วันเวลาปัจจุบัน 12 ส.ค. 2025, 06:17  



เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง




กลับไปยังกระทู้  [ 111 โพสต์ ]  ไปที่หน้า ย้อนกลับ  1 ... 4, 5, 6, 7, 8  Bookmark and Share
เจ้าของ ข้อความ
โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 17 พ.ค. 2014, 15:19 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 ต.ค. 2006, 12:36
โพสต์: 33766

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


asoka เขียน:
กรัชกาย เขียน:
asoka เขียน:
grin
อีกล่ะ ถามแบบเด็กปัญญาอ่อนอีกล่ะ มีทั้งคำพูดสะกิด มีทั้งแผนภูมิให้ดู ยังจะคิดได้แต่แค่ไปสวรรค์และอบาย ทำไมตาต่ำจัง
:b7:



มีแผนภูมินั่นแล้วจะไปไหนก็ได้ยังงั้นหรือขอรับ :b10:

:b12:
ได้สิ ถ้าเพียรเจริญเหตุที่จะไปสู่ภูมินั้นๆ แต่วิญญูชนคนมีสติปัญญาดีเขาย่อมจะเลือกไปสูภูมิที่ดีที่สุดนั่นแหละ

ภูมิที่ดีที่สุดที่มนุษย์ควรไปถึงให้ได้คือที่ใดล่ะกรัชกาย สวรรค์แค่นั้นหรือ


เท่าที่สังเกต อโศกไม่มีหลักในการปฏิบัติอะไร เห็นๆก็ยกศัพท์ทางธรรม นั่นนี่ขึ้นมาพูด แบบคนเพ้อๆฝันๆ ทำนองคนเมากัญชานอนมองก้อนเมฆบนท้องแล้ววาดภาพเป็นรูปสิงสาราสัตว์ต่างๆ เช่น พยานาค นก หนู ภูเขา วิมาน บ้านเรือน ฯลฯ :b32:

.....................................................
https://dhammachati.blogspot.com/


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 17 พ.ค. 2014, 20:09 
 
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 18 ก.ย. 2011, 21:51
โพสต์: 4941


 ข้อมูลส่วนตัว


:b36:
เอ้า....วันนี้ให้หลักปฏิบัติแบบเบ็ดเสร็จอีกรอบหนึ่งนะ

ทำชีวิตให้คุ้มค่าที่ได้เกิดมาเป็นคน
มีบุญได้เกิดมาเป็นคนทั้งที จงใช้ชีวิตนี้ให้คุ้มค่า ด้วยการพัฒนากายใจให้เจริญก้าวหน้าไปสู่ที่สุขสบาย จนพ้นจากความเวียนว่ายตายเกิดอันแสนจะทุกทรมาณ
เป็นโชคดีที่เราได้เกิดมาในเมืองที่มีพุทธศาสนาถ้าเราได้ฟังข้อธรรมคำสอนอันถูกต้องของสมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าแล้วนำเอามาใส่ใจยึดถือประพฤติปฏิบัติก็อาจนำเราให้เข้าถึงความสุขที่เป็นอมตะอย่างพระพุทธเจ้าและพระอริยสาวกทั้งหลาย ได้ความเป็นชาวพุทธที่แท้จริง เพราะชาวพุทธแปลว่า ผู้รู้ ผู้ตื่น ผู้เบิกบาน
การจะเป็นชาวพุทธให้ได้ดีนั้นต้องทำตามโอวาทคำสอนที่พระพุทธเจ้าทรงสรุปไว้สั้นๆว่า “ละชั่ว ทำดี ชำระจิตของตนให้ขาวรอบ” ละชั่ว ด้วยการรักษาศีล ทำดี ด้วยการทำบุญ ๑๐ อย่าง ชำระจิตของตนให้ขาวรอบ ด้วยการทำสมาธิและเจริญสติปัญญาวิปัสสนาภาวนา ซึ่งทั้งหมดนั้นรวมกันไว้แล้วในการทำบุญ ๑๐ อย่าง
บุญ คือสิ่งที่ทำให้ใจสงบ เย็น เป็นสุข
บาป คือสิ่งที่ทำให้ใจเดือดร้อน เป็นทุกข์
บุญกิริยาวัตถุ ๑๐ อย่าง
ทางได้บุญ ๑๐ วิธี เป็นสิ่งที่ชาวพุทธพึงต้องรู้ แบ่งออกเป็น ๓

หมวด
หมวดทาน
๑.ทาน การบริจาคทานให้ปันสิ่งของ
๒.ปัตติทาน การแผ่ส่วนบุญ หรือแผ่เมตตา
๓.ปัตตานุโมทนา การอนุโมทนาส่วนบุญของตนเองและผู้อื่น
หมวดศีล
๔.ศีล การรักษาศีล ๕ ศีล ๘ ศีล ๑๐ หรือศีล ๒๒๗ ข้อ
๕.อัปจายนะ ความอ่อนน้อมถ่อมตน
๖.เวยยาวัจจะ การน้อมรับใช้ผู้อื่น
หมวดภาวนา
๗.ธัมมสวนะ การฟังธรรมตามกาล
๘.ธัมมเทศนา การแสดงและช่วยเผยแพร่ธรรม
๙.ภาวนา การทำสมาสมาธิหรือสมถะภาวนา
๑๐.ทิษฐุชุกรรม การทำความเห็นให้ตรง ถูกต้อง ด้วยสมถะภาวนาและวิปัสสนาภาวนา
วิธีเจริญสมาธิ หรือ สมถะภาวนา
หาที่อันสงบ สะดวกกาย สบายใจ แล้วนั่งขัดสมาธิ ตั้งกายให้


ตรง ดำรงสติไว้ตรงหน้า กำหนดจิตไว้ที่จุดกระทบของลมที่รูจมูกแล้วบริกรรมว่า อนัตตา ๆ ๆ ๆ ๆตามลมหายใจเข้าออก หรือจะหายใจเข้าสุดแล้วว่า อนัตตา ออกสุดแล้วว่า อนัตตา ก็ได้ ถ้ามีอารมณ์หรือความรู้สึกอื่นเกิดขึ้นมาแทรกรบกวนก็ให้มีสติรู้ทันพร้อมกับกำหนดว่าอนัตตา ๆ ไปจนกว่าอารมณ์นั้นจะเปลี่ยนหรือดับจึงกลับมากำหนดที่ลมหายใจตามเดิม เช่นความคิดนึกเกิดขึ้น ให้เอาจิตหรือสติรู้ไปที่ความคิดนึกและบริกรรมว่า อนัตตาๆ จนความคิดนึกดับไปหายไป เจ็บ คัน ร้อน หนาว เย็น อุ่น หงุดงิด เป็นทุกข์ ดีใจ เสียใจ เห็นภาพ ได้ยินเสียงรบกวน ก็ให้มีสติ ปัญญารู้ไปที่นั่นแล้วบริกรรมว่าอนัตตาๆๆ จนความอารมณ์ความรู้สึกเหล่านั้นหายไป ถ้าไม่มีอารมณ์อื่นเกิดขึ้น ก็กลับมา อนัตตาๆๆ ตามลมหายใจเข้าออก ถ้าบริกรรมอนัตตาๆ ไปนานๆ รู้สึกเหนื่อย ก็ให้ปล่อยคำว่าอนัตตาทิ้งไป เหลือแต่จิตใจ หรือสติ ปัญญา รู้อารมณ์ความรู้สึกนั้นๆไว้เฉยๆจนมันดับไป ไม่ช้าไม่นาน ความสงบกาย สงบใจ ไม่มีอารมณ์ความรู้สึกอื่นมารบกวน เหลือแต่ลมหายใจที่ละเอียดเบาแผ่วบางอย่างเดียวก็จะเกิดขึ้น จนในที่สุดลมหายใจก็เงียบไป เหลือแต่จิตรู้ นิ่งสงบอยู่เฉยๆ ก็ให้ทรงอยู่ในอารมณ์สงบนี้ให้ได้นานๆ นี่เรียกว่าสมาธิ ความตั้งมั่นของจิต ผลพลอยได้ก็คือ จิตหยุดคิดหยุดนึกตั้งมั่นอยู่ที่เดียว

สงบ เป็นสุข แต่เป็นสุขแค่ชั่วคราว ถ้าจะให้พบสุขถาวร ต้องต่อยอดเจริญปัญญาวิปัสสนาภาวนาเพิ่มขึ้นไปอีก
วิธีเจริญปัญญาวิปัสสนาภาวนา
เริ่มต้นจากการนั่งสมาธิโดยกำหนดบริกรรมอนัตตาๆดังที่แนะนำไว้แล้วเสียก่อน จนจิตใจสงบตั้งมั่น หลังจากนั้นให้ทำต่อโดย
“สำรวมกายใจมานิ่งรู้ นิ่งสังเกต ปัจจุบันอารมณ์ จนดับไปต่อหน้าต่อตาทุกอารมณ์”
เช่น เจ็บเกิดขึ้น นิ่งรู้ไปที่เจ็บสังเกตว่าเจ็บหรือเดือดร้อนที่ไหนจนความรู้สึกเจ็บนั้นดับไป ปวด คิด นึก ร้อน หนาว เย็น อุ่น ดีใจ เสียใจ ขุ่นมัว สบาย สุข ทุกข์ เฉย เห็นรูป ได้ยินเสียง รู้รส สัมผัสกลิ่น ทุกความรู้สึก ผัสสะและอารมณ์ ก็ให้เพียงนิ่งรู้นิ่งสังเกตตอนที่มันเกิดเป็นปัจจุบัน จนดับไปต่อหน้าต่อตา งานที่ต้องทำมีอยู่แค่นั้น เมื่อทำจนชำนาญ ผลของมันจะเกิดขึ้นมาเองโดยอัตโนมัติตามธรรมชาติ ไม่ต้องใจร้อนหรือตั้งความอยากว่าภาวนาแล้วจะต้องได้ต้องเป็นต้องมีอะไร ทำหน้าที่นิ่งรู้นิ่งสังเกตปัจจุบันอารมณ์ไปให้ดีที่สุดแล้วผลดีเขาจะเกิดขึ้นมาเอง รู้เองในตัวในใจเจ้าของ
สิ่งที่จะเกิดมาเป็นผลเป็นรางวัลในการขยันทำสมาธิและเจริญปัญญาวิปัสสนาภาวนาคือ
ความเห็นผิด ยึดผิด ว่ากายใจนี้เป็นอัตตา ตัวกู ของกู จะเบา

บาง จางไป ดับไป ตายไป สูญสลายหายไปจากจิตใจเป็นลำดับๆจนหมดสิ้นในที่สุด หมดกู ก็หมดทุกข์ เกิด แก่ เจ็บ ตาย มีชีวิตอยู่สงบสุขสบายทุกคืนวัน
ขออำนวยอวยพรให้ทุกท่าน จงประสบความสำเร็จ

งานและหน้าที่ของชาวพุทธ
สำรวมกายใจ มานิ่งรู้ นิ่งสังเกต ปัจจุบันอารมณ์
จนละความเห็นผิดว่ากาย ใจ นี้เป็นอัตตา ตัวกู ของกู
พอกพูนความเห็นถูกต้อง ว่ากาย ใจ นี้เป็นอนัตตา
บังคับบัญชาไม่ได้ ไม่ใช่ตัวกู ของกู
ทุกวัน เวลา นาที วินาที ที่ระลึกได้และมีโอกาส

หัวใจวิปัสสนาภาวนา
ใจปัญญาอย่ายอมใจเป็นกู
นิ่งดู นิ่งสังเกต พิจารณา
ด้วยวิริยะ อุตสาหะ ตบะ ขันติ มิยอมถอย
ถ้าสู้ได้ ทนได้ ไม่ตะบอย
กู จะถอยหรือตายดับ ไปจากใจ

อโศกะ โทร. ๐๘-๙๘๓๘-๖๒๑๓


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 17 พ.ค. 2014, 21:13 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 ต.ค. 2006, 12:36
โพสต์: 33766

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


คิกๆๆ นักวิชาการใหญ่ แจกเบอร์โทรด้วย โหลๆๆ :b13:

.....................................................
https://dhammachati.blogspot.com/


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 17 พ.ค. 2014, 21:48 
 
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 18 ก.ย. 2011, 21:51
โพสต์: 4941


 ข้อมูลส่วนตัว


กรัชกาย เขียน:
คิกๆๆ นักวิชาการใหญ่ แจกเบอร์โทรด้วย โหลๆๆ :b13:

wink
แล้วกรัชกายมีหลักปฏิบัติอะไรจะมาเผยแพร่บ้างละ อันที่เป็นความคิดค้นของตนเอง เอามาเล่าอวดกันบ้างสิ
อย่าเอาแต่สบประมาทผู้อื่นอยู่ร่ำไปขณะที่ตนเองเอาแต่ลอกตำรา
:b7:


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 18 พ.ค. 2014, 11:49 
 
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 2
สมาชิก ระดับ 2
ลงทะเบียนเมื่อ: 07 มี.ค. 2013, 20:15
โพสต์: 91

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


bbby เขียน:
คุณcantona_z เขียน


:b8:


ใช่ค่ะตอนนี้เรารู้สึกเบื่อโลกแสงสี ไม่เหมือนโลกแห่งธรรมที่มีแต่ความนิ่ง-สงบ
เวลาพูดเรื่องทางโลก มองเห็นแต่ทุกข์
เวลาพูดเรื่องทางธรรม เหมือนเห็นทางที่จะหลุดพ้น
วิปัสสนาคือการทำสมาธิใช่หรือไม่ค่ะ ปกติเราทำอยู่แล้วค่ะ
คุณcantona_z มีอะไรที่จะแนะนำ เราเพิ่มเติมหรือปล่าวค่ะ :b8:
พอถึงณ.จุดนี้แล้ว ต้องทำอย่างไรต่อคะ :b1:

ขอโทษคุณอโศกด้วยนะคะ ที่ใช้กระทู้คุณอโศกคุยนอกเรื่องไปนิดดหนึ่งค่ะ :b12: :b41: :b55: :b49:



ขอโทษที่ไม่ได้แวะเข้ามานานครับ
พระศาสดาตรัสวิถีทางแห่งการหลุดพ้นไว้อยู่แล้วคืออริยมรรคมีองค์แปดครับ
ความเห็นชอบ คิดชอบ อาชีพชอบ ประพฤติชอบ วาจาชอบ เพียรชอบ สติชอบ สมาธิชอบ
ทั้งแปดอย่างนี้แหละคือองค์ของการปฏิบัติ
หรือพูดอีกนัยหนึ่ง คือ ทำบุญกริยาวัตถุเป็นนิจ สมาทานศีลเป็นปรกติ และปฏิบัติอมรมจิตให้เนืองๆ
นั่นแหละครับคือหนทางหลุดพ้น

ส่วนเรื่องนั่งสมาธิที่คุณว่านั้น
ปรกติแล้ววิธีการอบรมจิต จะมีสองแบบคือ
การอบรมจิตให้ตั้งมั่นไม่วอกแวกสัดส่าย อันนี้เรียกสมถะภาวนา หรือเรียกสมาธิก็ได้
กับการอบรมจิตให้รู้ชัดสภาวะธรรมแล้วพิจารณาสภาวะธรรมนั้นลงไตรลักษณ์ อันนี้เรียกวิปัสสนาภาวนา
ทั้งสองอย่างนี้ควรเจริญควบคู่กันไปครับ


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 18 พ.ค. 2014, 15:36 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 ต.ค. 2006, 12:36
โพสต์: 33766

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


asoka เขียน:
กรัชกาย เขียน:
คิกๆๆ นักวิชาการใหญ่ แจกเบอร์โทรด้วย โหลๆๆ :b13:

wink
แล้วกรัชกายมีหลักปฏิบัติอะไรจะมาเผยแพร่บ้างละ อันที่เป็นความคิดค้นของตนเอง เอามาเล่าอวดกันบ้างสิ
อย่าเอาแต่สบประมาทผู้อื่นอยู่ร่ำไปขณะที่ตนเองเอาแต่ลอกตำรา
:b7:


ก็ติดเบอร์โทรเห็นๆ เราก็พูดไปตามที่เห็น พูดความจริงรับไม่ได้ ก็ว่าเราประมาท :b32:

จะนอกตำราในตำรา อโศกก็ดูไม่เข้าใจ คิกๆๆ


อ้างคำพูด:
บอกตรงๆว่าฝึกสติปัฐฐาน 4 เป็นแค่อย่างเดียว
และชีวิตนี้ก็เคยแค่ครอบครูช่างอย่างเดียว เนื่องจากเป็นคนสมัยใหม่ไม่เชื่อเรื่องไสยศาสตร์แต่ชอบเรื่องตื่นเต้น ชอบดูของแปลก ก็เลยชอบงานแนวทรงเจ้าเข้าผี (ดูเอามัน ดูเพื่อความบันเทิง)
แต่ช่วงไม่นานมานี้คือเริ่มฝึกสมาธิมากขึ้น และจิตก็เริ่มนิ่งขึ้นด้วย แต่กับไม่คิดว่าโลกยุคนี้มันจะมีเรื่องแบบนี้อยู่จริง(คิดว่านิทานหลอกเด็กตลอด) คือตอนนั่งสมาธิจะมีเงาดำๆฟืบเข้าร่างเรา และก็ต้องนั่งสมาธิเพื่อจี้ออก แต่มันต้องใช้กำลังของสมาธิมาก แต่พอสมาธิตกก็เข้าอีก และยิ่งไปอยู่วัดที่เขาถอนของแต่ตัวเองยังไม่ถอนเพราะต้องอัญเชิญครูช่างกลับไปยังสถานที่เอามาอง คราวนี้มายังกระบวนพาเลทเลย พลัดกันเข้า กันออกเลยไม่รู้อะไรเป็นอะไร แม่ชีที่นั่นบอกว่าจิตเปิด และของหนูก็เยอะ คราวนี้เกิดอาการค่อนข้างจะสับสน(ช็อค) เพราะเป็นพวกห้ามยัดเยียดอะไรใส่หัวจะฟุ้งมาก อยู่กับผู้คนก็ไม่ได้เพราะยิ่งถูกกระทบก็ยิ่งอยู่ในสถาณการณ์ที่แย่กว่าเดิม แม่ชียิ่งพูดหรือคนรอบข้างยิ่งใส่อาการหนักตั้งสติไม่อยู่เลย อ้อวัดนี้เป็นแนวสมถะ เน้นการสวดมนต์ พอขึ้นไปหาหลวงพ่อท่านให้ถอนของออก และท่านก้ให้กรรมฐานมา คือ ให้ว่าง และยืน กับเดิน แต่ปัญหามันอยู่ตรงนี้และเพราะร่างกายไม่แข็งแรงพอ พอหลับก็เข้าอีก บอกตรงๆว่ายังไม่เคยเห็นตัว แต่แค่สัมผัสกลุ่มก้อนพลังงานได้และะรับรู้จากกลิ่นน้ำหมาก หรืออะไรที่ไม่มีในบริเวณนั้นแน่ๆ และที่แย่การที่ถูกครอบมันไม่สดชื่นมึนหัวทั้งวัน และตอนนี้กลับมาบ้านแล้วแต่ยังไม่ถอน เพราะมีเหตุให้เอาของไปคืนไม่ได้ในตอนนี้ แต่ตอนนี้ก็ยังถูกครอบถูกแฝงอยู่ ไม่รู้จะทำไงดี เพราะกำลังจิตและกำลังกายมีไม่พอ พูดง่ายๆว่ากลับจากวัดนี้สติเตลิด กลับมารวบรวมสติไม่อยู่ ฟุ้งจนไม่รู้จะทำไงดี พอคิดมากจิตมันเหนื่อยมันก็โยนทิ้งคราวนี้ก็มาอีกแล้ว พูดง่ายๆว่าตอนนี้เอาตัวไม่รอด ทำสมาธิได้แค่จี้จนร้อนตั้งแต่บริเวณศรีษะไล่ไปจนบริเวณหลังเพราะตั้งสติไว้ลิ้นปี แต่พอหัวร้อนๆเหมือนไออะไรออกจากหัวมันก็เบาขึ้นเยอะ (บอกตรงๆว่า ตัวเองก็ไม่อยากเชื่อถึงเรื่อง แบบนี้ ยังคิดอยูว่านี้เราจินตนาการไปเองรึเปล่า) และนี้ก็เป็นช่วงขอคำแนะนำช่วงที่ยังไม่ไม่ได้ถอนของออกควรทำไงดี และจะทำไงไมให้จิตวิญญาณพวกนี้แฝงอีก


อโศก เขาเป็นอะไร และจะแก้ไขยังไง :b14: :b1: นอกตำรา

.....................................................
https://dhammachati.blogspot.com/


แสดงโพสต์จาก:  เรียงตาม  
กลับไปยังกระทู้  [ 111 โพสต์ ]  ไปที่หน้า ย้อนกลับ  1 ... 4, 5, 6, 7, 8

เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง


 ผู้ใช้งานขณะนี้

่กำลังดูบอร์ดนี้: ไม่มีสมาชิก และ บุคคลทั่วไป 1 ท่าน


ท่าน ไม่สามารถ โพสต์กระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ตอบกระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แก้ไขโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ลบโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แนบไฟล์ในบอร์ดนี้ได้

ค้นหาสำหรับ:
ไปที่:  
Google
ทั่วไป เว็บธรรมจักร