วันเวลาปัจจุบัน 04 ต.ค. 2025, 18:55  



เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง




กลับไปยังกระทู้  [ 168 โพสต์ ]  ไปที่หน้า ย้อนกลับ  1 ... 6, 7, 8, 9, 10, 11, 12  ต่อไป  Bookmark and Share
เจ้าของ ข้อความ
โพสต์ เมื่อ: 16 พ.ย. 2015, 11:34 
 
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 25 เม.ย. 2009, 02:43
โพสต์: 12232


 ข้อมูลส่วนตัว


ชอบบัญญัติแปลกๆ..เดียวได้เป็นสัทธรรมปฏิรูปทั้งลูกศิษย์..ทั้งอาจารย์..ซะนี้


โพสต์ เมื่อ: 16 พ.ย. 2015, 17:15 
 
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 18 ก.ย. 2011, 21:51
โพสต์: 4941


 ข้อมูลส่วนตัว


กบนอกกะลา เขียน:
ชอบบัญญัติแปลกๆ..เดียวได้เป็นสัทธรรมปฏิรูปทั้งลูกศิษย์..ทั้งอาจารย์..ซะนี้

s004
โธ่เอย!...... ติดอยู่กับคำว่าสัทธรรมปฏิรูปอยู่นั่นแหละจนไม่กล้ากระดิกตัวทำอะไร ผิดวิสัยของผู้รู้ธรรมเห็นธรรมที่พระพุทธเจ้าทรงสอน

คนที่ธรรมถึงใจ ใจถึงธรรมแล้วจะหยิบยกเอาอะไรมาแสดงเป็นธรรมะก็ได้หมด สอดคล้องกันไปหมด

ส่วนเหล่าหนอนที่ยึดตำราทั่งหลายนั้น จะทำอะไรก็กลัวเพราะรู้ไม่จริง ได้ธรรมไม่จริงไปยึดถือไว้แน่น

ธรรมไม่จริงในที่นี้หมายถึงธรรมที่ยังเป็นแค่ตัวหนังสือ ธรรมในสัญญา ธรรมคิดนึกเอา ธรรมที่ยังไม่ได้พิสูจน์ไม่ได้ปฏิบัติเอาจนเห็นธรรมเข้าถึงธรรมประจักษ์แก่ใจตนเอง

มันจะเป็นสัทธรรมปฏิรูปหรือไม่นั้นพระบรมศาสดาสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงบอกหลักไว้ชัดเจนแล้วทำไมไม่รู้จักเอามาใช้ ท่านทรงตรัสบอกไว้แล้วว่า


"ธรรมใดที่ว่าด้วยเรื่องทุกข์ เหตุเกิดทุกข์ ความดับทุกข์และวิธีทำให้ถึงความดับทุกข์ นั่นคือธรรมคำสอนของเราตถาคต ถ้านอกจากนั้นไปไม่ใช่"

"หยุดลมหายใจได้ จิตใจก็จะถึงปรมัตถ์ อนัตตา อันเป็นเหตุให้อัตตา สักกายะทิฏฐิดับขาด"


พูดอย่างนี้มันจะผิดตรงไหน เป็นสัทธรรมปฏิรูปตรงไหน? กบกับ กงลองพิจารณาดู

การมากล่าวตู่พล่อยๆว่าใครต่อใครกำลังทำสัทธรรมปฏิรูป เพราะพูดไม่เหมือนตัวหนังสือที่เขียนไว้ในพระไตรปิฏก คนประเภทนี้มากกว่าที่จะทำให้เกิดสัทธรรมปฏิรูป เพราะยึดธรรมแต่ในตำรา ไม่เห็นคุณค่าของธรรมที่เกิดจากการปฏิบัติจริง

ทั้งยังมีอหังการมนังการมากล่าวประมาทจ้วงจาบพระผู้สอนธรรมจริง โดยไมรู้ว่านรกกำลังจะกินหัวตัวเอง


โพสต์ เมื่อ: 16 พ.ย. 2015, 21:44 
 
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 25 เม.ย. 2009, 02:43
โพสต์: 12232


 ข้อมูลส่วนตัว


asoka เขียน:

การมากล่าวตู่พล่อยๆว่าใครต่อใครกำลังทำสัทธรรมปฏิรูป เพราะพูดไม่เหมือนตัวหนังสือที่เขียนไว้ในพระไตรปิฏก คนประเภทนี้มากกว่าที่จะทำให้เกิดสัทธรรมปฏิรูป เพราะยึดธรรมแต่ในตำรา ไม่เห็นคุณค่าของธรรมที่เกิดจากการปฏิบัติจริง

ทั้งยังมีอหังการมนังการมากล่าวประมาทจ้วงจาบพระผู้สอนธรรมจริง โดยไมรู้ว่านรกกำลังจะกินหัวตัวเอง


สัทธรรมปฏิรูป...คือ..อะไร..หมายถึงอะไร..รู้รึเปล่า..อโสกะ?

อย่ามาอ้าง...ธรรมจากการปฏิบัติเลย...มารมันก็อ้างว่าของมันถูก.....แต่มันจริงมั้ยละ

ถ้าใครต่อใครก็อ้างว่าเป็นผลจากการปฏิบัติ....ศาสนาคงเล่ะตุ๊มเป้ะไปนานแล้ว..

จำใส่ศรีษะเอาใว้


โพสต์ เมื่อ: 16 พ.ย. 2015, 23:50 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 29 ต.ค. 2009, 15:06
โพสต์: 7520

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


s006
จ๊ะเอ๋คุยอะไรกันอยู่น๊าน่าสนุกจังเลย
:b16:
:b32: :b32:


โพสต์ เมื่อ: 16 พ.ย. 2015, 23:55 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 29 ต.ค. 2009, 15:06
โพสต์: 7520

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


Kiss
ดับอวิชชาก็พอนะ
เหลือจิตเจตสิกรูป
กะรู้ว่างๆอยู่ง่ายนะ
ของอริยชนชั้นต้นขึ้นไป
:b17: :b17: :b17:


โพสต์ เมื่อ: 17 พ.ย. 2015, 05:14 
 
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 18 ก.ย. 2011, 21:51
โพสต์: 4941


 ข้อมูลส่วนตัว


:b8:
สาธุอนุโมทนากับคุณ rosarin ที่มีกุศลเจตนามาช่วยสร้างบรรยากาศที่ดี ผ่อนคลายแล้วแถมยังชี้แนะให้ดับอวิชชาก็พอ
:b27:


โพสต์ เมื่อ: 17 พ.ย. 2015, 05:36 
 
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 18 ก.ย. 2011, 21:51
โพสต์: 4941


 ข้อมูลส่วนตัว


กบนอกกะลา เขียน:
asoka เขียน:

การมากล่าวตู่พล่อยๆว่าใครต่อใครกำลังทำสัทธรรมปฏิรูป เพราะพูดไม่เหมือนตัวหนังสือที่เขียนไว้ในพระไตรปิฏก คนประเภทนี้มากกว่าที่จะทำให้เกิดสัทธรรมปฏิรูป เพราะยึดธรรมแต่ในตำรา ไม่เห็นคุณค่าของธรรมที่เกิดจากการปฏิบัติจริง

ทั้งยังมีอหังการมนังการมากล่าวประมาทจ้วงจาบพระผู้สอนธรรมจริง โดยไมรู้ว่านรกกำลังจะกินหัวตัวเอง


สัทธรรมปฏิรูป...คือ..อะไร..หมายถึงอะไร..รู้รึเปล่า..อโสกะ?

อย่ามาอ้าง...ธรรมจากการปฏิบัติเลย...มารมันก็อ้างว่าของมันถูก.....แต่มันจริงมั้ยละ

ถ้าใครต่อใครก็อ้างว่าเป็นผลจากการปฏิบัติ....ศาสนาคงเล่ะตุ๊มเป้ะไปนานแล้ว..

จำใส่ศรีษะเอาใว้

:b34:
ผลปฏิบัติที่เป็นสัจจธรรมความจริงก็คืออันเดียวกันกับธรรมะที่พระพุทธเจ้าทรงค้นพบแล้วนำมาสอน

กบจะลงน้ำก็กลัว จะขึ้นบกก็กลัว จะทำอะไรก็กลัวจะเป็นสัทธัมปฏิรูป ก็เพราะกบไม้ได้ตั้งใจลงมือปฏิบัติธรรมอย่างจริงจัง ยกย่องเผยแพร่แต่หลักทฤษฎี แต่ไม่ยอมพิสูจน์ความจริงด้วยการปฏิบัติ

พ่อแม่ครูบาอาจารย์ที่ท่านรู้ตำราน้อย แต่รู้จริงรู้ลึกในอรรถะและธรรมเพียงน้อยนิดจากคำสอนคำชี้แนะของบุรพาจารย์รุ่นก่อน ท่านก็ยังสามารถทำพระนิพพานให้แจ้งได้อย่างมากมายหลายท่านหลายองค์เห็นประจักษ์กันอยู่ทุกวันนี้

ซึ่งในทางกลับกันก็เห็นมีแต่บรรดานักศึกษามหาเปรียญธรรม และหนอนตำราทั้งหลายทีได้วุฒิกระดาษทางธรรมแล้วไม่ลาหรือสิกขาลาเพศออกมาหากินทางโลก หากินกับโลกมากมายและดูท่าจะทำร้ายให้ศาสนาเละตุ้มเป๊ะมากกว่าดังที่กบว่า

กบยังจับประเด็นสำคัญที่เป็นหัวใจการค้นพบและการสอนธรรมของพระพุทธเจ้าไม่ได้จึงกลายเป็นคนขี้กลัวและวิตกกังวลเรื่องสัทธรรมปฏิรูปอยู่เช่นนี้

คนที่เขากล้าพูดธรรมสอนธรรมชี้นำธรรมด้วยบัญญัติใหม่ๆ แต่ไม่ทิ้งสาระสำคัญของเนิ้อหาเดิมทีแท้จริงและเป็นสัจจธรรมนั้นเขามีหลักอยู่ตามที่พระบรมครูทรงตรัสรับรองไว้ว่า

"ธรรมใดที่เป็นไปเพื่อความรู้ทุกข์ ละเหตุที่ทำให้เกิดทุกข์ ทำนิโรธให้แจ้ง และเป็นทางดำเนินไปเพื่อให้ถึงความดับเหตุแห่งทุกข์ได้" นั่นแหละคือสิ่งที่ทรงค้นพบและเป็นคำสอนของพระศาสดา"

เอาหลักอันนี้มาจับ ไม่จำเป็นต้องไปค้นในตำรามาพิสูจน์ พูดที่ไหนก็ถูกต้องที่นั่นเพราะมันคือสัจจธรรม

กบลองกลับไปพิจารณาคำพูด ความเห็นของตนเองเสียใหม่นะ สัมปชัญญะจะได้กลับคืนมาคุ้มครองตน

cool


โพสต์ เมื่อ: 17 พ.ย. 2015, 06:37 
 
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 25 เม.ย. 2009, 02:43
โพสต์: 12232


 ข้อมูลส่วนตัว


asoka เขียน:

คนที่เขากล้าพูดธรรมสอนธรรมชี้นำธรรมด้วยบัญญัติใหม่ๆ แต่ไม่ทิ้งสาระสำคัญของเนิ้อหาเดิมทีแท้จริงและเป็นสัจจธรรมนั้นเขามีหลักอยู่ตามที่พระบรมครูทรงตรัสรับรองไว้ว่า

"ธรรมใดที่เป็นไปเพื่อความรู้ทุกข์ ละเหตุที่ทำให้เกิดทุกข์ ทำนิโรธให้แจ้ง และเป็นทางดำเนินไปเพื่อให้ถึงความดับเหตุแห่งทุกข์ได้" นั่นแหละคือสิ่งที่ทรงค้นพบและเป็นคำสอนของพระศาสดา"

เอาหลักอันนี้มาจับ ไม่จำเป็นต้องไปค้นในตำรามาพิสูจน์ พูดที่ไหนก็ถูกต้องที่นั่นเพราะมันคือสัจจธรรม

กบลองกลับไปพิจารณาคำพูด ความเห็นของตนเองเสียใหม่นะ สัมปชัญญะจะได้กลับคืนมาคุ้มครองตน[/size]
cool


ช่าย...คำใดที่เป็นไปเพ่อความเบื่อหน่ายคลายกำหนัด..เพื่อความดับทุกข์..อันนั้นเป็นธรรมในพระศาสนานี้

แต่เขาไม่ไปลบคำศาสดา..ทำให้ธรรมของศาสดาแปรไปเป็นอื่น...จำใว้

ศาสดาว่าอย่างนี้...แล้วมาพูดว่าต้องเป็นอย่างนี้...อันนี้อเวจี..นะจ๊ะ :b9: :b9:
เรื่องเคยเกิดขึ้นมาแล้ว...ไปดูบุพกรรมของปลาทองปากเหม็น...เป็นต้น

ธรรมที่อ้างว่าได้..ก็เล้ยไม่รู้เป็นธรรมของศาสนาใคร


โพสต์ เมื่อ: 17 พ.ย. 2015, 18:12 
 
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 18 ก.ย. 2011, 21:51
โพสต์: 4941


 ข้อมูลส่วนตัว


กบนอกกะลา เขียน:
asoka เขียน:

คนที่เขากล้าพูดธรรมสอนธรรมชี้นำธรรมด้วยบัญญัติใหม่ๆ แต่ไม่ทิ้งสาระสำคัญของเนิ้อหาเดิมทีแท้จริงและเป็นสัจจธรรมนั้นเขามีหลักอยู่ตามที่พระบรมครูทรงตรัสรับรองไว้ว่า

"ธรรมใดที่เป็นไปเพื่อความรู้ทุกข์ ละเหตุที่ทำให้เกิดทุกข์ ทำนิโรธให้แจ้ง และเป็นทางดำเนินไปเพื่อให้ถึงความดับเหตุแห่งทุกข์ได้" นั่นแหละคือสิ่งที่ทรงค้นพบและเป็นคำสอนของพระศาสดา"

เอาหลักอันนี้มาจับ ไม่จำเป็นต้องไปค้นในตำรามาพิสูจน์ พูดที่ไหนก็ถูกต้องที่นั่นเพราะมันคือสัจจธรรม

กบลองกลับไปพิจารณาคำพูด ความเห็นของตนเองเสียใหม่นะ สัมปชัญญะจะได้กลับคืนมาคุ้มครองตน[/size]
cool


ช่าย...คำใดที่เป็นไปเพ่อความเบื่อหน่ายคลายกำหนัด..เพื่อความดับทุกข์..อันนั้นเป็นธรรมในพระศาสนานี้

แต่เขาไม่ไปลบคำศาสดา..ทำให้ธรรมของศาสดาแปรไปเป็นอื่น...จำใว้

ศาสดาว่าอย่างนี้...แล้วมาพูดว่าต้องเป็นอย่างนี้...อันนี้อเวจี..นะจ๊ะ :b9: :b9:
เรื่องเคยเกิดขึ้นมาแล้ว...ไปดูบุพกรรมของปลาทองปากเหม็น...เป็นต้น

ธรรมที่อ้างว่าได้..ก็เล้ยไม่รู้เป็นธรรมของศาสนาใคร

s004
มีที่ไหนที่ว่าไปลบคำพระศาสดา กล่าวตู่เอาเองตามวิสัยของกบละมั้ง

ที่พูดมาบรรยายมาล้วนแล้วเป็นการวิเคราะห์อธิบายขยายความทำให้เข้าใจง่ายชี้ให้เห็นประเด็นและสาระสำคัญในคำสอนของพระพุทธเจ้า ทำศัพท์แสงอันวิจิตรพิสดารให้เรียบง่ายเข้าใจง่ายใครๆก็สามารถรู้ได้ทั้งนั้น

มีแต่กบเท่านั้นที่เมาหมัดจนยิ่งคุยยิ่งไม่รู้เรื่องและพาลพาโลมากขึ้นทุกที

:b7:


โพสต์ เมื่อ: 17 พ.ย. 2015, 19:19 
 
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 25 เม.ย. 2009, 02:43
โพสต์: 12232


 ข้อมูลส่วนตัว


asoka เขียน:

มีที่ไหนที่ว่าไปลบคำพระศาสดา กล่าวตู่เอาเองตามวิสัยของกบละมั้ง

ที่พูดมาบรรยายมาล้วนแล้วเป็นการวิเคราะห์อธิบายขยายความทำให้เข้าใจง่ายชี้ให้เห็นประเด็นและสาระสำคัญในคำสอนของพระพุทธเจ้า ทำศัพท์แสงอันวิจิตรพิสดารให้เรียบง่ายเข้าใจง่ายใครๆก็สามารถรู้ได้ทั้งนั้น

มีแต่กบเท่านั้นที่เมาหมัดจนยิ่งคุยยิ่งไม่รู้เรื่องและพาลพาโลมากขึ้นทุกที
:b7:


อัปปนา = อะปานะ อะปราน..ไม่มีลม

แค่นี้ก็เพียงพอที่แล้ว...ที่จะทำพระสัจธรรมคลาดเคลื่อนไป....เรียก..สัทธรรมปฏิรูป


ในโลกโซเซียลอย่างนี้นะ...หากมีเด็ก ๆ มาเสิร์ชหาคำว่า อัปปนาสมาธิ...นะ..ข้อความคำนี้ของอโสกะอาจโผล่ในลำดับต้น ๆ ...พอเด็ก ๆ กดเข้าไปนะ...ก็จะเห็น.."อัปปณา = อะปาณะ ไม่มีลมปราณ "้

แล้วหากเด็กเข้าใจตามคำอโสกะ..นะ...
เสร็จกัน....สัทธรรมปฏิรูป....ลงอเวจี

ดูท่าจะลงลึกกว่า..ใครน่า..ที่ไปแปลว่า...อริยะจิบเหล้าเข้าสังคมได้... :b32: :b32:

ที่จริง..อโสกะต้องขอบคุณผมนะ...ที่มาคัดค้านโต้แย้ง...เด็ก ๆ อาจได้อ่านคอมเม็นทแล้วก็ตัดสินใจไม่เชื่อคำอโสกะ...อโสกะก็รอดอเวจีไป....

นี้ช่วยหน่า.. wink wink


โพสต์ เมื่อ: 18 พ.ย. 2015, 17:12 
 
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 18 ก.ย. 2011, 21:51
โพสต์: 4941


 ข้อมูลส่วนตัว


:b12:
อัปปณาฌาณ ความสงบจนไม่มีลมหายใจแสดงให้เห็น เป็นความสงบที่หยุดนิวรณ์และสังขารความปรุงแต่งคิดนึกไปชั่วคราว ใครจะเชื่อไม่เชื่ออย่างไรก็ให้ปฏิบัติจริงไปเมื่อถึงตรงนั้นแล้วก็รู้เอง ส่วนจะเป็นสัทธัมปฏิรูปหรือไม่นั้นก็จะรู้ซึ้งเองเมื่อทำได้จริงๆแล้ว ใครจะลงอเวจีมหานรกหรือขึ้นสวรรค์ พรหม จนเข้าสู่นิพพานก็เป็นเรื่องของใครของมันไม่ต้องมาห่วงใยกันให้มากนัก

"กัมในาวัฏติโลโก" สัตว์โลกย่อมเป็นไปตามกรรมของตน

การสนทนาธรรมเป็นการนำความเห็นที่หลากหลายมาแสดงสู่กัน ส่วนใครจะเลือกเชื่อถืออย่างไรนั้นก็ย่อมขึ้นอยู่กับสติปัญญาและวินิจฉัยของใครของมันไม่อาจก้าวก่ายไปบังคับกันได้ เป็นสิทธิส่วนบุคคล

แสดงเหตุผลกันต่อไป ๆ ๆ ไม่ต้องมาเบรคเบรมกันด้วยคำพูดอันมิใช่สัมมาวาจานะกบนะ
:b34:


โพสต์ เมื่อ: 18 พ.ย. 2015, 17:45 
 
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 18 ก.ย. 2011, 21:51
โพสต์: 4941


 ข้อมูลส่วนตัว


:b36:
อ้างคำพูด:
นิทานธรรมะสอนใจ
เรื่อง.. "หลวงตา"กับ"เด็กวัด"

...วันหนึ่ง หลวงตากลับจากการบิณฑบาต
เจอเด็กวัดนั่งร้องไห้
หลวงตาถามว่าเป็นอะไร

เจ้าเด็กน้อยก็บอกว่า เขาใส่ร้ายว่าเป็น "ขโมย"
เขาเป็นคนที่เข้าไปปัดกวาดเช็ดถูในหอพระบ่อยๆ
พอเงินในหอพระหายไป
ทุกคนก็หาว่าเขาเป็นคนขโมยเงิน

"ทั้งที่ผมไม่ได้ทำ แต่ไม่มีใครเชื่อผมเลย"
เจ้าเด็กน้อยร้องไห้สะอึกสะอื้น
หลวงตานั่งปลอบเด็กวัดเป็นปริศนาธรรม

"เจ้ารู้ไหมว่าในตัวเรามีคนอยู่ ๓ คน
คนแรกคือคนที่เราอยากเป็น
คนที่สองคือคนที่คนอื่นคิดว่าเราเป็น
และคนที่สามคือตัวเราที่เป็นเราจริงๆ"

เจอปริศนาธรรมเข้า เด็กวัดก็นิ่งฟัง
หลวงตาบอกว่า เราทุกคนล้วนมี "ความฝัน"
และ "ความฝัน" เป็นสิ่งสวยงาม
เป็น "พลัง" ให้เราก้าวเดิน

บางคนอยากเป็นนักร้อง ดารา
บางคนอยากเป็นนักธุรกิจร่ำรวย
นั่นคือ "คนแรก" ที่เราอยากเป็น

ส่วน "คนที่ ๒" นั้น เราไม่ได้คิด ไม่ได้ฝัน
แต่ "คนอื่น"เป็นคนกำหนด
มองว่าเราเป็นอย่างนั้นอย่างนี้

บางครั้งก็ "ดีเลิศ"จนเราอาย
เพราะจิตสำนึกบอกเราว่า "ไม่จริง"

บางครั้งก็ "เลวร้าย"จนแทบจะรับไม่ได้
เพราะเรารู้ว่าไม่ได้เป็นเช่นนั้น ........

เจ้าเด็กน้อยนั่งฟังอย่างตั้งใจ
หลวงตาสอนว่า "คนที่ ๒" ในตัวเรา
เรากำหนดไม่ได้ เพราะเป็นโลกในมือคนอื่น
บางคนก็มองเราดี บางคนก็มองเราในแง่ร้าย
มองผ่าน "กระจกสีดำ"ในใจตัวเอง

*** "เจ้าต้องจำไว้นะ ทุกครั้งที่เราว่าคนอื่นเลว คนอื่นไม่ดี
ก็เท่ากับเราประจานความมืดดำในใจเราออกมา"

หลวงตาสอนว่า..
"ดังนั้น ถ้าเราเห็นใครทำไม่ดี
จงเตือนตนเองเสมอว่า อย่าทำ อย่าเลียนแบบ"

"แล้วเราต้องทำตัวอย่างไรครับ เมื่อเจอคนแบบนี้เรื่อยๆ"
ลูกศิษย์ถาม หลวงตายิ้ม
"ให้นึกถึง "คนที่สาม "ที่อยู่ในตัวเรา"

นั่นคือตัวเราที่เป็นเราจริงๆ

หลวงตาสอนว่า ต้องพยายามเข้าใจจิตใจมนุษย์
เรียนรู้ว่าความเข้าใจผิดนั้นมีโอกาสเกิดขึ้นได้เสมอ

"เราห้ามใจใครไม่ได้ แต่ให้คิดเสมอว่า
สิ่งใดที่เราไม่ได้ทำ ไม่ได้คิด ไม่ได้เป็น
เราก็ไม่ควรให้ความสำคัญกับสิ่งที่คนอื่นยัดเยียดให้

และเขาเหล่านั้น เป็นคนที่น่าสงสาร
มีเวลามากในการมองคนอื่น แต่ไม่มีเวลามองตัวเอง"

หลวงตาลูบหัวเด็กน้อยเบาๆ
"จงแผ่เมตตาให้เขาไป"


ขอบคุณ คุณรสมน
:b8:


โพสต์ เมื่อ: 18 พ.ย. 2015, 20:35 
 
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 11 ต.ค. 2010, 12:11
โพสต์: 5019


 ข้อมูลส่วนตัว


:b48: นั่นหมายความว่า :b48:

อโศกะ ไม่ได้เป็นผู้ขโมยเงิน

อ๊บซ์ อ๊บซ์ ก็ไม่ได้เป็นผู้ขโมยเงิน

:b13: เกี่ยงกันนัก...เอกอนเป็นคนขโมยเองก็ได้... :b13:

บุคคลที่ไม่ได้ขโมย แต่ยอมออกมายอมรับว่าเป็นขโมย
เพื่อที่คนอื่น ๆ จะไม่ต้องมาคิดมากปวดกะบานไปกับการถูกปรักปรำ

เป็นบุคคลประเภทที่เท่าไรคะ...หลวงตา

:b13: :b13: :b13:


แก้ไขล่าสุดโดย eragon_joe เมื่อ 18 พ.ย. 2015, 22:03, แก้ไขแล้ว 1 ครั้ง

โพสต์ เมื่อ: 18 พ.ย. 2015, 21:13 
 
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 25 เม.ย. 2009, 02:43
โพสต์: 12232


 ข้อมูลส่วนตัว


asoka เขียน:
:b12:
อัปปณาฌาณ ความสงบจนไม่มีลมหายใจแสดงให้เห็น เป็นความสงบที่หยุดนิวรณ์และสังขารความปรุงแต่งคิดนึกไปชั่วคราว ใครจะเชื่อไม่เชื่ออย่างไรก็ให้ปฏิบัติจริงไปเมื่อถึงตรงนั้นแล้วก็รู้เอง ส่วนจะเป็นสัทธัมปฏิรูปหรือไม่นั้นก็จะรู้ซึ้งเองเมื่อทำได้จริงๆแล้ว ใครจะลงอเวจีมหานรกหรือขึ้นสวรรค์ พรหม จนเข้าสู่นิพพานก็เป็นเรื่องของใครของมันไม่ต้องมาห่วงใยกันให้มากนัก


ก็เปลี่ยนไปได้เรื่อย ๆ นะ
:b32: :b32:

ดี..ดี...


asoka เขียน:
การสนทนาธรรมเป็นการนำความเห็นที่หลากหลายมาแสดงสู่กัน ส่วนใครจะเลือกเชื่อถืออย่างไรนั้นก็ย่อมขึ้นอยู่กับสติปัญญาและวินิจฉัยของใครของมันไม่อาจก้าวก่ายไปบังคับกันได้ เป็นสิทธิส่วนบุคคล

แสดงเหตุผลกันต่อไป ๆ ๆ ไม่ต้องมาเบรคเบรมกันด้วยคำพูดอันมิใช่สัมมาวาจานะกบนะ
:b34:


อโศกะ..เองที่หาว่า..ผมกล่าวตู่ออโศกะ
asoka เขียน:

มีที่ไหนที่ว่าไปลบคำพระศาสดา กล่าวตู่เอาเองตามวิสัยของกบละมั้ง


ผมจึงต้องทวนความจำอันสั้น...ของคนแก่..ว่า..มันอยู่ที่ " อัปปนา = อะปานา ไม่มีลมหายใจ "

ถ้าความจำไม่สั้น...สำนึกสักนิด...ผมก็ไม่ต้องมาพูดซ้ำซาก..จนถูกกล่าวหาว่า..มาเบรก..มาเบลม..หรอก

huh huh


โพสต์ เมื่อ: 19 พ.ย. 2015, 13:24 
 
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 18 ก.ย. 2011, 21:51
โพสต์: 4941


 ข้อมูลส่วนตัว


eragon_joe เขียน:
:b48: นั่นหมายความว่า :b48:

อโศกะ ไม่ได้เป็นผู้ขโมยเงิน

อ๊บซ์ อ๊บซ์ ก็ไม่ได้เป็นผู้ขโมยเงิน

:b13: เกี่ยงกันนัก...เอกอนเป็นคนขโมยเองก็ได้... :b13:

บุคคลที่ไม่ได้ขโมย แต่ยอมออกมายอมรับว่าเป็นขโมย
เพื่อที่คนอื่น ๆ จะไม่ต้องมาคิดมากปวดกะบานไปกับการถูกปรักปรำ

เป็นบุคคลประเภทที่เท่าไรคะ...หลวงตา

:b13: :b13: :b13:

:b4:
เอ้อ!...ดูเผินๆก็เหมือนจะเป็นคนดีนะ

แต่ดูละเอียดลึกๆแล้วกลับกลายเป็นผู้ซ่อนปิดบังผู้ก่อการร้ายตัวจริงไม่ให้ถูกจับ ไปวันข้างหน้าก็อาจหวนกลับมาก่อเรื่องร้ายได้อีกนะโยม

แต่งานนี้มีแต่ได้ไม่มีเสียทุกคน ถ้ามีสติปัญญาขุดค้นหาประโยชน์จากมันนะโยม
เจริญพร

:b27:


แสดงโพสต์จาก:  เรียงตาม  
กลับไปยังกระทู้  [ 168 โพสต์ ]  ไปที่หน้า ย้อนกลับ  1 ... 6, 7, 8, 9, 10, 11, 12  ต่อไป

เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง


 ผู้ใช้งานขณะนี้

่กำลังดูบอร์ดนี้: ไม่มีสมาชิก และ บุคคลทั่วไป 1 ท่าน


ท่าน ไม่สามารถ โพสต์กระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ตอบกระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แก้ไขโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ลบโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แนบไฟล์ในบอร์ดนี้ได้

ค้นหาสำหรับ:
ไปที่:  
Google
ทั่วไป เว็บธรรมจักร