วันเวลาปัจจุบัน 19 ก.ย. 2025, 01:08  



เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง




กลับไปยังกระทู้  [ 23 โพสต์ ]  ไปที่หน้า ย้อนกลับ  1, 2  Bookmark and Share
เจ้าของ ข้อความ
โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 03 ก.ค. 2018, 05:49 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 ต.ค. 2006, 12:36
โพสต์: 33766

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


Rosarin เขียน:
Kiss
อะนะความปกติของคนเราเป็นคนธรรมดาที่สุด
คำสอนของพระพุทธเจ้าถ้าไม่เคยคิดตามทีละคำ
จะไม่รู้จักกิเลสตนเองเลยนะคะเพราะบัญญัติคำ
ปกปิดความจริงต้องอาศัยคำตถาคตไถถากให้จ้ะ
เพราะเป็นสาวกบารมีถ้าไม่ใช้หลักกาลามสูตร10
ในการเริ่มต้นจะคิดว่าตนสูงเลอเลิศพ้นกิเลสอ่ะค่ะ
ความเป็นปกติรู้ตัวคือให้รู้จักตนเองว่าพูดทุกคำเลย
ที่ไม่รู้จักด้วยความไม่รู้โดยไม่พึ่งคิดตามปัญญาตถาคต
สาวกบารมีต้องเดินจิตตามคำของพระองค์ทีละคำให้รู้ทัน
เมื่อรู้เท่าทันกิเลสแล้วเท่านั้นความจริงที่จิตละไม่รู้เพื่อรู้ตรงๆ
จิตจะระลึกได้รวดเร็วแม่นยำตามปัญญาที่เพิ่มขึ้นมาจากการฟัง
ไม่ใช่มีตัวตนไปทำแยกออกไปจากปกติโดยไม่พึ่งคำตถาคตนะคะ
ถ้ายังไม่เคยพึ่งการคิดตามคำวาจาสัจจะตรงปรมัตถสัจจะที่ตนกำลังมี
แปลว่าไม่สามารถเข้าถึงความจริงตามได้เพราะสาวกตามจนทันสมัยปัจจุบันก่อนดับค่ะ
มีพระรัตนตรัยเป็นที่พึ่งคือพึ่งคิดตามคำตถาคตทีละคำจนตรงและทันทุกขณะเดี๋ยวนี้มีแล้ว
ไม่ไปไหนก็มีกำลังเกิดดับครบ6ทางอายตนะแล้วขาดแค่การเริ่มฟังเพื่อสะสมปัญญาจริงๆนะคะ
ปัญญา=ญาณ=วิชชา=วิปัสสนา=สัมมาทิฏฐิและการเดินปัญญาต้องตามฟังใคำตถาคตจนกว่านิพพาน
ตัวตนนั้นจริงๆมันไม่มีอยู่แล้วที่คิดเอาคนทั้งตัวไปทำเป็นมิจฉาทิฏฐิเป็นมิจฉามรรคจะให้ว่าอย่างไรดีคะ
:b12:
:b4: :b4:



ไม่ได้ฟังเสียงนกเสียงกาเลย

.....................................................
https://dhammachati.blogspot.com/


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 17 ธ.ค. 2018, 00:34 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 29 ต.ค. 2009, 15:06
โพสต์: 7520

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


กรัชกาย เขียน:
Rosarin เขียน:
Kiss
อะนะความปกติของคนเราเป็นคนธรรมดาที่สุด
คำสอนของพระพุทธเจ้าถ้าไม่เคยคิดตามทีละคำ
จะไม่รู้จักกิเลสตนเองเลยนะคะเพราะบัญญัติคำ
ปกปิดความจริงต้องอาศัยคำตถาคตไถถากให้จ้ะ
เพราะเป็นสาวกบารมีถ้าไม่ใช้หลักกาลามสูตร10
ในการเริ่มต้นจะคิดว่าตนสูงเลอเลิศพ้นกิเลสอ่ะค่ะ
ความเป็นปกติรู้ตัวคือให้รู้จักตนเองว่าพูดทุกคำเลย
ที่ไม่รู้จักด้วยความไม่รู้โดยไม่พึ่งคิดตามปัญญาตถาคต
สาวกบารมีต้องเดินจิตตามคำของพระองค์ทีละคำให้รู้ทัน
เมื่อรู้เท่าทันกิเลสแล้วเท่านั้นความจริงที่จิตละไม่รู้เพื่อรู้ตรงๆ
จิตจะระลึกได้รวดเร็วแม่นยำตามปัญญาที่เพิ่มขึ้นมาจากการฟัง
ไม่ใช่มีตัวตนไปทำแยกออกไปจากปกติโดยไม่พึ่งคำตถาคตนะคะ
ถ้ายังไม่เคยพึ่งการคิดตามคำวาจาสัจจะตรงปรมัตถสัจจะที่ตนกำลังมี
แปลว่าไม่สามารถเข้าถึงความจริงตามได้เพราะสาวกตามจนทันสมัยปัจจุบันก่อนดับค่ะ
มีพระรัตนตรัยเป็นที่พึ่งคือพึ่งคิดตามคำตถาคตทีละคำจนตรงและทันทุกขณะเดี๋ยวนี้มีแล้ว
ไม่ไปไหนก็มีกำลังเกิดดับครบ6ทางอายตนะแล้วขาดแค่การเริ่มฟังเพื่อสะสมปัญญาจริงๆนะคะ
ปัญญา=ญาณ=วิชชา=วิปัสสนา=สัมมาทิฏฐิและการเดินปัญญาต้องตามฟังใคำตถาคตจนกว่านิพพาน
ตัวตนนั้นจริงๆมันไม่มีอยู่แล้วที่คิดเอาคนทั้งตัวไปทำเป็นมิจฉาทิฏฐิเป็นมิจฉามรรคจะให้ว่าอย่างไรดีคะ
:b12:
:b4: :b4:


:b20:
ไม่ได้ฟังเสียงนกเสียงกาเลย

มีแต่เสียงคำจริงตรงคำวาจาสัจจะของพระพุทธเจ้าให้ได้ยินแล้วคิดถูกตรงตามได้น๊า
:b4: :b4:


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 17 ธ.ค. 2018, 02:54 
 
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 6
สมาชิก ระดับ 6
ลงทะเบียนเมื่อ: 17 ส.ค. 2018, 07:07
โพสต์: 482

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


Rosarin เขียน:
Kiss
ที่สนทนามาตั้งนานไม่เข้าใจหรือคะ
เค๊าเรียนพระพุทธพจน์จากฟังล้วนๆ
ที่เอามาคุยเนี่ยเรียนจากดูคลิปล้วนๆ
ที่เขาแปลบาลีตรงภาษาแล้วเขาคุยกัน
เวลาที่มีคนสงสัยตอบข้อซักถามกันน่ะ
ทำให้ได้รายละเอียดปลีกย่อยทั้ง3ปิฎก
เราไม่เคยเจอคนในคลิปเลยแม้แต่คนเดียว
ฟังพระพุทธพจน์จากรายการบ้านธัมมะในยูทูป
ที่เขาออกอากาศช่องNBTทุกวันพุธตี5แต่เราดูย้อนหลัง
เกือบหมดทุกคลิปไม่ว่าจะคลิปปีย้อนหลังนานแค่ไหนก็เป็น
การฟังเรื่องจิตตนเองที่กำลังมีกำลังปรากฏว่ามีแล้วเดี๋ยวนี้
สรุปว่าสะสมการฟังที่เข้าใจคำสอนตามเสียงมาเกือบ8ปี
พร้อมฝึกระลึกรู้รูปที่กำลังปรากฏที่ตัวทีละ1จนรู้ทั่วตัวตรงๆ
ฝึกไปฟังไปจนกระทั่งรู้ตัวตลอดเวลาระลึกเร็วขึ้นทันทุกขณะ
เอาสำนวนที่ไม่ใช่ภาษาไทยเราไม่เข้าใจมาถามตอบไม่ได้หรอก
เรามีทั้งประสบการณ์ตรงนั่งสมาธิและฟังพระพุทธพจน์และเมื่อ
เข้าใจมากขึ้นคือมีปัญญาเพิ่มขึ้นปัญญาทิ้งสิ่งที่ไม่เป็นประโยชน์ได้
เพราะปัญญารู้ชัดตรงอย่างรวดเร็วที่กายใจว่ามีอะไรปรากฏตอนกำลังฟังจะให้ว่าไงดีคะ
ถามจริงๆเวลาสนทนากะเราไม่ชัดเหรอว่ากายใจตัวเองรู้อะไรแปลว่าขาดสติเป็นกิเลสแล้ว
ปล.เราเจอคลิปบ้านธัมมะตอนเว็บลานธรรมจักรล่มปลายปี2010ตั้งแต่เดือนแรกรู้ว่าระลึกรูปอะไร
ปล.ไม่ใช่ให้เชื่อแต่ให้ใช้ตาดูใช้หูฟังด้วยหลักกาลามสูตร10เพราะคนเป็นสมมุติบัญญัติไม่มีอยู่จริง
http://www.dhammahome.com
:b13:


ใช้ตาดู หูฟังด้วยหลักกาลามสูตร 10 ทำไมสรุปแล้วเห็นไม่ตรงตามจริง
คนน่ะมีอยู่จริง ๆ เราสมมุติบัญญัติขึ้นมาทำสัญญาไว้ว่านี้คน นี้เรา นั่นเขา
นั้นสัตว์ นี่สิ่งของ ต่อให้เราไม่มีสมมุติบัญญัติเลย คนก็มีอยู่จริง ๆ ทุกข์ก็
มีอยู่จริง เพื่อนร่วมทุกข์ก็มีอยู่จริง เกิด แก่ เจ็บ ตาย ทุกข์ โทรมนัส ก็มี
อยู่จริง หากคนเป็นเพียงสัมมุติบัญญัติไม่มีอยู่จริงเป็นเพียงแสงสีที่กระทบ
ตา พระพุทธเจ้าจะประกาศศาสนาสั่งสอนสิ่งที่ไม่มีอยู่จริงทำไม

เพราะคนเรารู้สมมุติบัญญัติ จึงเรียนรู้เพื่อเข้าถึงปรมัตถธรมได้
แต่เมื่อเข้าถึงปรมัตถ์ ค้นหาสัตว์ บุคคลไม่ได้ ดันสมมุติบัญญัติขึ้นมา
ทำสัญญาไหม่ว่าโลกไม่มี สัตว์ บุคคลไม่มี แล้วก็ไม่ทุกข์กับชีวิต
ไม่เกิดความเบื่อหน่าย คลายกำหนัด

ปล. อย่าพึ่งลำคานผมนะครับ อ่านความเห็นผมแล้วใช้หลักกาลมสูตร 10 พิจารณาก่อน


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 17 ธ.ค. 2018, 05:25 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 29 ต.ค. 2009, 15:06
โพสต์: 7520

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


Love J. เขียน:
Rosarin เขียน:
Kiss
ที่สนทนามาตั้งนานไม่เข้าใจหรือคะ
เค๊าเรียนพระพุทธพจน์จากฟังล้วนๆ
ที่เอามาคุยเนี่ยเรียนจากดูคลิปล้วนๆ
ที่เขาแปลบาลีตรงภาษาแล้วเขาคุยกัน
เวลาที่มีคนสงสัยตอบข้อซักถามกันน่ะ
ทำให้ได้รายละเอียดปลีกย่อยทั้ง3ปิฎก
เราไม่เคยเจอคนในคลิปเลยแม้แต่คนเดียว
ฟังพระพุทธพจน์จากรายการบ้านธัมมะในยูทูป
ที่เขาออกอากาศช่องNBTทุกวันพุธตี5แต่เราดูย้อนหลัง
เกือบหมดทุกคลิปไม่ว่าจะคลิปปีย้อนหลังนานแค่ไหนก็เป็น
การฟังเรื่องจิตตนเองที่กำลังมีกำลังปรากฏว่ามีแล้วเดี๋ยวนี้
สรุปว่าสะสมการฟังที่เข้าใจคำสอนตามเสียงมาเกือบ8ปี
พร้อมฝึกระลึกรู้รูปที่กำลังปรากฏที่ตัวทีละ1จนรู้ทั่วตัวตรงๆ
ฝึกไปฟังไปจนกระทั่งรู้ตัวตลอดเวลาระลึกเร็วขึ้นทันทุกขณะ
เอาสำนวนที่ไม่ใช่ภาษาไทยเราไม่เข้าใจมาถามตอบไม่ได้หรอก
เรามีทั้งประสบการณ์ตรงนั่งสมาธิและฟังพระพุทธพจน์และเมื่อ
เข้าใจมากขึ้นคือมีปัญญาเพิ่มขึ้นปัญญาทิ้งสิ่งที่ไม่เป็นประโยชน์ได้
เพราะปัญญารู้ชัดตรงอย่างรวดเร็วที่กายใจว่ามีอะไรปรากฏตอนกำลังฟังจะให้ว่าไงดีคะ
ถามจริงๆเวลาสนทนากะเราไม่ชัดเหรอว่ากายใจตัวเองรู้อะไรแปลว่าขาดสติเป็นกิเลสแล้ว
ปล.เราเจอคลิปบ้านธัมมะตอนเว็บลานธรรมจักรล่มปลายปี2010ตั้งแต่เดือนแรกรู้ว่าระลึกรูปอะไร
ปล.ไม่ใช่ให้เชื่อแต่ให้ใช้ตาดูใช้หูฟังด้วยหลักกาลามสูตร10เพราะคนเป็นสมมุติบัญญัติไม่มีอยู่จริง
http://www.dhammahome.com
:b13:


ใช้ตาดู หูฟังด้วยหลักกาลามสูตร 10 ทำไมสรุปแล้วเห็นไม่ตรงตามจริง
คนน่ะมีอยู่จริง ๆ เราสมมุติบัญญัติขึ้นมาทำสัญญาไว้ว่านี้คน นี้เรา นั่นเขา
นั้นสัตว์ นี่สิ่งของ ต่อให้เราไม่มีสมมุติบัญญัติเลย คนก็มีอยู่จริง ๆ ทุกข์ก็
มีอยู่จริง เพื่อนร่วมทุกข์ก็มีอยู่จริง เกิด แก่ เจ็บ ตาย ทุกข์ โทรมนัส ก็มี
อยู่จริง หากคนเป็นเพียงสัมมุติบัญญัติไม่มีอยู่จริงเป็นเพียงแสงสีที่กระทบ
ตา พระพุทธเจ้าจะประกาศศาสนาสั่งสอนสิ่งที่ไม่มีอยู่จริงทำไม

เพราะคนเรารู้สมมุติบัญญัติ จึงเรียนรู้เพื่อเข้าถึงปรมัตถธรมได้
แต่เมื่อเข้าถึงปรมัตถ์ ค้นหาสัตว์ บุคคลไม่ได้ ดันสมมุติบัญญัติขึ้นมา
ทำสัญญาไหม่ว่าโลกไม่มี สัตว์ บุคคลไม่มี แล้วก็ไม่ทุกข์กับชีวิต
ไม่เกิดความเบื่อหน่าย คลายกำหนัด

ปล. อย่าพึ่งลำคานผมนะครับ อ่านความเห็นผมแล้วใช้หลักกาลมสูตร 10 พิจารณาก่อน

Kiss
มีเพียงอุปาทานขันธ์คือยึดมั่นถือมั่นว่าเป็นตัวตนจนกว่าจะพึ่งการฟังคำสอน100%
ปัญญาที่ค่อยๆเพิ่มทีละนิดจากการปรุงแต่งถูกตามคำสอนได้ทำกิจของปัญญา
ไม่มีเราเข้าไปยึดถือสิ่งใดๆที่กายมีเพราะปัญญารู้ทั่วตัวทีละ1แต่ละ1แม่นยำ
รู้ว่าเป็นธัมมะหลากหลายที่ตนกำลังสะสมไม่ได้เป็นเจ้าของแม้กายนี้ก็สละ
แต่ยังไม่ถึงเวลาจากโลกนี้ไปและยังมีกิเลสที่ยังดับไม่ได้อีกมหาศาลจริงๆ


การละตัวตนที่มีความไม่รู้ว่าไม่มีตัวตนทำได้จากการฟังเพราะเป็นสาวก
เป็นผู้ฟังที่ดีที่ไม่ได้เดือดเนื้อร้อนใจไปตามสิ่งที่เห็นแต่การรู้ตามได้
เป็นการรู้ตามตรงมาจากการฟังจริงๆได้ทำหรือยังถ้ายังก็ไม่ใช่ปริยัติ
เพราะสุตมยปัญญาคือปริยัติคือสัจจะญาณะทุกครั้งที่ฟังตรงขณะ
ตรง1ทางไม่วอกแวกไปตามสิ่งที่เห็นสติปัญญาทำหน้าที่คือเข้าใจ


สิ่งที่เกิดแล้วมีแล้วตรงวิถีจิตด้วยสมาธิที่ตั้งมั่นตรงทางที่กำลังมี
และกำลังเกิดดับตามเหตุตามปัจจัยขาดแค่ปัญญาเพราะว่า
ปัญญาไม่ได้นอนมาในจิตแบบกิเลสที่กำลังครองโลกอยู่
โลกตามคำตถาคตคือสิ่งที่เกิดดับและขันธ์แปลว่าเกิดดับ
แปลว่ายึดมั่นในของที่หมดไปตลอดเวลาดับไม่กลับมาอีก


เกิดสิ่งที่เกิดดับใหม่อยู่ตลอดเวลาก็ไม่รู้ว่ามันไม่มั่นคงไม่ยั่งยืนไม่เที่ยง
มีแต่ความเห็นผิดยึดมั่นว่ามีตัวเราเมื่อมีเราก็มีคนอื่นมีคนมีสัตว์มีวัตถุจริงไหม
มีทุกอย่างเต็มโลกเต็มสงสารไม่รู้ว่ามีแต่ธัมมะคือสิ่งที่กำลังปรากฏให้รู้ถูกตามได้
ตามปกติวิสัยและเป็นปกติรู้สึกตัวทุกขณะว่าไม่มีตัวตนจริงๆก็มีแต่ที่ประชุมธัมมะรวมกัน
ของตัวจริงธัมมะที่ทะยอยเกิดทะยอยดับไปทีละ1เป็นแต่ละ1ไม่ซ้ำหลากหลายตามที่ตนรู้เท่าทัน


ไม่มีตัวเราจริงๆจึงต้องรู้ความสามารถของจิตตนเท่านั้นจะรู้ต้องรู้เดี๋ยวนี้ว่าไม่มีตัวตนจริงๆโดยอาศัยคำสอน
มีพระรัตนตรัยเป็นที่พึ่งคือพึ่งการฟังคำสอน100%โดยใช้หลักกาลามสูตร10ตรงปัจจุบันขณะเพื่อรู้ตามเสียง
พึ่งคิดตามการฟังคำตถาคตจากปรโตโฆสะจนจิตน้อมไปเองในการตามรู้ตามเข้าใจเรื่องราวของสิ่งที่กำลังมี
เพื่อเข้าใจถูกตามหลังกิเลสในจิตที่ไหลออกมาอาศัยคำตถาคตเปิดทางแวกกิเลสเพื่อเพิ่มปัญญารู้ตรงขณะ
แทรกเข้าไปในจิตแทนที่กิเลสรู้ตามคำสอนได้ทีละนิดจริงๆจนกว่าปัญญาเกิดได้มากขึ้นเองตามลำดับปัญญา


:b12:
เข้าใจไหมคะว่าขาดฟังก็คิดตามเห็นผิดทันที...รัฐบาลต้องตรวจสอบเม็ดเงินที่กำลังทะยอยไหลออกจากวัด

เพราะพระภิกษุไม่ต้องใช้เงินแม้แต่บาทเดียวเพราะพระพุทธเจ้าให้เงินเดือนวันละ1บาตรโดยไม่ต้องทำอาชีพ

:b8:
:b32: :b32:


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 17 ธ.ค. 2018, 06:18 
 
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 6
สมาชิก ระดับ 6
ลงทะเบียนเมื่อ: 17 ส.ค. 2018, 07:07
โพสต์: 482

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


'' เข้าใจไหมคะว่าขาดฟังก็คิดตามเห็นผิดทันที '' เก็บคำนี้นะพิจารณานะ ครับ
ผู้ที่ทำในใจไว้อย่างไม่แยบคายหรืออโยนิโสมนสิการ จะมีความเห็นผิด เมื่อ
ยึดมั่น ถือมั่น ความเห็นผิดนั้นแล้ว จะไม่เห็นทุกข์โดยความเป็นทุกข์ คิดว่าสุขอยู่
จึงไม่คิดหาทางเพื่อพ้นทุกข์ และจะมีมิจฉาวาจาคำพูดที่ขัดกับธรรม ไม่เป็นธรรม
ออกมาเนืองนิตย์ เพื่อปกป้องและสนับสนุนความเห็นผิดนั้น อย่างยึดมั่นถือมั่น ..


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 17 ธ.ค. 2018, 06:20 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 29 ต.ค. 2009, 15:06
โพสต์: 7520

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


Rosarin เขียน:
Love J. เขียน:
Rosarin เขียน:
Kiss
ที่สนทนามาตั้งนานไม่เข้าใจหรือคะ
เค๊าเรียนพระพุทธพจน์จากฟังล้วนๆ
ที่เอามาคุยเนี่ยเรียนจากดูคลิปล้วนๆ
ที่เขาแปลบาลีตรงภาษาแล้วเขาคุยกัน
เวลาที่มีคนสงสัยตอบข้อซักถามกันน่ะ
ทำให้ได้รายละเอียดปลีกย่อยทั้ง3ปิฎก
เราไม่เคยเจอคนในคลิปเลยแม้แต่คนเดียว
ฟังพระพุทธพจน์จากรายการบ้านธัมมะในยูทูป
ที่เขาออกอากาศช่องNBTทุกวันพุธตี5แต่เราดูย้อนหลัง
เกือบหมดทุกคลิปไม่ว่าจะคลิปปีย้อนหลังนานแค่ไหนก็เป็น
การฟังเรื่องจิตตนเองที่กำลังมีกำลังปรากฏว่ามีแล้วเดี๋ยวนี้
สรุปว่าสะสมการฟังที่เข้าใจคำสอนตามเสียงมาเกือบ8ปี
พร้อมฝึกระลึกรู้รูปที่กำลังปรากฏที่ตัวทีละ1จนรู้ทั่วตัวตรงๆ
ฝึกไปฟังไปจนกระทั่งรู้ตัวตลอดเวลาระลึกเร็วขึ้นทันทุกขณะ
เอาสำนวนที่ไม่ใช่ภาษาไทยเราไม่เข้าใจมาถามตอบไม่ได้หรอก
เรามีทั้งประสบการณ์ตรงนั่งสมาธิและฟังพระพุทธพจน์และเมื่อ
เข้าใจมากขึ้นคือมีปัญญาเพิ่มขึ้นปัญญาทิ้งสิ่งที่ไม่เป็นประโยชน์ได้
เพราะปัญญารู้ชัดตรงอย่างรวดเร็วที่กายใจว่ามีอะไรปรากฏตอนกำลังฟังจะให้ว่าไงดีคะ
ถามจริงๆเวลาสนทนากะเราไม่ชัดเหรอว่ากายใจตัวเองรู้อะไรแปลว่าขาดสติเป็นกิเลสแล้ว
ปล.เราเจอคลิปบ้านธัมมะตอนเว็บลานธรรมจักรล่มปลายปี2010ตั้งแต่เดือนแรกรู้ว่าระลึกรูปอะไร
ปล.ไม่ใช่ให้เชื่อแต่ให้ใช้ตาดูใช้หูฟังด้วยหลักกาลามสูตร10เพราะคนเป็นสมมุติบัญญัติไม่มีอยู่จริง
http://www.dhammahome.com
:b13:


ใช้ตาดู หูฟังด้วยหลักกาลามสูตร 10 ทำไมสรุปแล้วเห็นไม่ตรงตามจริง
คนน่ะมีอยู่จริง ๆ เราสมมุติบัญญัติขึ้นมาทำสัญญาไว้ว่านี้คน นี้เรา นั่นเขา
นั้นสัตว์ นี่สิ่งของ ต่อให้เราไม่มีสมมุติบัญญัติเลย คนก็มีอยู่จริง ๆ ทุกข์ก็
มีอยู่จริง เพื่อนร่วมทุกข์ก็มีอยู่จริง เกิด แก่ เจ็บ ตาย ทุกข์ โทรมนัส ก็มี
อยู่จริง หากคนเป็นเพียงสัมมุติบัญญัติไม่มีอยู่จริงเป็นเพียงแสงสีที่กระทบ
ตา พระพุทธเจ้าจะประกาศศาสนาสั่งสอนสิ่งที่ไม่มีอยู่จริงทำไม

เพราะคนเรารู้สมมุติบัญญัติ จึงเรียนรู้เพื่อเข้าถึงปรมัตถธรมได้
แต่เมื่อเข้าถึงปรมัตถ์ ค้นหาสัตว์ บุคคลไม่ได้ ดันสมมุติบัญญัติขึ้นมา
ทำสัญญาไหม่ว่าโลกไม่มี สัตว์ บุคคลไม่มี แล้วก็ไม่ทุกข์กับชีวิต
ไม่เกิดความเบื่อหน่าย คลายกำหนัด

ปล. อย่าพึ่งลำคานผมนะครับ อ่านความเห็นผมแล้วใช้หลักกาลมสูตร 10 พิจารณาก่อน

Kiss
มีเพียงอุปาทานขันธ์คือยึดมั่นถือมั่นว่าเป็นตัวตนจนกว่าจะพึ่งการฟังคำสอน100%
ปัญญาที่ค่อยๆเพิ่มทีละนิดจากการปรุงแต่งถูกตามคำสอนได้ทำกิจของปัญญา
ไม่มีเราเข้าไปยึดถือสิ่งใดๆที่กายมีเพราะปัญญารู้ทั่วตัวทีละ1แต่ละ1แม่นยำ
รู้ว่าเป็นธัมมะหลากหลายที่ตนกำลังสะสมไม่ได้เป็นเจ้าของแม้กายนี้ก็สละ
แต่ยังไม่ถึงเวลาจากโลกนี้ไปและยังมีกิเลสที่ยังดับไม่ได้อีกมหาศาลจริงๆ


การละตัวตนที่มีความไม่รู้ว่าไม่มีตัวตนทำได้จากการฟังเพราะเป็นสาวก
เป็นผู้ฟังที่ดีที่ไม่ได้เดือดเนื้อร้อนใจไปตามสิ่งที่เห็นแต่การรู้ตามได้
เป็นการรู้ตามตรงมาจากการฟังจริงๆได้ทำหรือยังถ้ายังก็ไม่ใช่ปริยัติ
เพราะสุตมยปัญญาคือปริยัติคือสัจจะญาณะทุกครั้งที่ฟังตรงขณะ
ตรง1ทางไม่วอกแวกไปตามสิ่งที่เห็นสติปัญญาทำหน้าที่คือเข้าใจ


สิ่งที่เกิดแล้วมีแล้วตรงวิถีจิตด้วยสมาธิที่ตั้งมั่นตรงทางที่กำลังมี
และกำลังเกิดดับตามเหตุตามปัจจัยขาดแค่ปัญญาเพราะว่า
ปัญญาไม่ได้นอนมาในจิตแบบกิเลสที่กำลังครองโลกอยู่
โลกตามคำตถาคตคือสิ่งที่เกิดดับและขันธ์แปลว่าเกิดดับ
แปลว่ายึดมั่นในของที่หมดไปตลอดเวลาดับไม่กลับมาอีก


เกิดสิ่งที่เกิดดับใหม่อยู่ตลอดเวลาก็ไม่รู้ว่ามันไม่มั่นคงไม่ยั่งยืนไม่เที่ยง
มีแต่ความเห็นผิดยึดมั่นว่ามีตัวเราเมื่อมีเราก็มีคนอื่นมีคนมีสัตว์มีวัตถุจริงไหม
มีทุกอย่างเต็มโลกเต็มสงสารไม่รู้ว่ามีแต่ธัมมะคือสิ่งที่กำลังปรากฏให้รู้ถูกตามได้
ตามปกติวิสัยและเป็นปกติรู้สึกตัวทุกขณะว่าไม่มีตัวตนจริงๆก็มีแต่ที่ประชุมธัมมะรวมกัน
ของตัวจริงธัมมะที่ทะยอยเกิดทะยอยดับไปทีละ1เป็นแต่ละ1ไม่ซ้ำหลากหลายตามที่ตนรู้เท่าทัน


ไม่มีตัวเราจริงๆจึงต้องรู้ความสามารถของจิตตนเท่านั้นจะรู้ต้องรู้เดี๋ยวนี้ว่าไม่มีตัวตนจริงๆโดยอาศัยคำสอน
มีพระรัตนตรัยเป็นที่พึ่งคือพึ่งการฟังคำสอน100%โดยใช้หลักกาลามสูตร10ตรงปัจจุบันขณะเพื่อรู้ตามเสียง
พึ่งคิดตามการฟังคำตถาคตจากปรโตโฆสะจนจิตน้อมไปเองในการตามรู้ตามเข้าใจเรื่องราวของสิ่งที่กำลังมี
เพื่อเข้าใจถูกตามหลังกิเลสในจิตที่ไหลออกมาอาศัยคำตถาคตเปิดทางแวกกิเลสเพื่อเพิ่มปัญญารู้ตรงขณะ
แทรกเข้าไปในจิตแทนที่กิเลสรู้ตามคำสอนได้ทีละนิดจริงๆจนกว่าปัญญาเกิดได้มากขึ้นเองตามลำดับปัญญา


:b12:
เข้าใจไหมคะว่าขาดฟังก็คิดตามเห็นผิดทันที...รัฐบาลต้องตรวจสอบเม็ดเงินที่กำลังทะยอยไหลออกจากวัด

เพราะพระภิกษุไม่ต้องใช้เงินแม้แต่บาทเดียวเพราะพระพุทธเจ้าให้เงินเดือนวันละ1บาตรโดยไม่ต้องทำอาชีพ

:b8:
:b32: :b32:

ปัญญาเจตสิกเกิดได้ทีละ1ขณะจิตตอนที่ฟังคำสอนเข้าใจถูกตัวตนที่กำลังมี
https://youtu.be/K6ay2ttE1hY


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 17 ธ.ค. 2018, 09:09 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 ต.ค. 2006, 12:36
โพสต์: 33766

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


Rosarin เขียน:
Kiss
ตถาคตกล่าวภาษามคธกับชาวมคธ
สาวกที่ฟังเข้าใจโดยไม่ต้องแปล
แต่เราคนไทยต้องเข้าใจใน
ภาษาไทยคือแปลบาลี
ให้ตรงภาษาก่อนค่ะ

เช่นขันธ์แปลว่าเกิดดับ

โลกแปลว่าสิ่งที่เกิดดับ

แปลว่าที่ยึดถือคือทุกสิ่งที่เกิดดับค่ะ


เป็นอีกสำนักหนึ่ง ที่บิดเบือน ไปเอามาแต่ไหน "ขันธ์" แปลว่า เกิดดับ :b7:

แบบนี้ จบข่าวขอรับ

ย้ำแน่นๆอีกทีว่า พระพุทธศาสนาในเมืองไทยไปไม่รอด

.....................................................
https://dhammachati.blogspot.com/


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 19 ธ.ค. 2018, 11:33 
 
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 6
สมาชิก ระดับ 6
ลงทะเบียนเมื่อ: 17 ส.ค. 2018, 07:07
โพสต์: 482

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


บางคนฟังธรรมคำสอนของพระพุทธเจ้า เชื่อในคำจริง ปล่อยใจไหลไป คล้อยไปตามคำจริง จึงเห็นธรรมตามจริงก็มี

บางคนฟังธรรมคำสอนของพระพุทธเจ้า ยังไม่เชื่อ แล้วมนสิการทำในใจ ความจริงตามเหตุปัจจัยแห่งธรรม จึงเห็นธรรมตามจริงก็มี

บางคนมีฌานเป็นบาทฐานอยู่แล้วแต่ยังไม่เคยพิจารณาขันธ์ ๕ ตามจริง แต่ฟังธรรมคำสอนของพระพุทธเจ้าจึงออกพิจารณาขันธ์ ๕ ตามเป็นจริงก็มี

เราไม่รู้ได้ว่าใครจะเห็นธรรมตามจริงด้วยเหตุแบบไหน หรือใครจะยังไม่เห็นธรรมตามจริง จึงไม่ควรประมาณผู้อื่นหรือปรามาส ดูหมิ่นผู้อื่น เพราะจะทำให้เสื่อมจากความดีในตนเสียเปล่า ๆ

ทุก ๆ สาย ทุก ๆ แบบก็ล้วนมีพระสัมมาสัมพุทธเจ้าเป็นบรมครู เป็นศิษท์พระสัมมาสัมพุทธเจ้าเหมือนกัน ควรเมตตาฟังกันแนะนำกันด้วยความเป็นกัลยาณมิตร ปราถนาให้เกิดความสุขความเจริญ


แสดงโพสต์จาก:  เรียงตาม  
กลับไปยังกระทู้  [ 23 โพสต์ ]  ไปที่หน้า ย้อนกลับ  1, 2

เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง


 ผู้ใช้งานขณะนี้

่กำลังดูบอร์ดนี้: ไม่มีสมาชิก และ บุคคลทั่วไป 1 ท่าน


ท่าน ไม่สามารถ โพสต์กระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ตอบกระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แก้ไขโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ลบโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แนบไฟล์ในบอร์ดนี้ได้

ค้นหาสำหรับ:
ไปที่:  
Google
ทั่วไป เว็บธรรมจักร