วันเวลาปัจจุบัน 23 มิ.ย. 2025, 03:47  



เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง




กลับไปยังกระทู้  [ 53 โพสต์ ]  ไปที่หน้า ย้อนกลับ  1, 2, 3, 4  ต่อไป  Bookmark and Share
เจ้าของ ข้อความ
โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 22 ส.ค. 2018, 11:24 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 11 ก.พ. 2009, 22:21
โพสต์: 1975


 ข้อมูลส่วนตัว


คุณ ลุงสมานเขียน !!

อ้างคำพูด:
ไม่น่าจะงงนัครับคุณกบ เพียงแค่เราถอยออกจากฌานเสียคือเลิกบริกรรม
แล้วก็มาพิจารณาฌานที่ได้นั่นแหละให้เห็นว่าฌานนี้นำม่เที่ยงเป็นทุกข์ เป็นอนัตตา
ในความหมายก็คือพิจารณาฌานที่ได้นั่นให้เห็นเป็นไตรลักษณ์ จะเข้าถึงความจริงครับ


ต้องขอบคุณ คุณลุง สมาน และ รูปภาพ ที่คุณลุง เอามาให้ดู
ทำให้รู้ว่า เรานี่ เป็นกบ ที่อยู่ในกะลา จริงๆ
และ เพื่อนๆ ที่เป็น กัลญามิตร
ทุกๆคนด้วยค่ะ ที่ !!ช่วย กันเปิด กะลา ให้เรา ได้เห็น ได้รู้ !!
ตอนแรกที่ฟัง เพื่อนพูด ตอนนั้นงง !!คือต้องทำยังไงอีก
หาฟัง ทางยูทูป ฟังยังไง ก้อไม่เข้าใจ คือเหมือน ทุกสิ่งทุกอย่าง
มันมืดอ่ะ !! แต่ก้อคิดค่ะ ว่าถ้าว่าง คงจะต้องมาหาคำตอบ
จากเพื่อนๆ ในเว๊บนี้ ดีที่สุด เพราะทุกคน จะเข้าใจ ว่าสมอง
ระดับทางธรรม ของเรา หรือการใช้ภาษา ที่ทำให้เรา เข้าใจ !!
ต้องเป็นผู้รู้ ในเว๊บนี้ เท่านั้น ที่จะทำให้เรา เข้าใจได้ !!
ตอนนี้ เราเหมือน เจอแสงสว่าง เลยค่ะ !! เราจะ ค่อยๆ ฝึก แล้วก้อทำความเข้าใจ
กับ สิ่ง ที่ผู้รู้ ทุกๆ คน ให้คำแนะนำ ค่ะ :b8: :b8:


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 23 ส.ค. 2018, 05:25 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
Moderators-1
Moderators-1
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 พ.ค. 2011, 14:20
โพสต์: 8571


 ข้อมูลส่วนตัว




20180822_182503.jpg
20180822_182503.jpg [ 337.43 KiB | เปิดดู 3381 ครั้ง ]
คนที่จะออกจากกะลาจะต้องศึกษาเล่าเรียน
เพื่อให้เข้าใจในความรู้เบื้องต้น
สมถะไม่ทำให้ใครบรรลุธรรมชั้นสูงได้
แต่ไม่ได้หมายความว่าสมถะนั้นเป็นของไม่ดี
ถ้ารู้จักสมถะกรรมฐาน ก็จะเอาสมถะกรรมฐานนั้นมาต่อยอดได้

.....................................................
พระธรรมคำสอน บัญญัติ ตรัส ไว้ดีแล้ว ไม่ต้องลด ไม่ต้องเพิ่ม ไม่ต้องแก้ไข ใดๆ ทั้งสิ้น
โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 23 ส.ค. 2018, 13:10 
 
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 11 ต.ค. 2010, 12:11
โพสต์: 5013


 ข้อมูลส่วนตัว


เอกอนมีความรู้สึกว่า ลุงหมาน เปลี๋ยนไป๋ ... :b32: :b32: :b32:


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 23 ส.ค. 2018, 15:14 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
Moderators-1
Moderators-1
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 พ.ค. 2011, 14:20
โพสต์: 8571


 ข้อมูลส่วนตัว




20180823_142638.jpg
20180823_142638.jpg [ 111.73 KiB | เปิดดู 3363 ครั้ง ]
eragon_joe เขียน:
เอกอนมีความรู้สึกว่า ลุงหมาน เปลี๋ยนไป๋ ... :b32: :b32: :b32:


แก่แล้วก็งี้แหละอ้อน แค่มดตัวกะเปิ๊ยกกัดก็ร้องจ๊าก

.....................................................
พระธรรมคำสอน บัญญัติ ตรัส ไว้ดีแล้ว ไม่ต้องลด ไม่ต้องเพิ่ม ไม่ต้องแก้ไข ใดๆ ทั้งสิ้น
โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 23 ส.ค. 2018, 19:47 
 
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 25 เม.ย. 2009, 02:43
โพสต์: 12232


 ข้อมูลส่วนตัว


คำสอนพระ...

อ้างคำพูด:
การทรงฌานเบื้องต้น

แต่นี้ถ้าหากว่าเราทรงฌาน การทรงฌานเบื้องต้น โดยเฉพาะอย่างยิ่ง "ปฐมฌาน" วันนี้พูดแค่ปฐมฌาน เวลาพูดมันเลยมาแล้ว การที่จะรู้ว่าจิตเราเข้าถึงปฐมฌานหรือไม่ ไอ้การเข้าถึงนี้มันอาจจะเข้าถึงไม่ได้นาน สักสองนาทีสามนาทีแล้วมันก็พลัดจากฌาน พลัดจากฌาน คืออารมณ์เข้าสู่สภาวะธรรมดาที่เราเรียกว่า "ภวังค์" ศัพท์เรียก ภวังค์ พยายามใช้ให้มันถูก "ภวังค์" นี่ไม่ใช่ แปลว่า หลับสนิท หรือไม่ได้แปลว่า ลืมตัว

"ภวังค์" แปลว่า อารมณ์ปกติ มีความรู้อยู่เป็นอยู่ตามสภาพเดิมเรียกว่า "ภวังค์" นี้คือได้ยินบ่อย ๆ นี่ใช้กันไม่ถูก อย่าไปใช้เลยภาษาบาลี ถ้าใช้ไม่เป็นนะมันเสียเรื่องไปมาก ถ้าคนรู้เขาจะหัวเราะเยาะเอา

นี่ถ้าจิตเราจะเข้าสู่ "ปฐมฌาน" ให้สังเกตแบบนี้ เมื่อจิตเข้าสู่ปฐมฌานนี้เราชนะนิวรณ์ ถ้านิวรณ์ ๕ ระงับ จิตเข้าถึงปฐมฌานทันที คือว่าขณะที่เราภาวนาอยู่ก็ตาม หรือพิจารณาอยู่ก็ตาม หูได้ยินเสียงภายนอกชัดเจนแจ่มใส แต่ทว่าใจเราก็ทำงานได้เป็นปกติ ไม่ดิ้นรนไปตามเสียง ไม่รำคาญในเสียงอย่างนี้เรียกว่า "ปฐมฌาน"

นี้ทำ "ปฐมฌาน" ได้อย่างหยาบ หยาบแบบไหนละเอียดแบบไหนไม่อธิบายเวลาหมดแล้ว เราทรงปฐมฌานอย่างหยาบวันหนึ่งได้ ๒ นาที ๓ นาที ๕ นาที ๑๐ นาที ก็ช่าง ไม่ต้องไปนั่งทั้งวัน มันไม่ถึงปฐมฌานอาจจะได้บ้างไม่ได้บ้าง ก็ดึงกันไปดึงกันมา อย่างนี้เรียกว่า ปฐมฌานอย่างหยาบ ตายแล้วเกิดเป็น "พรหมชั้นที่ ๑"

ถ้ามีอารมณ์ชุ่มชื่นทรงเวลาได้มากกว่านั้น ครึ่งชั่วโมงหรือ ๑ ชั่วโมง อย่างนี้เป็น "พรหมชั้นที่ ๒" ถ้าทรงอาการดีอย่างนี้ตั้งเวลาได้เลยเราจะนั่งสัก ๒ ชั่วโมง ทรงปฐมฌาน เข้าปั๊บเป็นปฐมฌาน ถึงเวลา ๒ ชั่วโมง จิตมันตัดทันที อย่างนี้เป็น ปฐมฌานอย่างละเอียด เป็น พรหมชั่นที่ ๓ แต่ว่าฌานแต่ละระดับก็เป็นพรหมสูง ๆ ขึ้นไป นี้เราเลือกเอาได้นี่ ก่อนที่เราจะตายเรารู้ว่าเราจะตาย ก็ต้องเลือกเอา จะเอาอะไร



:b8: :b8: :b8:


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 23 ส.ค. 2018, 21:35 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 11 มี.ค. 2018, 02:56
โพสต์: 2166

โฮมเพจ: maybe
แนวปฏิบัติ: สติปัฎฐาน
งานอดิเรก: กีฬา
สิ่งที่ชื่นชอบ: แบรนด์เเนม
ชื่อเล่น: เม
อายุ: 22
ที่อยู่: Bangkok Thailand

 ข้อมูลส่วนตัว


กบนอกกะลา เขียน:
คำสอนพระ...

อ้างคำพูด:
การทรงฌานเบื้องต้น

แต่นี้ถ้าหากว่าเราทรงฌาน การทรงฌานเบื้องต้น โดยเฉพาะอย่างยิ่ง "ปฐมฌาน" วันนี้พูดแค่ปฐมฌาน เวลาพูดมันเลยมาแล้ว การที่จะรู้ว่าจิตเราเข้าถึงปฐมฌานหรือไม่ ไอ้การเข้าถึงนี้มันอาจจะเข้าถึงไม่ได้นาน สักสองนาทีสามนาทีแล้วมันก็พลัดจากฌาน พลัดจากฌาน คืออารมณ์เข้าสู่สภาวะธรรมดาที่เราเรียกว่า "ภวังค์" ศัพท์เรียก ภวังค์ พยายามใช้ให้มันถูก "ภวังค์" นี่ไม่ใช่ แปลว่า หลับสนิท หรือไม่ได้แปลว่า ลืมตัว

"ภวังค์" แปลว่า อารมณ์ปกติ มีความรู้อยู่เป็นอยู่ตามสภาพเดิมเรียกว่า "ภวังค์" นี้คือได้ยินบ่อย ๆ นี่ใช้กันไม่ถูก อย่าไปใช้เลยภาษาบาลี ถ้าใช้ไม่เป็นนะมันเสียเรื่องไปมาก ถ้าคนรู้เขาจะหัวเราะเยาะเอา

นี่ถ้าจิตเราจะเข้าสู่ "ปฐมฌาน" ให้สังเกตแบบนี้ เมื่อจิตเข้าสู่ปฐมฌานนี้เราชนะนิวรณ์ ถ้านิวรณ์ ๕ ระงับ จิตเข้าถึงปฐมฌานทันที คือว่าขณะที่เราภาวนาอยู่ก็ตาม หรือพิจารณาอยู่ก็ตาม หูได้ยินเสียงภายนอกชัดเจนแจ่มใส แต่ทว่าใจเราก็ทำงานได้เป็นปกติ ไม่ดิ้นรนไปตามเสียง ไม่รำคาญในเสียงอย่างนี้เรียกว่า "ปฐมฌาน"

นี้ทำ "ปฐมฌาน" ได้อย่างหยาบ หยาบแบบไหนละเอียดแบบไหนไม่อธิบายเวลาหมดแล้ว เราทรงปฐมฌานอย่างหยาบวันหนึ่งได้ ๒ นาที ๓ นาที ๕ นาที ๑๐ นาที ก็ช่าง ไม่ต้องไปนั่งทั้งวัน มันไม่ถึงปฐมฌานอาจจะได้บ้างไม่ได้บ้าง ก็ดึงกันไปดึงกันมา อย่างนี้เรียกว่า ปฐมฌานอย่างหยาบ ตายแล้วเกิดเป็น "พรหมชั้นที่ ๑"

ถ้ามีอารมณ์ชุ่มชื่นทรงเวลาได้มากกว่านั้น ครึ่งชั่วโมงหรือ ๑ ชั่วโมง อย่างนี้เป็น "พรหมชั้นที่ ๒" ถ้าทรงอาการดีอย่างนี้ตั้งเวลาได้เลยเราจะนั่งสัก ๒ ชั่วโมง ทรงปฐมฌาน เข้าปั๊บเป็นปฐมฌาน ถึงเวลา ๒ ชั่วโมง จิตมันตัดทันที อย่างนี้เป็น ปฐมฌานอย่างละเอียด เป็น พรหมชั่นที่ ๓ แต่ว่าฌานแต่ละระดับก็เป็นพรหมสูง ๆ ขึ้นไป นี้เราเลือกเอาได้นี่ ก่อนที่เราจะตายเรารู้ว่าเราจะตาย ก็ต้องเลือกเอา จะเอาอะไร



:b8: :b8: :b8:


นั่ง10 นาที ตายแล้วไปเกิดเป็นพรหม 10 นาที หรอคะ

หรือไปเกิดเป็นพรหม ตลอดอายุขัยของพรหม ?


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 24 ส.ค. 2018, 06:11 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
Moderators-1
Moderators-1
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 พ.ค. 2011, 14:20
โพสต์: 8571


 ข้อมูลส่วนตัว




20180823_205525.png
20180823_205525.png [ 380.5 KiB | เปิดดู 3333 ครั้ง ]
มันแปลกหรือไม่แปลกครับ คนโง่ๆคิดเรื่องฉลาดไม่เป็น
คิดมาทีไรเป็นแต่เรื่องโง่ๆ.....อาจคิดได้อย่างเดียวว่าตัวเองฉลาด

.....................................................
พระธรรมคำสอน บัญญัติ ตรัส ไว้ดีแล้ว ไม่ต้องลด ไม่ต้องเพิ่ม ไม่ต้องแก้ไข ใดๆ ทั้งสิ้น
โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 24 ส.ค. 2018, 06:46 
 
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 25 เม.ย. 2009, 02:43
โพสต์: 12232


 ข้อมูลส่วนตัว


:b32: :b32: :b32:

คนเรา..ก็โง่บ้าง..ฉลาดบ้าง...เป็นธรรมดา..ครับ


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 24 ส.ค. 2018, 06:54 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
Moderators-1
Moderators-1
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 พ.ค. 2011, 14:20
โพสต์: 8571


 ข้อมูลส่วนตัว


โลกสวย เขียน:


นั่ง10 นาที ตายแล้วไปเกิดเป็นพรหม 10 นาที หรอคะ

หรือไปเกิดเป็นพรหม ตลอดอายุขัยของพรหม ?


ใครจะนั่งนานหรือไม่นานไม่ได้เอาตรงนั้นมาวัดกัน นั่งนานๆ ไม่ถึงฌานก็มี
บางคนเข้าฌานออกฌานได้คล่องแคล่ว นึกจะเข้าฌานก็เข้าได้เลย
คิดจะออกจากฌานก็ออกได้เลย
การเข้าฌานไม่ใช่เหมือนการหาทรัพย์ หามาได้แค่ไหนก็ควรได้ใช้แค่นั้นหมดแล้วหมดกัน
การเข้าฌานก็เพื่อลดละกิเลสเมื่อตายในขณะที่ยังมีฌานอยู่ย่อมไปเกิดในพรหมโลก
ถ้าตายเมื่อไม่มีฌานย่อมเข้าถึงสุคติโลกสวรรค์ เมื่อไปเกิดภูมิไหนก็ย่อมอยู่ตามอายุไขยของภูมินั่นๆ

.....................................................
พระธรรมคำสอน บัญญัติ ตรัส ไว้ดีแล้ว ไม่ต้องลด ไม่ต้องเพิ่ม ไม่ต้องแก้ไข ใดๆ ทั้งสิ้น


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 24 ส.ค. 2018, 09:32 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 11 ก.พ. 2009, 22:21
โพสต์: 1975


 ข้อมูลส่วนตัว


คุณลุง สมาน เขียน

[
อ้างคำพูด:
color=#FF0000]ใครจะนั่งนานหรือไม่นานไม่ได้เอาตรงนั้นมาวัดกัน[/color] นั่งนานๆ ไม่ถึงฌานก็มี
บางคนเข้าฌานออกฌานได้คล่องแคล่ว นึกจะเข้าฌานก็เข้าได้เลย
คิดจะออกจากฌานก็ออกได้เลย
การเข้าฌานไม่ใช่เหมือนการหาทรัพย์ หามาได้แค่ไหนก็ควรได้ใช้แค่นั้นหมดแล้วหมดกัน
การเข้าฌานก็เพื่อลดละกิเลสเมื่อตายในขณะที่ยังมีฌานอยู่ย่อมไปเกิดในพรหมโลก
ถ้าตายเมื่อไม่มีฌานย่อมเข้าถึงสุคติโลกสวรรค์ เมื่อไปเกิดภูมิไหนก็ย่อมอยู่ตามอายุไขยของภูมินั่นๆ


ตรงจุดนี้ เคยได้ยิน คนที่ปฏิบัติธรรม ชอบเอามาเถียงกันนะ
บางครั้งฟังแล้ว ใจก้อนึกขำๆ อีกคนก้อบอกว่า# ฉันนั่งสวดมนต์
ได้เป็นชั่วโมงๆ # อีกคนบอก #ฉันทำไม่ได้ ฉันสวดได้แค่แป๊บเดียว#
สารพัดอ่ะ !! คนที่สวดได้นาน ก้อคุยแหลกเลย !!
เราก้อเลย ต้องให้คนที่คุย ข่มคนอื่นๆ หยุด โดยการถามว่า !!
เอายังงี้ ที่เธอบอกว่า เธอนั่งสวดมนต์ ได้เป็น ชั่วโมงๆ
จิตของเธอ เป็นสมาธิ จิตนิ่ง จิตว่าง จิตจับ
แต่ที่คำสวดมนต์หรือปล่าว !! นางบอกว่า " ใครจะทำอย่างนั้นได้
นางสวดไปด้วย คิดเรื่องอะไร ต่ออะไร ไปด้วย !!
:b32: :b32:
อีกคน บอก ฉันสวดมนต์ ตักบาตร ฉันก้อแช่ง อีคนที่ฉันเกลียด มันด้วย !!
อืม !! :b32: :b32: เราก้อบอกว่า# อืม !!ถ้าทำอย่างนั้น เปิดพัดลม หรือแอร์นั่งเฉยๆ
ดีกว่านะ ไม่ต้องสร้างเวรสร้างกรรม :b32:
คือเราไม่ได้มีใจ คิดอติ ในทางที่ไม่ดี กับพวกเค้าหรอกนะ !!
คือใจเราคิดว่า ซักวัน พวกเค้าจะต้องได้เจอกับ ผู้รู้ ที่เคยให้ความรู้
เรื่องธรรมกันมา!! แล้ววันนั้น พวกเค้าจะเข้าใจกันเอง !!
เราทำได้แค่ ถ้าเราในสถานณ์การ อย่างนั้น !!เราทำได้แค่
พูดเรื่อง ที่มันคลายเครียด ให้เป็นเรื่องขำๆ ได้แค่นั้นเอง !!

ของอย่างนี้ ถ้าใจของพวกเค้าศรัทธา ในธรรมจริงๆ ซักวันหนึ่ง
พวกเค้า จะได้เจอ กับผู้รู้ หรือฟังธรรม กับอาจารย์ ของพวกเค้า แล้วพวกเค้าจะเข้าใจกัน เอง !
ในความเห็นของพวกคุณ ๆๆ คิดเหมือนเราหรือปล่าวค่ะ !!


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 24 ส.ค. 2018, 10:22 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 ต.ค. 2006, 12:36
โพสต์: 33766

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


bbby เขียน:
คุณลุง สมาน เขียน

[
อ้างคำพูด:
color=#FF0000]ใครจะนั่งนานหรือไม่นานไม่ได้เอาตรงนั้นมาวัดกัน[/color] นั่งนานๆ ไม่ถึงฌานก็มี
บางคนเข้าฌานออกฌานได้คล่องแคล่ว นึกจะเข้าฌานก็เข้าได้เลย
คิดจะออกจากฌานก็ออกได้เลย
การเข้าฌานไม่ใช่เหมือนการหาทรัพย์ หามาได้แค่ไหนก็ควรได้ใช้แค่นั้นหมดแล้วหมดกัน
การเข้าฌานก็เพื่อลดละกิเลสเมื่อตายในขณะที่ยังมีฌานอยู่ย่อมไปเกิดในพรหมโลก
ถ้าตายเมื่อไม่มีฌานย่อมเข้าถึงสุคติโลกสวรรค์ เมื่อไปเกิดภูมิไหนก็ย่อมอยู่ตามอายุไขยของภูมินั่นๆ


ตรงจุดนี้ เคยได้ยิน คนที่ปฏิบัติธรรม ชอบเอามาเถียงกันนะ
บางครั้งฟังแล้ว ใจก้อนึกขำๆ อีกคนก้อบอกว่า# ฉันนั่งสวดมนต์
ได้เป็นชั่วโมงๆ # อีกคนบอก #ฉันทำไม่ได้ ฉันสวดได้แค่แป๊บเดียว#
สารพัดอ่ะ !! คนที่สวดได้นาน ก้อคุยแหลกเลย !!
เราก้อเลย ต้องให้คนที่คุย ข่มคนอื่นๆ หยุด โดยการถามว่า !!
เอายังงี้ ที่เธอบอกว่า เธอนั่งสวดมนต์ ได้เป็น ชั่วโมงๆ
จิตของเธอ เป็นสมาธิ จิตนิ่ง จิตว่าง จิตจับ
แต่ที่คำสวดมนต์หรือปล่าว !! นางบอกว่า " ใครจะทำอย่างนั้นได้
นางสวดไปด้วย คิดเรื่องอะไร ต่ออะไร ไปด้วย !!
:b32: :b32:
อีกคน บอก ฉันสวดมนต์ ตักบาตร ฉันก้อแช่ง อีคนที่ฉันเกลียด มันด้วย !!
อืม !! :b32: :b32: เราก้อบอกว่า# อืม !!ถ้าทำอย่างนั้น เปิดพัดลม หรือแอร์นั่งเฉยๆ
ดีกว่านะ ไม่ต้องสร้างเวรสร้างกรรม :b32:
คือเราไม่ได้มีใจ คิดอติ ในทางที่ไม่ดี กับพวกเค้าหรอกนะ !!
คือใจเราคิดว่า ซักวัน พวกเค้าจะต้องได้เจอกับ ผู้รู้ ที่เคยให้ความรู้
เรื่องธรรมกันมา!! แล้ววันนั้น พวกเค้าจะเข้าใจกันเอง !!
เราทำได้แค่ ถ้าเราในสถานณ์การ อย่างนั้น !!เราทำได้แค่
พูดเรื่อง ที่มันคลายเครียด ให้เป็นเรื่องขำๆ ได้แค่นั้นเอง !!

ของอย่างนี้ ถ้าใจของพวกเค้าศรัทธา ในธรรมจริงๆ ซักวันหนึ่ง
พวกเค้า จะได้เจอ กับผู้รู้ หรือฟังธรรม กับอาจารย์ ของพวกเค้า แล้วพวกเค้าจะเข้าใจกัน เอง !
ในความเห็นของพวกคุณ ๆๆ คิดเหมือนเราหรือปล่าวค่ะ !!



การนั่งกำหนดอารมณ์ก็ดี การเดินจงกรมก็ดี นั่นคือการฝึกจิต ให้อยู่กับสิ่งที่ทำ คือ กรรมฐาน หรือ งานที่ทำในขณะนั้นๆ ทำงานอะไรอยู่ก็อันนั้นแหละ จะเริ่มจาก 10 นาที 20 นาที 30 นาที 50 นาที 60 นาที เป็นต้น นี่คือการเพิ่มกำลังของจิตให้มันมีสมาธิ มีสติ มีสัมปชัญญะเป็นต้นได้นานๆ อีกอย่างคำว่า ฌาน องค์ธรรมแท้ๆก็คือสมาธินี่เอง (นั่นเป็นชื่อเฉพาะของมัน) แต่แท้ๆแล้วคือสมาธินี่แหละ

.....................................................
https://dhammachati.blogspot.com/


แก้ไขล่าสุดโดย กรัชกาย เมื่อ 24 ส.ค. 2018, 10:24, แก้ไขแล้ว 1 ครั้ง

โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 24 ส.ค. 2018, 10:22 
 
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 6
สมาชิก ระดับ 6
ลงทะเบียนเมื่อ: 17 ส.ค. 2018, 07:07
โพสต์: 482

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


พุทโธ คือ พุทธานุสติ
บริกรรมพุทโธ ใจรักและเชื่อมั่นศรัทธาในคำสอนพระพุทธเจ้า
ใจอยู่กับพุทโธจนรวมเป็นหนึ่งเดียวกับพุทโธ คำบริกรรมหาย
คือใจมีหลักแล้ว มีกำลังพอจะเห็นผัสสะภายนอก มีรูปที่ตาเป็น
ต้น ว่านั่นรูป เราทีไปรู้รูปนี้เป็นนาม อย่างนี้เป็นวิปัสสนาญาณ
ีครูอาจารณ์ท่านจึงเน้นย้ำว่า ออกจากสมาธิอย่าทิ้งโอกาส
ถ้าไม่เจริญวิปัสสนา ก็ได้พรหมวิหารเหมือนกัน แต่มันไม่ที่ยง
ไม่ละโลภ โกรธ หลง ได้จริงนะครับ

ปล . เห็นว่าพอจะเป็นประโยชน์ ไม่เป็นประโยชน์ก็ข้ามไปครับ เจริญในธรรมยิ่ง ๆขึ้นไป สาธุ


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 24 ส.ค. 2018, 10:29 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 ต.ค. 2006, 12:36
โพสต์: 33766

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


นี่ใช้คำบริกรรมภาวนา "พุท-โธ" พร้อมกับหายใจเข้า-ออก อะไรก็ได้ อย่ายึดว่าแค่พุทโธ คำบริกรรมเป็นเหมือนเครื่องตรึงจิตให้อยู่กับงานที่จิตทำได้ดีกว่ากว่าไปเลื่อนลอย

อ้างคำพูด:
ผมก็นั่งตามลมหายใจพุทโธไป

วันแรกๆก็ไม่เป็นอะไร พอวันที่สามนั่งไปซักพักประมาณสิบนาทีเริ่มมีอาการเหวี่ยงแบบเหวี่ยงหมุนจน เวียนหัวจึงนั่งต่อไม่ได้ลืมตาขึ้นมานั่งดูพระรูปอื่น

เป็นอย่างนี้อยู่เกือบตลอด กลับมาที่กุฏิก่อนจะจำวัดก็นั่งก็เป็นอีก

จนมาถามพระพี่เลี้ยงท่านบอกเหมือนจิตกำลังจะได้เข้าสู่ความสงบให้ผ่านจุดนี้ไปให้ได้ แต่มันก็ได้แบบแปปๆแล้วก็หมุนอีกหมุนอีก

จนลาสิกขามาก็เริ่มมาหาอ่านเองจนได้อ่านบันทึกกรรมฐานของเจ้าพระคุณสมเด็จพระสังฆราช ให้พิจารณา กาย เวทนา จิต ธรรม

คราวนี้ก็ทำตามหนังสือ หายใจตอนแรกก็ยาว ก็ตามไปซักพัก เริ่มพิจารณาตามสติปัฐฐาน คราวนี้หมุนเร็วเลยหมุนแรงมากจนรู้สึกจะอาเจียนเลย

ผมก็พิจารณาว่าเป็นทุกขเวทนา ก็ดีขึ้นแปปก็หมุนอีกเรื่อยๆ จนตอนนี้ยังแก้ไม่ได้เลยครับ ไม่รู้ว่าจะทำยังไง ล่าสุดเมื่อคืนหมุนจนจะอ้วกจนถอนสมาธิออกมา ยังมีอาการเวียนหัวจะอ้วกมาอีกซักสิบห้านาทีค่อยดีขึ้น

คำถามครับ

1. ผมควรแก้ปัญหานี้ยังไงดี ฝืนนั่งไปเรื่อยๆจนหายหรือต้องกำหนดอะไรยังไง

2. จุดมุ่งหมายจริงๆ คือวิปัสสนากรรมฐานคืออะไรครับ ไม่ได้โอ้อวดว่าตัวเองเก่งนะครับ พอดีผมเรียนแพทย์เลยเข้าใจพวกสรีระร่างกายมนุษย์อยู่แล้ว เมื่อมาเรียนรู้ทางธรรมพิจารณาตามขันธ์ 5 ก็เข้าใจว่ามันไม่ได้มีตัวตนจริงๆของเรา เหมือนเท่าที่อ่านการฝึกวิปัสสนาทำให้เราเข้าใจว่าทุกอย่างมีเกิดดับของมัน เป็นธรรมดา ไม่ให้เรายึดติด แต่ถ้าผมอ่านแล้วเข้าใจแล้วจะทำไปเพื่ออะไร หรือว่าให้จิตเราแข็งแกร่ง จะได้มีสติรู้เท่าทันทุกการกระทำ หลังสึกออกมาทุกวันนี้ เวลาจะโกรธใครก็เหมือนมีสติมาห้ามทัน แต่ก็ยังมีหลุดบ้าง ซึ่งก่อนหน้านี้จะตอบโต้แทบจะทันทีเพราะเป็นคนใจร้อน

.....................................................
https://dhammachati.blogspot.com/


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 24 ส.ค. 2018, 10:41 
 
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 6
สมาชิก ระดับ 6
ลงทะเบียนเมื่อ: 17 ส.ค. 2018, 07:07
โพสต์: 482

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


กรัชกาย เขียน:
นี่ใช้คำบริกรรมภาวนา "พุท-โธ" พร้อมกับหายใจเข้า-ออก อะไรก็ได้ อย่ายึดว่าแค่พุทโธ คำบริกรรมเป็นเหมือนเครื่องตรึงจิตให้อยู่กับงานที่จิตทำได้ดีกว่ากว่าไปเลื่อนลอย

อ้างคำพูด:
ผมก็นั่งตามลมหายใจพุทโธไป

วันแรกๆก็ไม่เป็นอะไร พอวันที่สามนั่งไปซักพักประมาณสิบนาทีเริ่มมีอาการเหวี่ยงแบบเหวี่ยงหมุนจน เวียนหัวจึงนั่งต่อไม่ได้ลืมตาขึ้นมานั่งดูพระรูปอื่น

เป็นอย่างนี้อยู่เกือบตลอด กลับมาที่กุฏิก่อนจะจำวัดก็นั่งก็เป็นอีก

จนมาถามพระพี่เลี้ยงท่านบอกเหมือนจิตกำลังจะได้เข้าสู่ความสงบให้ผ่านจุดนี้ไปให้ได้ แต่มันก็ได้แบบแปปๆแล้วก็หมุนอีกหมุนอีก

จนลาสิกขามาก็เริ่มมาหาอ่านเองจนได้อ่านบันทึกกรรมฐานของเจ้าพระคุณสมเด็จพระสังฆราช ให้พิจารณา กาย เวทนา จิต ธรรม

คราวนี้ก็ทำตามหนังสือ หายใจตอนแรกก็ยาว ก็ตามไปซักพัก เริ่มพิจารณาตามสติปัฐฐาน คราวนี้หมุนเร็วเลยหมุนแรงมากจนรู้สึกจะอาเจียนเลย

ผมก็พิจารณาว่าเป็นทุกขเวทนา ก็ดีขึ้นแปปก็หมุนอีกเรื่อยๆ จนตอนนี้ยังแก้ไม่ได้เลยครับ ไม่รู้ว่าจะทำยังไง ล่าสุดเมื่อคืนหมุนจนจะอ้วกจนถอนสมาธิออกมา ยังมีอาการเวียนหัวจะอ้วกมาอีกซักสิบห้านาทีค่อยดีขึ้น

คำถามครับ

1. ผมควรแก้ปัญหานี้ยังไงดี ฝืนนั่งไปเรื่อยๆจนหายหรือต้องกำหนดอะไรยังไง

2. จุดมุ่งหมายจริงๆ คือวิปัสสนากรรมฐานคืออะไรครับ ไม่ได้โอ้อวดว่าตัวเองเก่งนะครับ พอดีผมเรียนแพทย์เลยเข้าใจพวกสรีระร่างกายมนุษย์อยู่แล้ว เมื่อมาเรียนรู้ทางธรรมพิจารณาตามขันธ์ 5 ก็เข้าใจว่ามันไม่ได้มีตัวตนจริงๆของเรา เหมือนเท่าที่อ่านการฝึกวิปัสสนาทำให้เราเข้าใจว่าทุกอย่างมีเกิดดับของมัน เป็นธรรมดา ไม่ให้เรายึดติด แต่ถ้าผมอ่านแล้วเข้าใจแล้วจะทำไปเพื่ออะไร หรือว่าให้จิตเราแข็งแกร่ง จะได้มีสติรู้เท่าทันทุกการกระทำ หลังสึกออกมาทุกวันนี้ เวลาจะโกรธใครก็เหมือนมีสติมาห้ามทัน แต่ก็ยังมีหลุดบ้าง ซึ่งก่อนหน้านี้จะตอบโต้แทบจะทันทีเพราะเป็นคนใจร้อน


เรียนรู้โลกครับ ผมก็เป็นคล้าย ๆ กันใช้กำลังนั้นมาวิเคราะห์ วิจารณ์ สิ่งต่าง ๆเกิดขึ้นมีอะไรเป็นเหตุเป็นปัจจัย จะทำได้ดี


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 24 ส.ค. 2018, 10:46 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 ต.ค. 2006, 12:36
โพสต์: 33766

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


Love J. เขียน:
กรัชกาย เขียน:
นี่ใช้คำบริกรรมภาวนา "พุท-โธ" พร้อมกับหายใจเข้า-ออก อะไรก็ได้ อย่ายึดว่าแค่พุทโธ คำบริกรรมเป็นเหมือนเครื่องตรึงจิตให้อยู่กับงานที่จิตทำได้ดีกว่ากว่าไปเลื่อนลอย

อ้างคำพูด:
ผมก็นั่งตามลมหายใจพุทโธไป

วันแรกๆก็ไม่เป็นอะไร พอวันที่สามนั่งไปซักพักประมาณสิบนาทีเริ่มมีอาการเหวี่ยงแบบเหวี่ยงหมุนจน เวียนหัวจึงนั่งต่อไม่ได้ลืมตาขึ้นมานั่งดูพระรูปอื่น

เป็นอย่างนี้อยู่เกือบตลอด กลับมาที่กุฏิก่อนจะจำวัดก็นั่งก็เป็นอีก

จนมาถามพระพี่เลี้ยงท่านบอกเหมือนจิตกำลังจะได้เข้าสู่ความสงบให้ผ่านจุดนี้ไปให้ได้ แต่มันก็ได้แบบแปปๆแล้วก็หมุนอีกหมุนอีก

จนลาสิกขามาก็เริ่มมาหาอ่านเองจนได้อ่านบันทึกกรรมฐานของเจ้าพระคุณสมเด็จพระสังฆราช ให้พิจารณา กาย เวทนา จิต ธรรม

คราวนี้ก็ทำตามหนังสือ หายใจตอนแรกก็ยาว ก็ตามไปซักพัก เริ่มพิจารณาตามสติปัฐฐาน คราวนี้หมุนเร็วเลยหมุนแรงมากจนรู้สึกจะอาเจียนเลย

ผมก็พิจารณาว่าเป็นทุกขเวทนา ก็ดีขึ้นแปปก็หมุนอีกเรื่อยๆ จนตอนนี้ยังแก้ไม่ได้เลยครับ ไม่รู้ว่าจะทำยังไง ล่าสุดเมื่อคืนหมุนจนจะอ้วกจนถอนสมาธิออกมา ยังมีอาการเวียนหัวจะอ้วกมาอีกซักสิบห้านาทีค่อยดีขึ้น

คำถามครับ

1. ผมควรแก้ปัญหานี้ยังไงดี ฝืนนั่งไปเรื่อยๆจนหายหรือต้องกำหนดอะไรยังไง

2. จุดมุ่งหมายจริงๆ คือวิปัสสนากรรมฐานคืออะไรครับ ไม่ได้โอ้อวดว่าตัวเองเก่งนะครับ พอดีผมเรียนแพทย์เลยเข้าใจพวกสรีระร่างกายมนุษย์อยู่แล้ว เมื่อมาเรียนรู้ทางธรรมพิจารณาตามขันธ์ 5 ก็เข้าใจว่ามันไม่ได้มีตัวตนจริงๆของเรา เหมือนเท่าที่อ่านการฝึกวิปัสสนาทำให้เราเข้าใจว่าทุกอย่างมีเกิดดับของมัน เป็นธรรมดา ไม่ให้เรายึดติด แต่ถ้าผมอ่านแล้วเข้าใจแล้วจะทำไปเพื่ออะไร หรือว่าให้จิตเราแข็งแกร่ง จะได้มีสติรู้เท่าทันทุกการกระทำ หลังสึกออกมาทุกวันนี้ เวลาจะโกรธใครก็เหมือนมีสติมาห้ามทัน แต่ก็ยังมีหลุดบ้าง ซึ่งก่อนหน้านี้จะตอบโต้แทบจะทันทีเพราะเป็นคนใจร้อน


เรียนรู้โลกครับ ผมก็เป็นคล้าย ๆ กันใช้กำลังนั้นมาวิเคราะห์ วิจารณ์ สิ่งต่าง ๆเกิดขึ้นมีอะไรเป็นเหตุเป็นปัจจัย จะทำได้ดี



โลกมีหลายนัย เอานัยนี้ โลกคือสังขาร (หมดทั้งกายและใจ) เรียนรู้โลกแง่นี้ โอเคเลย โลกคือสังขารนี่แหละที่ต้องเรียนรู้มัน

.....................................................
https://dhammachati.blogspot.com/


แสดงโพสต์จาก:  เรียงตาม  
กลับไปยังกระทู้  [ 53 โพสต์ ]  ไปที่หน้า ย้อนกลับ  1, 2, 3, 4  ต่อไป

เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง


 ผู้ใช้งานขณะนี้

่กำลังดูบอร์ดนี้: ไม่มีสมาชิก และ บุคคลทั่วไป 1 ท่าน


ท่าน ไม่สามารถ โพสต์กระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ตอบกระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แก้ไขโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ลบโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แนบไฟล์ในบอร์ดนี้ได้

ค้นหาสำหรับ:
ไปที่:  
Google
ทั่วไป เว็บธรรมจักร