว ... พระพุทธศาสนาดิฉันได้ทำเสร็จแล้ว.

ทราบว่า ท่านพระเอกุโปสถิกาภิกษุณีได้กล่าวคาถาเหล่านี้ ด้วยประการฉะนี้แล.

http://84000.org/tipitaka/pitaka2/v.php ... 306&Z=4339

เชิญชวนทุกท่าน หากมีโอกาส รักษาอุโบสถศีล สักครั้งหนึ่งในชีวิต .. :b12:

.....................................................
"พุทโธ .. พุทโธ .. พุทโธ"
ภาวนาวันละนิด จิตแจ่มใส


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 16 พ.ย. 2011, 09:26 
 
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 11 ต.ค. 2010, 12:11
โพสต์: 5017


 ข้อมูลส่วนตัว


:b37: :b37: :b37:

:b4: :b4: :b4:


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 16 พ.ย. 2011, 12:21 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 1
สมาชิก ระดับ 1
ลงทะเบียนเมื่อ: 07 ต.ค. 2010, 14:00
โพสต์: 19

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


ขออนุโมทนานะค่ะ tongue


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 16 พ.ย. 2011, 16:51 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
Moderators-1
Moderators-1
ลงทะเบียนเมื่อ: 08 ส.ค. 2010, 18:54
โพสต์: 615

สิ่งที่ชื่นชอบ: พระไตรปิฏก อรรถกถา
ชื่อเล่น: พุทธฏีกา
อายุ: 0
ที่อยู่: ดอยสัพพัญญู

 ข้อมูลส่วนตัว www


อนุโมทนาสาธุ :b39:

.....................................................
39777.กฎกติกา มารยาท และบทลงโทษ ในการใช้บอร์ด

42529.สีลัพพตปรามาส - สีลัพพตุปาทาน (สมเด็จพระญาณสังวรฯ)
44772.e-Book สัมมาทิฏฐิ ตามพระเถราธิบายของท่านพระสารีบุตรเถระ
พระไตรปิฎกมาแล้ว อรรถกถาอยู่ตรงไหน ตอนที่ 1 (ลานธรรมเสวนา)
พระไตรปิฎกมาแล้ว อรรถกถาอยู่ตรงไหน ตอนที่ 2 (ลานธรรมเสวนา)


แสดงโพสต์จาก:  เรียงตาม  
กลับไปยังกระทู้  [ 5 โพสต์ ] 

เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง


 ผู้ใช้งานขณะนี้

่กำลังดูบอร์ดนี้: Google [Bot] และ บุคคลทั่วไป 1 ท่าน


ท่าน ไม่สามารถ โพสต์กระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ตอบกระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แก้ไขโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ลบโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แนบไฟล์ในบอร์ดนี้ได้

ค้นหาสำหรับ:
ไปที่:  
Google
ทั่วไป เว็บธรรมจักร