วันเวลาปัจจุบัน 21 ก.ค. 2025, 05:00  



เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง




กลับไปยังกระทู้  [ 129 โพสต์ ]  ไปที่หน้า ย้อนกลับ  1 ... 5, 6, 7, 8, 9  ต่อไป  Bookmark and Share
เจ้าของ ข้อความ
โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 12 ต.ค. 2013, 14:17 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 ต.ค. 2006, 12:36
โพสต์: 33766

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


กรัชกาย เขียน:
“สังขตธรรมทั้งปวง ไม่เที่ยง สังขตธรรมทั้งปวง เป็นทุกข์และเป็นอนัตตา....”


ชีวิตตามสภาพของมันเอง :b1:


ชีวิตประกอบด้วยขันธ์ ๕ (จำแนกโดยความเป็นขันธ์ หรือกอง จำแนกแจกแจงได้หลายแนว โดยความเป็นธรรมชาติ ไม่ใช่ ไม่ใช่สัตว์ บุคคล ตัวตนเราเขา) เท่านั้น ไ่ม่มีสิ่งใดอื่นอีกนอกเหนือจากขันธ์ ๕ หรืออยู่ต่า่งหากจากขันธ์ ๕ ที่ีจะมาเป็นเจ้าของหรือควบคุมให้ขันธ์ ๕ ให้ชีวิตดำเนินไป ในการพิจารณาเรื่องชีวิต เมื่อยกเอาขันธ์ ๕ ขึ้นเป็นตัวตั้งแล้ว ก็เป็นอันครบถ้วนเพียงพอ

ชีวิตเป็นกระบวนการที่ดำเนินไปตามกฎแห่งปฏิจจสมุปบาท คือมีอยู่ในรูปเป็นกระแสแห่งปัจจัยต่า่งๆ ที่สัมพันธ์เนื่องอาศัยสืบต่อกัน ไม่มีส่วนใดในกระแสคงที่อยู่ได้ มีแต่การเกิดขึ้นแล้วสลายตัวไป พร้อมกับที่เป็นปัจจัยให้มีการเกิดขึ้นแล้วสลายตัวต่อๆไปอีก ส่วนต่างๆสัมพันธ์กัน เนื่องอาศัยกัน เป็นปัจจัยแก่กัน จึงทำให้กระแสหรือกระบวนการนี้ดำเนินไปอย่างมีเหตุผลและคุมเป็นรูปร่างต่อเนื่องกัน

ในภาวะเช่นนี้้ ชีวิต จึงเป็นไปตามกฎแห่งไตรลักษณ์ คือ อยู่ในภาวะแห่ง อนิจจตา ไม่เที่ยง ไม่คงที่ เกิดดบเสื่อมสลายอยู่ตลอดเวลา อนัตตตา ไม่มีส่วนใดที่มีที่เป็นตัวตนแท้จริง และไม่อาจยึดถือเอาเป็นตัว จะเข้ายึดครองเป็นเจ้าของ บังคับบัญชาให้เป็นไปตามความปรารถนาของคนจริงจังไม่ได้ ทุกขตา ถูกบีบคั้นด้วยการเกิดขึ้นและสลายตัวอยู่ทุกขณะ และพร้อมที่จะก่อให้เกิดความทุกข์ได้เสมอ ในกรณีที่มีการเข้าไปเกี่ยวข้องด้วยความไม่รู้่และยึดติดถือมั่น



พร้อมที่จะก่อให้เกิดความทุกข์ได้เสมอ ในกรณีที่มีการเข้าไปเกี่ยวข้องด้วยความไม่รู้่และยึดติดถือมั่น


ไม่สงสัยหรอว่า แล้วทุกข์ในธรรมชาติ กลายเป็นทุกข์ของคน ของนาย ก. นาย ข. นายกรัชกาย นายอเมสซิ่ง เป็นต้น ไ้ด้ยังไง เออออ :b1:

.....................................................
https://dhammachati.blogspot.com/


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 12 ต.ค. 2013, 14:30 
 
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 04 ธ.ค. 2012, 15:49
โพสต์: 932


 ข้อมูลส่วนตัว


กรัชกาย เขียน:
กรัชกาย เขียน:
“สังขตธรรมทั้งปวง ไม่เที่ยง สังขตธรรมทั้งปวง เป็นทุกข์และเป็นอนัตตา....”


ชีวิตตามสภาพของมันเอง :b1:


ชีวิตประกอบด้วยขันธ์ ๕ (จำแนกโดยความเป็นขันธ์ หรือกอง จำแนกแจกแจงได้หลายแนว โดยความเป็นธรรมชาติ ไม่ใช่ ไม่ใช่สัตว์ บุคคล ตัวตนเราเขา) เท่านั้น ไ่ม่มีสิ่งใดอื่นอีกนอกเหนือจากขันธ์ ๕ หรืออยู่ต่า่งหากจากขันธ์ ๕ ที่ีจะมาเป็นเจ้าของหรือควบคุมให้ขันธ์ ๕ ให้ชีวิตดำเนินไป ในการพิจารณาเรื่องชีวิต เมื่อยกเอาขันธ์ ๕ ขึ้นเป็นตัวตั้งแล้ว ก็เป็นอันครบถ้วนเพียงพอ

ชีวิตเป็นกระบวนการที่ดำเนินไปตามกฎแห่งปฏิจจสมุปบาท คือมีอยู่ในรูปเป็นกระแสแห่งปัจจัยต่า่งๆ ที่สัมพันธ์เนื่องอาศัยสืบต่อกัน ไม่มีส่วนใดในกระแสคงที่อยู่ได้ มีแต่การเกิดขึ้นแล้วสลายตัวไป พร้อมกับที่เป็นปัจจัยให้มีการเกิดขึ้นแล้วสลายตัวต่อๆไปอีก ส่วนต่างๆสัมพันธ์กัน เนื่องอาศัยกัน เป็นปัจจัยแก่กัน จึงทำให้กระแสหรือกระบวนการนี้ดำเนินไปอย่างมีเหตุผลและคุมเป็นรูปร่างต่อเนื่องกัน

ในภาวะเช่นนี้้ ชีวิต จึงเป็นไปตามกฎแห่งไตรลักษณ์ คือ อยู่ในภาวะแห่ง อนิจจตา ไม่เที่ยง ไม่คงที่ เกิดดบเสื่อมสลายอยู่ตลอดเวลา อนัตตตา ไม่มีส่วนใดที่มีที่เป็นตัวตนแท้จริง และไม่อาจยึดถือเอาเป็นตัว จะเข้ายึดครองเป็นเจ้าของ บังคับบัญชาให้เป็นไปตามความปรารถนาของคนจริงจังไม่ได้ ทุกขตา ถูกบีบคั้นด้วยการเกิดขึ้นและสลายตัวอยู่ทุกขณะ และพร้อมที่จะก่อให้เกิดความทุกข์ได้เสมอ ในกรณีที่มีการเข้าไปเกี่ยวข้องด้วยความไม่รู้่และยึดติดถือมั่น



พร้อมที่จะก่อให้เกิดความทุกข์ได้เสมอ ในกรณีที่มีการเข้าไปเกี่ยวข้องด้วยความไม่รู้่และยึดติดถือมั่น


ไม่สงสัยหรอว่า แล้วทุกข์ในธรรมชาติ กลายเป็นทุกข์ของคน ของนาย ก. นาย ข. นายกรัชกาย นายอเมสซิ่ง เป็นต้น ไ้ด้ยังไง เออออ :b1:
กรัชกายขี้เกียจปฎิบัติก็ตามจพระสูตรก็ยกมาให้ดูมากมายเรื่องการเข้าถึงการดับของสังขาร. ออกจากปากพระองค์ก็มากมายในเรื่องการปฎิบัติเพือเข้าถึงความจริงอย่างอานาปานสติสูตรกลับไปอ่านดูไป. พระองค์ยังกล่าวอย่าให้นปรยัติวกกลับมากัดเราได้. กรัชกายโดนซะแล้วคิดว่าตนเองรุ้หมด


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 12 ต.ค. 2013, 14:37 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 ต.ค. 2006, 12:36
โพสต์: 33766

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


amazing เขียน:
กรัชกาย เขียน:
กรัชกาย เขียน:
“สังขตธรรมทั้งปวง ไม่เที่ยง สังขตธรรมทั้งปวง เป็นทุกข์และเป็นอนัตตา....”


ชีวิตตามสภาพของมันเอง :b1:


ชีวิตประกอบด้วยขันธ์ ๕ (จำแนกโดยความเป็นขันธ์ หรือกอง จำแนกแจกแจงได้หลายแนว โดยความเป็นธรรมชาติ ไม่ใช่ ไม่ใช่สัตว์ บุคคล ตัวตนเราเขา) เท่านั้น ไ่ม่มีสิ่งใดอื่นอีกนอกเหนือจากขันธ์ ๕ หรืออยู่ต่า่งหากจากขันธ์ ๕ ที่ีจะมาเป็นเจ้าของหรือควบคุมให้ขันธ์ ๕ ให้ชีวิตดำเนินไป ในการพิจารณาเรื่องชีวิต เมื่อยกเอาขันธ์ ๕ ขึ้นเป็นตัวตั้งแล้ว ก็เป็นอันครบถ้วนเพียงพอ

ชีวิตเป็นกระบวนการที่ดำเนินไปตามกฎแห่งปฏิจจสมุปบาท คือมีอยู่ในรูปเป็นกระแสแห่งปัจจัยต่า่งๆ ที่สัมพันธ์เนื่องอาศัยสืบต่อกัน ไม่มีส่วนใดในกระแสคงที่อยู่ได้ มีแต่การเกิดขึ้นแล้วสลายตัวไป พร้อมกับที่เป็นปัจจัยให้มีการเกิดขึ้นแล้วสลายตัวต่อๆไปอีก ส่วนต่างๆสัมพันธ์กัน เนื่องอาศัยกัน เป็นปัจจัยแก่กัน จึงทำให้กระแสหรือกระบวนการนี้ดำเนินไปอย่างมีเหตุผลและคุมเป็นรูปร่างต่อเนื่องกัน

ในภาวะเช่นนี้้ ชีวิต จึงเป็นไปตามกฎแห่งไตรลักษณ์ คือ อยู่ในภาวะแห่ง อนิจจตา ไม่เที่ยง ไม่คงที่ เกิดดบเสื่อมสลายอยู่ตลอดเวลา อนัตตตา ไม่มีส่วนใดที่มีที่เป็นตัวตนแท้จริง และไม่อาจยึดถือเอาเป็นตัว จะเข้ายึดครองเป็นเจ้าของ บังคับบัญชาให้เป็นไปตามความปรารถนาของคนจริงจังไม่ได้ ทุกขตา ถูกบีบคั้นด้วยการเกิดขึ้นและสลายตัวอยู่ทุกขณะ และพร้อมที่จะก่อให้เกิดความทุกข์ได้เสมอ ในกรณีที่มีการเข้าไปเกี่ยวข้องด้วยความไม่รู้่และยึดติดถือมั่น



พร้อมที่จะก่อให้เกิดความทุกข์ได้เสมอ ในกรณีที่มีการเข้าไปเกี่ยวข้องด้วยความไม่รู้่และยึดติดถือมั่น


ไม่สงสัยหรอว่า แล้วทุกข์ในธรรมชาติ กลายเป็นทุกข์ของคน ของนาย ก. นาย ข. นายกรัชกาย นายอเมสซิ่ง เป็นต้น ไ้ด้ยังไง เออออ :b1:
กรัชกายขี้เกียจปฎิบัติก็ตามจพระสูตรก็ยกมาให้ดูมากมายเรื่องการเข้าถึงการดับของสังขาร. ออกจากปากพระองค์ก็มากมายในเรื่องการปฎิบัติเพือเข้าถึงความจริงอย่างอานาปานสติสูตรกลับไปอ่านดูไป. พระองค์ยังกล่าวอย่าให้นปรยัติวกกลับมากัดเราได้. กรัชกายโดนซะแล้วคิดว่าตนเองรุ้หมด



ก่อนอ่านตำรา กรัชกายกัดก่อนแล้วครับ กัดกรัชกายไม่ทันหรอก คิกๆๆ

ไม่ตอบหน่อยหรือครับ ว่าทำไมสังขารจึงมาทุกข์ให้คนได้

.....................................................
https://dhammachati.blogspot.com/


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 12 ต.ค. 2013, 14:51 
 
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 04 ธ.ค. 2012, 15:49
โพสต์: 932


 ข้อมูลส่วนตัว


กรัชกาย เขียน:
amazing เขียน:
กรัชกาย เขียน:
กรัชกาย เขียน:
“สังขตธรรมทั้งปวง ไม่เที่ยง สังขตธรรมทั้งปวง เป็นทุกข์และเป็นอนัตตา....”


ชีวิตตามสภาพของมันเอง :b1:


ชีวิตประกอบด้วยขันธ์ ๕ (จำแนกโดยความเป็นขันธ์ หรือกอง จำแนกแจกแจงได้หลายแนว โดยความเป็นธรรมชาติ ไม่ใช่ ไม่ใช่สัตว์ บุคคล ตัวตนเราเขา) เท่านั้น ไ่ม่มีสิ่งใดอื่นอีกนอกเหนือจากขันธ์ ๕ หรืออยู่ต่า่งหากจากขันธ์ ๕ ที่ีจะมาเป็นเจ้าของหรือควบคุมให้ขันธ์ ๕ ให้ชีวิตดำเนินไป ในการพิจารณาเรื่องชีวิต เมื่อยกเอาขันธ์ ๕ ขึ้นเป็นตัวตั้งแล้ว ก็เป็นอันครบถ้วนเพียงพอ

ชีวิตเป็นกระบวนการที่ดำเนินไปตามกฎแห่งปฏิจจสมุปบาท คือมีอยู่ในรูปเป็นกระแสแห่งปัจจัยต่า่งๆ ที่สัมพันธ์เนื่องอาศัยสืบต่อกัน ไม่มีส่วนใดในกระแสคงที่อยู่ได้ มีแต่การเกิดขึ้นแล้วสลายตัวไป พร้อมกับที่เป็นปัจจัยให้มีการเกิดขึ้นแล้วสลายตัวต่อๆไปอีก ส่วนต่างๆสัมพันธ์กัน เนื่องอาศัยกัน เป็นปัจจัยแก่กัน จึงทำให้กระแสหรือกระบวนการนี้ดำเนินไปอย่างมีเหตุผลและคุมเป็นรูปร่างต่อเนื่องกัน

ในภาวะเช่นนี้้ ชีวิต จึงเป็นไปตามกฎแห่งไตรลักษณ์ คือ อยู่ในภาวะแห่ง อนิจจตา ไม่เที่ยง ไม่คงที่ เกิดดบเสื่อมสลายอยู่ตลอดเวลา อนัตตตา ไม่มีส่วนใดที่มีที่เป็นตัวตนแท้จริง และไม่อาจยึดถือเอาเป็นตัว จะเข้ายึดครองเป็นเจ้าของ บังคับบัญชาให้เป็นไปตามความปรารถนาของคนจริงจังไม่ได้ ทุกขตา ถูกบีบคั้นด้วยการเกิดขึ้นและสลายตัวอยู่ทุกขณะ และพร้อมที่จะก่อให้เกิดความทุกข์ได้เสมอ ในกรณีที่มีการเข้าไปเกี่ยวข้องด้วยความไม่รู้่และยึดติดถือมั่น



พร้อมที่จะก่อให้เกิดความทุกข์ได้เสมอ ในกรณีที่มีการเข้าไปเกี่ยวข้องด้วยความไม่รู้่และยึดติดถือมั่น


ไม่สงสัยหรอว่า แล้วทุกข์ในธรรมชาติ กลายเป็นทุกข์ของคน ของนาย ก. นาย ข. นายกรัชกาย นายอเมสซิ่ง เป็นต้น ไ้ด้ยังไง เออออ :b1:
กรัชกายขี้เกียจปฎิบัติก็ตามจพระสูตรก็ยกมาให้ดูมากมายเรื่องการเข้าถึงการดับของสังขาร. ออกจากปากพระองค์ก็มากมายในเรื่องการปฎิบัติเพือเข้าถึงความจริงอย่างอานาปานสติสูตรกลับไปอ่านดูไป. พระองค์ยังกล่าวอย่าให้นปรยัติวกกลับมากัดเราได้. กรัชกายโดนซะแล้วคิดว่าตนเองรุ้หมด



ก่อนอ่านตำรา กรัชกายกัดก่อนแล้วครับ กัดกรัชกายไม่ทันหรอก คิกๆๆ

ไม่ตอบหน่อยหรือครับ ว่าทำไมสังขารจึงมาทุกข์ให้คนได้
อย่าเอาแต่คำว่ายึดมั่นเป็นทุกข์เลย เพราะคำนี้นั้นมันปล่อยทางความคิดไม่ได้ มันะถูกทำลายลงโดยมรรคจิตแต่ละขั้น


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 12 ต.ค. 2013, 19:03 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 ต.ค. 2006, 12:36
โพสต์: 33766

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


amazing เขียน:

อย่าเอาแต่คำว่ายึดมั่นเป็นทุกข์เลย เพราะคำนี้นั้นมันปล่อยทางความคิดไม่ได้ มันะถูกทำลายลงโดยมรรคจิตแต่ละขั้น


นึกถึงแล้วขำ :b9:

เจ้าสำนักปฏิบัติพูดว่า จะเรียนทำไม ปฏิบัติเถอะ ปฏิบัิติแล้วรู้เอง บลาๆๆ

เจ้าสำนักเรียน ก็ว่า เรียนสะก่อน เพื่อใช้เ็ป็นแนวความคิด แล้วจึงค่อยปฏิบัติ บลาๆๆ


มีคำถามอีกแระ มรรคจิตเนี่ย ต้องปฏิบัติยังไง ถึงไหนมรรคจิตจึงเกิดละ่ขอรับ เอาชัดๆ :b1:

.....................................................
https://dhammachati.blogspot.com/


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 12 ต.ค. 2013, 19:28 
 
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 04 ธ.ค. 2012, 15:49
โพสต์: 932


 ข้อมูลส่วนตัว


กรัชกาย เขียน:
amazing เขียน:

อย่าเอาแต่คำว่ายึดมั่นเป็นทุกข์เลย เพราะคำนี้นั้นมันปล่อยทางความคิดไม่ได้ มันะถูกทำลายลงโดยมรรคจิตแต่ละขั้น


นึกถึงแล้วขำ :b9:

เจ้าสำนักปฏิบัติพูดว่า จะเรียนทำไม ปฏิบัติเถอะ ปฏิบัิติแล้วรู้เอง บลาๆๆ

เจ้าสำนักเรียน ก็ว่า เรียนสะก่อน เพื่อใช้เ็ป็นแนวความคิด แล้วจึงค่อยปฏิบัติ บลาๆๆ


มีคำถามอีกแระ มรรคจิตเนี่ย ต้องปฏิบัติยังไง ถึงไหนมรรคจิตจึงเกิดละ่ขอรับ เอาชัดๆ :b1:
เจ้าสำนักคนนั้นคงไม่ใช่ผมนะ. มรรคจิตแต่ล่ะดวงนั้นจะเกิดขึ้นก็ต่อเมื่อประจักษ์ความจริงคือการดับไปของรุปนามปรกฎความว่างทางมโทวารโลกดับสูญเมือทำกิจเส็จโลกกลับมาเหมือนเดิม


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 12 ต.ค. 2013, 19:41 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 ต.ค. 2006, 12:36
โพสต์: 33766

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


amazing เขียน:
กรัชกาย เขียน:
amazing เขียน:

อย่าเอาแต่คำว่ายึดมั่นเป็นทุกข์เลย เพราะคำนี้นั้นมันปล่อยทางความคิดไม่ได้ มันะถูกทำลายลงโดยมรรคจิตแต่ละขั้น


นึกถึงแล้วขำ :b9:

เจ้าสำนักปฏิบัติพูดว่า จะเรียนทำไม ปฏิบัติเถอะ ปฏิบัิติแล้วรู้เอง บลาๆๆ

เจ้าสำนักเรียน ก็ว่า เรียนสะก่อน เพื่อใช้เ็ป็นแนวความคิด แล้วจึงค่อยปฏิบัติ บลาๆๆ


มีคำถามอีกแระ มรรคจิตเนี่ย ต้องปฏิบัติยังไง ถึงไหนมรรคจิตจึงเกิดละ่ขอรับ เอาชัดๆ :b1:
เจ้าสำนักคนนั้นคงไม่ใช่ผมนะ. มรรคจิตแต่ล่ะดวงนั้นจะเกิดขึ้นก็ต่อเมื่อประจักษ์ความจริงคือการดับไปของรุปนามปรกฎความว่างทางมโทวารโลกดับสูญเมือทำกิจเส็จโลกกลับมาเหมือนเดิม



บอกให้บอกวิธีทำวิธีปฏิบัติ ชัดๆ กลับพูดเฉไฉไปเรื่อย :b1:

เด๋วก็ตามรูปนามได้แก่อะไร ก็ว่าเอาปริยัติมาถามอีก แต่ว่าก็ว่าเถอะที่พูดนั่นน่า ตัวเองก็ไม่รุ้ว่ามันอะไร ...อ่ะๆรึจะเถียง

.....................................................
https://dhammachati.blogspot.com/


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 12 ต.ค. 2013, 19:43 
 
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 04 ธ.ค. 2012, 15:49
โพสต์: 932


 ข้อมูลส่วนตัว


กรัชกาย เขียน:
amazing เขียน:
กรัชกาย เขียน:
amazing เขียน:

อย่าเอาแต่คำว่ายึดมั่นเป็นทุกข์เลย เพราะคำนี้นั้นมันปล่อยทางความคิดไม่ได้ มันะถูกทำลายลงโดยมรรคจิตแต่ละขั้น


นึกถึงแล้วขำ :b9:

เจ้าสำนักปฏิบัติพูดว่า จะเรียนทำไม ปฏิบัติเถอะ ปฏิบัิติแล้วรู้เอง บลาๆๆ

เจ้าสำนักเรียน ก็ว่า เรียนสะก่อน เพื่อใช้เ็ป็นแนวความคิด แล้วจึงค่อยปฏิบัติ บลาๆๆ


มีคำถามอีกแระ มรรคจิตเนี่ย ต้องปฏิบัติยังไง ถึงไหนมรรคจิตจึงเกิดละ่ขอรับ เอาชัดๆ :b1:
เจ้าสำนักคนนั้นคงไม่ใช่ผมนะ. มรรคจิตแต่ล่ะดวงนั้นจะเกิดขึ้นก็ต่อเมื่อประจักษ์ความจริงคือการดับไปของรุปนามปรกฎความว่างทางมโทวารโลกดับสูญเมือทำกิจเส็จโลกกลับมาเหมือนเดิม



บอกให้บอกวิธีทำวิธีปฏิบัติ ชัดๆ กลับพูดเฉไฉไปเรื่อย :b1:

เด๋วก็ตามรูปนามได้แก่อะไร ก็ว่าเอาปริยัติมาถามอีก แต่ว่าก็ว่าเถอะที่พูดนั่นน่า ตัวเองก็ไม่รุ้ว่ามันอะไร ...อ่ะๆรึจะเถียง
อานาปานไง


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 12 ต.ค. 2013, 19:54 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 ต.ค. 2006, 12:36
โพสต์: 33766

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


amazing เขียน:
กรัชกาย เขียน:
amazing เขียน:
กรัชกาย เขียน:
amazing เขียน:

อย่าเอาแต่คำว่ายึดมั่นเป็นทุกข์เลย เพราะคำนี้นั้นมันปล่อยทางความคิดไม่ได้ มันะถูกทำลายลงโดยมรรคจิตแต่ละขั้น


นึกถึงแล้วขำ :b9:

เจ้าสำนักปฏิบัติพูดว่า จะเรียนทำไม ปฏิบัติเถอะ ปฏิบัิติแล้วรู้เอง บลาๆๆ

เจ้าสำนักเรียน ก็ว่า เรียนสะก่อน เพื่อใช้เ็ป็นแนวความคิด แล้วจึงค่อยปฏิบัติ บลาๆๆ


มีคำถามอีกแระ มรรคจิตเนี่ย ต้องปฏิบัติยังไง ถึงไหนมรรคจิตจึงเกิดละ่ขอรับ เอาชัดๆ :b1:
เจ้าสำนักคนนั้นคงไม่ใช่ผมนะ. มรรคจิตแต่ล่ะดวงนั้นจะเกิดขึ้นก็ต่อเมื่อประจักษ์ความจริงคือการดับไปของรุปนามปรกฎความว่างทางมโทวารโลกดับสูญเมือทำกิจเส็จโลกกลับมาเหมือนเดิม



บอกให้บอกวิธีทำวิธีปฏิบัติ ชัดๆ กลับพูดเฉไฉไปเรื่อย :b1:

เด๋วก็ตามรูปนามได้แก่อะไร ก็ว่าเอาปริยัติมาถามอีก แต่ว่าก็ว่าเถอะที่พูดนั่นน่า ตัวเองก็ไม่รุ้ว่ามันอะไร ...อ่ะๆรึจะเถียง
อานาปานไง



อ้อ อานาปาน ครับอานาปาน ใครจะนำไปใช้ก็ไ้ด้นะขอรับ อานาปาน คงแนวๆ น้ำปานะ กระมัง :b10:

.....................................................
https://dhammachati.blogspot.com/


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 12 ต.ค. 2013, 19:57 
 
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 04 ธ.ค. 2012, 15:49
โพสต์: 932


 ข้อมูลส่วนตัว


กรัชกาย เขียน:
amazing เขียน:
กรัชกาย เขียน:
amazing เขียน:
กรัชกาย เขียน:
amazing เขียน:

อย่าเอาแต่คำว่ายึดมั่นเป็นทุกข์เลย เพราะคำนี้นั้นมันปล่อยทางความคิดไม่ได้ มันะถูกทำลายลงโดยมรรคจิตแต่ละขั้น


นึกถึงแล้วขำ :b9:

เจ้าสำนักปฏิบัติพูดว่า จะเรียนทำไม ปฏิบัติเถอะ ปฏิบัิติแล้วรู้เอง บลาๆๆ

เจ้าสำนักเรียน ก็ว่า เรียนสะก่อน เพื่อใช้เ็ป็นแนวความคิด แล้วจึงค่อยปฏิบัติ บลาๆๆ


มีคำถามอีกแระ มรรคจิตเนี่ย ต้องปฏิบัติยังไง ถึงไหนมรรคจิตจึงเกิดละ่ขอรับ เอาชัดๆ :b1:
เจ้าสำนักคนนั้นคงไม่ใช่ผมนะ. มรรคจิตแต่ล่ะดวงนั้นจะเกิดขึ้นก็ต่อเมื่อประจักษ์ความจริงคือการดับไปของรุปนามปรกฎความว่างทางมโทวารโลกดับสูญเมือทำกิจเส็จโลกกลับมาเหมือนเดิม



บอกให้บอกวิธีทำวิธีปฏิบัติ ชัดๆ กลับพูดเฉไฉไปเรื่อย :b1:

เด๋วก็ตามรูปนามได้แก่อะไร ก็ว่าเอาปริยัติมาถามอีก แต่ว่าก็ว่าเถอะที่พูดนั่นน่า ตัวเองก็ไม่รุ้ว่ามันอะไร ...อ่ะๆรึจะเถียง
อานาปานไง



อ้อ อานาปาน ครับอานาปาน ใครจะนำไปใช้ก็ไ้ด้นะขอรับ อานาปาน คงแนวๆ น้ำปานะ กระมัง :b10:

แน่นอนถ้าพยายามที่จะเข้าใจฝึกอย่างไม่ลดละก็ประสบควาสำเร็จแน่


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 12 ต.ค. 2013, 20:03 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 ต.ค. 2006, 12:36
โพสต์: 33766

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


amazing เขียน:
กรัชกาย เขียน:
amazing เขียน:
กรัชกาย เขียน:
amazing เขียน:
กรัชกาย เขียน:
amazing เขียน:

อย่าเอาแต่คำว่ายึดมั่นเป็นทุกข์เลย เพราะคำนี้นั้นมันปล่อยทางความคิดไม่ได้ มันะถูกทำลายลงโดยมรรคจิตแต่ละขั้น


นึกถึงแล้วขำ :b9:

เจ้าสำนักปฏิบัติพูดว่า จะเรียนทำไม ปฏิบัติเถอะ ปฏิบัิติแล้วรู้เอง บลาๆๆ

เจ้าสำนักเรียน ก็ว่า เรียนสะก่อน เพื่อใช้เ็ป็นแนวความคิด แล้วจึงค่อยปฏิบัติ บลาๆๆ


มีคำถามอีกแระ มรรคจิตเนี่ย ต้องปฏิบัติยังไง ถึงไหนมรรคจิตจึงเกิดละ่ขอรับ เอาชัดๆ :b1:
เจ้าสำนักคนนั้นคงไม่ใช่ผมนะ. มรรคจิตแต่ล่ะดวงนั้นจะเกิดขึ้นก็ต่อเมื่อประจักษ์ความจริงคือการดับไปของรุปนามปรกฎความว่างทางมโทวารโลกดับสูญเมือทำกิจเส็จโลกกลับมาเหมือนเดิม



บอกให้บอกวิธีทำวิธีปฏิบัติ ชัดๆ กลับพูดเฉไฉไปเรื่อย :b1:

เด๋วก็ตามรูปนามได้แก่อะไร ก็ว่าเอาปริยัติมาถามอีก แต่ว่าก็ว่าเถอะที่พูดนั่นน่า ตัวเองก็ไม่รุ้ว่ามันอะไร ...อ่ะๆรึจะเถียง
อานาปานไง



อ้อ อานาปาน ครับอานาปาน ใครจะนำไปใช้ก็ไ้ด้นะขอรับ อานาปาน คงแนวๆ น้ำปานะ กระมัง :b10:

แน่นอนถ้าพยายามที่จะเข้าใจฝึกอย่างไม่ลดละก็ประสบควาสำเร็จแน่


ถ้างั้นนก็จบ ชีวิตใครชีวิตมัน :b32:

.....................................................
https://dhammachati.blogspot.com/


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 12 ต.ค. 2013, 20:19 
 
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 04 ธ.ค. 2012, 15:49
โพสต์: 932


 ข้อมูลส่วนตัว


กรัชกาย เขียน:
amazing เขียน:
กรัชกาย เขียน:
amazing เขียน:
กรัชกาย เขียน:
amazing เขียน:
กรัชกาย เขียน:
amazing เขียน:

อย่าเอาแต่คำว่ายึดมั่นเป็นทุกข์เลย เพราะคำนี้นั้นมันปล่อยทางความคิดไม่ได้ มันะถูกทำลายลงโดยมรรคจิตแต่ละขั้น


นึกถึงแล้วขำ :b9:

เจ้าสำนักปฏิบัติพูดว่า จะเรียนทำไม ปฏิบัติเถอะ ปฏิบัิติแล้วรู้เอง บลาๆๆ

เจ้าสำนักเรียน ก็ว่า เรียนสะก่อน เพื่อใช้เ็ป็นแนวความคิด แล้วจึงค่อยปฏิบัติ บลาๆๆ


มีคำถามอีกแระ มรรคจิตเนี่ย ต้องปฏิบัติยังไง ถึงไหนมรรคจิตจึงเกิดละ่ขอรับ เอาชัดๆ :b1:
เจ้าสำนักคนนั้นคงไม่ใช่ผมนะ. มรรคจิตแต่ล่ะดวงนั้นจะเกิดขึ้นก็ต่อเมื่อประจักษ์ความจริงคือการดับไปของรุปนามปรกฎความว่างทางมโทวารโลกดับสูญเมือทำกิจเส็จโลกกลับมาเหมือนเดิม



บอกให้บอกวิธีทำวิธีปฏิบัติ ชัดๆ กลับพูดเฉไฉไปเรื่อย :b1:

เด๋วก็ตามรูปนามได้แก่อะไร ก็ว่าเอาปริยัติมาถามอีก แต่ว่าก็ว่าเถอะที่พูดนั่นน่า ตัวเองก็ไม่รุ้ว่ามันอะไร ...อ่ะๆรึจะเถียง
อานาปานไง



อ้อ อานาปาน ครับอานาปาน ใครจะนำไปใช้ก็ไ้ด้นะขอรับ อานาปาน คงแนวๆ น้ำปานะ กระมัง :b10:

แน่นอนถ้าพยายามที่จะเข้าใจฝึกอย่างไม่ลดละก็ประสบควาสำเร็จแน่


ถ้างั้นนก็จบ ชีวิตใครชีวิตมัน :b32:
ในความเป็นจริงมนุษย์ทุกคนไม่เคยเดินเคียงข้างกันจิงๆหรอก. จิตของแต่ละคนล่องลอยตามลำพังมาตลอดชีวิตจนถึงตายกรักายไมต้องมาบอกว่าชีวิตใครชีวิตมันหรอกมันเป็นของมันอยุ่แล้ว


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 12 ต.ค. 2013, 20:30 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 ต.ค. 2006, 12:36
โพสต์: 33766

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


amazing เขียน:
กรัชกาย เขียน:
amazing เขียน:
กรัชกาย เขียน:
amazing เขียน:
กรัชกาย เขียน:
amazing เขียน:
กรัชกาย เขียน:
amazing เขียน:

อย่าเอาแต่คำว่ายึดมั่นเป็นทุกข์เลย เพราะคำนี้นั้นมันปล่อยทางความคิดไม่ได้ มันะถูกทำลายลงโดยมรรคจิตแต่ละขั้น


นึกถึงแล้วขำ :b9:

เจ้าสำนักปฏิบัติพูดว่า จะเรียนทำไม ปฏิบัติเถอะ ปฏิบัิติแล้วรู้เอง บลาๆๆ

เจ้าสำนักเรียน ก็ว่า เรียนสะก่อน เพื่อใช้เ็ป็นแนวความคิด แล้วจึงค่อยปฏิบัติ บลาๆๆ


มีคำถามอีกแระ มรรคจิตเนี่ย ต้องปฏิบัติยังไง ถึงไหนมรรคจิตจึงเกิดละ่ขอรับ เอาชัดๆ :b1:
เจ้าสำนักคนนั้นคงไม่ใช่ผมนะ. มรรคจิตแต่ล่ะดวงนั้นจะเกิดขึ้นก็ต่อเมื่อประจักษ์ความจริงคือการดับไปของรุปนามปรกฎความว่างทางมโทวารโลกดับสูญเมือทำกิจเส็จโลกกลับมาเหมือนเดิม



บอกให้บอกวิธีทำวิธีปฏิบัติ ชัดๆ กลับพูดเฉไฉไปเรื่อย :b1:

เด๋วก็ตามรูปนามได้แก่อะไร ก็ว่าเอาปริยัติมาถามอีก แต่ว่าก็ว่าเถอะที่พูดนั่นน่า ตัวเองก็ไม่รุ้ว่ามันอะไร ...อ่ะๆรึจะเถียง
อานาปานไง



อ้อ อานาปาน ครับอานาปาน ใครจะนำไปใช้ก็ไ้ด้นะขอรับ อานาปาน คงแนวๆ น้ำปานะ กระมัง :b10:

แน่นอนถ้าพยายามที่จะเข้าใจฝึกอย่างไม่ลดละก็ประสบควาสำเร็จแน่


ถ้างั้นนก็จบ ชีวิตใครชีวิตมัน :b32:
ในความเป็นจริงมนุษย์ทุกคนไม่เคยเดินเคียงข้างกันจิงๆหรอก. จิตของแต่ละคนล่องลอยตามลำพังมาตลอดชีวิตจนถึงตายกรักายไมต้องมาบอกว่าชีวิตใครชีวิตมันหรอกมันเป็นของมันอยุ่แล้ว



จิตอะไรล่องลอย

.....................................................
https://dhammachati.blogspot.com/


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 12 ต.ค. 2013, 20:38 
 
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 04 ธ.ค. 2012, 15:49
โพสต์: 932


 ข้อมูลส่วนตัว


กรัชกาย เขียน:
amazing เขียน:
กรัชกาย เขียน:
amazing เขียน:
กรัชกาย เขียน:
amazing เขียน:
กรัชกาย เขียน:
amazing เขียน:
กรัชกาย เขียน:
amazing เขียน:

อย่าเอาแต่คำว่ายึดมั่นเป็นทุกข์เลย เพราะคำนี้นั้นมันปล่อยทางความคิดไม่ได้ มันะถูกทำลายลงโดยมรรคจิตแต่ละขั้น


นึกถึงแล้วขำ :b9:

เจ้าสำนักปฏิบัติพูดว่า จะเรียนทำไม ปฏิบัติเถอะ ปฏิบัิติแล้วรู้เอง บลาๆๆ

เจ้าสำนักเรียน ก็ว่า เรียนสะก่อน เพื่อใช้เ็ป็นแนวความคิด แล้วจึงค่อยปฏิบัติ บลาๆๆ


มีคำถามอีกแระ มรรคจิตเนี่ย ต้องปฏิบัติยังไง ถึงไหนมรรคจิตจึงเกิดละ่ขอรับ เอาชัดๆ :b1:
เจ้าสำนักคนนั้นคงไม่ใช่ผมนะ. มรรคจิตแต่ล่ะดวงนั้นจะเกิดขึ้นก็ต่อเมื่อประจักษ์ความจริงคือการดับไปของรุปนามปรกฎความว่างทางมโทวารโลกดับสูญเมือทำกิจเส็จโลกกลับมาเหมือนเดิม



บอกให้บอกวิธีทำวิธีปฏิบัติ ชัดๆ กลับพูดเฉไฉไปเรื่อย :b1:

เด๋วก็ตามรูปนามได้แก่อะไร ก็ว่าเอาปริยัติมาถามอีก แต่ว่าก็ว่าเถอะที่พูดนั่นน่า ตัวเองก็ไม่รุ้ว่ามันอะไร ...อ่ะๆรึจะเถียง
อานาปานไง



อ้อ อานาปาน ครับอานาปาน ใครจะนำไปใช้ก็ไ้ด้นะขอรับ อานาปาน คงแนวๆ น้ำปานะ กระมัง :b10:

แน่นอนถ้าพยายามที่จะเข้าใจฝึกอย่างไม่ลดละก็ประสบควาสำเร็จแน่


ถ้างั้นนก็จบ ชีวิตใครชีวิตมัน :b32:
ในความเป็นจริงมนุษย์ทุกคนไม่เคยเดินเคียงข้างกันจิงๆหรอก. จิตของแต่ละคนล่องลอยตามลำพังมาตลอดชีวิตจนถึงตายกรักายไมต้องมาบอกว่าชีวิตใครชีวิตมันหรอกมันเป็นของมันอยุ่แล้ว



จิตอะไรล่องลอย

ผมหมายความว่าคนเรานะคิดกันไปคนล่ะอย่างคิดไปาโน้นคิคไปนี่ขนาดอยุ่ด้วยกันคิดกันไปคนละทาง ไม่มีใครเลยทีจะมีความคิดเหมือนกันจริงๆ เท่ากับชีวิตเดินไปคนเดียวตั้งแตเกิดจนตาย


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 12 ต.ค. 2013, 20:39 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 ต.ค. 2006, 12:36
โพสต์: 33766

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


amazing เขียน:
กรัชกาย เขียน:
amazing เขียน:
กรัชกาย เขียน:
amazing เขียน:
กรัชกาย เขียน:
amazing เขียน:
กรัชกาย เขียน:
amazing เขียน:
กรัชกาย เขียน:
amazing เขียน:

อย่าเอาแต่คำว่ายึดมั่นเป็นทุกข์เลย เพราะคำนี้นั้นมันปล่อยทางความคิดไม่ได้ มันะถูกทำลายลงโดยมรรคจิตแต่ละขั้น


นึกถึงแล้วขำ :b9:

เจ้าสำนักปฏิบัติพูดว่า จะเรียนทำไม ปฏิบัติเถอะ ปฏิบัิติแล้วรู้เอง บลาๆๆ

เจ้าสำนักเรียน ก็ว่า เรียนสะก่อน เพื่อใช้เ็ป็นแนวความคิด แล้วจึงค่อยปฏิบัติ บลาๆๆ


มีคำถามอีกแระ มรรคจิตเนี่ย ต้องปฏิบัติยังไง ถึงไหนมรรคจิตจึงเกิดละ่ขอรับ เอาชัดๆ :b1:
เจ้าสำนักคนนั้นคงไม่ใช่ผมนะ. มรรคจิตแต่ล่ะดวงนั้นจะเกิดขึ้นก็ต่อเมื่อประจักษ์ความจริงคือการดับไปของรุปนามปรกฎความว่างทางมโทวารโลกดับสูญเมือทำกิจเส็จโลกกลับมาเหมือนเดิม



บอกให้บอกวิธีทำวิธีปฏิบัติ ชัดๆ กลับพูดเฉไฉไปเรื่อย :b1:

เด๋วก็ตามรูปนามได้แก่อะไร ก็ว่าเอาปริยัติมาถามอีก แต่ว่าก็ว่าเถอะที่พูดนั่นน่า ตัวเองก็ไม่รุ้ว่ามันอะไร ...อ่ะๆรึจะเถียง
อานาปานไง



อ้อ อานาปาน ครับอานาปาน ใครจะนำไปใช้ก็ไ้ด้นะขอรับ อานาปาน คงแนวๆ น้ำปานะ กระมัง :b10:

แน่นอนถ้าพยายามที่จะเข้าใจฝึกอย่างไม่ลดละก็ประสบควาสำเร็จแน่


ถ้างั้นนก็จบ ชีวิตใครชีวิตมัน :b32:
ในความเป็นจริงมนุษย์ทุกคนไม่เคยเดินเคียงข้างกันจิงๆหรอก. จิตของแต่ละคนล่องลอยตามลำพังมาตลอดชีวิตจนถึงตายกรักายไมต้องมาบอกว่าชีวิตใครชีวิตมันหรอกมันเป็นของมันอยุ่แล้ว



จิตอะไรล่องลอย

ผมหมายความว่าคนเรานะคิดกันไปคนล่ะอย่างคิดไปาโน้นคิคไปนี่ขนาดอยุ่ด้วยกันคิดกันไปคนละทาง ไม่มีใครเลยทีจะมีความคิดเหมือนกันจริงๆ เท่ากับชีวิตเดินไปคนเดียวตั้งแตเกิดจนตาย



คุณว่าจิตเป็นใคร :b1:

.....................................................
https://dhammachati.blogspot.com/


แสดงโพสต์จาก:  เรียงตาม  
กลับไปยังกระทู้  [ 129 โพสต์ ]  ไปที่หน้า ย้อนกลับ  1 ... 5, 6, 7, 8, 9  ต่อไป

เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง


 ผู้ใช้งานขณะนี้

่กำลังดูบอร์ดนี้: ไม่มีสมาชิก และ บุคคลทั่วไป 1 ท่าน


ท่าน ไม่สามารถ โพสต์กระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ตอบกระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แก้ไขโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ลบโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แนบไฟล์ในบอร์ดนี้ได้

ค้นหาสำหรับ:
ไปที่:  
Google
ทั่วไป เว็บธรรมจักร