วันเวลาปัจจุบัน 22 ก.ค. 2025, 05:50  



เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง




กลับไปยังกระทู้  [ 70 โพสต์ ]  ไปที่หน้า ย้อนกลับ  1, 2, 3, 4, 5  ต่อไป  Bookmark and Share
เจ้าของ ข้อความ
โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 12 ต.ค. 2012, 20:42 
 
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 25 เม.ย. 2009, 02:43
โพสต์: 12232


 ข้อมูลส่วนตัว


คนโบราณ..จะสอน...ให้นึกแต่สิ่งดีดี

แต่ก่อน...ผมเถี๊ยง...เถียง...(ในใจ...อิอิ) :b32:

ตอนนี้รู้แล้ว...ตูโง่เอง :b22: :b22:

ปฏิจจสมุปบาท....คนฉลาดเขาสอนคนฉลาด ๆ

ให้นึกแต่สิ่งดีดี....คนฉลาดเขาใว้ใช้สอนคนโง่โง่...อย่างตู..(นี้เอง) ... :b32: :b32: :b32:


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 13 ต.ค. 2012, 10:50 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 8
สมาชิก ระดับ 8
ลงทะเบียนเมื่อ: 16 ก.พ. 2009, 20:42
โพสต์: 699


 ข้อมูลส่วนตัว


:b6: ไม่ว่าจะยังไง คนเราในปัจจุบันนี้ ยังต้องการ ศรัทธา

เมื่อความศรัทธาต่อศาสดา ถูกทำให้เป็นเรื่องโบราณ, คนเราก็จะหันไปศรัทธาในเรื่องอื่นๆ อยู่ดี
วันสิ้นโลก มีที่มาจากศาสนาสำคัญๆ. แต่เพื่อไม่ให้ถูกหัวเราะเยาะจากแนวคิดกระแสหลักในปัจจุบัน, วันสิ้นโลกก็เลยถูกกลบเกลื่อนด้วยการอธิบายแบบใหม่ กลายเป็นหายนะจากอวกาศ

คือเป็นการทำลายล้างจากสิ่งที่คนทั่วไป รู้ ว่ามันมีอยู่จริง เช่น ภัยจากดวงดาว อุกกาบาต แผ่นดินไหว ฯลฯ
เพราะถ้าจะบอกว่า มาจาก 4 Horsemen (คนขี่ม้า 4 คน) ก็ดูจะน่าขายหน้ามาก

:b6: เรื่องนี้เป็นเรื่องของคริสต์ (ส่วนอิสลามว่ายังไง อันนี้ก็ไม่รู้นะ) แต่ฝั่งเมืองไทย ซึ่งไม่มีศาสดาให้ศรัทธา, ก็ไปศรัทธากับบรรดาเกจิอาจารย์ หมอดู, ซึ่งสำหรับคนที่มีความรู้มาก การศรัทธาเหล่านี้ ดูไม่น่าเชื่อถือนัก.
บรรดาคนที่มีความรู้มาก จึงหันไปศรัทธา ฝรั่ง แทน เพราะมีความนึกคิดว่า ความรู้ของฝรั่ง เป็นตัวแทนแห่งปัญญา, หากเราเชื่อฝรั่ง ก็ย่อมอนุมานได้ว่า เราก็มีปัญญาเช่นกัน

เลยพลอยศรัทธาไปกับ วันพิพากษาโลก ไปด้วย


:b6: ยุคปัจจุบัน คนมักสุดโต่งไปใน 2 ด้าน. ฝ่ายที่เชื่อในจิต ก็เห็นจิตเป็นใหญ่. ฝ่ายที่ไม่เชื่อในจิต ก็เห็นว่า ทุกสิ่งเกิดจากกาย

ภาพอนาคตที่เห็นๆ กัน โดยฝ่ายจิตนั้น, ผู้เห็นมักจะเชื่อว่าเป็น ภาพจริง. โดยเทียบเคียงกับ ทิพยจักษุ ที่ตนมี
คือจะคิดว่า ถ้าตนเห็นผู้อื่นสิ่งอื่นอย่างถูกต้องแล้ว, ภาพอดีต-อนาคต ที่ตนเห็นต่อมา ก็ย่อมถูกต้องด้วย

เพราะเห็นว่าเมื่ออยู่ในภาวะที่อายตนะ (ของร่างกาย) ดับแล้ว จะเหลือแต่จิต. ทุกสิ่งที่เห็นจึงย่อมไม่ใช่การปรุงแต่งจากสัญญาต่างๆ. แล้วความจริงเป็นอย่างนั้นหรือเปล่า

การเห็นภาพปัจจุบัน อาจเกิดจากอายตนะ (ของจิต) เอง. แต่การเห็นภาพอดีตหรืออนาคต เป็นการ เห็นภาพ. ไม่ใช่เห็นในสิ่งที่เกิดขึ้น. เปรียบเทียบว่า ทิพยจักษุเห็นกล่อง, แต่การเห็นภาพอดีต-อนาคตนั้น เห็นรูปกล่อง (คือไม่ใช่กล่องจริงๆ)

คำถามคือ แล้วภาพนั้น เกิดขึ้นได้อย่างไร...

:b6: ความสามารถในทางอภิญญาในเรื่องทำนองนี้ ล้วนเป็นการ รู้ หรือ ระลึก. เช่น รู้ วาระจิต, ระลึก ชาติ
ไม่ใช่การเห็นวาระจิต, เห็นอดีตชาติ

ไม่ว่าจะเป็นภาพอดีตหรือภาพอนาคต, ภาพเหล่านี้ล้วนถูกสร้าง (render) ขึ้น ด้วยวงจรประสาทในสมอง. นั่นย่อมหมายถึงว่า ภาพเหล่านั้นล้วนถูกปรุงแต่งด้วย สัญญา ไม่มากก็น้อย

ยกตัวอย่างเช่น เอกอนเห็นตนเองอยู่ในป่า เพราะเอกอนมีความทรงจำอยู่ว่า ภิกษุรูปสุดท้ายจะนับศักราชที่ 5000 ในป่าแห่งหนึ่ง และเอกอนก็พึงพอใจกับคำว่า คนสุดท้าย อยู่เล็กๆ ... อันนี้แต่งขึ้นมาเพื่อยกตัวอย่าง อย่าตกใจ :b32: :b32: :b32:

แม้อายตนะของร่างกายจะดับอย่างสมบูรณ์ แต่สมองไม่มีวันดับ เพราะนั่นคือ ตาย และอย่าลืมว่า สัญญาจะดับใน นิโรธสมาบัติ เท่านั้น

การเห็นกล่อง กับการเห็นรูปกล่อง เป็นคนละกรณีกัน...

:b6: แล้วส่วนตัวเราเอง คิดยังไงกับวันสิ้นโลก วันพิพากษาโลก สงครามแรกน่าร็อก สงครามอาร์มาเกดอน...
ก็คิดว่า ถ้ามันมีจริง มันย่อมมีจริง และมันมีจริงแน่ๆ :b32: :b32: :b32:

แต่เราว่า มันน่าจะ ใกล้เคียง กับวันพิพากษาโลกมากกว่า
เรื่องราวก็ไม่ได้ลึกลับซับซ้อนอะไรมากหรอก, แค่ว่า เมื่อถึงกำหนดเวลา แล้วจะพิพากษายังไงดี
Horseman แต่ละตัว ก็เห็นต่างกัน, พระอินทร์ก็เหมือนยูเอ็น เรื่องใหญ่ๆ ตัดสินไม่ค่อยได้, เลยต้อง summon พระศิวะมาตัดสิน ว่าจะเอาไงดี :b32: :b32: :b32:


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 14 ต.ค. 2012, 03:02 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 27 เม.ย. 2010, 08:10
โพสต์: 2830

แนวปฏิบัติ: ขันธ์5ด้วยการสังเกตุ รูป เวทนา สัญญา สังขาร วิญญาณ และอินทรีย์22
สิ่งที่ชื่นชอบ: พระสุตตันตปิฎก
อายุ: 0
ที่อยู่: ระยอง อุบลราชธานี

 ข้อมูลส่วนตัว


เป็นอย่างนั้นครับ เช่น อุกาบาตและพายุสุริยะ มาจากดาวเทียมที่ฝรั่งส่งออกไปสำรวจ ไทยเราไม่ปรากฎว่าได้ส่งดาวเทียมไปสำรวจ นอกเหนือจาก วนรอบโลก แต่ไม่เคยหลุดพ้นจากวงโคจรของโลกเพื่อไปศึกษาปรากฏตามต่างๆตามธรรมชาติของจักรวาล แต่คำถามคือ ทำไมนักวิชาการเมืองไทยกลับออกมาประกาศเหตุการณ์ต่างๆเหมือนรู้อย่างละเอียดมากกว่าฝรั่งเสียอีก เอาข้อมูลมาจากไหน หรือขอข้อมูลมาจากฝรั่ง หรือ เข้าไปตามเวปไซค์ต่างๆแล้วรวบรวมข้อมูลมาเรียบเรียงเป็นเหตุการณ์ต่างๆ

.....................................................
อย่าท้อถอยต่อการปฏิบัติ อย่าปล่อยให้ความขุ่นเคืองเข้าแทรก สร้างพลังด้วยคำสอนของพระพุทธเจ้า รำลึกและตอบแทนพระคุณมารดา และบิดา มองโลกด้วยใจเป็นกลาง ระลึกเสมอว่าเรายังด้อยปัญญาหากยังไม่ได้ปัญญา


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 14 ต.ค. 2012, 12:08 
 
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 11 ต.ค. 2010, 12:11
โพสต์: 5019


 ข้อมูลส่วนตัว


murano เขียน:
:b6:

:b6: ยุคปัจจุบัน คนมักสุดโต่งไปใน 2 ด้าน. ฝ่ายที่เชื่อในจิต ก็เห็นจิตเป็นใหญ่. ฝ่ายที่ไม่เชื่อในจิต ก็เห็นว่า ทุกสิ่งเกิดจากกาย

ภาพอนาคตที่เห็นๆ กัน โดยฝ่ายจิตนั้น, ผู้เห็นมักจะเชื่อว่าเป็น ภาพจริง. โดยเทียบเคียงกับ ทิพยจักษุ ที่ตนมี
คือจะคิดว่า ถ้าตนเห็นผู้อื่นสิ่งอื่นอย่างถูกต้องแล้ว, ภาพอดีต-อนาคต ที่ตนเห็นต่อมา ก็ย่อมถูกต้องด้วย

เพราะเห็นว่าเมื่ออยู่ในภาวะที่อายตนะ (ของร่างกาย) ดับแล้ว จะเหลือแต่จิต. ทุกสิ่งที่เห็นจึงย่อมไม่ใช่การปรุงแต่งจากสัญญาต่างๆ. แล้วความจริงเป็นอย่างนั้นหรือเปล่า

การเห็นภาพปัจจุบัน อาจเกิดจากอายตนะ (ของจิต) เอง. แต่การเห็นภาพอดีตหรืออนาคต เป็นการ เห็นภาพ. ไม่ใช่เห็นในสิ่งที่เกิดขึ้น. เปรียบเทียบว่า ทิพยจักษุเห็นกล่อง, แต่การเห็นภาพอดีต-อนาคตนั้น เห็นรูปกล่อง (คือไม่ใช่กล่องจริงๆ)


:b17: :b17: :b17:

ยัง...ไม่ใช่กล่องจริง ๆ
เหมือนกับนักแม่นธนู เมื่อเขาบอกว่า เขาจะยิ่งธนูเข้าเป้าที่ตั้งอยู่นั่น
นั่นคือ ณ ขณะที่เขาพูด ธนูได้เข้าเป้ารึยัง
แล้ว ถ้าเขายิงธนูออกไปแล้ว ธนูได้เข้าเป้ารึยัง

ถ้าเป้านั้นอยู่ใต้ต้นแอ๊ปเปิ้ล อาจจะมีนกบินมาเกาะกิ่งแอ๊ปเปิ้ล
ทำให้กิ่งสั่นไหว จนลูกแอ๊บเปิ้ลหลนมาโดนธนู และธนูนั้นเบนวิถีไปก็ได้

อ้างคำพูด:
คำถามคือ แล้วภาพนั้น เกิดขึ้นได้อย่างไร...

:b6: ความสามารถในทางอภิญญาในเรื่องทำนองนี้ ล้วนเป็นการ รู้ หรือ ระลึก. เช่น รู้ วาระจิต, ระลึก ชาติ
ไม่ใช่การเห็นวาระจิต, เห็นอดีตชาติ

ไม่ว่าจะเป็นภาพอดีตหรือภาพอนาคต, ภาพเหล่านี้ล้วนถูกสร้าง (render) ขึ้น ด้วยวงจรประสาทในสมอง. นั่นย่อมหมายถึงว่า ภาพเหล่านั้นล้วนถูกปรุงแต่งด้วย สัญญา ไม่มากก็น้อย


เอกอนก็เข้าใจราว ๆ นั้น
เหมือนคนยิงธนู ที่จะรู้ว่าธนูจะเข้าเป้า แม้ตอนที่เขายังไม่ได้ยิง หรือยิงออกมาแล้วก็ตาม
แต่ความเป็นจริง ณ ตอนนั้น.....ธนูยังไม่ได้ปักอยู่บนเป้า

อ้างคำพูด:
ยกตัวอย่างเช่น เอกอนเห็นตนเองอยู่ในป่า เพราะเอกอนมีความทรงจำอยู่ว่า ภิกษุรูปสุดท้ายจะนับศักราชที่ 5000 ในป่าแห่งหนึ่ง และเอกอนก็พึงพอใจกับคำว่า คนสุดท้าย อยู่เล็กๆ ... อันนี้แต่งขึ้นมาเพื่อยกตัวอย่าง อย่าตกใจ :b32: :b32: :b32:


:b32: :b9: :b13:

อิอิ ดีนะที่บอกก่อน ว่าแต่งขึ้นมาเพื่อยกตัวอย่าง
เอกอนกำลังจะเหงื่อตกเลยนะนี่ s002

กลัวว่าผีบางตัวจะถูกปลุก :b32: :b32:


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 20 ต.ค. 2012, 21:33 
 
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 1
สมาชิก ระดับ 1
ลงทะเบียนเมื่อ: 06 ก.ย. 2012, 21:26
โพสต์: 16


 ข้อมูลส่วนตัว


21 -12 - 2012 หรือ 01-01-56 หรือ 14-02-56

1. ในเวลาประมาณบ่ายสามโมง (15.00 น.) จะมีแสงสว่างวาบมาจากท้องฟ้า เป็นแสงมหัศจรรย์ มีประกายเจิดจ้าอย่างไม่มีประมาณ ไร้สิ่งเปรียบเทียบ เพราะเป็นแสงที่เกิดจากการปะทะ พุ่งชน เสียดสีของพลังงานบวกกับพลังงานลบจากสองกาแลคซี่ ทั้งดาวเคราะห์ ดาวฤกษ์ ต่างได้รับแสงสว่างนี้ถ้วนทั่วกัน รวมทั้งมนุษย์ในโลก เสียงโจษขานอึงคะนึงจากกลุ่มคนทั่วทิศทาง ถามไถ่กันขรมว่าเป็นแสงอะไร หากได้ยินเช่นนี้แล้วให้รีบหลับตาหลบอยู่ในที่พักอาศัย ไม่ต้องติดตามมวลชนออกไปเพื่อหาต้นกำเนิดของแสงบาดตาที่มีอานุภาพทำให้ตาบอด ได้ทันที

2. ถัดมาในตอนกลางคืนเวลาประมาณสามทุ่ม ( 21.00น. ) ถึงวาระที่ดาวอาคันตุกะหรือดาว ถ่วงดุลจะได้ทำหน้าที่ถ่วงดุลโดยมิได้ตั้งใจ หากแต่เป็นเพราะ ถึงเวลาต้องโคจรออกจากระบบ สุริยจักรวาลแล้ว ดาวถ่วงดุลจึงโคจรเคลื่อนที่ออกจากแนวเรียงตัวทางทิศตะวันออกเฉียงเหนือ เข้าสู่วงโคจรเดิม คือมุ่งหน้าไปทางทิศตะวันออก ด้วยมวลขนาดมหึมาและเข้ามาเรียงชิดติดกับโลกซึ่งเป็นดาวเคราะห์ที่มีขนาด เล็กกว่ามาก จึงส่งอิทธิพลแรงดึงดูดอย่างมหาศาลต่อโลก สามารถ ดึง เบียด และ พลิกแกนขั้วโลกที่ชี้ทิศเหนือ ให้หันไปทางทิศตะวันออกได้ทันที กระบวนการ ดีดตัว พลิกตัว ของดาวถ่วงดุล และการพลิกเปลี่ยนทิศของแกนขั้วโลก ทำให้เกิดเสียงดังกึกก้องกัมปนาท เป็นพลังงานเสียงที่มีอัตราความดังสูงเกินพิกัด เสียงคำราม แผดก้อง เขย่าขวัญ เกินประมาณดังมาจากทั่วสารทิศ ทำให้แก้วหูแตกได้ฉับพลัน จึงควรหาอุปกรณ์สำหรับอุดหูเพื่อป้องกันแก้วหูแตก หรือขวัญผวาไปกับการได้ยินสรรพสำเนียง แปลกประหลาดที่บาดหู บาดใจ เหล่านั้น

3. การปะทะกันของพลังงานบวกกับพลังงานลบ ทำให้แสงมีคลื่นความถี่สูง การพลิกวงโคจรของดาวถ่วงดุลและแกนโลก ทำให้มีอัตราความดังของเสียงอย่างไม่มีประมาณพุ่งเข้ามาในโลกเต็มชั้น บรรยากาศ แผ่นดิน ผืนน้ำ แผ่นหินเปลือกโลก เป็นสาเหตุของการเกิดแผ่นดินไหวอย่างรุนแรง โลกตกอยู่ในความมืดสนิทอย่างไม่รู้วันรู้เวลา ถึงนาทีชีวิตที่ต้องพึ่งพลังพีระมิดจากหลอดแกนชนิดเจาะ 4 รู ซึ่งนอกจากช่วยขับโมเลกุลสีแดงอมม่วงของน้ำจากดวงจันทร์ออกจากร่างกายแล้ว ในวาระนี้ยังทำหน้าที่เป็นแกนพลังงานให้จิตเกาะเกี่ยว ไม่เสียสติไปในช่วงที่มีแผ่นดินไหวอย่างรุนแรงเกินมาตรวัด

4. ถึงเวลาของคลื่นความถี่สูง ที่เกิดจากการปะทะของพลังงานบวกกับพลังงานลบ รวมทั้งการเกิดแผ่นดินไหวอย่างรุนแรง จะส่งผลกระทบต่อแผ่นน้ำแข็งที่เกิดจากคาร์บอนมอนนอกไซด์ ซึ่งสามารถแก้ไขและป้องกันโดยใช้พลังพีระมิดจัดเรียงเป็น เครื่องสลาย เมฆ หมอก ฝน หิมะ (A DEVICE TO MELT CLOUDS, DISINTEGRATE FOG AND THAW SNOW.) ใช้ประโยชน์ได้ไกลในรัศมีโดยรอบประมาณ 5 กม. เพื่อป้องกันไม่ให้เกิดฝนตก ฟ้าผ่า และการหล่นจากท้องฟ้าของแผ่นน้ำแข็งที่เกิดจากคาร์บอนมอนนอกไซด์ กระแทกกระหน่ำซ้ำเติม ทำให้การเผชิญสถานการณ์ของมวลมนุษยชาติเลวร้ายยิ่งขึ้นอีก

5. เตรียมอาหารเสริมพลังพีระมิด รัดเก็บติดไว้กับตัวเพื่อประทังชีวิตยามรู้สึกหิว ทานอย่างน้อยวันละ 3 เวลา ตลอดช่วงเวลา 3 วัน 3 คืน และดื่มน้ำให้มาก พลังมโนธาตุและพลังปราณในอาหารเสริมพลังพีระมิดเป็นพลังงานละเอียดที่จำเป็น ต่อการดำรงอยู่ของจิตและกาย ในภาวะคับขันเป็นอย่างยิ่ง หากเตรียมตัวพร้อมและปฏิบัติตนด้วยความไม่ประมาท จะสามารถรักษาชีวิตรอดไว้ได้ มีโอกาสเริ่มชีวิตใหม่กันอีกครั้งกับขั้วโลกตะวันออก

ตลอด ระยะเวลาประมาณ 13,000 ปี ในอนาคตข้างหน้า “พีระมิด” ซึ่งมีรากฐานมาจากอารยธรรมของชาวแอตแลนตีส จะถูกนำมาใช้เป็นวิชาหรือศาสตร์พื้นฐานที่สำคัญของวิวัฒนาการทางจิต หรือวิทยาศาสตร์ทางจิตอีกครั้ง และหากเมื่อถึงปลายยุคหน้า เมื่อวิทยาศาสตร์ทางจิตเริ่มก้าวสู่จุดอิ่มตัวและจุดเสื่อม เหตุการณ์การเรียงตัวของกลุ่มดาวในระบบสุริยจักรวาลจะเกิดขึ้นอีกครั้ง และแกนขั้วโลกตะวันออกจะหันหลับไปหาขั้วโลกทางทิศเหนือ เป็นการรื้อบ้านหลังเก่าที่ผุพังทิ้งและสร้างบ้านหลังใหม่กันอีก สลับไปมาเช่นนี้เป็นรอบๆ ดังความรู้ที่ปรากฏเป็นหลักฐานในปฏิทินมายัน ซึ่งเป็นปฏิทินทางดาราศาสตร์ ที่บอกเล่ารายละเอียดถึงเหตุการณ์ต่างๆที่จะเกิดขึ้นในช่วงเวลาที่ระบบสุริย จักรวาลโคจรเคลื่อนที่ผ่านทั้ง 3 กาแลคซี่ในรอบเวลา 1 วันจักรวาล หรือ 26,000 ปี ตามเวลาของโลก

มนุษย์ ในยุคพลังงานน้ำมันนี้ มีโอกาสดีที่ได้ร่วมรับรู้ และมีส่วนร่วมในประสบการณ์ที่ยิ่งใหญ่เกินกว่าจะเรียบเรียงได้ทั้งหมด เป็นสิ่งที่ทรงคุณค่าแก่การจดจำ จารึก และจะกล่าวขานเป็นตำนานอีกครั้ง ตามกาลเวลาที่ผ่านไปเนิ่นนาน เฉกเช่นเดียวกับตำนานของมหาอาณาจักรแอตแลนตีส ที่ล่มสลายไปเมื่อ 13,000 ปีที่ผ่านมา และทุกท่านคงจะเห็นพ้องต้องกันแล้วว่า “สิ่งใดเกิดขึ้นเป็นธรรมดา สิ่งนั้นย่อมดับไปเป็นธรรมดา ตามกาละของการเกิดขึ้น ตั้งอยู่ และ สลาย” วนไปมาเป็นรอบๆ อย่างไม่มีที่สิ้นสุดตลอดไป


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 21 ต.ค. 2012, 00:23 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 27 เม.ย. 2010, 08:10
โพสต์: 2830

แนวปฏิบัติ: ขันธ์5ด้วยการสังเกตุ รูป เวทนา สัญญา สังขาร วิญญาณ และอินทรีย์22
สิ่งที่ชื่นชอบ: พระสุตตันตปิฎก
อายุ: 0
ที่อยู่: ระยอง อุบลราชธานี

 ข้อมูลส่วนตัว


สิ่งใดมีเกิดขึ้น ก็ต้องมีดับไปเป็นธรรมดา ใช้สำหรับ ธรรมที่อยู่ตรงหน้าครับ เช่น แสง เสียง รสชาติ การสัมผัส ความหน่วง ความร้อน ความหนาว ความเจ็บ

แต่หากเป็นจินตนาการ หรือ สังขารขันธ์ จะไม่มีทางดับลงไปได้ครับ นอกจากมีความเห็นที่ถูกต้องแล้วเท่านั้น สังขารขันธ์ หรือ จินตนาการที่สร้างขึ้นมา จึงจะดับลงด้วยปัญญา

.....................................................
อย่าท้อถอยต่อการปฏิบัติ อย่าปล่อยให้ความขุ่นเคืองเข้าแทรก สร้างพลังด้วยคำสอนของพระพุทธเจ้า รำลึกและตอบแทนพระคุณมารดา และบิดา มองโลกด้วยใจเป็นกลาง ระลึกเสมอว่าเรายังด้อยปัญญาหากยังไม่ได้ปัญญา


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 21 ต.ค. 2012, 02:22 
 
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 25 เม.ย. 2009, 02:43
โพสต์: 12232


 ข้อมูลส่วนตัว


555....น่านนะซิ...


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 21 ต.ค. 2012, 19:35 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 07 มิ.ย. 2011, 10:18
โพสต์: 590

โฮมเพจ: www.bhuddhakhun.blogspot.com
อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว www


หากศึกษาเรื่องนี้ไปอีกนิดก็จะพบว่า พระพุทธเจ้าทรงทำนายไว้ตอนนึงว่า เมื่อถึงยุคสมัยนึง
จะมีการแพร่สะพัดของข่าวลือหนาหูมาก และส่วนมากข่าวลือนั้นจะปลอกมากกว่าจริง จนผู้
คนพากันสับสน ตระหนก ตื่นกลัว เกิดการแย่งชิง เอาเปรียบ

ขอให้เราลองนึกถึงคำสอนของพระพุทธเจ้า พระองค์ทรงสอนให้เรามีสติอยู่กับปัจจุบันขณะ
มิใช่พะว้าพะวงเกี่ยวกับอดีตที่ผ่านไป และอนาคตที่ยังมาไม่ถึงและไม่รู้จะเกิดขึ้นหรือไม่หรือ
หากเกิดขึ้นก็ขอให้เรามีสติในการเอาตัวรอด แต่ไม่ใช่พะวงไปก่อน ต้องระวังกายใจ

.....................................................
รูปภาพ


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 21 ต.ค. 2012, 20:00 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 ต.ค. 2006, 12:36
โพสต์: 33766

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


ทาเล็บแดงแขวนปลัดขิกป้องกันผีแม่ม่าย :b1: :b4:


ข่าวลือเรื่องผีแม่ม่ายอาละวาดคร่าชีวิตผู้ชายในพื้นที่หมู่บ้านหัวหนอง หมู่ 2 และหมู่ 17 บ้านรัตนวารี อ.หนองสองห้อง จ.ขอนแก่น สร้างความหวาดกลัวให้แก่ชาวบ้านอย่างมาก ตามที่เสนอข่าวไปแล้วนั้น ความคืบหน้าวันนี้ (21 ต.ค.) ผู้สื่อข่าวเดินทางไปตรวจสอบในพื้นที่ พบว่าชายในหมู่บ้านแทบทุกคนต่างแห่ทาเล็บสีแดง ทั้งยังนำไม้มาแกะสลักเป็นรูปอวัยวะเพศชาย (ปลัดขิก) แขวนไว้ตามหน้าบ้าน บางรายถึงกับนำมาห้อยคอ เพื่อความอุ่นใจ

http://www.dailynews.co.th/thailand/162195

.....................................................
https://dhammachati.blogspot.com/


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 22 ต.ค. 2012, 10:38 
 
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 11 ต.ค. 2010, 12:11
โพสต์: 5019


 ข้อมูลส่วนตัว


:b16:

อ่านแล้วผีจะเข้า ... :b9: :b9:

มันก็ 13,000 ปี กันมาหลายรอบแล้ว...ไม่ใช่เหร๋อ :b6:
ถ้าจำได้ มันก็พอจะทำใจยอมรับได้นะ ถึงแม้มันดูจะเป็นเรื่องที่ทำใจยาก :b32: :b9:
แต่มันจำกันไม่ได้ แต่ไปขุดคุ้ยเอาบันทึกความจำต่าง ๆ มารื้อฟื้นนี่สิ
ก็ความรู้ ความทรงจำมันก็ขาด ๆ เกิน ๆ ผลุบ ๆ โผล่ ๆ ขาด ๆ ปะ ๆ ดำ ๆ ขาว ๆ
เดี๋ยวสว่างเดี๋ยวมืด เหมือนกลางคืนกลางวันที่ไม่มีวันจะเข้ากันได้
มุมหนึ่งเหมือนสว่าง แต่อีกมุมก็ดูช่างมึดตึ๊บได้ใจ
คือ รู้กลางวัน รู้กลางคืน แต่จูนกลางวันเข้ากับกลางคืนไม่ได้
ทำลายกำแพงมายาแห่งกลางวันกลางคืนลงไม่ได้
แปลไทยเป็นไทยก็คือ
13,000 ปี เอ็งก็ตาย
ไม่ต้อง 13,000 ปี เอ็งก็ตาย เข้าใจมั๊ย
กระชับพื้นที่เข้ามา แค่ไม่เกินร้อยปีก็พอ
พรุ่งนี้ วันนี้ ชั่วโมงนี้ นาทีนี้ ลมหายใจนี้จะเป็นลมหายใจสุดท้ายของเราเมื่อไรก็ได้

ถ้าจำได้อย่างไม่มีความหวังว่าจะรอด ก็จงลืมมันไปซะจะดีกว่า
เพราะยังไงซะ ลมหายใจที่ยังปรากฎในตอนนี้
ก็เป็นสิ่งยืนยันที่มากเพียงพอ สำหรับเราในทุกขณะ
ถ้าในขณะที่ยังมีลมหายใจ ณ ขณะนี้ ยังหาความสุข สงบไม่ได้
ก็จะคิดไปใยว่าดิ้นรนกระเสือกกระสนที่เป็นผู้รอดในอนาคต แล้วจะได้พบกับมัน
ถ้ามันอาจจะเป็นการหายใจที่ บาดใจ เสียดแทง แห้งแล้ง และยากเย็นยิ่งกว่า ก็ได้.. :b1:
แล้วจะมานั่งเสียดายลมหายใจที่พ้นผ่านไป
ซึ่งถ้าหากว่าจะต้องเป็นผู้รอดที่ต้องใช้ชีวิตต่อไปด้วยอาการแบบนั้น
ก็ขอตายไปให้มันจบ ๆ ที่ไม่ต้องตื่นมาเจอวันที่เหมือนฝันร้าย... :b32:

คือจงมีความสุข เมื่อโลกยังมีความสุข และความสบงให้เห็นอยู่
และเพียรรักษาความสุข ความสงบที่ยังมีอยู่นั้นไว้
ตราบเท่าที่เรารู้สึกว่า มันยังเป็นสิ่งที่เราปราถนา ... :b1:
คือ คนเรามักจะปราถนาในสิ่งที่ใกล้เคียงกันนั่นล่ะ
แต่ด้วยอะไรก็ไม่รู้นะ(โลภะ โทสะ โมหะ)
ที่มันมักจะทำให้เราทำอะไร ๆ ลงไป ที่ส่งผลให้สิ่งที่ใจเราปราถนามันหดหายไป

เมื่อดอกไม้บาน เบิกฟ้า ยามอรุณแรกแย้ม
ก็จงมองมัน
เพราะเมื่อพ้นจากช่วงขณะนั้นไป
ภาพต่าง ๆ เหล่านั้น ก็จะไม่มีวันกลับเหมือนเดิม
ทุกอย่างมันปรากฎผันแปรไปอยู่ทุกขณะ
อย่าทิ้งโอกาสที่จะ มองดอกไม้บาน เบิกฟ้า ยามอรุณแรกแย้ม
มันไม่ทำให้เสียเวลา และเสียสายตาหรอก

การปล่อยความงามในทุกขณะ(ปัจจะบัน)ให้ล่องลอยไปอย่างไม่ได้รับการเหลี่ยวแลนี่สิ่
เมื่อความตายมาถึง มันเหมือนกับเสียชาติเกิด
เพราะมันเหมือนกับเราเก็บเกี่ยวความงามอะไรไม่ได้จาก ภพ นี้เรย

:b16: :b16: :b16:


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 23 ต.ค. 2012, 14:01 
 
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 11 ต.ค. 2010, 12:11
โพสต์: 5019


 ข้อมูลส่วนตัว


ความเอ๋ย ความรัก

ชักนำให้ดาวมาเจอกัน


:b14: :b14: :b14:

:b9: :b9: :b9:

:b12: :b12: :b12:


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 23 ต.ค. 2012, 19:07 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 01 มี.ค. 2010, 16:12
โพสต์: 2298

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว




-7.jpg
-7.jpg [ 8.99 KiB | เปิดดู 6379 ครั้ง ]
:b32: :b13: :b32:

.....................................................
"พุทโธ .. พุทโธ .. พุทโธ"
ภาวนาวันละนิด จิตแจ่มใส
โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 23 ต.ค. 2012, 23:40 
 
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 1
สมาชิก ระดับ 1
ลงทะเบียนเมื่อ: 06 ก.ย. 2012, 21:26
โพสต์: 16


 ข้อมูลส่วนตัว


คำทำนายของศาสนาอิสลาม ..........

ในวันสิ้นโลกจะมีการเป่าสังข์ดังทั่วโลก พระอัลลอฮ์จะเป็นผู้สอบสวน ทุกๆคน
ว่ามีละหมาดมาไหม พระองค์จะปกป้องผู้ที่ศรัธทาต่อพระองค์เท่านั้น วันสิ้นโลก
จะมีอุกกาบาทตกลงมา แต่ว่ามุสลิมทุก คนจะไม่ทันเห็น เพราะได้
ความเมตตาจากอัลลอฮฺให้สิ้นชีวิตกันก่อน เหลือแต่ผู้ปฏิเสธศรัทธา
ต่อพระองค์ที่ไม่ได้ความเมตตา

โลกจะยังไม่ถึงกาลอวสานจนกว่า
- ผู้หญิงมีจำนวนมากกว่าผู้ชาย ผู้ชายมีจำนวนลดน้อยลง
- ยาจกในวันนี้ สามารถสร้างตึกสูงใหญ่ในวันหน้า
- เวลาสั้นลงน้อยกว่าเดิม เวลาผ่านไปอย่างรวดเร็ว
- บ่าว ให้กำเนิดบุตร ที่จะมาเป็นเจ้านายในอนาคต
- จะมีการพบภูเขาทองคำ แล้วพากันแก่งแย่งมาเป็นของตน
- เสื้อผ้าอาภรที่สวมใส่ ในเวลาเช้า จะถูกเปลี่ยนในเวลาสาย เสื้อผ้าอาภรที่สวมใส่ในเวลาสาย
จะถูกเปลี่ยนในเวลาเย็น เสื้อผ้าที่ถูกใส่ในเวลาเย็นจะถูกเปลี่ยนในเวลาก่อนนอน
- พวกผู้หญิงจะสวมใส่เสื้อกันหนาว ที่ดูเหมือนไม่สวมใส่อะไรเลย
- พวกมนุษย์หลงเชื่อ สิ่งที่เห็นในชั้นฟ้าและอวกาศ ว่ามันเป็นความจริง
- ความไว้วางใจจะไม่มีในหมู่มนุษย์
- แผ่นดินไหวทางทิศ ตะวันตก แผ่นดินไหวทางทิศตะวันออก

ในวันสิ้นโลก
- จะบังเกิดควันสีดำแผ่ปกคลุมทั่วโลก
- จะมี อสูรกาย ที่ชื่อว่า ยุ มะยุด ที่ถูกกักขังอยู่ใต้พื้นโลกด้วย
ผนังหนาที่เป็นทองแดงและไฟ ครั้นสิ่งกักกันถูกแตกออก มันจะขึ้นมาล่อลวงไล่เข่นฆ่ามนุษย์
- ดวงอาทิตย์จะขึ้นทางทิศตะวันตก
- จะมีสิ่งมีชีวิตชนิดหนึ่ง สามารถพูดคุยกับมนุษย์ได้

ส่วนนี่สัญญาณวันสิ้นโลกครับ
สัญญาณย่อย ได้แก่
1. แผ่นดินไหวจะมีมาก
2. ลมพายุจะรุนแรง
3. ความตายจะดาษดื่น (จากโรคร้าย)
4. มนุษย์จะแข่งขันประดับประดามัสยิด
5. คนโกหกจะได้รับความเชื่อถือ คนพูดจริงกลับถูกมองว่าโกหก
6. คนทุจริตจะปลอดภัย คนไว้วางใจได้กลับถูกบิดพริ้ว
7. การผิดประเวณี (ซินา) จะดาษดื่น
8. สุรา ดอกเบี้ย เป็นสิ่งอนุมัติ
9. ในมัสยิดมีเสียงอึกทึก
10. คนรุ่นหลังจะประณามคนรุ่นก่อน
11. ความวุ่นวายจะเกิดขึ้นทุกหัวระแหง
12. ผู้ใหญ่จะรับใช้เด็ก
13. อุตริกรรม (บิดอะห์) จะปรากฎชัด
14. ความอายจะน้อยลง
15. สตรีจะประพฤติตัวเหมือนบุรุษ ส่วนบุรุษจะประพฤติตัวเหมือนสตรี
16. สตรีจะนุ่งน้อยห่มน้อย
17. ผู้ทุจริตได้รับการช่วยเหลือ ผู้ถูกละเมิดกลับถูกทอดทิ้ง
18. ผู้คนจะอ่านอัลกุรอานกันเพียงลิ้น (ขาดการกฏิบัติตาม)
19. การนินทาให้ร้ายจะมีมาก
20. การสาบานด้วยสิ่งอื่นจากอัลเลาะห์จะมีมาก
21. การหย่าร้างเกิดขึ้นมาก
22. ความชั่วช้าเลวทราบจะปรากฎชัด
23. มนุษย์จะปฏิบัติตามอารมณ์กิเลสและตัณหา
24. บุรุษจะถูกทำลาย เพราะทรัพย์สินเป็นเหตุ
25. มนุษย์จะตัดขาดญาติมิตร
26. สมาธิของคนละหมาดจะหายไป
27. ประชาชาติจะแตกออกเป็น 70 กว่าจำพวก
28. วันและเวลาจะสั้นลง จนกระทั่งหนึ่งปีเสมือนหนึ่งเดือน
และหนึ่งเดือนเสมือนหนึ่งสัปดาห์ และหนึ่งสัปดาห์เหมือนหนึ่งวัน
29. การแต่งงานเกิดขึ้น เพราะสมบัติเป็นเหตุ
30. เรื่องราวของมนุษย์ ล้วนเป็นความโลภโมโทสัน
31. การตลาดจะฝืดเคือง
32. การให้เกียรติจะน้อยลง แต่การเหยียดหยามจะมากขึ้น
33. ความรับผิดชอบจะหายไป ความวุ่นวายสับสนจะแทนที่
34. ศาสนาจะถูกซื้อขายด้วยวัตถุทางโลก (ดุนยา)
35. หัวใจมนุษย์หมดสิ้นจากความดี
36. ทานบังคับ (ซะกาต) ถูกนำมาจำหน่ายค่าแรงและถูกมอบให้แก่ผู้ไม่มีสิทธิรับ
37. บุรุษจะฆ่ากันโดยไร้เหตุผล
38. ความรู้จะถูกเก็บ คนโง่จะขึ้นแสดงธรรม (บนมิมบัร)
39. เด็กที่เกิดจากการผิดประเวณีจะมีมาก
40. คนที่มีลูกหลานต้องโศกเศร้า เพราะการเนรคุณ
41. สตรีจะทำหน้าที่แทนบุรุษ
42. เด็กจะไม่ให้เกียรติผู้ใหญ่ ผู้ใหญ่จะไม่เมตตาเด็ก
43. ความบริสุทธิ์จะหายไปจากการงาน
44. คนชั่วจะภูมิใจ และโอ้อวดความชั่วของตน
45. การพนันจะมีมาก
46. ผู้บริสุทธิ์จะถูกฆ่าเป็นการล้างแค้น (ไม่ใช่การรับใช้ชาติ)
47. มนุษย์จะถูกเรียกร้องสู่ขุมนรก และหันเหออกจากการภักดีต่ออัลเลาะห์ตาอาลา


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 23 ต.ค. 2012, 23:41 
 
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 1
สมาชิก ระดับ 1
ลงทะเบียนเมื่อ: 06 ก.ย. 2012, 21:26
โพสต์: 16


 ข้อมูลส่วนตัว


ทำใมภัยภิบัติจึงเกิด เพราะมนุษย์ทำขึ้นเอง ความชั่วมากกว่าความดี จึงเกิดภัยดังนี้แล

• คือดาวเดือนดินฟ้าจะอาเพศ อุบัติเหตุเกิดทั่วทุกทิศาน
• มหาเมฆจะลุกเป็นเพลิงกาฬ เกิดนิมิตพิสดารทุกบ้านเมือง
• พระคงคาจะแดงเดือดดั่งเลือดนก อกแผ่นดินเป็นบ้าฟ้าจะเหลือง
• ผีป่าจะวิ่งเข้าสิงเมือง ผีเมืองจะออกไปอยู่ไพร
• พระเสื้อเมืองจะเอาตัวหนี พระกาฬกลีจะเข้ามาเป็นไส้
• พระธรณีจะตีอกรํ่าไห้ อกพระกาฬจะไหม้อยู่เกรียมกรม
• ในลักษณะทำนายไว้บ่อห่อนผิด เมื่อพินิจพิศจะเห็นสม
• มิใช่เทศกาลร้อนก็ร้อนระงม มิใช่เทศกาลลมฝนก็อุบัติ
• ทุกต้นไม้หย่อมหญ้าสารพัด เกิดวิบัตินานาทั่วสากล
• เทวดาซึ่งรักษาพระศาสนา จะรักษาแต่ฝ่ายอกุศล
• สัปบุรุษจะแพ้แก่ทรชน มิตรตนจะฆ่าซึ่งความรัก
• ภรรยาจะฆ่าซึ่งคุณผัว คนชั่วจะมล้างผู้มีศักดิ์
• ลูกศิษย์จะสู้ครูพัก จะหาญหักผู้ใหญ่ให้เป็นน้อย
• ผู้มีศีลจะเสียซึ่งอำนาจ นักปราชญ์จะตกตํ่าต้อย
• กระเบื้องจะเฟื่องฟูลอย นํ้าเต้าอันลอยนั้นจะถอยจม
• ผู้มีตระกูลจะสูญเผ่า เพราะจัณฑาลมันเข้ามาเสพสม
• ผู้มีศีลจะเสียซึ่งอารมณ์ เพราะสมัครสมาคมด้วยมารยา
• ผู้กล้าจะเสื่อมใจหาญ จะสาบสูญวิชาการทั้งปวงสรรพ
• ผู้มีสินจะถอยจากทรัพย์ สัปบุรุษจะอับซึ่งนํ้าใจ
• ทั้งอายุจะถอยเคลื่อนจากเดือนปี ประเวณีจะแปรปรวนตามวิสัย
• ทั้งข้าวก็จะยากหมากจะแพง สารพันจะแห้งแล้งไปทุกที่
• จะบังเกิดทรพิษมิคสัญญี ฝูงผีจะวิ่งเข้าปลอมคน
• เขตคานประเทศธานี จะเกิดการกลีทุกแห่งหน
• จะอ้างว้างอกใจทั้งไพร่พล จะสาละวนถ้วนทั้งหญิงชาย
• จะร้อนอกสมณาประชาราษฎร์ จะเกิดเข็ญเป็นอุบาทว์นั้นมากหลาย
• จะรบราฆ่าฟันกันมากมาย ฝูงคนจะล้มตายลงเป็นเบือ
• ทางนํ้าจะแห้งเป็นทางบก เวียงวังจะรกเป็นป่าเสือ
• บ้านเมืองที่เคยเกษมสุข แสนสนุกยิ่งลํ้าเมืองสวรรค์
• จะเป็นเมืองแพศยาอาธรรม์ นับวันจะเสื่อมสูญเอยฯ


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 23 ต.ค. 2012, 23:44 
 
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 1
สมาชิก ระดับ 1
ลงทะเบียนเมื่อ: 06 ก.ย. 2012, 21:26
โพสต์: 16


 ข้อมูลส่วนตัว


“โลกนี้จะมีวันอวสานมั้ย” “ โลกนี้จะแตกมั้ย” “สงครามนิวเคลียร์ล้างโลกจะเกิดขึ้นมั้ย”......คำถามเหล่านี้เป็นคำถามที่พวกเรามักได้ยินได้ฟังกันอยู่เสมอ ซึ่งพระคริสตธรรมคัมภีร์ของคริสเตียนได้บอกอย่างชักเจนว่า
“โลกนี้มีวันหนึ่งจะต้องอวสาน... ซึ่งการอวสานหรือการสิ้นสุดของโลกนั้นก็เกี่ยวข้องกับพระเยซูคริสต์ด้วย”

คำทำนายประการที่ 1 ประเทศอิสราเอลจะต้องรวมกันเป็นประเทศขึ้นมาใหม่
เราจะเห็นว่าคนอิสราเอลได้กระจัดกระจายไปทั่วโลกถึง 2590 ปี แต่เมื่อ ประมาณ 60 ปีที่แล้ว คนอิสราเอลที่กระจัดกระจายไปทั่วโลกนั้นก็ได้กลับมารวมตัวเป็นประเทศอิสราเอลอีครั้งจนทุกวันนี้ ซึ่งเป็นจริงดันคำทำนายแล้ว

คำทำนายประการที่ 2 จะมีผู้ที่อ้างว่า “ฉันคือพระเยซูคริสต์”
ซึ่งพวกเราก็เห็นชัดในข่าวที่ปรากฏอยู่ในหนังสือพิมพ์ คือ นายจิม โจนส์ และ
นายเดวิท โคเรช ซึ่งอ้างตัวว่าเป็นพระเยซูคริสต์..และนับตั้งแต่สองคนนั้นเป็นต้นมาก็มีอีกหลายคนที่อ้างตัวว่าตัวเองนั้นเป็นพระเยซูคริสต์(ในอดีตไม่เคยมีคนอ้าง แต่เพิ่งจะมีในยุคนี้ นั่นแสดงว่าโลกนี้ใกล้ถึงอวสานแล้วจริงๆ)

คำทำนายประการที่ 3 จะเกิดสงคราม และข่าวลือเรื่องสงคราม
เริ่มตั้งแต่การประท้วง การขัดแย้งภายในประเทศ และลุกลามไปจนถึงสงครามโลก...นับตั้งแต่ศตวรรษที่ 20นี้ เป็นต้นมา ได้เกิดสงครามโลกถึง 2 ครั้ง และสงครามระหว่างประชาชาติกับประชาชาติ รวมทั้งข่าวลือเรื่องสงครามโลกครั้งที่ 3 ก็ลือกันต่อมาเลื่อยๆ นี่เป็นสิ่งที่เราเห็นและได้ยินกันอยู่ทุกวันมิใช่หรือ ?

คำทำนายประการที่ 4 จะเกิดแผ่นดินไหวในที่ต่างๆ ทั่วโลก
ซึ่งพวกเราก็ได้ประจักด้วยสายตาอยู่แล้ว และการเกิดแผ่นดินไหวในแต่ละครั้งก็ทวีความรุนแรงและกลืนชีวิตมนุษย์มาขึ้นเรื่อยๆละเป็นที่สังเกตอย่างหนึ่งก็คือ ประเทศที่ไม่เคยมีแผ่นดินไหวก็เริ่มมีแผ่นดินไหวเกิดขึ้นแล้ว......อินเดีย ศรีลังกา พม่า หรือแม้กระทั่งเมืองไทยของเราก็มีแผ่นดินไหว จนทำให้เกิดคลื่นยักษ์ในภาคใต้เมื่อปลายปี ค.ศ. 2004

คำทำนายประการที่ 5 จะเกิดการกันดารอาหาร
เพราะการสงครามฆ่าล้างเผ่าพันธุ์และประชากรของโลกที่มีเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว ดินฟ้าอากาศเริ่มแปรปรวนอากาศเป็นพิษ และสภาพแวดล้อมเสื่อมโทรมเป็นเหตุให้ปัจจุบันนี้มีคนมากกว่าครึ่งโลกที่กำลังขาดอาหาร และทุกวันนี้มีเด็กตายเพราะขาดอาหารเฉลี่ยแล้ววันละประมาณ 40,000 คนทั่วโลก

คำทำนายประการที่ 6 จะมีคนสอนผิดเกิดขึ้นอย่างมากมาย
คนเหล่านี้จะอ้างตัวว่า เขาสามารถที่จะช่วยคนให้รอดได้คนพวกนี้จะเกิดขึ้นทั้งในแวดวงและนอกแวดวงคริสเตียน พวกเขาเหล่านี้เป็นพวกสอนผิด...พวกเขาจะล่อลวงคนให้เชื่อในพระคัมภีร์เชื่อในคำสอนที่เขาคิดค้นขึ้นมาเอง ซึ่งเราคงจะเคยเห็นกันมาบ้างแล้ว เช่นพวกฝรั่งผูกเน็คไทขี่จักรยาน หรือพวกคณะแฟมมิลี่ที่คอยจับเด็กที่มีปัญหาให้ค้าประเวณีเพื่อหาเงินเข้านิกาย หรือลัทธิโอมชินลิเคียว ที่อ้างง่าตนเองเป็นผู้วิเศษ

คำทำนายประการที่ 7 จะมีโรคระบาด โรคร้ายที่รุนแรงเกิดขึ้นในโลก
ปัจจุบันนี้เราจะเห็นว่ามีโรคร้ายเกิดขึ้นหลายโรคซึ่งได้คร่าชีวิตผู้คนมากมายและได้แพร่กระจายไปหลายประเทศในโลก เช่น โรคเอดส์ โรคไข้หวัดนก ฯลฯ ทำให้วงการแพทย์ต้องหาวิธีรักษาอย่างเร่งด่วน ซึ่งบางโรคก็ยังหาวิธีรักษาไม่ได้เลย

คำทำนายประการที่ 8 ความรู้ของมนุษย์จะทวีมากขึ้น
นี่เป็นเรื่องจริงที่ปฏิเสธไม่ได้เลย เพราะความรู้และความเจริญของคนในยุคนี้นั้นก้าวหน้าและก้าวเร็วกว่าคนในอดีตหลายร้อยหลายพันเท่า....

คำทำนายประการที่ 9 ความผิดบาปจะทวีความรุนแรงมากขึ้น
การเล่นหวย การพนัน การล่วงประเวณี การกระทำผิดเรื่องเพศ การหย่าร้าง ฯลฯ กำลังเป็นเรื่องธรรมดาในสังคม...การฆ่ากัน การฉ้อโกง ฯลฯ เป็นเรื่องที่ไม่เว้นแต่ละวัน.. มนุษย์เราเอาเปรียบซึ่งกันและกันและถ้าเราสังเกตดูเราจะเห็นว่า มีความผิดบาปหลายอย่างที่ทวีความรุนแรงมากกว่าในอดีตหลายเท่า...

คำทำนายประการที่ 10 ข่าวประเสริฐเรื่องของพระเยซูคริสต์จะต้องกระจายไปทั่วโลก แล้ววาระสุดท้ายของโลกก็จะมาถึง
ซึ่งวันนี้เราก็เห็นแล้วว่า ข่าวประเสริฐเรื่องพระเยซูคริสต์กำลังประกาศแพร่ออกไปทั่วโลกจริงๆ... นั่นแสดงว่าโลกของเรากำลังจะใกล้ถึงที่สุดของมันแล้ว


แสดงโพสต์จาก:  เรียงตาม  
กลับไปยังกระทู้  [ 70 โพสต์ ]  ไปที่หน้า ย้อนกลับ  1, 2, 3, 4, 5  ต่อไป

เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง


 ผู้ใช้งานขณะนี้

่กำลังดูบอร์ดนี้: Google [Bot] และ บุคคลทั่วไป 1 ท่าน


ท่าน ไม่สามารถ โพสต์กระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ตอบกระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แก้ไขโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ลบโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แนบไฟล์ในบอร์ดนี้ได้

ค้นหาสำหรับ:
ไปที่:  
Google
ทั่วไป เว็บธรรมจักร