วันเวลาปัจจุบัน 26 มิ.ย. 2025, 03:07  



เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง




กลับไปยังกระทู้  [ 155 โพสต์ ]  ไปที่หน้า ย้อนกลับ  1 ... 6, 7, 8, 9, 10, 11  ต่อไป  Bookmark and Share
เจ้าของ ข้อความ
โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 09 ม.ค. 2012, 23:29 
 
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 18 ก.ย. 2011, 21:51
โพสต์: 4941


 ข้อมูลส่วนตัว




dd140_resize.jpg
dd140_resize.jpg [ 50.37 KiB | เปิดดู 3018 ครั้ง ]
:b8: อนุโมนากับเจ้าของกระทู้และผู้มาแสดงความเห็น สนุกมาก ได้ความรู้เยอะ และเห็นกึ๋นของผู้คนแยะ เป็นกระทู้ที่โตเร็วยิ่งเท่าที่เคยเห็นมาครับ! :b4:
โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 09 ม.ค. 2012, 23:39 
 
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 11 ต.ค. 2010, 12:11
โพสต์: 5016


 ข้อมูลส่วนตัว


:b10: นี่ท่านอโศก ก็ใช่วิชาท่องไม่เที่ยงด้วยเหร๋อ


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 09 ม.ค. 2012, 23:41 
 
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 11 ต.ค. 2010, 12:11
โพสต์: 5016


 ข้อมูลส่วนตัว


asoka เขียน:
:b8: อนุโมนากับเจ้าของกระทู้และผู้มาแสดงความเห็น สนุกมาก ได้ความรู้เยอะ และเห็นกึ๋นของผู้คนแยะ เป็นกระทู้ที่โตเร็วยิ่งเท่าที่เคยเห็นมาครับ! :b4:


นี่ แสดงอารมณ์พอใจออกมาแล้วนะเนี๊ยะ

เป็นกิเลส เป็นทุกข์นะท่าน


แก้ไขล่าสุดโดย eragon_joe เมื่อ 09 ม.ค. 2012, 23:43, แก้ไขแล้ว 1 ครั้ง

โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 09 ม.ค. 2012, 23:43 
 
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 25 เม.ย. 2009, 02:43
โพสต์: 12232


 ข้อมูลส่วนตัว


:b12:
คุณอโสกะครับ...ขอกบสีเขียวหน่อย
:b13:


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 10 ม.ค. 2012, 00:07 
 
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 7
สมาชิก ระดับ 7
ลงทะเบียนเมื่อ: 03 ต.ค. 2011, 15:47
โพสต์: 539


 ข้อมูลส่วนตัว


ท่านผู้รู้ส่วนมาก คิดว่าการไปหยุดที่ความคิดไม่ให้คิดปรุงแต่ง เช่น ทำสมาธิ จะระงับดับทุกข์ได้นั้น
เป็นความเห็นที่ผิดครับ ความคิด(สังขาร) หยุดไม่ได้ครับ เพราะเรามีสมองให้คิดครับ ต้องเปลี่ยนความคิดครับ เติมความจริงไปเยอะ ทำให้เกิดปัญญา(เห็นชอบ) คิดชอบ พูดชอบ กระทำชอบ อาชีพชอบ ตามมาเองครับ

ถ้าท่านไม่ต้องการดับทุกข์ ต้องการเรียนคาถาอาคม ญาณ อภิญญา ก็เปลี่ยนวิธีการปฏิบัติไม่ต้องวิปัสสนาครับ เรียนทางลัดเอาครับได้ผลเร็ว


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 10 ม.ค. 2012, 00:56 
 
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 18 ก.ย. 2011, 21:51
โพสต์: 4941


 ข้อมูลส่วนตัว




dd141_resize.jpg
dd141_resize.jpg [ 44.8 KiB | เปิดดู 3009 ครั้ง ]
ไม่เที่ยง เกิดดับ เขียน:
ท่านผู้รู้ส่วนมาก คิดว่าการไปหยุดที่ความคิดไม่ให้คิดปรุงแต่ง เช่น ทำสมาธิ จะระงับดับทุกข์ได้นั้น
เป็นความเห็นที่ผิดครับ ความคิด(สังขาร) หยุดไม่ได้ครับ เพราะเรามีสมองให้คิดครับ ต้องเปลี่ยนความคิดครับ เติมความจริงไปเยอะ ทำให้เกิดปัญญา(เห็นชอบ) คิดชอบ พูดชอบ กระทำชอบ อาชีพชอบ ตามมาเองครับ

ถ้าท่านไม่ต้องการดับทุกข์ ต้องการเรียนคาถาอาคม ญาณ อภิญญา ก็เปลี่ยนวิธีการปฏิบัติไม่ต้องวิปัสสนาครับ เรียนทางลัดเอาครับได้ผลเร็ว

:b4:
ถูกต้องครับ ความคิด หยุดไม่ได้ เพราะความคิดเป็นผล แต่เหตุปัจจัยที่ทำให้คิดนั้นหยุดได้นะครับ ถ้าเหตุปัจจัยให้คิดไม่มี ความคิดก็ไม่เกิด เขาสงบไปเอง

ในทางสมถะภาวนา เมื่อจิตเข้าถึงฌาณที่ 2 ก็หยุดคิด เหลือแต่รู้สึก

เมื่อถึงฌาณที่ 4 ก็หยุดทุกอย่างเหลือแต่ รู้

ในทางวิปัสสนาภาวนา เมื่อถึง "สังขารุเปกขาญาน" เหตุปัจจัยที่ทำให้คิดก็สงบ จิตหยุดความนึกคิดปรุงแต่งไปชั่วคราว


ฝากคิดถึงคุณกบ (สีเขียว)
ทุกข์น้อยนั้นชาวโลกธรรมดาเขาเรียกว่า "สุข" ครับ สำหรับชาวพ้นโลก เห็นทุกสิ่งเป็นทุกข์ จนกว่าจิตจะได้เข้าถึงนิพพาน จึงจะยอมรับว่ามีสุขที่เป็นอมตะอยู่ในจักรวาลนี้
โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 10 ม.ค. 2012, 04:16 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 13 ก.พ. 2010, 17:53
โพสต์: 4999

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


ไม่เที่ยง เกิดดับ เขียน:
ไม่เที่ยง เกิดดับ เขียน:
ผู้มีธรรมช่วยอธิบายลักษณะแก้วน้ำใบนี้หน่อยครับ
รูปภาพ

การพิจารณาแก้วน้ำที่คุณไม่เที่ยงยกมา ไม่ใช่ไปพิจารณาแก้วน้ำ
สิ่งที่พระพุทธเจ้าทรงบอกคือ ให้พิจารณาสิ่งที่เกิดที่กายใจของเรา
ดังนั้นการพิจารณาต้องพิจารณาผัสสะที่เกิดขึ้นคือ รูป
ไม่ใช่ไปพิจารณาแก้วน้ำที่เป็นธรรมชาติภายนอก

แก้วน้ำมันเป็นธาตุ แต่ที่มันเป็นแก้วน้ำได้เพราะใจไปยึดเอารูปที่มอง
จนเกิดการให้สมมุติมันว่าเป็นแก้วน้ำ
การพิจารณาไม่เที่ยงเกิดดับ ต้องพิจารณาที่รูปไม่ใช่พิจารณาที่ธาตุหรือแก้วน้ำ

รูปที่เกิดขึ้นในกายใจเรา มันเป็นอนิจจัง ทุกข์ขังและอนัตตา
แต่แก้วน้ำที่เป็นธาตุภายนอก มันเป็นได้แค่อนัตตา ไม่มีอนิจจังและทุกขัง

ไม่เที่ยง เกิดดับ เขียน:
ท่านเห็นว่าแก้วน้ำนี้อีกหน่อยก็ต้องเก่า ก็ต้องชำรุด ก็ต้องแตก (ไม่มีแก้วน้ำ )
อันนี้เป็นความจริงของ ธรรมชาติ ที่ทุกคนเห็น จะขัดแย้งไม่ได้ว่า แก้วน้ำไม่เก่า ไม่แตกเป็นไปไม่ได้

สิ่งที่คุณพูดมา มันเป็นสังขารการปรุงแต่งของคุณเองว่ามันต้องเก่า ว่ามันต้องแตก
ความจริงของธรรมชาติมันอาจเก่าอาจแตกก็ได้หรือไม่เก่าไม่แตกก็ได้ เพราะมันเป็น
อนัตตา แต่ไม่ได้เป็นอนิจจังและทุกขัง

แก้วน้ำในลักษณะความเป็นธาตุ มันเป็นอนุปาทินนกสังขาร เป็นสังขารที่ไม่มีใจครอง
มันจึงเป็นวิสังขาร มันไม่สามารถปรุงแต่งได้ด้วยตัวของมันเอง หรืออีกนัยหนึ่งก็คือ
มันเป็นอสังขตธาตุ เป็นอนัตตา แต่ไม่ได้เป็นอนัจจังและทุกขัง
ไม่เที่ยง เกิดดับ เขียน:
ที่ทุกคนเห็น จะขัดแย้งไม่ได้ว่า แก้วน้ำไม่เก่า ไม่แตกเป็นไปไม่ได้

แย้งได้ทำไมจะแย้งไม่ได้ แก้วน้ำถ้าไม่มีอะไรไปกระทบหรือมีอะไรไปยุ่งกับมัน
มันก็ยังเป็นสภาพเดิมๆ ต่อให้คุณตายแล้วเกิดอีกกี่ชาติมันก็ยังเป็นของมันอย่างนั้น
แต่ถ้ามีเหตุปัจจัยไปกระทบมัน ก็อาจแตกได้ในไม่กี่วินาที่ เพราะมันมีคุณสมบัติเป็น
อนัตตา
ไม่เที่ยง เกิดดับ เขียน:
ถ้าท่านอื่นเห็นว่าแก้วน้ำนี้ใส แก้วน้ำนี้สวย แก้วน้ำนี้ไม่สวย แก้วน้ำนี้ไม่มีสี แก้วน้ำนี้มีน้ำ เป็นความพอใจ ไม่พอใจ ของท่านเองครับ

เห็นคุณไปแสดงความเห็นกล่าวหาคนอื่นเอาบัญญัติมาใช้ในธรรมผิด
ผมว่าเป็นคุณนั้นแหล่ะครับที่ผิด เอาบัญญัติมาผสมปนเปเสียยุ่งเป็นฝอยขัดหม้อ

แก้วน้ำมีสี แก้วน้ำมีน้ำมันเป็นความจริงตามธรรมชาติ
ส่วนแก้วน้ำสวยไม่สวย มันเป็นการปรุงแต่งของเรา
คุณเล่นมาปนกันเสียเละ
ไม่เที่ยง เกิดดับ เขียน:
ถ้าท่านอื่นเห็นว่าแก้วน้ำนี้ใส แก้วน้ำนี้สวย แก้วน้ำนี้ไม่สวย แก้วน้ำนี้ไม่มีสี แก้วน้ำนี้มีน้ำ [color=#FF0000]อันนี้ก็จะเกิดความขัดแย้งระหว่าง 2 ฝ่าย ถ้าเอาความจริงมาตั้ง แก้วน้ำต้องเก่า ต้องชำรุด ความคิดเห็นเป็นกลาง ไม่เกิดการขัดแย้งกัน ทุกข์ และปัญหาก็ไม่เกิดขึ้น อันนี้เป็นความจริงของธรรมชาติเปลี่ยนแปลงไม่ได้ อันนี้แหละครับเรียกว่าเห็นธรรม หรือ ธรรมชาติ แม้แต่น้ำแข็งในแก้วสุดท้ายก็ต้องละลาย ไม่มีน้ำแข็ง

ธรรมชาติมันเปลี่ยนแปลงได้เพราะมันขึ้นอยู่ในกฎของอนัตตา
แต่การเปลี่ยนแปลงนั้นไม่เรียกว่าอนิจจัง เพราะธรรมชาติเปลี่ยนแค่สภาพ
แต่ยังคงความเป็นธาตุไว้ และธรรมชาติที่ว่าก็ไม่เป็นทุกข์เพราะมันเป็น
อนุปาทินนกสังขาร มันไม่มีใจครองจึงไม่เป็นทุกข์


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 10 ม.ค. 2012, 04:46 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 13 ก.พ. 2010, 17:53
โพสต์: 4999

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


asoka เขียน:
ไม่เที่ยง เกิดดับ เขียน:
ท่านผู้รู้ส่วนมาก คิดว่าการไปหยุดที่ความคิดไม่ให้คิดปรุงแต่ง เช่น ทำสมาธิ จะระงับดับทุกข์ได้นั้น
เป็นความเห็นที่ผิดครับ ความคิด(สังขาร) หยุดไม่ได้ครับ เพราะเรามีสมองให้คิดครับ ต้องเปลี่ยนความคิดครับ เติมความจริงไปเยอะ ทำให้เกิดปัญญา(เห็นชอบ) คิดชอบ พูดชอบ กระทำชอบ อาชีพชอบ ตามมาเองครับ

ถ้าท่านไม่ต้องการดับทุกข์ ต้องการเรียนคาถาอาคม ญาณ อภิญญา ก็เปลี่ยนวิธีการปฏิบัติไม่ต้องวิปัสสนาครับ เรียนทางลัดเอาครับได้ผลเร็ว

:b4:
[color=#FF0000]ถูกต้องครับ ความคิด หยุดไม่ได้ เพราะความคิดเป็นผล แต่เหตุปัจจัยที่ทำให้คิดนั้นหยุดได้นะครับ ถ้าเหตุปัจจัยให้คิดไม่มี ความคิดก็ไม่เกิด เขาสงบไปเอง

คุณโสกะนี่เป็นตลกสลับฉากหรือครับ พระเอก นางเอก พระรองเขากำลังเล่น
ดราม่าแอคชั่นอยู่ ตัวประกอบแบบคุณโสกะกลัวไม่ได้เกิด เลยแย่งซีนด้วยการ
คอมมาดี้เนียนๆ :b17:

พุดโถ่! ก็คุณไม่เที่ยงแกบอกแล้วว่า "ความคิดหยุดไม่ได้เพราะมีสมอง"
คุณโสกะดันมาบอกเหตุปัจจัยที่ทำให้คิดหยุดได้ คำพูดของคุณไม่เที่ยง
เหตุปัจจัยก็คือสมอง ถ้าไม่คิดเราไม่ต้องผ่าเอาสมองทิ้งไปหรือครับ :b32:

มีรูปย่อมมีนาม มีนามย่อมมีสังขารขันธ์
มีสมองย่อมต้องมีความคิด :b13:


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 10 ม.ค. 2012, 07:53 
 
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 25 เม.ย. 2009, 02:43
โพสต์: 12232


 ข้อมูลส่วนตัว


รูปภาพรูปภาพ

กบเปลี่ยนสีได้....คนอะไรไม่เปลี่ยน.... :b16: :b16: :b16:

น้อมรับของฝากจากอโสกะ...
นี้เป็นของเล็กน้อย..แทนน้ำใจ

หากนั่งนึก...ไป...นึกไป...รู้สึกว่ารู้อะไรก็ไร้น้ำหนัก...ให้กลับมาทำความสงบของใจสลับ..พักการนึกชั่วคราว...

:b16: :b16: :b16:


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 10 ม.ค. 2012, 08:28 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 9
สมาชิก ระดับ 9
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 ก.ย. 2010, 09:07
โพสต์: 761

แนวปฏิบัติ: อานาปาฯ
งานอดิเรก: ศึกษาพุทธธรรม
สิ่งที่ชื่นชอบ: ปฏิบัติธรรม
ชื่อเล่น: ปลีกวิเวก
อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


ไม่เที่ยง เกิดดับ เขียน:
อ้างคำพูด:
tongue สวัสดีค่ะ คุณไม่เที่ยง

แนวปฏิบัติของคุณไม่เที่ยงเราอ่านแล้วก็ยังไม่ค่อยเข้าใจ ตรงไหนเป็นเหตุแห่งทุกข์ ตรงไหนเป็นปัญญาที่จะเข้าไปกำหนดรู้ในทุกข์ อาจจะคนละแนวกับเรา ....เราว่าคุณไม่เที่ยงน่าจะลองหากัลยาณมิตรใหม่ ๆ ดูบ้างนะ...จะได้มีความรู้ทางธรรมที่หลากหลายมากขึ้น....อย่างเราก็มีครูบาอาจารย์หลายท่านแต่สุดท้ายแนวทางปฏิบัติก็เหมือนกันทุกท่านซึ่งตรงกับคำสอนขององค์พระศาสดา..มันก็พูดยากนะแต่ละคนก็มักจะบอกว่าแนวทางปฏิบัติของตนถูกต้องแล้วแทบทั้งนั้น...แต่จะมีสักกี่คนเล่าที่ได้พบกัลยาณมิตรที่สามารถแนะนำเราออกจากวัฏฏะทุกข์นี้ได้จริง (ยกเว้นองค์พระศาสดานะ)...คุณคงเข้าใจนะว่าคนที่จะอ่านพระไตรปิฎกแล้วเข้าใจในเนื้อหาสาระแล้วนำมาเป็นแนวทางปฏิบัตินั้นมีอยู่ไม่มาก...คนอย่างเรา ๆ หรือคนส่วนใหญ่ต้องอาศัยกัลยาณมิตรหรือครูบาอาจารย์นำมาถ่ายถอดอีกที...แต่ถ้าใครคิดว่ามีปัญญามากพอก็ศึกษาจากพระไตรปิฎกโดยไม่ต้องมีครูบาอาจารย์ก็ได้...

ถ้าสิ่งที่เราแนะนำทำให้คุณขัดเคืองใจ ก็ต้องขออภัย..ด้วยมีเจตนาที่ปรารถนาดีต่อท่านเท่านั้น :b41:

ขอเจริญในธรรม :b8:


ท่านแน่ใจหรือว่าท่านเรียนจากอาจารย์ที่อ่านพระไตรปิฎกจบแล้ว อ่านจบแล้วไม่ใช่ว่าจะวิเคราะห์ หรือตีความให้แตกได้ หรือเรียนจากอาจารย์ที่ดับทุกข์ถาวรได้แล้ว อาจารย์ของท่านเรียนคาถาอาคมใช่หรือไม่
เสกใบไม้เป็นตั๊กแตนใช่หรือไม่ เรียนญาณอภิญญา สมถะ ทำสมาธิใช่หรือไม่ "นั้นไม่ใช่ทางหลุดพ้น"


กำลังอยากจะหาครูบาอาจารย์แบบที่คุณว่า...กะว่า Trip นี้จะฝึกวิชาหายตัวได้อยู่พอดีเลย เวลาเดินทางไกลจะได้ประหยัดค่าเครื่องบิน... :b32:

.....................................................
วิชฺชาจรณสมฺปนฺโน โส เสฏฺโฐ เทวมานุสเส
ผู้ถึงพร้อมด้วยความรู้คู่ความดี คือผู้ที่ประเสริฐสุดในหมู่มนุษย์และเทวดา
วรรคทอง วรรคธรรม โดยท่าน ว.วชิรเมธี


แก้ไขล่าสุดโดย ปลีกวิเวก เมื่อ 10 ม.ค. 2012, 12:23, แก้ไขแล้ว 1 ครั้ง

โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 10 ม.ค. 2012, 08:31 
 
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 11 ต.ค. 2010, 12:11
โพสต์: 5016


 ข้อมูลส่วนตัว


กบนอกกะลา เขียน:
อ้างคำพูด:
แค่ความคิดเห็นส่วนตัวครับ การจะปฏิบัติธรรมนั้นควรหลีกเลี่ยงสิ่งเหล่านี้อยู่แล้วคือไม่ทำในเวลาเดียวกัน

ช่ายยย.... เลย

ผมเลยเย้ยยยย!!......ตอนบอลเข้าประตู...เหมือน ๆ คนอื่น :b4:


จริง ๆ ตอนที่อ่าน เอกอนก็ว่าจะหยิบตรงนี้ขึ้นมาขยายความ
แต่
ยังไม่รู้จะขยายความยังไง

คือ ความรู้สึกที่ กายสังขาร วจีสังขาร มโนสังขาร ระงับไปด้วยการคอนโทรล การเข้าไปควบคุม
ด้วยเทคนิคต่าง ๆ นานา
กับการระงับไปด้วย ธรรมชาติจิต เมื่อไม่เข้าไปข้อง
ทั้งลักษณะ คุณภาพ องค์ประกอบ จิตที่วิเวกนั้น จะต่างกัน

อืมม เป็นแนวทางที่อาจารย์ท่านแรกของเอกอน ใช้

อาจารย์จับเข้าป่าไม่ได้ แต่อาจารย์ก็กำชับว่าห้ามพูด
พูดได้ แต่อย่ามาก เท่าที่จำเป็น
ให้ใช้ภาษากาย เท่าที่จำเป็น
อาจารย์บอกว่า ดูใจที่มันอยากจะพูด อยากจะแสดง
ที่มันปรากฎ
ก็ปฏิบัติเช่นนั้นอยู่หลาย
ก็จะเห็นอาการ จิตที่ค่อย ๆ เงียบเสียงลง

จิตมันเงียบ เป็นความเงียบที่ ... :b1:
เห็น สิ่งที่เหลืออยู่
และเมื่อเห็นสิ่งที่เหลืออยู่ ก็จะรู้เองว่า
สิ่งที่ดับไป ดับไปด้วยปัจจัยใด

ธรรมที่ได้จากการทำ ไม่ต้องคิด

ปัญญาที่ได้จาก ความว่าง ว่างจากสังขาร

ธรรมที่เราเข้าใจ
ไม่ใช่ได้มาจากการ นั่งพิจารณาแก้วหรอก
หรือ การเข้าไปสร้างการกระทำให้เกิดกับทุกผัสสะ
หรือต้องเที่ยวตามคิดพิจารณาอะไร ไม่ปล่อยไม่วาง
มันได้สภาวะธรรม อันเป็นที่อยู่สบายอย่างหนึ่ง
แต่ ไม่ได้เป็นสภาวะที่เข้าถึง สภาวะสังขารรำงับ
สังขารไม่ระงับลงสักที ก็เลยได้ธรรม จากความมี
ยังอยู่ใน ภาคโลกียปัญญา

อันนี้เราเดาจากการเก็บผลที่ได้จากสิ่งที่เราเคยปฏิบัติตามที่เคยมีอาจารย์แนะนำน่ะ

การปฏิบัติธรรม ไม่ใช่เรื่องง่าย และไม่ใช่เรื่องยาก
อยู่ที่ว่า เราเข้าใจปัจจัยอันเป็นองค์ประกอบแห่งธรรม อย่างไร

:b12:


แก้ไขล่าสุดโดย eragon_joe เมื่อ 10 ม.ค. 2012, 09:10, แก้ไขแล้ว 1 ครั้ง

โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 10 ม.ค. 2012, 08:43 
 
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 7
สมาชิก ระดับ 7
ลงทะเบียนเมื่อ: 03 ต.ค. 2011, 15:47
โพสต์: 539


 ข้อมูลส่วนตัว


จิต คือ วิญญาณ สัญญา สังขาร วิญญาณ

จิต (เหตุ)
สิ่งกระทบ (ปัจจัย)
พอใจ ไม่พอใจ (ผล)

ไม่มีจิต ก็ไม่มีผลเกิดขึ้น
ไม่มีสิ่งกระทบ ก็ไม่มีผลเกิดขึ้น
ไม่มีผล ก็คือ ดับจิต และ ดับสิ่งกระทบ

" เมื่อสิ่งนี้มี สิ่งนี้จึงมี "


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 10 ม.ค. 2012, 09:52 
 
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 7
สมาชิก ระดับ 7
ลงทะเบียนเมื่อ: 03 ต.ค. 2011, 15:47
โพสต์: 539


 ข้อมูลส่วนตัว


- การพิจารณาสิ่งที่เราเห็น สิ่งที่เราได้ยิน สิ่งที่เราได้กลิ่น สิ่งที่เราได้รส สิ่งที่เราได้สัมผัส สิ่งที่เราคิดลึก
เป็นการมองเห็นสิ่งที่มากระทบทาง ตา หู จมูก ลิ้น กาย ใจ เพื่อไม่ให้จิตปรุงแต่งไปทางอกุศล หรือ มิจฉาทิฐิ คือ ความพอใจ ไม่พอใจ ซึ่งเป็นต้นเหตุแห่ง ทุกข์ที่เราสร้างขึ้นเอง ไม่พิจารณาสิ่งรอบตัวเรา สิ่งกระทบตัวเราก็จะไม่เห็นความจริง มีแต่ความเชื่อ หลงกับสิ่งกระทบ เหมือนหลง เงิน ทอง รถยนต์ คนสวย เสียงด่า กลิ่นหอม เหม็น สุดท้ายสิ่งเหล่านี้ก็ไม่มีตัวตน
แตกสลายหายไปหมด แม้แต่ตัวเราเอง แล้วท่านจะหลงสิ่งเหล่านี้ทำไม สิ่งเหล่านี้เป็น "ปรมัตถธรรม"

- การพิจารณาขันธ์ 5 คือ พิจารณาเพื่อฆ่าตัวตนของเรา ไม่ใช่เรา เราไม่มีตัวตน เพื่อดับทุกข์ ธรรมชาติ หรือทุกข์ เกิด แก่ เจ็บ ตาย

" ไม่เที่ยง เกิดดับ นโมพุทธายะ "


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 10 ม.ค. 2012, 10:11 
 
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 11 ต.ค. 2010, 12:11
โพสต์: 5016


 ข้อมูลส่วนตัว


แต่ไม่ได้หมายความว่า

คุณจะต้อง เก็บปากเก็บคำ กริยา แล้วจะต้องได้ผลอย่างที่ว่าตามนั้นน่ะ

รายละเอียดในส่วนนี้มี หยุมหยิ๋ม

อาจารย์ผู้ที่จะฝึกศิษย์ จะต้องเข้าใจสภาวะของศิษย์ และรู้เท่าทัน
(ไม่รู้ว่า อาจารย์ไปรู้ถึงระดับนั้นได้อย่างไร แต่ก็เหมือนจะรู้จริง ๆ ด้วย
เพราะอุบายแต่ละอย่าง ส่งผลต่อวิถีจิตตลอด
อย่างกับ นักสนุ๊กเกอร์มือวางอันดับหนึ่ง แห่งป่าไผ่)
แล้วค่อย ๆ หยอด อุบายให้ปฏิบัติใส่ปัจจัยเข้าไปให้กับศิษย์ ตามความเหมาะสม
ตามจังหวะและเวลา
พอ จิตทรงตัวอยู่ได้ บนฐานนั้น ก็ หยอดอุบายเพิ่ม

อาจารย์บอกทำนองว่า
ค่อย ๆ ใส่มรรคเข้ามา เพื่อให้มรรคแต่ละตัวกลมกลืนกับจิต
อาจารย์บอกว่า
ถ้าเราถือมรรค หรือถือวัตรใด ๆ เราจะต้องใช้มือจำนวนมาก
และเราก็จะไม่มีมือมากพอที่จะไปหยิบสิ่งใดได้ทั้งหมด
เราต้องค่อย ๆ หยิบแต่ละส่วน ๆ มาทำให้กลมกลืนไปกับเรา
เมื่อนั้น สองมือก็เป็นสิ่งที่เพียงพอต่อการทำให้แจ้ง

อาจารย์คอยหยอดเข้า หยอดออกตลอด
เพื่อให้จิตปรับตัวกับการทรงตัวอย่างแนบเนียน
เหมือนนักมายากล ที่ต้องฝึกการทรงตัวให้พอไหวก่อน
แล้วค่อย ๆ ใส่ความยากเพิ่มเข้าไปทีละนิด

แต่สิ่งที่ใส่ไป จะเป็นลักษณะที่ตรงข้ามกับ
การสะสมทางโลกสมบัติ
สิ่งที่ใส่เข้าไป มันกลับเข้าไปหักล้างสิ่งที่เคยประกอบอยู่ เกาะอยู่เดิมนั้นออก

:b1:

การปฏิบัติตามที่อาจารย์สอน ความยาก และความง่าย
มันผสมกลมกลืนกัน
จนยากที่จะระบุออกไปในทางใด เพราะมันไม่ยาก และมันไม่ง่าย

:b1:

ความเห็นส่วนตัว ที่ได้รับถ่ายทอดมาจาก อาจารย์
ที่พบเจอกันที่ ป่าไผ่

:b4: :b4: :b4:


แก้ไขล่าสุดโดย eragon_joe เมื่อ 10 ม.ค. 2012, 21:52, แก้ไขแล้ว 1 ครั้ง

โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 10 ม.ค. 2012, 11:06 
 
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 7
สมาชิก ระดับ 7
ลงทะเบียนเมื่อ: 03 ต.ค. 2011, 15:47
โพสต์: 539


 ข้อมูลส่วนตัว


ปัญญา หรือ สัมมาทิฐิ/ความเห็นชอบ ซึ่งปรากฏในมรรคมีองค์ 8 ซึ่งเป็นตัวเริ่มต้นทำให้องค์ธรรมต่างๆ ตามมาจนครบถ้วนบริบูรณ์ (ปัญญา ศีล สมาธิ)

เห็นความจริงเท่านั้นที่ดับเหตุได้ ผู้ไม่มีปัญญาก็ดับเหตุไม่ได้ทุกข์ก็ตามมา
เช่นเดียวปัญญาทางโลก หรือ ความรู้ /รอบรู้ ที่จะสามารถแก้ปัญหาได้ แ่ต่เอาปัญญาทางโลก มาแก้ปัญหาทางธรรมไม่ได้ เพราะแนวทางต่างกัน ถึงแม้ว่าหลักการเดียวกัน เหตุ - ผล หรือ
" อิทัปปัจจยตา "


แสดงโพสต์จาก:  เรียงตาม  
กลับไปยังกระทู้  [ 155 โพสต์ ]  ไปที่หน้า ย้อนกลับ  1 ... 6, 7, 8, 9, 10, 11  ต่อไป

เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง


 ผู้ใช้งานขณะนี้

่กำลังดูบอร์ดนี้: ไม่มีสมาชิก และ บุคคลทั่วไป 1 ท่าน


ท่าน ไม่สามารถ โพสต์กระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ตอบกระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แก้ไขโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ลบโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แนบไฟล์ในบอร์ดนี้ได้

ค้นหาสำหรับ:
ไปที่:  
Google
ทั่วไป เว็บธรรมจักร