วันเวลาปัจจุบัน 16 ก.ย. 2025, 03:30  



เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง




กลับไปยังกระทู้  [ 1 โพสต์ ]    Bookmark and Share
เจ้าของ ข้อความ
โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 14 ก.ย. 2025, 09:32 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
อาสาสมัคร
อาสาสมัคร
ลงทะเบียนเมื่อ: 06 มี.ค. 2009, 10:48
โพสต์: 5369


 ข้อมูลส่วนตัว


#หลวงปู่ดู่ท่านสอนให้มีปฏิปทาสม่ำเสมอ ท่านว่า “ขยันก็ให้ทำ ขี้เกียจก็ให้ทำ ถ้าวันไหนยังกินข้าวอยู่ก็ต้องทำ วันไหนเลิกกินข้าวแล้วนั่นแหละจึงค่อยเลิกทำ”

การสอนของท่านนั้นมิได้เน้นแต่เพียงการนั่งหลับตาภาวนา หากแต่หมายรวมไปถึงการกำหนดดู กำหนดรู้ และพิจารณาสิ่งต่างๆ ในความเป็นของไม่เที่ยง เป็นทุกข์ เป็นอนัตตา โดยเฉพาะอย่างยิ่งท่านชี้ให้เห็นถึงสังขารร่างกายที่มันเกิดมันตายอยู่ตลอดเวลา ท่านว่าเราวันนี้กับเราเมื่อตอนเป็นเด็กมันก็ไม่เหมือนเก่า เราขณะนี้กับเราเมื่อวานก็ไม่เหมือนเก่า จึงว่าเราเมื่อตอนเป็นเด็กหรือเราเมื่อวานมันได้ตายไปแล้ว เรียกว่าร่างกายเรามันเกิด-ตาย อยู่ทุกลมหายใจเข้าออก มันเกิด-ตาย อยู่ทุกขณะจิต ท่านสอนให้บรรดาศิษย์เห็นจริงถึงความสำคัญของความทุกข์ยากว่าเป็นสิ่งมีคุณค่าในโลก ท่านจึงพูดบ่อยครั้งว่า การที่เราประสบทุกข์นั่นแสดงว่าเรามาถูกทางแล้ว เพราะอาศัยทุกข์นั่นแหละ จึงทำให้เราเกิดปัญญาขึ้นได้

(หลวงปู่ดู่ พรหมปัญโญ)

ขอบคุณเครดิต

#Luang Pu Du taught him to be consistent. He said, "Work hard, be lazy, do it. If you're still eating, you have to do it. When you stop eating, you have to do it."

His teaching focused not only on sitting and praying with eyes closed, but on determining, knowing and considering things in the light of day, suffering, and anathema, especially pointing to the body where they die all the time. He said that we today as children are different. We are now not the same as we were yesterday. So we, as children or as we were yesterday, were dead, called our bodies born-dead, every breath of life, every breath of life, every passing moment. He taught his students the importance of suffering as something valuable in the world. He often said that suffering shows that we are on the right track because of suffering, and that makes us wise.

(Luang Pu Du Prompanyo)

Thank you, credit.






ศรัทธาให้สุดหัวใจ นำข้อธรรมที่ท่านมอบให้มาปฏิบัติตาม
ยกระดับจิตใจตน มิต้องแข่งขันกับผู้ใด
ยึดคำสอนท่านเตือนสติ

หลวงปู่ศิลา สิริจันโท






ครูบาอาจารย์ท่านยอมรับว่าทุกคน
ต้องการความสุข แต่ท่านกลัวว่าเรา
จะผิดหวัง ท่านจึงขอให้เราพิจารณา
ให้ชัดเจนเสียก่อนว่าความสุขนั้นคืออะไร
ไม่อย่างนั้นมันจะเหมือนกับการออกเดินทาง
ไปเที่ยวประเทศใดประเทศหนึ่ง โดยไม่รู้ว่า
ประเทศนั้นมันอยู่ที่ไหน ไปอย่างไร ได้ยินแต่
ชื่อว่า สุขแลนด์ สุขแลนด์ แล้วคิดอยากไป
“ฉันจะต้องไปสุขแลนด์ให้ได้” แต่พาสปอร์ต
ก็ยังไม่มี เงินที่จะใช้จ่ายในการเดินทางก็ไม่มี
คิดแต่อยากไป ตั้งต้นเดินวนสักพักหนึ่ง
แล้วน้อยใจว่าไปไม่ถึงสักที ระย่อท้อแท้
แล้วกลับบ้าน

ผู้ที่อยู่ในโลกยังครองเรือนอยู่ ท่านไม่ให้
ใช้ชีวิตเหมือนพระหรอก เพียงแต่ให้เปลี่ยน
ความคิด หรือปรับมุมมองต่อความสุขใน
ทางโลก ว่ามันเป็นแค่ของเสริมเป็นเปลือก
ไม่ใช่แก่นแท้ของชีวิต และไม่ควรจะเป็น
เป้าหมายของชีวิต นี่เรียกว่าสัมมาทิฏฐิ
ในทางพุทธศาสนา ผู้ที่ก้าวหน้าในธรรม
ท่านคิดอย่างนี้ เชื่ออย่างนี้
...
พระอาจารย์ชยสาโร







"การพูดสำคัญจริง"

" .. "การพูดสำคัญจริง ๆ" เมื่อนึกถึงที่กล่าวมา "ถ้าเป็นการพูดจริง เป็นธัมมะจริง" แม้ผู้พูดจะยังไม่ถึงกับปฏิบัติได้จริงตามคำที่นำไปพูด "แต่ถ้าพูดได้ตรงตามความจริง จะเป็นเพียงท่องจำมา ก็ย่อมยังประโยชน์ให้เกิดได้" ไม่มากก็น้อย

"ผู้พูดจึงเป็นผู้มีบุญมีกุศลในระดับความตั้งใจที่เป็นบุญเป็นกุศล" ที่มุ่งเผยแผ่พระพุทธธรรม "มุ่งให้ผู้ได้ยินได้ฟังได้มีความรู้ ความเข้าใจในพระพุทธธรรม" ที่นำออกพูดให้ใคร ๆ ทั้งหลายได้ยินได้ฟังได้รับรู้ด้วย .. "

"แสงส่องใจ" ๓ ตุลาคม พ.ศ.๒๕๕๐
สมเด็จพระสังฆราชเจ้า กรมหลวงวชิรญาณสังวร






"หยาบก็ดี ละเอียดก็ดี ถ้ามันพอดี
สมมุติว่ามีก็มี สมมุติว่าไม่มีก็ไม่มี"

#โอวาทธรรมหลวงปู่ศิลา
#พระราชวัชรธรรมโสภณ
#เจ้าคุณปู่มหาศิลา_สิริจันโท





*** ทานมัย ***

# การถวายสังฆทาน #

ตอนนี้มาคุยกันเรื่องของผีดีกว่านะ เรื่องของผีก็มีอยู่ว่า เรื่องสังฆทาน สังฆทานที่จัดให้มีพระพุทธรูป ผ้าไตร ของที่มีอาหารบ้างเล็กน้อย ก็มีเหตุมาจากผี คือว่าสมัยก่อนผีขอ ขณะที่ผีตะกละมาขอ แกขอแบบนี้ ขอพระพุทธรูป ๑ องค์ หน้าตักไม่น้อยกว่า ๕ นิ้ว ให้เกิน ๕ นิ้วขึ้นไป ผ้า ๑ ผืน หรือผ้าไตร ๑ ผืนก็ได้ และก็มีอาหารเล็กน้อย อาหารแห้งอาหารสดก็ได้ทั้งนั้นนะ ต่อมาหลายปีเข้าทุกหน่วยที่มาขอ ขอเหมือนกันหมด มีพระพุทธรูป มีผ้า มีอาหารผ่านมาประมาณ ๑๐ ปีกว่า มันขอเกินเรียกว่าหลายพันคน ขอเหมือนกันหมด ใครมาขอก็ขอเหมือนกัน ฉันก็ทำเรื่อยมาหนักเข้าตอนหนึ่งฉันไปจังหวัดอุทัยธานี กำลังจะไปฉันเพลเขา ผีมันมาขออีก ไม่ได้หลับนะ ไม่ต้องหลับ ฉันนั่งๆ
ผียังมาถามว่า ..."เธอต้องการอะไร..." เขาบอก "...ต้องการพระพุทธรูป ต้องการผ้า อาหารเล็กน้อย..." วันนั้นมันมีเวลาว่างอยู่ เลยถามว่า "...ไหนลองบอกอานิสงส์ซิ ฉันเห็นว่าขอแบบนี้มาเกิน สองสามพันคนแล้ว ฉันก็ทำให้มามาก ฉันไม่ทราบถึงอานิสงส์ ..." ผีนั้นแกเลยบอกว่า "...การได้อาหารนิดนึงเป็นเหตุให้ผมได้ร่างกายเป็นทิพย์ การได้ผ้าเป็นเหตุให้ผมได้เครื่องประดับเป็นทิพย์ การได้พระพุทธรูปไปมีอานิสงส์ทำให้ร่างกายแกมีแสงสว่างมาก..." ที่มีพระพุทธรูป เทวดากับพรหม นางฟ้าก็ตามเขาถือว่าองค์ไหนมีแสงสว่างมาก องค์นั้นมีบุญมาก ที่สุด เขาถือว่ามีแสงสว่างมาก เทวดาก็ดี พรหมก็ดี นางฟ้าก็ตามเขาไม่ถือเครื่องแต่งตัว เขาถือแสงสว่างเป็นสำคัญ.....

โดย พระเดช พระคุณหลวงพ่อพระราชพรหมยานมหาเถระ
( หลวงพ่อฤาษีลิงดำ )
วัดท่าซุงจังหวัดอุทัยธานี

' ธรรมปฏิบัติ ๗๓ '

"ทางสายพระอริยบุคคล"
๑๓ กันยายน ๒๕๖๘







⚜️..โอวาทหลวงพ่อพระราชพรหมยาน
(หลวงพ่อฤๅษี..วัดท่าซุง)

ท่านทั้งหลายจงอย่าประมาทกับชีวิต เพราะว่า ชีวิตเป็นของไม่เที่ยงแต่ความตายเป็นของเที่ยง

ขอทุกท่านจงคิดไว้เสมอว่า อย่างไรก็ดีเราต้องตายแน่ สำหรับเวลาการตายของเราไม่มีแน่นอน เพราะความตายไม่มีนิมิตเครื่องหมาย ท่านทั้งหลายจงประกอบแต่ความดีเข้าไว้

ถ้าใครสร้างความชั่ว ตายแล้วจะไปสู่อบายภูมิ มีนรกเป็นต้น เกิดมาเป็นคนก็จะมีแต่ความเร่าร้อน มีแต่ความลำบาก

แต่ถ้าคนใดสร้างความดี คิดถึงความตาย ไม่ประมาทในชีวิต คิดไว้เสมอว่า..เราจะต้องตายแน่ จงอย่าคิดว่าวันพรุ่งนี้ หรือเดือนหน้า ปีหน้า เดือนโน้น เราจึงจะตาย

คิดไว้เสมอว่า..วันนี้เราอาจจะตาย แล้วก็สร้างความดีเข้าไว้ ความดีจะส่งผลให้ท่านมีความสุขทั้งในปัจจุบันและสัมปรายภพ

#หลวงพ่อพระราชพรหมยาน
(หลวงพ่อฤๅษี..วัดท่าซุง)
#เพจคำสอนหลวงพ่อพระราชพรหมยาน
Moddam Thammawong คัดลอกจากหนังสือโอวาทหลวงพ่อวัดท่าซุง เล่ม ๑ หน้า ๘๗
วัดจันทาราม(วัดท่าซุง)จ. อุทัยธานี












ผู้เข้านิโรธสมาบัติหรือฌาน ๔ ไม่หายใจ

มีผู้อ่านพบในมิลินทปัญหาว่า ผู้เข้าถึงฌานแล้วไม่หายใจ จริงหรือไม่?

"ผู้ที่เข้าถึงฌานที่ ๔ ไม่หายใจ จริงอยู่ และคนที่ไม่หายใจนั้น พระพุทธศาสนาบัญญัติว่า
คนดำน้ำ ๑
คนอยู่ในครรภ์ ๑
คนตาย ๑
คนเข้านิโรธสมาบัติ ๑ หรือเข้าฌานที่ ๔

ดังว่ามาแล้วนั้น แต่สิ่งเหล่านี้อยู่ใต้อำนาจอนิจจังเหมือนกัน ไม่ใช่ของเที่ยงเลย และก็ไม่ใช่พระนิพพานด้วย เพราะเกิดดับเป็นพวกที่เข้าฌานนั้น หมดกำลังก็ถอนออกมา เหตุนั้นพระอรหันต์ทั้งหลายที่เข้าสู่พระนิพพานไปแล้ว จึงไม่ได้เข้าฌานทั้งปวง อีกอันอยู่ในโลก แม้การแสดงฤทธิ์ก็อยู่ใต้อำนาจอนิจจัง ทั้งหมดนั้น หมดกำลังก็หยุดกัน เหมือนถ่านไฟฉายที่หมดแสง"

#หลวงปู่หล้า เขมปัตโต







#เรื่องไอ้หมาดำ #
เศรษฐีขี้ถี่ขี้เหนียว ได้อะไรมามีแต่เก็บหอมรอมริบ เก็บได้มาก ๆ แล้วขโมยไปฝังไว้ที่นั่นที่นี่ ไม่ให้ลูกให้หลานทราบเลย ใส่ไหกระเทียมหรืออะไร คอรัด ๆ นั่น เงินแต่ก่อนเป็นเงินเหรียญ เต็มไหแล้วก็ไปฝังไว้ ๆ ทีนี้เวลาตายแล้วเลยมาเป็นหมาดำ ก็ยังดีนะเป็นหมาดำ เพราะแกไม่ได้สร้างความชั่วช้าลามกอย่างอื่น เป็นแต่ความตระหนี่ถี่เหนียวดัดสันดานแกเท่านั้นจึงให้มาเป็นหมาดำ ถ้าแกสร้างความชั่วด้วยแล้วก็ยิ่งจะเป็นเปรตเป็นผี ดีไม่ดีตกนรกไม่ได้ขึ้นจนกระทั่งป่านนี้ก็ได้ แต่นี้แกไม่ไปตกนรก แกมาเป็นหมาดำ มาเกิดเป็นหมาดำบุญก็ช่วยแก มาเกิดในสกุลลูกเจ้าของเอง

พระพุทธเจ้าเสด็จไปบิณฑบาตทรงพบเข้า โอ๋ ! ตายนี่อานนท์ เศรษฐีที่ร่ำลือในความตระหนี่ถี่เหนียวนั้น ตายแล้วแทนที่แกจะไปสวรรค์นิพพาน เพราะความเป็นเศรษฐีของแก กลับมาเป็นหมาดำ นี่เห็นไหม นอนอยู่นี่ ชี้พระหัตถ์ให้พระอานนท์ดู นี่ละหมาดำตัวนี้แหละ เป็นนันทเศรษฐี มาเกิดกับสกุลลูกของตัวเอง แล้วพระอานนท์ก็ทูลถามว่าจะปฏิบัติอย่างไรต่อไปกับหมาดำตัวนี้ ถึงจะได้รับผลประโยชน์ ก็ต้องให้ลูกของนันทเศรษฐีนั้นแล ทำตัวเป็นลูกของหมาดำตัวนี้ ต้องประจบประแจง

เพราะหมาดำตัวนี้รู้ภาษีภาษามนุษย์ได้ดี เนื่องจากแต่ก่อนแกเป็นเศรษฐี แกเป็นมนุษย์ ภาษามนุษย์ยังไม่เลือนรางจางไปจากจิตใจ แกจำได้ทุกคำนั้นแหละ แล้วก็ให้ประจบประแจงแก ปฏิบัติอุปัฏฐากหมาดำตัวนั้นเป็นเหมือนกับนันทเศรษฐี อะไรก็ให้เรียกว่าพ่อทั้งนั้น ว่าคุณพ่อ ๆ ถ้าออกชื่อก็คุณพ่อดำว่างั้น อะไรก็คุณพ่อ ๆ ประจบประแจงอุปถัมภ์อุปัฏฐากเหมือนกับอุปถัมภ์ปัฏฐากดูแลพ่อของตัว คือนันทเศรษฐีนั้นแล ทีนี้หมาดำตัวนี้เห็นใจ

แล้วก็มาประจบประแจงขอเงินขอทองจากหมาดำตัวนี้ ว่าคุณพ่อเอาเงินไปไว้ที่ไหน ลูกทุกข์จนมากเวลานี้ไม่มีเงินมีทองใช้สอยเลย แล้วคุณพ่อเอาไปเก็บไว้ที่ไหนบ้าง ขอให้คุณพ่อบอกลูก จะได้นำเงินนั้นมาทำเป็นประโยชน์ หมาดำตัวนั้นก็พาไป ไปก็ตะกุยดินปุ๊บ ๆ ตรงนั้น ขุดลงไปนี้ ไหกระเทียมเท่านี้ ๆ หมาดำตัวนั้นตะกุยที่ตรงไหน ขุดลงตรงนั้นมีแต่เงินอยู่ในไหกระเทียมนั่นแหละ ไหกระเทียมหรือไหอะไรเราก็จำชื่อไม่ได้ แต่ท่านเรียกในหนังสือนั้นดูว่าเป็นไหกระเทียมนะ คอรัด ๆ น่ะ เงินเต็มอยู่ในนั้น พอไปตะกุยที่ไหนขุดขึ้นมาก็มีแต่เงิน มีแต่ไหเงิน ๆ รอบบ้าน

แกไม่บอกให้ใครทราบสักคนเดียวเลยนะ แกขโมยไปฝังไว้ นั้นแหละเวลาแกตายแกจึงเป็นหมาดำ แต่แกก็มีวาสนามาเกิดกับสกุลลูก ทีนี้ลูกก็ไปขุดเอา ๆ ได้มาก็ทำบุญกุศลอุทิศให้คุณพ่อดำ คุณพ่อดำตัวนั้นแหละตัวนันทเศรษฐีนั้น ให้ได้บุญได้กุศล มีส่วนแห่งกุศลที่ตนได้เป็นเจ้าของเงินเหล่านี้ไว้ เก็บเงินเหล่านี้ไว้แล้วลูกนำมาทำประโยชน์ พระพุทธเจ้าว่าใจไม่ใช่เป็นของตาย ไม่ว่าสัตว์ว่าบุคคลรับกองบุญกองกุศลได้ทั้งนั้นแหละ ให้ทำความดีต่อกัน พวกลูกทั้งหลายในสกุลนั้นก็ทำบุญให้ทานอุทิศส่วนกุศลให้หมาดำตัวนั้น ต่อจากนั้นไปท่านไม่อธิบายต่อว่าหมาดำตัวนั้นตายแล้วไปที่ไหนอีก เราก็เลยไม่ได้พูด

อันนี้ท่านพูดถึงเรื่องโทษแห่งความตระหนี่ของคน จนไปเกิดเป็นหมาดำเป็นอย่างน้อย มากกว่านั้นไปเกิดเป็นเปรตเป็นผี เป็นงูเป็นตุ๊กแก เป็นอะไรมาเฝ้าทรัพย์สมบัติอยู่นั้น มีมากนะ นี่ละความตระหนี่มันเคยดัดสันดานคนมามากต่อมากแล้วให้พากันระมัดระวัง พระพุทธเจ้าสอนไว้แล้วไม่เป็นอย่างอื่น ต้องเป็นอย่างนั้นแน่นอน ใจนี้เป็นของสำคัญ จะพาเป็นเปรตเป็นผี เป็นหมาดำหมาขาวก็ตัวนี้แหละ ไม่ใช่ตัวไหนนะ

สมบัติเงินทองร่างกายนี้แตกลงไปแล้วก็สลายเป็นดินเป็นน้ำเป็นลมเป็นไฟไป แต่ใจนี้ไม่สลาย ออกจากภพนี้ไปสู่ภพนั้น ออกจากภพนั้นไปสู่ภพนั้น ด้วยอำนาจแห่งบุญแห่งกรรมดีชั่วของตน เราจึงต้องได้พยายามประคับประคองจิตใจของเราให้ดีให้มีหลัก อยู่ในบ้านในเรือน ครอบครัวเหย้าเรือนของเรา ครอบครัวหนึ่ง ๆ เราเป็นลูกชาวพุทธ อย่าลืมพุทโธ ฝังไว้ภายในใจเสมอ ไปประกอบหน้าที่การงานที่ไหน ๆ ก็ตาม ให้พยายามนึกพุทโธ ๆอยู่ในใจนี้แหละ เราจะชุ่มเย็นภายในจิตใจของเรา นี่เรียกว่า ใจมีหลัก มีหลักยึด

อย่าให้ใจเลื่อนลอย ถ้าใจเลื่อนลอยแล้วตายไปแล้วมันไปจม ไม่ใช่ของดี ตายผิดตายพลาด เกิดที่ไหนก็เกิดผิดเกิดพลาด ไม่ใช่ของดี ความผิดพลาดนำมาซึ่งความทุกข์ทั้งนั้นแหละ ให้เกิดถูกต้องดีงาม เกิดสถานที่ดีคติที่เหมาะสม เรียกว่าถูกต้องดีงาม แล้วก็มีความสุขความเจริญ ขอให้พี่น้องทั้งหลายจำเอาไว้แล้วไปปฏิบัติ

การทำบุญให้ทานไม่จน คนเราไม่มีทางจน หากมีอยู่ในนั้นเพราะฉะนั้นจึงว่าโลกุตรธรรม แปลว่าธรรมเหนือโลก ผิดคาดผิดหมายผิดความด้นเดาของโลกทั้งนั้นแหละ เรื่องธรรมเหนือโลกแล้วใครไปคาดไปเดาไม่ได้นะ เป็นสิ่งที่สุดวิสัยของโลกที่จะคิดจะอ่านได้ บุญกุศลนี้ช่วยโลกช่วยอย่างนั้นแหละ

วันนี้แสดงธรรมให้พี่น้องทั้งหลายฟังพอเป็นคติเครื่องเตือนใจ ขอได้นำไปประพฤติปฏิบัติในบ้านในเรือน ในจิตใจของตน และขอความสุขความสวัสดีจงมีแก่พี่น้องทั้งหลายโดยทั่วกันเทอญ

ไปไหนอย่าลืมพุทโธนะ ไปนี่ไปบ้านอย่าลืมพุทโธ เดี๋ยวไอ้ดำมันจะติดตามไปให้พุทโธหายนะ ถ้าไอ้ดำติดตามแล้วพุทโธหายทั้งนั้นแหละ ระวังไอ้ดำมันจะไปกัดพุทโธขาดหมดนะ

ต่อไปนี้จะให้พร

โอวาทธรรมเรื่อง นันทเศรษฐี
โดย หลวงตามหาบัว ญาณสัมปันโน
เทศน์อบรมฆราวาส ณ สวนแสงธรรม กรุงเทพฯ
เมื่อวันที่ ๑๕ กรกฎาคม พุทธศักราช ๒๕๔๐






" ขอให้ปฏิบัติ ในศีล ในธรรม
หมั่นหา หมั่นทำ หมั่นทาน
รู้จักเคารพ ครูบาอาจารย์
ตลอดถึงบิดามารดา ของเจ้าของ "

#โอวาทธรรม
พระราชวัชรธรรมโสภณ
(เจ้าคุณหลวงปู่ศิลา_สิริจันโท)







.

#ขอให้ตั้งใจจับภาพพระ

ขอแนะนำในการตั้งใจของท่านคือว่า ในอันดับแรก "ขอให้ตั้งใจจับภาพพระ" การจับภาพพระนี่ก็หนักใจอยู่นิดหนึ่ง ที่เราจะบังคับให้มีสภาพแจ่มใสหรือไม่แจ่มใส ก็เอาแค่ว่าเราสามารถบังคับให้แจ่มใสได้ ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับกำลังกายกำลังใจ จะนั่งอยู่ จะยืนอยู่ จะนอนอยู่ จะทำอะไรอยู่ก็ตามเห็นภาพพระอยู่ในอก มีความแจ่มใสสว่าง

ถ้าเห็นเป็นแก้วธรรมดา แก้วใส หรือว่าแก้วมัว หากว่าเป็นแก้วละก็จิตนั้นเริ่มเข้าถึงฌาน ๔ ถ้าเป็นแก้วใสสะอาดจัดว่าเป็นฌาน ๔ ละเอียด

นี่พูดกันถึงด้านอารมณ์จิตที่เป็นโลกียวิสัย ถ้าบังเอิญจิตใจของบรรดาท่านทั้งหลายที่มีวิปัสสนาญาณพอสมควร สภาพความใสของแก้วทั้งภาพจะเป็นประกายออก

ถ้าหากว่าเป็นอรหันต์จะเห็นเป็นดาวทั้งดวง มีความสวยสดงดงามเป็นกรณีพิเศษ

หลวงพ่อพระราชพรหมยาน วัดท่าซุง
________
จากหนังสือ "ธัมมวิโมกข์" ปีที่ ๓๖ ฉบับที่ ๔๑๒ เดือนกรกฎาคม พ.ศ.๒๕๕๘ หน้า ๘๕








"เมื่อมีขันธ์แล้ว...ก็มีเวทนาขันธ์
เวทนาขันธ์ คือความเจ็บ เจ็บปวดตาม
ร่างกาย หรือโรคร้ายไข้เจ็บ ที่เกิดขึ้น
ได้ ก็เพราะมีขันธ์

พอขันธมาร...
คือความเจ็บเกิดขึ้น กิเลสมารก็เข้ามาแทรก
เพราะว่า...ไม่ว่าผู้ดี เข็ญใจ
ต้องมีความอยากหายด้วยกันทุกคน ตั้งต้น
แต่เด็กอ่อนถึงผู้ใหญ่ ก็อยู่ในอภิสังขารมาร
ทั้งสิ้น...

คือ...
กรรม ย่อมหนีไม่พ้น."

คุณแม่บุญเรือน โตงบุญเติม่







ดวงตาเห็นธรรมนั้น
คือดวงตาเห็นสิ่งหนึ่งสิ่งใด
มีความเกิดเป็นเบื้องต้น
มีความแปรไปเป็นท่ามกลาง
มีความดับไปเป็นที่สุด

หลวงปู่ชา สุภัทโท






ภาวนาคือพิจารณาให้รู้ตามเป็นจริง
เรามาจากกรรม

พระบรมศาสดากล่าวว่าคือกรรม
เรามาจากกรรม ทำดีไว้ ความดีนั้น
ก็ตามมาสนับสนุนให้แปลกจากคนไม่ดี
ถ้าทำกรรมชั่ว ความชั่วก็ตามสนับสนุน
ให้เราชั่วแปลกจากคนดีไป แต่เราไม่สามารถ
มองเห็นได้เพราะโมหะมันปิดบังไว้ นี้เรียกว่า
เรามาตามเหตุ คือการกระทำ ทำดีก็มาดี
ทำชั่วก็มาชั่ว ถ้ามาถึงดีแล้วมาทำไม
มาสร้างความดีอีกต่อไป เพราะเราเดินทาง
มายังไม่สุดหนทาง มาถึงดีก็ต้องสร้างดี
ต่อไปอีก ทางนี้มันทางกันดารนะโยม
กว่ามันจะได้ดี ก็ต้องเกิดแล้ว แก่แล้ว
เจ็บแล้ว ตายแล้วอยู่ร่ำไป มันเป็นทาง
กันดารยังไม่พ้นทุกข์ เมื่อเรามาถึงนี้แล้ว
จะต้องพากันพยายามพิจารณาถึงอดีต
เรามากับอะไร มีอะไรไหม แล้วมาสร้าง
คุณงามความดีของเราเป็นเหตุต่อไป
ไปข้างหน้าจะไปไหนอีก ก็ไปสู่กรรม
คือการกระทำของเราอีก ใครทำดีก็ไปได้ดี
ทำชั่วก็ไปได้ชั่วอีกเหมือนกัน อันนี้
เป็นลักษณะของกรรม ...

พระโพธิญาณเถร (ชา สุภทฺโท)






"ใครก็ตามมี "สติสัมปชัญญะ" ควบคุมความรู้สึกนึกคิดของตนเอง อยู่ตลอดเวลา

ทำความรู้สึกให้สำนึกผิดชอบชั่วดี อยู่ในจิตใจตนตลอดเวลา

ผู้นั้นได้ชื่อว่ามี "พุทธะอยู่ในใจ""

หลวงพ่อพุธ ฐานิโย







..อย่าลืม.. พระในบ้าน
สร้างกุศลอะไร ก็สู้สร้างกุศล กับพ่อกับแม่ไม่ได้
สร้างความสุข ให้กับพ่อแม่
เพิ่มบุญกุศลอย่างมหาศาล

#หลวงปู่แบนธนากโร






คนเราถ้าไม่เห็นความสำคัญในตน
เพียงอย่างเดียว ย่อมขาดความสนใจ
ที่จะรักนวลสงวนตัวเพื่อประพฤติดี
ตลอดถึงการทำการงานเพื่อความสมบูรณ์
พูนผลในทางโภคทรัพย์

อาจเป็นคนปล่อยตัว ปล่อยใจ ให้เสียไป
วันละเล็กละน้อยจนกลายเป็นคนหมดหวัง
ไม่มีทางพึ่งตัวเองได้ แม้คนอื่นจะมาพึ่ง
ก็พึ่งไม่ได้ ในธรรมท่านสอนไว้ว่า
อย่าประพฤติตัวเป็นคนรกโลก
...
หลวงตาพระมหาบัว ญาณสัมปันโน





...ปัจฉิมโอวาท...

"...ขอให้ศิษย์ทั้งหลาย ให้ถือปฏิบัติบำเพ็ญความดี ดังรูปปั้นนี้ ให้ยึดมั่นในพระวินัย ให้มีเมตตากรุณาต่อประชาชนโดยเสมอหน้ากัน อย่าเลือกที่รักมักที่ชัง จงบำเพ็ญประโยชน์ให้แก่สาธารณะอบรมศรัทธาประชาชน ให้อยู่ในศีลกินในธรรม ปกติประชาชนนั้นมีความดีอยู่ในตัวมากบ้างน้อยบ้าง ไม่เสมอกัน กิเลสตัณหาสิ่งแวดล้อม ทำให้พวกเขาหลงผิดคิดทำบาปอกุศลต่างๆ นานาไปตามอารมณ์อันรู้เท่าไม่ถึงการณ์ จงพยายามสั่งสอนอบรมศรัทธาประชาชน ให้เข้าใจถึงธรรมะความเป็นจริงของชีวิตในโลกนี้และโลกหน้าเถิด..."

: ครูบาศรีวิชัย วัดบ้านปาง จังหวัดลำพูน
:






ผู้ที่หลงเพลิดเพลินอยู่กับความพอใจและไม่พอใจ จึงได้หนังสือเดินทางการท่องเที่ยวของภพชาติติดตัวไปตลอด #ความพอใจและไม่พอใจเป็นอาหารชั้นยอดของกิเลส

#พระคุณแม่จันดี โลหิตดี







จิตคือเจ้าของบ้าน กายคือบ้าน
#ถ้าหมดบ้าน #หมดชีวิต
#มันก็หมดโอกาสที่เราจะทำอะไรให้ได้ประโยชน์และความสุขให้กับตนเอง

การที่จะกระทำสิ่งที่ได้เป็นสาระเป็นประโยชน์เกื้อกูลแก่ตนเอง
คือการต้องมีบ้าน มีชีวิต
#เรายังต้องมีชีวิตถึงจะมีโอกาส
แม้การปฏิบัติธรรม
เราจะเจริญสติระลึกรู้กายใจ รู้ลมหายใจเข้าออก
เราก็ต้องมีชีวิต มีบ้าน มีกาย

#การมีชีวิตได้ยาวเท่าไร
#ก็เป็นโอกาสที่เราจะได้สั่งสมเหตุปัจจัยของประโยชน์และความสุขมากเท่านั้น
#แม้มีชีวิตชั่วอีกวันหนึ่ง
#เราก็ได้ปฏิบัติธรรมได้เจริญภาวนาได้ตั้งหลายขณะวันหนึ่ง
#หายใจเข้ารู้ #ออกรู้ #ได้สติมาอีก ๑-๒ ขณะแล้ว
#การที่มีสติเกิดขึ้นได้หนึ่งขณะนี้ก็เป็นคุณมากแล้ว
#มันต้องมีชีวิตอยู่ถึงจะมีโอกาสทำความดีได้

คนเราแม้ว่าชีวิตนี้มันจะมีทุกข์มีปัญหา
แต่ขอให้เรายังมีชีวิตไว้ก่อน
มันมีการปรับแก้พัฒนาใหม่ได้ ยังทำได้
ถ้าเราทำลายนี่หมดโอกาสเลย
ไม่รู้จะแก้อะไรได้ทัน

แต่มีชีวิตนี่
จะทุกข์ยากลำบากปัญหาสักแค่ไหนก็ตาม
ขอยังมีชีวิตเข้าไว้ มันยังมีโอกาสที่จะทำอะไรได้
อย่างน้อยหายใจเข้ารู้ ออกรู้ สักหนึ่งขณะก็ยังมีคุณค่า
นี่พูดถึงอย่างน้อยที่สุด
มีจิตที่มีสติ มีจิตที่เป็นกุศล
มีจิตได้ฟังธรรมะสักคำหนึ่งก็ยังมีสาระ
แต่ที่จริงมันได้มากกว่านั้น

ฉะนั้นต้องเห็นคุณค่าของชีวิต
การจะเห็นคุณค่าของชีวิตก็คือ
เราต้องเห็นอะไรเป็นคุณ อะไรเป็นประโยชน์ อะไรที่เป็นสาระของชีวิต
แล้วเราก็จะได้อยู่อย่างสั่งสมสิ่งที่เป็นคุณค่าต่อชีวิต
ที่จะมีประโยชน์ต่อชีวิตตัวเอง

ก็คือเราต้องให้ได้มีกุศลเกิดขึ้น
ระลึกถึงพระรัตนตรัยครั้งหนึ่งก็เป็นบุญมากแล้ว
พุทธัง สะระณัง คัจฉามิ
ธัมมัง สะระณัง คัจฉามิ
ถ้าตายแล้วมันหมดโอกาส
แต่ว่ามีชีวิต มันยัง พุทธัง สะระณัง คัจฉามิ ได้
อิติปิโส ภะคะวา อะระหัง สัมมา ยังพอได้
นะโม ตัสสะ ภะคะวะโต ยังได้

ถึงแม้ว่าจะมีปัญหา มีทุกข์
หรือแม้แต่ร่างกายเราเองมันป่วย หรือว่าลุกไม่ได้
#แต่มันยังมีใจ
#ขนาดพูดไม่ได้ #พูดอะไรไม่ได้ #ทำอะไรไม่ได้
#แต่ว่าจิตเขายังรับรู้
#ยังพอที่จะระลึกถึงพระพุทธพระธรรมพระสงฆ์ได้สักขณะหนึ่ง
#หนึ่งขณะก็มีคุณค่าแล้ว

พูดให้คนเห็นคุณค่าของการมีชีวิตว่ามันมีคุณค่าขนาดไหน
ดูว่าเขาไม่อยากมีชีวิตด้วยเรื่องอะไร มันต้องไปแก้กันตรงนั้น
อย่างเช่น มีทุกข์ ทนไม่ไหว
บางคนมันเป็นเรื่องทุกข์ใจ
ที่จริงทุกข์ใจมันไม่ควรจะทุกข์
ก็เราหาเรื่องให้ทุกข์เองใจ
ใจไม่ควรจะทุกข์
ถ้าเราสามารถปรับจิตปรับใจให้ถูกต้อง
มันปลดล็อคได้ มันก็กลับไม่ทุกข์

ความทุกข์นี่แค่กาลเวลามันก็สามารถจะคลายได้แล้ว
วันเวลาที่ผ่านไปมันก็คลายได้
เพราะว่ามันไม่มีอะไรที่ตั้งอยู่
บางคนคิดว่าทุกข์ทนไม่ไหวแล้ว
แต่ที่จริงถ้าลองทนไปสักพักหนึ่งเดี๋ยวก็หัวเราะได้

หลายคนที่เคยคิดสั้น แต่พอดีได้ธรรมะ แล้วเขาอยู่มาได้
เขาก็ยังหวาดเสียวตัวเอง
ถ้าเกิดเราไปตอนนั้น เสียดายมากเลย
ชีวิตที่เหลือได้มีธรรมะ ได้สติปัญญา
มีคุณค่า

เพราะฉะนั้นคิดไว้อย่างหนึ่งว่า
ถึงจะทุกข์ขนาดไหน มันก็ใช่จะคงที่
เมื่อลมหายใจยังมี ชีวิตนี้ย่อมมีหวัง
เอาความเข้มแข็งเติมพลัง
เอาความหวังเป็นกำลังใจ

ถาม-ตอบปัญหาธรรมะ คอร์สอบรมกรรมฐานระยะสั้น ๑๐ กรกฎาคม ๒๕๖๘
.............................
ธัมโมวาท โดยหลวงพ่อสุรศักดิ์ เขมรังสี
เจ้าอาวาสวัดมเหยงคณ์ พระนครศรีอยุธยา






"ผู้รู้...เป็นสักแต่ว่าเรือนร่าง ของจิต
แต่...ไม่ใช่จิต
เวทนา สัญญา สังขาร วิญญาณ
ทั้งทางร่างกาย และจิตใจ
ก็เป็นแต่เพียงว่า...อาการอันหนึ่ง
ที่เกิดขึ้นจากจิต แต่...ไม่ใช่จิต

รู้...ชัดเจน
ก็เหลือแต่ความรู้ นี่เรียกว่า...วัฏจิต
เชื้อที่จะพาให้จิต ไปเกิด ไปตาย
ในภพชาติน้อยใหญ่ นั้น...ก็คือ ตัวรู้...
ที่อยู่กับจิต กลมกลืนเป็นอันเดียวกัน
อยู่...นั้นแล

เมื่อขาดจากความสืบต่อ...
กับสิ่งภายนอก จนกระทั่งในขันธ์
เรียบร้อยแล้ว ยังเหลือแต่จิต
นั่นคือ...ยังเหลือ แต่อวิชชา
อวิชชานี้ ท่านเรียกว่า...เชื้อ
เชื้อแห่งวัฏจักร มีอยู่...ที่จิตนี้
ปัญญา พิจารณาลงไปที่...จุดนั้น

ความสว่าง คืออะไร ดู...ให้ดี
ว่าความสุข สุขอะไร เป็นสุขอวิชชา
หรือเป็นสุขวิชชา สุขสมมุติ...
หรือสุขวิมุตติ สงบตัวจากความคิด
ลงไปสู่ ความรู้...
อันเป็น อันหนึ่งอันเดียวกัน กับกิเลส
กิเลส...เป็นอันหนึ่งอันเดียวกัน กับจิต
เชื้อ...ที่พาให้เกิด แก่ เจ็บ ตาย
ได้ถูกถอนพรวดขึ้นมาแล้วจาก...จิต

เหลือแต่...วิมุตติจิต เท่านั้น
ที่นี่! เป็นจิต ที่บริสุทธิ์ล้วน ๆ
เมื่อดับอวิชชาแล้ว...มันดับ ไปหมด
จิต ที่นอกเหนือไปจากกฎอนิจฺจํ ทุกฺขํ
อนตฺตา แล้ว...
นั่นคือ...ผู้พ้นภัย พ้นโลก พ้นตรงนี้...

จิตเป็นธรรม ทั้งดวง
ธรรม กับจิต เป็นอันเดียวกันแล้ว
ท่านจึงว่า.."ธมฺโม ปทีโป
ความสว่างกระจ่างแจ้ง ในจิต
ที่ปราศจากแล้ว จาก...กิเลส

เป็นความสว่าง กระจ่างแจ้ง
ไม่มี...สิ่งใดเสมอเหมือนในโลกทั้งสามนี้"

องค์หลวงตาพระมหาบัว ญาณสัมปันโน
วัดป่าบ้านตาด อ.เมือง จ.อุดรธานี






"..ที่คุมขังแห่งเรือนจำของวัฏฏทุกข์นี้ ใหญ่โตมโหฬาร แน่นหนามั่นคงมาก มีเครื่องยั่วยวนชวนให้เผลอตัว และติดอยู่รอบตัวไม่มีช่องว่าง จึงยากที่จะมีผู้แหวกว่ายออกมาได้เพราะสัตว์โลกจำนวนมากไม่ค่อยมีผู้สนใจกับทุกข์ที่เป็นอยู่กับตัวตลอดมา ว่าเป็นสิ่งที่ทรมานและเสียดแทงร่างกายจิตใจเพียงใดพอจะคิดเสาะแสวงหาทางออกด้วยวิธีต่างๆเหมือนคนเป็นโรค แต่มิได้สนใจกับยา ยาแม้มีมากจึงไม่มีประโยชน์สำหรับคนประเภทนั้น ธรรมของเราตถาคตก็เช่นเดียวกับยา สัตว์โลกอาภัพเพราะโรคกิเลสตัณหาภายในใจเบียดเบียนเสียดแทง ทำให้เป็นทุกข์แบบไม่มีจุดหมายว่าจะหายได้เมื่อไร สิ่งตายตัวก็คือโรคพรรค์นี้ถ้าไม่รับยา คือธรรม จะไม่มีวันหายได้ ต้องฉุดลากสัตว์โลกให้ตายเกิดคละเคล้าไปกับความทุกข์กายทุกข์ใจและเกี่ยวโยงกันเหมือนลูกโซ่ตลอดอนันตกาล.."

ภูริทตฺตธมฺโมวาท
พระครูวินัยธร
(หลวงปู่มั่น ภูริทตฺโต)
วัดป่าสุทธาวาส ต.ธาตุเชิงชุม อ.เมือง
จ.สกลนคร
(พ.ศ.๒๔๑๓-๒๔๙๒)







“พึงระลึกรู้อยู่เสมอว่า ต้นเหตุของความทุกข์
คือการประกอบกรรมชั่ว ต้นเหตุของความสุข
คือการประกอบกรรมดี การที่คิดว่าทำดี
ไม่ได้ดี ทำชั่วไม่ได้ชั่ว จัดเป็นความคิด
อย่างมิจฉาทิฐิ ด้วยเหตุที่ยังไม่มีปัญญา
สอดส่องรู้ถึงกฎแห่งกรรม อันเป็นกฎแห่งธรรมะ

ท่านทั้งหลายควรเริ่มต้นแก้ไขปัญหาชีวิต
ของตนเองด้วยการทำความเห็นให้ถูกต้อง
แล้วไม่ประมาทในการศึกษาอบรมเพิ่มพูน
คุณธรรม เพื่อความเจริญก้าวหน้าสืบไป” ...
...
พระคติธรรม สมเด็จพระอริยวงศาคตญาณ
(อมฺพรมหาเถร) สมเด็จพระสังฆราช
สกลมหาสังฆปริณายก






#เราสร้างวัดนี้ไม่ใช่เพื่อธุรกิจ #ไม่ใช่เพื่อการค้าไม่ใช่พุทธพาณิชย์

เราสร้างเพื่อให้คนมาบำเพ็ญบุญ ไม่จำเป็นต้องหิ้วสังฆทาน มามือเปล่า มาก้มหัวให้พระพุทธเจ้า
เราอยากเห็นคนมากราบมาไหว้ มาเดินทำทักษิณองค์พระมหาเจดีย์ มารักษาศีล มาปฏิบัติธรรม
เราไม่เอาใจใคร เราจะเอาธรรม เราอยากรักษาพระศาสนา เราอยากสร้างวัด ให้เป็นวัด
สมบัติในโลก ไม่มีใครพึ่งได้ แค่อาศัยไปวันๆ นอกจากบุญเท่านั้น จะเป็นที่พึ่งของสรรพสัตว์

#พระอาจารย์โสภา สมโณ
วัดแสงธรรมวังเขาเขียว อ.วังน้ำเขียว จ.นครราชสีมา





คนโดยมากชอบ "ยอ"
มากกว่าชอบ "คำจริง"
เมื่อไม่ชอบ "คำจริง"
ก็ไม่ได้รับความเข้าใจที่ "ถูกต้องจริง"
หลงอยู่ในความเห็นผิด เข้าใจผิด
ซึ่งมีผลเป็น "โทษ" ไม่ใช่ "คุณ"

#พระคติธรรม
สมเด็จพระสังฆราชเจ้า
กรมหลวงวชิรญาณสังวร







"..ที่คุมขังแห่งเรือนจำของวัฏฏทุกข์นี้ ใหญ่โตมโหฬาร แน่นหนามั่นคงมาก มีเครื่องยั่วยวนชวนให้เผลอตัว และติดอยู่รอบตัวไม่มีช่องว่าง จึงยากที่จะมีผู้แหวกว่ายออกมาได้เพราะสัตว์โลกจำนวนมากไม่ค่อยมีผู้สนใจกับทุกข์ที่เป็นอยู่กับตัวตลอดมา ว่าเป็นสิ่งที่ทรมานและเสียดแทงร่างกายจิตใจเพียงใดพอจะคิดเสาะแสวงหาทางออกด้วยวิธีต่างๆเหมือนคนเป็นโรค แต่มิได้สนใจกับยา ยาแม้มีมากจึงไม่มีประโยชน์สำหรับคนประเภทนั้น ธรรมของเราตถาคตก็เช่นเดียวกับยา สัตว์โลกอาภัพเพราะโรคกิเลสตัณหาภายในใจเบียดเบียนเสียดแทง ทำให้เป็นทุกข์แบบไม่มีจุดหมายว่าจะหายได้เมื่อไร สิ่งตายตัวก็คือโรคพรรค์นี้ถ้าไม่รับยา คือธรรม จะไม่มีวันหายได้ ต้องฉุดลากสัตว์โลกให้ตายเกิดคละเคล้าไปกับความทุกข์กายทุกข์ใจและเกี่ยวโยงกันเหมือนลูกโซ่ตลอดอนันตกาล.."

ภูริทตฺตธมฺโมวาท
พระครูวินัยธร
(หลวงปู่มั่น ภูริทตฺโต)
วัดป่าสุทธาวาส ต.ธาตุเชิงชุม อ.เมือง
จ.สกลนคร
(พ.ศ.๒๔๑๓-๒๔๙๒)


แสดงโพสต์จาก:  เรียงตาม  
กลับไปยังกระทู้  [ 1 โพสต์ ] 

เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง


 ผู้ใช้งานขณะนี้

่กำลังดูบอร์ดนี้: ไม่มีสมาชิก และ บุคคลทั่วไป 1 ท่าน


ท่าน ไม่สามารถ โพสต์กระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ตอบกระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แก้ไขโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ลบโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แนบไฟล์ในบอร์ดนี้ได้

ค้นหาสำหรับ:
ไปที่:  
Google
ทั่วไป เว็บธรรมจักร