วันเวลาปัจจุบัน 18 ก.ค. 2025, 21:10  



เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง




กลับไปยังกระทู้  [ 191 โพสต์ ]  ไปที่หน้า ย้อนกลับ  1 ... 5, 6, 7, 8, 9, 10, 11 ... 13  ต่อไป  Bookmark and Share
เจ้าของ ข้อความ
โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 29 ต.ค. 2017, 19:14 
 
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 25 เม.ย. 2009, 02:43
โพสต์: 12232


 ข้อมูลส่วนตัว


พอ....พอ...พอเต่อะ

:b9: :b9: :b9:


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 29 ต.ค. 2017, 19:14 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 ต.ค. 2006, 12:36
โพสต์: 33766

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


กบนอกกะลา เขียน:
กรัชกาย เขียน:
เช่นนั้น กบนอกกะลา ตีความว่ายังไง ดูนะดูดีดี

พระภิกษุสงฆ์หรือสมณะชีพราหมณ์ ก็พึงทำหน้าที่เป็นกัลยาณมิตรของชาวบ้าน ดังจะเห็นว่า หน้าที่ของพระภิกษุสงฆ์ต่อกุลบุตร ตามหลักทิศเบื้องบน ตรงกันทุกข้อกับลักษณะมิตรแท้ ประเภทมิตรแนะนำประโยชน์ จะว่าพระสงฆ์เป็นมิตรแท้ ประเภทมิตรแนะนำประโยชน์ ก็ได้ แต่หน้าที่ของพระสงฆ์นั้น มีเพิ่มมาอีก ๒ ข้อ รวมเป็น ๖ ข้อ คือ* (ที.ปา.11/204/206)

๑. ห้ามปราม (สอนให้เว้น) จากความชั่ว
๒. (แนะนำสั่งสอน) ให้ตั้งอยู่ในความดี
๓. อนุเคราะห์ด้วยความปรารถนาดี (เพิ่ม)
๔. ให้ได้ฟังได้รู้สิ่งที่ยังไม่เคยรู้ไม่เคยฟัง
๕. (ชี้แจงอธิบาย) ทำสิ่งที่เคยฟังแล้ว ให้เข้าใจแจ่มแจ้ง (เพิ่ม)
๖. บอกทางสวรรค์ (สอนวิธีดำเนินชีวิตให้ประสบความสุข)

หน้าที่ของพระสงฆ์นี้ เป็นไปตามความสัมพันธ์ต่อกันระหว่างพระสงฆ์กับชาวบ้าน ดังพุทธพจน์ว่า

"ภิกษุทั้งหลาย พราหมณ์คหบดี (ชาวบ้าน) ทั้งหลาย เป็นผู้มีอุปการะมากแก่เธอทั้งหลาย เป็นผู้บำรุงเธอทั้งหลายด้วย จีวร บิณฑบาต เสนาสนะ และคิลานปัจจัยเภสัชบริขาร;

"แม้พวกเธอก็จงเป็นผู้มีอุปการะมากแก่พราหมณ์คหบดีทั้งหลาย โดยแสดงธรรม อันงามในเบื้องต้น งามในท่ามกลาง งามในที่สุด ประกาศพรหมจรรย์ พร้อมทั้งอรรถ พร้อมทั้งพยัญชนะ บริสุทธิ์ บริบูรณ์สิ้นเชิง แก่พราหมณ์คหบดีเหล่านั้น

"ภิกษุทั้งหลาย คฤหัสถ์ และบรรพชิต อาศัยซึ่งกันและกัน อยู่ประพฤติพรหมจรรย์นี้ เพื่อมุ่งหมายจะสลัดเสียซึ่งโอฆะ เพื่อทำความจบสิ้นทุกข์โดยชอบด้วยประการฉะนี้

"ผู้ครองเรือนและผู้ไร้เรือน ทั้งสองฝ่าย อาศัยซึ่งกันและกัน ย่อมบำเพ็ญให้สัมฤทธิ์ซึ่งสัทธรรม ที่เป็นโยคเกษมอันยอดเยี่ยม ฯลฯ” (ขุ.อิติ. 25/287/314)

และมีพุทธพจน์อีกแห่งหนึ่ง ยืนยันการช่วยเหลือเกื้อกูลแก่ชาวบ้าน (โดยทางที่ชอบธรรม) ว่า

"ถูกอย่างนั้น นายบ้าน ตถาคตสรรเสริญการเอื้อเอ็นดู สรรเสริญการช่วยรักษา สรรเสริญการอนุเคราะห์แก่สกุลทั้งหลาย โดยอเนกปริยาย" (สํ.สฬ.18/621/399)



อย่างไรก็ตาม ความเป็นกัลยาณมิตรของพระสงฆ์ ผู้ปฏิบัติหน้าที่ต่างๆทางธรรม ด้วยเมตตากรุณาแก่ชาวบ้านดังกล่าวมานี้ ก็จะต้องคงรักษาลักษณะพิเศษแห่งความมีชีวิตที่เป็นอิสระ และความเป็นสมณะไว้ด้วย มีให้กลายเป็นการคลุกคลีกับคฤหัสถ์ ซึ่งจะทำให้เกิดผลเสียแก่ทั้งสองฝ่าย คือกลายเป็นเครื่องขัดขวางความก้าวหน้าในการปฏิบัติธรรมของตนเอง และทำให้ชาวบ้านขาดที่พึ่ง เพราะมีแต่คนที่ยังวุ่นวายตกอยู่ในสภาพเช่นเดียวกับพวกเขา ไม่มีหลักที่จะช่วยเหนี่ยวออกไปให้พ้นจากความสับสนวุ่นวายได้


ลักษณะ ความสัมพันธ์ผิดพลาด ที่พระสงฆ์กลายเป็นผู้ตกลงมาอยู่ในสภาพวุ่นวายติดแหติดอวนอยู่เดียวกับชาว บ้าน หมดความสามารถที่จะช่วยดึงชาวบ้านออกไปสู่ความเป็นอิสระ เช่นนี้ ท่านเรียกว่าเป็นอาการที่ถูกมนุษย์จับไว้
ดังพุทธพจน์ว่า


"ดูกรภิกษุ การถูกมนุษย์จับไว้เป็นไฉน ? กล่าวคือ ภิกษุในธรรมวินัยนี้ เป็นผู้คลุกคลีกับคฤหัสถ์ทั้งหลาย รื่นเริงด้วยกัน โศกเศร้าด้วยกัน เมื่อเขาสุข ก็พลอยสุขไปกับเขา เมื่อเขาทุกข์ก็พลอยทุกข์ไปกับเขา เมื่อเขาเกิดกิจธุระขึ้น ก็เข้าจัดแจง (เจ้ากี้เจ้าการ) ด้วยตนเอง นี้เรียกว่า ถูกมนุษย์จับไว้" (สํ.สฬ.18/323/225)


แถมท้ายอีกที อิอิ นี่เป็นการเมืองหรือธรรมะ เช่นนั้น กบนอกกะลา

รูปภาพ

อย่าบอกนะว่าติดอยู่ข้างฝาเป็นธรรมะ ที่เห็นหัวอยู่ในน้ำเป็นการเมือง


555....อย่าบอกนะว่ากำลังมองตัวเองเป็นภิกษุสงฆ์..กักกาย..??

:b32: :b32: :b32:

สัมมาวาจา..กับ...สัมผัปปลาปะ...ก็ต่างกันอยู่


นั่นไงคือการตีความพระสูตรของกบในกะโหลกกะลา

.....................................................
https://dhammachati.blogspot.com/


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 29 ต.ค. 2017, 19:20 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 ต.ค. 2006, 12:36
โพสต์: 33766

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


กบนอกกะลา เขียน:
พอ....พอ...พอเต่อะ

:b9: :b9: :b9:


อันที่จริงรู้นานแล้วว่ากบนอกกะลาถอดใจ รู้ได้ยังไง ? ก็รู้ตอนที่บอกให้กรัชกายไปตั้งกระทู้ใหม่ กรัชกายก็ถามว่าจะตามไปคุยกันด้วยไหม ? กบก็บ่ายเบียงเลี่ยงหนี แต่ที่ดิ้นอยู่นิดๆเนี่ย ดิ้นรักษาหน้าตา :b1:

จริงไม่จริง กบผู้นำเอาศีลมาหลอกคน ประเด็นนี้ กรัชกายว่า กบถือศีลข้อไหนจึงมีคนเอารถมาให้ถึงสองคัน กรัชกายจะถือศีลมั่ง เงียบไม่มีคำตอบ นี่แหละมุสาวาท

.....................................................
https://dhammachati.blogspot.com/


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 29 ต.ค. 2017, 19:31 
 
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 25 เม.ย. 2009, 02:43
โพสต์: 12232


 ข้อมูลส่วนตัว


ไม่เห็นทางจะเจริญ...นะซี

ยังไม่รู้ตัวอีก..

:b9: :b9: :b9:


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 29 ต.ค. 2017, 19:32 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 ต.ค. 2006, 12:36
โพสต์: 33766

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


กบนอกกะลา เขียน:
กรัชกาย เขียน:
เช่นนั้น กบนอกกะลา ตีความว่ายังไง ดูนะดูดีดี

พระภิกษุสงฆ์หรือสมณะชีพราหมณ์ ก็พึงทำหน้าที่เป็นกัลยาณมิตรของชาวบ้าน ดังจะเห็นว่า หน้าที่ของพระภิกษุสงฆ์ต่อกุลบุตร ตามหลักทิศเบื้องบน ตรงกันทุกข้อกับลักษณะมิตรแท้ ประเภทมิตรแนะนำประโยชน์ จะว่าพระสงฆ์เป็นมิตรแท้ ประเภทมิตรแนะนำประโยชน์ ก็ได้ แต่หน้าที่ของพระสงฆ์นั้น มีเพิ่มมาอีก ๒ ข้อ รวมเป็น ๖ ข้อ คือ* (ที.ปา.11/204/206)

๑. ห้ามปราม (สอนให้เว้น) จากความชั่ว
๒. (แนะนำสั่งสอน) ให้ตั้งอยู่ในความดี
๓. อนุเคราะห์ด้วยความปรารถนาดี (เพิ่ม)
๔. ให้ได้ฟังได้รู้สิ่งที่ยังไม่เคยรู้ไม่เคยฟัง
๕. (ชี้แจงอธิบาย) ทำสิ่งที่เคยฟังแล้ว ให้เข้าใจแจ่มแจ้ง (เพิ่ม)
๖. บอกทางสวรรค์ (สอนวิธีดำเนินชีวิตให้ประสบความสุข)

หน้าที่ของพระสงฆ์นี้ เป็นไปตามความสัมพันธ์ต่อกันระหว่างพระสงฆ์กับชาวบ้าน ดังพุทธพจน์ว่า

"ภิกษุทั้งหลาย พราหมณ์คหบดี (ชาวบ้าน) ทั้งหลาย เป็นผู้มีอุปการะมากแก่เธอทั้งหลาย เป็นผู้บำรุงเธอทั้งหลายด้วย จีวร บิณฑบาต เสนาสนะ และคิลานปัจจัยเภสัชบริขาร;

"แม้พวกเธอก็จงเป็นผู้มีอุปการะมากแก่พราหมณ์คหบดีทั้งหลาย โดยแสดงธรรม อันงามในเบื้องต้น งามในท่ามกลาง งามในที่สุด ประกาศพรหมจรรย์ พร้อมทั้งอรรถ พร้อมทั้งพยัญชนะ บริสุทธิ์ บริบูรณ์สิ้นเชิง แก่พราหมณ์คหบดีเหล่านั้น

"ภิกษุทั้งหลาย คฤหัสถ์ และบรรพชิต อาศัยซึ่งกันและกัน อยู่ประพฤติพรหมจรรย์นี้ เพื่อมุ่งหมายจะสลัดเสียซึ่งโอฆะ เพื่อทำความจบสิ้นทุกข์โดยชอบด้วยประการฉะนี้

"ผู้ครองเรือนและผู้ไร้เรือน ทั้งสองฝ่าย อาศัยซึ่งกันและกัน ย่อมบำเพ็ญให้สัมฤทธิ์ซึ่งสัทธรรม ที่เป็นโยคเกษมอันยอดเยี่ยม ฯลฯ” (ขุ.อิติ. 25/287/314)

และมีพุทธพจน์อีกแห่งหนึ่ง ยืนยันการช่วยเหลือเกื้อกูลแก่ชาวบ้าน (โดยทางที่ชอบธรรม) ว่า

"ถูกอย่างนั้น นายบ้าน ตถาคตสรรเสริญการเอื้อเอ็นดู สรรเสริญการช่วยรักษา สรรเสริญการอนุเคราะห์แก่สกุลทั้งหลาย โดยอเนกปริยาย" (สํ.สฬ.18/621/399)



อย่างไรก็ตาม ความเป็นกัลยาณมิตรของพระสงฆ์ ผู้ปฏิบัติหน้าที่ต่างๆทางธรรม ด้วยเมตตากรุณาแก่ชาวบ้านดังกล่าวมานี้ ก็จะต้องคงรักษาลักษณะพิเศษแห่งความมีชีวิตที่เป็นอิสระ และความเป็นสมณะไว้ด้วย มีให้กลายเป็นการคลุกคลีกับคฤหัสถ์ ซึ่งจะทำให้เกิดผลเสียแก่ทั้งสองฝ่าย คือกลายเป็นเครื่องขัดขวางความก้าวหน้าในการปฏิบัติธรรมของตนเอง และทำให้ชาวบ้านขาดที่พึ่ง เพราะมีแต่คนที่ยังวุ่นวายตกอยู่ในสภาพเช่นเดียวกับพวกเขา ไม่มีหลักที่จะช่วยเหนี่ยวออกไปให้พ้นจากความสับสนวุ่นวายได้


ลักษณะ ความสัมพันธ์ผิดพลาด ที่พระสงฆ์กลายเป็นผู้ตกลงมาอยู่ในสภาพวุ่นวายติดแหติดอวนอยู่เดียวกับชาว บ้าน หมดความสามารถที่จะช่วยดึงชาวบ้านออกไปสู่ความเป็นอิสระ เช่นนี้ ท่านเรียกว่าเป็นอาการที่ถูกมนุษย์จับไว้
ดังพุทธพจน์ว่า


"ดูกรภิกษุ การถูกมนุษย์จับไว้เป็นไฉน ? กล่าวคือ ภิกษุในธรรมวินัยนี้ เป็นผู้คลุกคลีกับคฤหัสถ์ทั้งหลาย รื่นเริงด้วยกัน โศกเศร้าด้วยกัน เมื่อเขาสุข ก็พลอยสุขไปกับเขา เมื่อเขาทุกข์ก็พลอยทุกข์ไปกับเขา เมื่อเขาเกิดกิจธุระขึ้น ก็เข้าจัดแจง (เจ้ากี้เจ้าการ) ด้วยตนเอง นี้เรียกว่า ถูกมนุษย์จับไว้" (สํ.สฬ.18/323/225)


แถมท้ายอีกที อิอิ นี่เป็นการเมืองหรือธรรมะ เช่นนั้น กบนอกกะลา

https://1.bp.blogspot.com/-EPDiwLDY190/ ... 8%25A5.PNG

อย่าบอกนะว่าติดอยู่ข้างฝาเป็นธรรมะ ที่เห็นหัวอยู่ในน้ำเป็นการเมือง


555....อย่าบอกนะว่ากำลังมองตัวเองเป็นภิกษุสงฆ์..กักกาย..??

:b32: :b32: :b32:

สัมมาวาจา..กับ...สัมผัปปลาปะ...ก็ต่างกันอยู่



นี่คือบุคคลตัวอย่างที่อ่านหนังสือไม่แตก คิดทื่อๆ

.....................................................
https://dhammachati.blogspot.com/


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 29 ต.ค. 2017, 19:33 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 ต.ค. 2006, 12:36
โพสต์: 33766

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


กบนอกกะลา เขียน:
ไม่เห็นทางจะเจริญ...นะซี

ยังไม่รู้ตัวอีก..

:b9: :b9: :b9:


ถ้ายังงั้นวานบอกทางเจริญ

.....................................................
https://dhammachati.blogspot.com/


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 29 ต.ค. 2017, 19:39 
 
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 25 เม.ย. 2009, 02:43
โพสต์: 12232


 ข้อมูลส่วนตัว


รู้จักเกรงใจชาวบ้าน..ไปตั้งกระทู้ใหม่...อยากนำเสนออะไรก็พูดไป....อย่าเฝ้ารอแต่ว่าจะมีคนมาเถียงด้วยมั้ย

เป็นต้น..

:b32: :b32: :b32:


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 29 ต.ค. 2017, 19:40 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 ต.ค. 2006, 12:36
โพสต์: 33766

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


กบนอกกะลา เขียน:
รู้จักเกรงใจชาวบ้าน..ไปตั้งกระทู้ใหม่...อยากนำเสนออะไรก็พูดไป....อย่าเฝ้ารอแต่ว่าจะมีคนมาเถียงด้วยมั้ย

เป็นต้น..

:b32: :b32: :b32:


ชัดเลย แผ่นเสียงตกร่อง :b4:

.....................................................
https://dhammachati.blogspot.com/


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 29 ต.ค. 2017, 19:50 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 ต.ค. 2006, 12:36
โพสต์: 33766

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


กบนอกกะลา เขียน:
รู้จักเกรงใจชาวบ้าน..ไปตั้งกระทู้ใหม่...อยากนำเสนออะไรก็พูดไป....อย่าเฝ้ารอแต่ว่าจะมีคนมาเถียงด้วยมั้ย

เป็นต้น..

:b32: :b32: :b32:


สำหรับกบนอกกะลา สรุปดังนี้

กบที่ผ่านๆมาเสียเวลาเปล่า แนะนำว่าฟอร์แมตของเดิมออกให้หมดแล้วกลับไปศึกษาพุทธธรรมใหม่ โดยเริ่มต้นจากการทอดกฐิน ทอดผ้าป่า ถวายสังฆทาน ปิดทองฝังลูกนิมิต ฯลฯ ปล่อยสัตว์น้ำสัตว์บก เอาก่อนค่อยๆทำไป เวลาที่เหลือ ก็เข้าไปศึกษาหลักธรรมจากสำนักเรียนที่เขาเปิดสอนจากตำรับตำราที่ถูกต้องครบถ้วน แล้วค่อยกลับเข้าลานใหม่ นี่ถ้าไม่รักกันจริงไม่บอกนะ :b21:

ส่วนเช่นนั้น ขยันอ่านพระสูตร ประเด็นนี่ขออนุโมทนา แต่ยังไม่พอขอรับ อ่านแล้วควรไปขอคำปรึกษาจากผู้รู้ผู้คงแก่เรียนผู้มีความรู้ภาษาบาลีด้วยมั่ง ไม่ใช่อ่านๆไปแล้วไปตีความเอาเอง

.....................................................
https://dhammachati.blogspot.com/


แก้ไขล่าสุดโดย กรัชกาย เมื่อ 29 ต.ค. 2017, 19:53, แก้ไขแล้ว 1 ครั้ง

โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 29 ต.ค. 2017, 19:53 
 
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 25 เม.ย. 2009, 02:43
โพสต์: 12232


 ข้อมูลส่วนตัว


หากทำแล้ว..ต้องมาเป็นอย่างกักกาย..ข้าพเจ้าไม่เอาดอก..

:b1: :b1: :b1:


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 29 ต.ค. 2017, 19:54 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 ต.ค. 2006, 12:36
โพสต์: 33766

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


กบนอกกะลา เขียน:
หากทำแล้ว..ต้องมาเป็นอย่างกักกาย..ข้าพเจ้าไม่เอาดอก..

:b1: :b1: :b1:


ไม่ใช่บอกให้เอาอย่าง ไม่เคยพูด แต่บอกให้ไปศึกษา ไม่ใช่เดาสุ่มเอาเอง

กบอ่านนะ

https://www.komkhao.com/content/14134/% ... C%E0%B8%A5

.....................................................
https://dhammachati.blogspot.com/


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 29 ต.ค. 2017, 20:18 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 ต.ค. 2006, 12:36
โพสต์: 33766

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


กบนอกกะลา เขียน:
รู้จักเกรงใจชาวบ้าน..ไปตั้งกระทู้ใหม่...อยากนำเสนออะไรก็พูดไป....อย่าเฝ้ารอแต่ว่าจะมีคนมาเถียงด้วยมั้ย

เป็นต้น..


กบนอกกะลา เขียน:
กรัชกาย เขียน:
เชื่อไม่ได้ เป็นไปไม่ได้ทั้งคู่ (ดิ อิมพอสซิเบิ้ล) สันติภาพ มิใช่เกิดจากการขู่บังคับ คราบเลือดขี้มูกน้ำตา ไม่ใช่ ไม่ใช่เลย :b1:



นี้ก็เป็นอีกตัวอย่าง...ที่คนนับถือพุทธ...แต่...ก็ไม่สามารถทำให้เกิดสันติภาพได้..นะครับคุณนกเค้าแมว..

:b32: :b32: :b32:

ใจเย็นๆ...เขาบอกแล้ว...มีเลือกตั้งแน่นอน..

555

รูปภาพ



ย้อนกลับไปหน้า 1 อีกที คิกๆๆ

.....................................................
https://dhammachati.blogspot.com/


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 29 ต.ค. 2017, 21:05 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 ต.ค. 2006, 12:36
โพสต์: 33766

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


กบนอกกะลา เขียน:
กรัชกาย เขียน:
เช่นนั้น กบนอกกะลา ตีความว่ายังไง ดูนะดูดีดี

พระภิกษุสงฆ์หรือสมณะชีพราหมณ์ ก็พึงทำหน้าที่เป็นกัลยาณมิตรของชาวบ้าน ดังจะเห็นว่า หน้าที่ของพระภิกษุสงฆ์ต่อกุลบุตร ตามหลักทิศเบื้องบน ตรงกันทุกข้อกับลักษณะมิตรแท้ ประเภทมิตรแนะนำประโยชน์ จะว่าพระสงฆ์เป็นมิตรแท้ ประเภทมิตรแนะนำประโยชน์ ก็ได้ แต่หน้าที่ของพระสงฆ์นั้น มีเพิ่มมาอีก ๒ ข้อ รวมเป็น ๖ ข้อ คือ* (ที.ปา.11/204/206)

๑. ห้ามปราม (สอนให้เว้น) จากความชั่ว
๒. (แนะนำสั่งสอน) ให้ตั้งอยู่ในความดี
๓. อนุเคราะห์ด้วยความปรารถนาดี (เพิ่ม)
๔. ให้ได้ฟังได้รู้สิ่งที่ยังไม่เคยรู้ไม่เคยฟัง
๕. (ชี้แจงอธิบาย) ทำสิ่งที่เคยฟังแล้ว ให้เข้าใจแจ่มแจ้ง (เพิ่ม)
๖. บอกทางสวรรค์ (สอนวิธีดำเนินชีวิตให้ประสบความสุข)

หน้าที่ของพระสงฆ์นี้ เป็นไปตามความสัมพันธ์ต่อกันระหว่างพระสงฆ์กับชาวบ้าน ดังพุทธพจน์ว่า

"ภิกษุทั้งหลาย พราหมณ์คหบดี (ชาวบ้าน) ทั้งหลาย เป็นผู้มีอุปการะมากแก่เธอทั้งหลาย เป็นผู้บำรุงเธอทั้งหลายด้วย จีวร บิณฑบาต เสนาสนะ และคิลานปัจจัยเภสัชบริขาร;

"แม้พวกเธอก็จงเป็นผู้มีอุปการะมากแก่พราหมณ์คหบดีทั้งหลาย โดยแสดงธรรม อันงามในเบื้องต้น งามในท่ามกลาง งามในที่สุด ประกาศพรหมจรรย์ พร้อมทั้งอรรถ พร้อมทั้งพยัญชนะ บริสุทธิ์ บริบูรณ์สิ้นเชิง แก่พราหมณ์คหบดีเหล่านั้น

"ภิกษุทั้งหลาย คฤหัสถ์ และบรรพชิต อาศัยซึ่งกันและกัน อยู่ประพฤติพรหมจรรย์นี้ เพื่อมุ่งหมายจะสลัดเสียซึ่งโอฆะ เพื่อทำความจบสิ้นทุกข์โดยชอบด้วยประการฉะนี้

"ผู้ครองเรือนและผู้ไร้เรือน ทั้งสองฝ่าย อาศัยซึ่งกันและกัน ย่อมบำเพ็ญให้สัมฤทธิ์ซึ่งสัทธรรม ที่เป็นโยคเกษมอันยอดเยี่ยม ฯลฯ” (ขุ.อิติ. 25/287/314)

และมีพุทธพจน์อีกแห่งหนึ่ง ยืนยันการช่วยเหลือเกื้อกูลแก่ชาวบ้าน (โดยทางที่ชอบธรรม) ว่า

"ถูกอย่างนั้น นายบ้าน ตถาคตสรรเสริญการเอื้อเอ็นดู สรรเสริญการช่วยรักษา สรรเสริญการอนุเคราะห์แก่สกุลทั้งหลาย โดยอเนกปริยาย" (สํ.สฬ.18/621/399)



อย่างไรก็ตาม ความเป็นกัลยาณมิตรของพระสงฆ์ ผู้ปฏิบัติหน้าที่ต่างๆทางธรรม ด้วยเมตตากรุณาแก่ชาวบ้านดังกล่าวมานี้ ก็จะต้องคงรักษาลักษณะพิเศษแห่งความมีชีวิตที่เป็นอิสระ และความเป็นสมณะไว้ด้วย มีให้กลายเป็นการคลุกคลีกับคฤหัสถ์ ซึ่งจะทำให้เกิดผลเสียแก่ทั้งสองฝ่าย คือกลายเป็นเครื่องขัดขวางความก้าวหน้าในการปฏิบัติธรรมของตนเอง และทำให้ชาวบ้านขาดที่พึ่ง เพราะมีแต่คนที่ยังวุ่นวายตกอยู่ในสภาพเช่นเดียวกับพวกเขา ไม่มีหลักที่จะช่วยเหนี่ยวออกไปให้พ้นจากความสับสนวุ่นวายได้


ลักษณะ ความสัมพันธ์ผิดพลาด ที่พระสงฆ์กลายเป็นผู้ตกลงมาอยู่ในสภาพวุ่นวายติดแหติดอวนอยู่เดียวกับชาว บ้าน หมดความสามารถที่จะช่วยดึงชาวบ้านออกไปสู่ความเป็นอิสระ เช่นนี้ ท่านเรียกว่าเป็นอาการที่ถูกมนุษย์จับไว้
ดังพุทธพจน์ว่า


"ดูกรภิกษุ การถูกมนุษย์จับไว้เป็นไฉน ? กล่าวคือ ภิกษุในธรรมวินัยนี้ เป็นผู้คลุกคลีกับคฤหัสถ์ทั้งหลาย รื่นเริงด้วยกัน โศกเศร้าด้วยกัน เมื่อเขาสุข ก็พลอยสุขไปกับเขา เมื่อเขาทุกข์ก็พลอยทุกข์ไปกับเขา เมื่อเขาเกิดกิจธุระขึ้น ก็เข้าจัดแจง (เจ้ากี้เจ้าการ) ด้วยตนเอง นี้เรียกว่า ถูกมนุษย์จับไว้" (สํ.สฬ.18/323/225)


แถมท้ายอีกที อิอิ นี่เป็นการเมืองหรือธรรมะ เช่นนั้น กบนอกกะลา

https://1.bp.blogspot.com/-EPDiwLDY190/ ... 8%25A5.PNG

อย่าบอกนะว่าติดอยู่ข้างฝาเป็นธรรมะ ที่เห็นหัวอยู่ในน้ำเป็นการเมือง


555....อย่าบอกนะว่ากำลังมองตัวเองเป็นภิกษุสงฆ์..กักกาย..??



สัมมาวาจา..กับ...สัมผัปปลาปะ...ก็ต่างกันอยู่


อย่าบอกนะว่ากำลังมองตัวเองเป็นภิกษุสงฆ์..กักกาย


ถ้าจะให้วิเคราะห์ความคิดกบเกี่ยวกับหลักศีลหลักธรรม (หรือความเชื่อเนี่ย) แล้ว ดูได้จากความรู้สึกนึกคิดประโยคนั้น คือกบเนี่ยคิดเอาทื่อๆซื่อๆ คือว่ากบคิดเรื่องศีลเรื่องธรรมออกแนวอภินิหาริย์ มีผู้ดลบันดาลให้ ถ้าบุคคลใดถือศีลถือธรรมแล้ว จะมี...ดลบันดาลให้บุคคลนั้นมี/ได้แก้วแหวนเงินทอง ประมาณว่า นอนหลับได้เงินหมื่น นอนตื่นได้เงินแสน นอนรอโชคชะตาโดยไม่ต้องทำอะไร เดี๋ยวมันมาเอง :b1: คิดตันอยู่แค่นั้น กบจึงคุยว่า ตัวเองถือศีลแล้ว มีคนนำรถมาให้ฟรีๆ ได้แต่งเมียว่า :b21: :b32:

วิเคราะห์ไม่ถูกเถียงได้นะ

.....................................................
https://dhammachati.blogspot.com/


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 30 ต.ค. 2017, 09:28 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 ต.ค. 2006, 12:36
โพสต์: 33766

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


เช่นนั้น เขียน:
กรัชกาย เขียน:
เช่นนั้น กบ ลองตอบสิ สอง คคห. ที่ให้ดูนั่นนะ เป็นการเมืองไหม หรือเป็นธรรมะ เป็นอะไร การเมือง ธรรมะ อิอิ

กรัชกาย ....
อันไหนเป็นการเมือง อันไหนเป็นธรรม
กรัชกาย อ่านให้เข้าใจ สำเหนียกให้ดีครับ
V
Quote Tipitaka:
วัตถุกถาสูตรที่ ๑
[๖๙] สมัยหนึ่ง พระผู้มีพระภาคประทับอยู่ ณ พระวิหารเชตวัน
อารามของท่านอนาถบิณฑิกเศรษฐี ใกล้พระนครสาวัตถี ก็สมัยนั้นแล ภิกษุ
เป็นอันมากกลับจากบิณฑบาตภายหลังภัต นั่งประชุมกันที่หอฉัน สนทนา
ดิรัจฉานกถาเป็นอันมาก คือ สนทนาเรื่องพระราชา เรื่องโจร เรื่องมหาอำมาตย์
เรื่องกองทัพ เรื่องภัย เรื่องกรรม เรื่องข้าว เรื่องน้ำ เรื่องผ้า เรื่องที่นอน
เรื่องดอกไม้ เรื่องของหอม เรื่องญาติ เรื่องยาน เรื่องบ้าน เรื่องนิคม
เรื่องนคร เรื่องชนบท เรื่องสตรี เรื่องคนกล้าหาญ เรื่องตรอก เรื่องท่าน้ำ
เรื่องคนล่วงลับไปแล้ว เรื่องเบ็ดเตล็ด เรื่องโลก เรื่องทะเล เรื่องความเจริญ
และความเสื่อมด้วยประการนั้น ฯ
ครั้งนั้นแล พระผู้มีพระภาคเสด็จออกจากที่เร้นในเวลาเย็น เสด็จเข้าไป
ยังหอฉัน ประทับนั่งบนอาสนะอันเขาตบแต่งไว้ ครั้นแล้ว จึงตรัสถามภิกษุ
ทั้งหลายว่า ดูกรภิกษุทั้งหลาย บัดนี้เธอทั้งหลายนั่งประชุมสนทนากันด้วยเรื่อง
อะไรหนอ ก็แหละกถาอะไรที่เธอทั้งหลายสนทนาค้างไว้ ภิกษุเหล่านั้นกราบทูล
ว่า ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ ขอประทานพระวโรกาส ข้าพระองค์ทั้งหลายกลับจาก
บิณฑบาตภายหลังภัต นั่งประชุมกันที่หอฉัน สนทนาซึ่งดิรัจฉานกถาเป็นอันมาก
คือ สนทนาเรื่องพระราชา เรื่องโจร ฯลฯ เรื่องความเจริญและความเสื่อม
พระเจ้าข้า พระผู้มีพระภาคตรัสว่า ดูกรภิกษุทั้งหลาย การที่เธอทั้งหลายสนทนา
กันถึงดิรัจฉานกถาเป็นอันมาก คือ สนทนาเรื่องพระราชา เรื่องโจร ฯลฯ
เรื่องความเจริญและความเสื่อมนี้ ไม่สมควรแก่เธอทั้งหลาย ผู้เป็นกุลบุตร
ออกบวชเป็นบรรพชิตด้วยศรัทธาเลย ฯ
ดูกรภิกษุทั้งหลาย กถาวัตถุ ๑๐ ประการนี้ ๑๐ ประการเป็นไฉน คือ
อัปปิจฉกถา ๑ สันตุฏฐิกถา ๑ ปวิเวกกถา ๑ อสังสัคคกถา ๑ วิริยารัมภกถา ๑
สีลกถา ๑ สมาธิกถา ๑ ปัญญากถา ๑ วิมุตติกถา ๑ วิมุตติญาณทัสสนกถา ๑
ดูกรภิกษุทั้งหลาย กถาวัตถุ ๑๐ ประการนี้แล ดูกรภิกษุทั้งหลาย หากว่าเธอ
ทั้งหลายยึดถือเอากถาวัตถุทั้ง ๑๐ ประการนี้แล้ว กล่าวเป็นกถาไซร้ เธอทั้งหลาย
พึงครอบงำเดชแม้ของ พระจันทร์และพระอาทิตย์ ผู้มีฤทธิ์มีอานุภาพมาก อย่างนี้ด้วย
เดชได้ จะป่วยกล่าวไปไยถึงปริพาชกอัญญเดียรถีย์ทั้งหลายเล่า ฯ
จบสูตรที่ ๙


นอกจากจะตรัสแก่ภิกษุดังว่าแล้ว ยังค้างอีกประเด็นหนึ่ง ที่จะบอกเช่นนั้น

เช่นนั้น พึงสังเกตการใช้ถ้อยคำ พระพุทธเจ้าไม่ได้ห้ามพูด, ห้ามทำ แต่ใช้คำว่า ควร, ไม่ควร ไม่สมควรพูด ไม่สมควรสนทนา.
ถ้าห้าม จะใช้คำว่า อย่า, อย่าพูด อย่าสนทนา ต้อง, ต้องไม่พูด ต้องไม่สนทนา

พูดได้ แต่ไม่ควรพูด เหมือนมันเสียเวลาในการทำกิจหน้าที่ของตน ประมาณๆว่า เราไปอยู่ในสำนักปฏิบัติธรรม,ปฏิบัติกรรมฐาน เจ้าสำนักจะมีกฎว่า โยคีไม่ควรจับกลุ่มนั่งคุยเรื่องสัพเพเหระกัน จะทำให้คิดฟุ้งซ่านเสียเวลาปฏิบัติ

.....................................................
https://dhammachati.blogspot.com/


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 30 ต.ค. 2017, 19:24 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 14 ก.ค. 2008, 21:56
โพสต์: 3925

ชื่อเล่น: เช่นนั้น
อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


กรัชกาย เขียน:

นอกจากจะตรัสแก่ภิกษุดังว่าแล้ว ยังค้างอีกประเด็นหนึ่ง ที่จะบอกเช่นนั้น

เช่นนั้น พึงสังเกตการใช้ถ้อยคำ พระพุทธเจ้าไม่ได้ห้ามพูด, ห้ามทำ แต่ใช้คำว่า ควร, ไม่ควร ไม่สมควรพูด ไม่สมควรสนทนา.
ถ้าห้าม จะใช้คำว่า อย่า, อย่าพูด อย่าสนทนา ต้อง, ต้องไม่พูด ต้องไม่สนทนา

พูดได้ แต่ไม่ควรพูด เหมือนมันเสียเวลาในการทำกิจหน้าที่ของตน ประมาณๆว่า เราไปอยู่ในสำนักปฏิบัติธรรม,ปฏิบัติกรรมฐาน เจ้าสำนักจะมีกฎว่า โยคีไม่ควรจับกลุ่มนั่งคุยเรื่องสัพเพเหระกัน จะทำให้คิดฟุ้งซ่านเสียเวลาปฏิบัติ

กรัชกาย
อ่านหนังสือออก
ฉลาดอ่านดีครับ

ก็น่าจะเข้าใจ ควร ไม่ควร

สนทนาธรรม ไม่ใช่สนทนาการเมือง นะครับ

.....................................................
ธรรมะอันยิ่งใหญ่ ไม่อาจเอื้อนเอ่ย
บัญญัติ เป็นเพียงสิ่งต่ำต้อยแบกรับความยิ่งใหญ่


แสดงโพสต์จาก:  เรียงตาม  
กลับไปยังกระทู้  [ 191 โพสต์ ]  ไปที่หน้า ย้อนกลับ  1 ... 5, 6, 7, 8, 9, 10, 11 ... 13  ต่อไป

เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง


 ผู้ใช้งานขณะนี้

่กำลังดูบอร์ดนี้: Google [Bot] และ บุคคลทั่วไป 1 ท่าน


ท่าน ไม่สามารถ โพสต์กระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ตอบกระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แก้ไขโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ลบโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แนบไฟล์ในบอร์ดนี้ได้

ค้นหาสำหรับ:
ไปที่:  
Google
ทั่วไป เว็บธรรมจักร