วันเวลาปัจจุบัน 20 ก.ค. 2025, 07:17  



เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง




กลับไปยังกระทู้  [ 24 โพสต์ ]  ไปที่หน้า ย้อนกลับ  1, 2  Bookmark and Share
เจ้าของ ข้อความ
โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 18 ม.ค. 2009, 17:50 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 18 เม.ย. 2008, 13:18
โพสต์: 1367

ที่อยู่: bangkok

 ข้อมูลส่วนตัว


อ้างคำพูด:
ถึงคุณ natdanai

ผมว่าคุณพอเหอะครับ อย่าแสดงความโง่ออกมาให้คนอื่นเขาเห็นอีกเลยครับ

ผมก็ว่างั้นแหละ ยิ่งคุยกะท่านก็เหมือนสีซอเลย....พอดีกว่าครับ

อ้างคำพูด:
คนที่ทำความเข้าใจที่ผมพิมพ์ไปได้คงจะรู้นะครับว่าใครโง่

แจ่มแจ้งเลยล่ะครับว่าใครโง่
อ้างคำพูด:
ต่างกับคุณที่ไม่พยายามทำความเข้าใจเอาซะเลย มัวแต่คิดที่พยายามจะกดให้คนอื่นโง่ไม่มีผิด

ด่าตัวเองก็เป็น
อ้างคำพูด:
คุณกำลังดูถูกผมนะที่ไม่เข้าใจคำสอนของคุณ บางทีคุณไม่คิดเหรอว่าผมอาจรู้จักพระไตรปิฎกมากกว่าคุณก็ได้

คงดูไม่ผิดแล้วล่ะครับ
อ้างคำพูด:
หรือว่าคุณนั้นท่องได้แค่ ก ไก่ ข ไข่ แล้วพยายามอยากจะโชว์ความรู้เท่าหางอึ่งของตัวเอง

ความจริงแล้ว A-Zก็ท่องได้นะ
อ้างคำพูด:
หรือว่าสติปัญญาของคุณมีไม่พอที่จะทำความเข้าใจในสิ่งที่ผมพิมพ์ไป

สิ่งที่ท่านพิมพ์มานั้นเข้าใจได้ง่ายมาก แต่ที่ยากก็คือทำให้ท่านวางใจเป็นกลางและยอมรับว่าความอยากคือตัณหาอุปปาทาน แต่ท่านไม่พยายามทำความเข้าใจและก็ปฏิเสธที่จะทำความเข้าใจ
ถ้าหากจะมองว่าไร้สติปัญญากระผมว่าท่านนั่นแหละ ท่านให้ผมปฏิเสธอากาศ ให้ผมปฏิเสธว่าพลังงานแม่เหล็กไม่มีจริง กระผมก็กล้ายืนยันว่ากระผมไม่ได้ต้องการอากาศ พลังงานแม่เหล็กเป็นเพียงสมมติบัณญัติ ต่างกับท่านที่ตอบคำถามง่ายๆของกระผมด้วยคำตอบที่หาสาระอะไรไม่ได้
คำถามที่กระผมถามคือ อะไรเป็นเหตุของความสงสัยอยากรู้ คำถามแค่นิดเดียว คำตอบมันก็คือ ตัณหาอุปปาทาน ท่านลองไปพิจารณาเหตุการณ์ต่างๆที่ท่านเล่ามาถึงที่มาของความสงสัยของท่านให้ดีเถิด ว่ามันเรียกว่าตัณหาอุปปาทานรึป่าว ท่านก็เหมือนกับที่ท่านกล่าวหาพระพุทธเจ้านั่นแหละ ท่านเองก็ปฏิเสธว่าความอยากคือตัณหาอุปปาทานโดยการเอาพระเจ้ามาอ้างเพื่อให้ตัวเองไม่ต้องรู้สึกทุกข์ใจมากเวลาที่ไม่สมปราถนา เพราะเป็นการกำหนดของพระเจ้าผู้สร้างทุกสิ่ง

อ้างคำพูด:
หรือว่ากลัวเสียศักดิ์ศรี ถึงพยายามขอให้ได้พูดไว้ก่อนเพื่อจะให้ตนเองดูฉลาด

ผมเป็นคนไร้สักสีครับ(สักหมึกดำอย่างเดียว) และที่พูดก็ไม่ได้หวังให้ตัวเองดูฉลาดหรอก แต่หวังให้ท่านได้ฉลาดขึ้นต่างหาก

อ้างคำพูด:
นิสัยไม่ต่างกับพวกนักการเมืองบางคนเลยนะครับ พยายามหาช่องโหว่ของกฎหมาย

ท่านเองก็เช่นกัน

อ้างคำพูด:
แล้วก็เอาหัวโผล่ขึ้นมา แต่ก็ออกมาได้แค่หัว ตัวก็ยังคงติดอยู่อย่างนั้น เพื่อที่จะเป็นการประจานความโง่ให้คนอื่นได้ชื่นชมกัน

ก็ยังดีที่หัวยังออกมาได้ อย่างน้อยก็ได้เห็นว่าความจริงเป็นอย่างไร ต่างกับท่านที่ออกมาแต่ขา ถึงมองไม่เห็นอะไร มีแต่แกว่งเกะกะไปๆมาๆ
อ้างคำพูด:
ผมว่าคุณร้อนจนควรไปพบจิตแพทย์แล้วนะครับ

ไว้จะนัดคิวเผื่อให้นะครับ
อ้างคำพูด:
คุณควรพิจารณาตัวเองด้วยนะครับ

ท่านเองก็เช่นกัน
อ้างคำพูด:
ก็แน่ล่ะครับ ว่ามันอยู่ใต้คอนกรีตมันจะมีทางโผล่ขึ้นมาได้ยังไง

แล้วกระผมจะหาเครื่องมืออะไรมาเจาะรูไว้ให้นะครับ เผื่อท่านAstroboyจะได้เห็นรูเกิดกะเขาบ้าง

.....................................................
ตั้งสติไว้ มองความจริงตามความเป็นจริง


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 19 ม.ค. 2009, 10:24 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 18 เม.ย. 2008, 13:18
โพสต์: 1367

ที่อยู่: bangkok

 ข้อมูลส่วนตัว


มัวแต่มานั่งสงสัยว่าสรรพสิ่งเกิดขึ้นอย่างไร จะบอกให้ว่าเรารู้กันแล้ว รู้จนถึงว่าพระเจ้าเกิดจากอะไรด้วย
พระเจ้าของท่านเกิดขึ้นจากอะไรท่านรู้ป่าว...... :b10:

.....................................................
ตั้งสติไว้ มองความจริงตามความเป็นจริง


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 19 ม.ค. 2009, 23:34 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 4
สมาชิก ระดับ 4
ลงทะเบียนเมื่อ: 29 พ.ย. 2008, 22:30
โพสต์: 222

ที่อยู่: เวียนว่ายในวัฏสงสาร (-_-!)

 ข้อมูลส่วนตัว


:b10: :b14: :b5: :b23: :b21: :b34: :b15: :b23: :b6: :b5: :b14: :b10:

อารมย์ ทั้งหมดของกระผมเมื่อได้อ่านกระทู้นี้ทั้งหมดขอรับ :b30:

.....................................................
ขอประสบความสุขทั้งทางโลกและทางธรรม


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 19 ม.ค. 2009, 23:38 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 4
สมาชิก ระดับ 4
ลงทะเบียนเมื่อ: 29 พ.ย. 2008, 22:30
โพสต์: 222

ที่อยู่: เวียนว่ายในวัฏสงสาร (-_-!)

 ข้อมูลส่วนตัว


natdanai เขียน:
มัวแต่มานั่งสงสัยว่าสรรพสิ่งเกิดขึ้นอย่างไร จะบอกให้ว่าเรารู้กันแล้ว รู้จนถึงว่าพระเจ้าเกิดจากอะไรด้วย
พระเจ้าของท่านเกิดขึ้นจากอะไรท่านรู้ป่าว...... :b10:


:b6: จะว่าไป ประเด็นนี้กระผมก็ใคร่จะอยากทราบเหมือนกันขอรับ :b8:

.....................................................
ขอประสบความสุขทั้งทางโลกและทางธรรม


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 20 ม.ค. 2009, 09:11 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 18 เม.ย. 2008, 13:18
โพสต์: 1367

ที่อยู่: bangkok

 ข้อมูลส่วนตัว


อวบอั๋นขั้นสุดท้าย เขียน:
:b10: :b14: :b5: :b23: :b21: :b34: :b15: :b23: :b6: :b5: :b14: :b10:

อารมย์ ทั้งหมดของกระผมเมื่อได้อ่านกระทู้นี้ทั้งหมดขอรับ :b30:

:b2: :b2: :b2:

.....................................................
ตั้งสติไว้ มองความจริงตามความเป็นจริง


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 22 ม.ค. 2009, 16:36 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกใหม่
สมาชิกใหม่
ลงทะเบียนเมื่อ: 22 ม.ค. 2009, 13:11
โพสต์: 6


 ข้อมูลส่วนตัว


:b41: ผมว่าปล่อยให้คุณ Astroboy แกค้นหาอะไรคือความจริง อะไรคือความงมงาย ตามหาสัจธรรมอะไรของแกไปตามยถากรรมของแกเถอะนะ ....อย่าไปบ้าบอคอแตกตามแกเลย..เฮ้อ..กมฺ มุนา วตฺตตี โลโก :b8:


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 31 ม.ค. 2009, 22:58 
 
ออฟไลน์
สมาชิกใหม่
สมาชิกใหม่
ลงทะเบียนเมื่อ: 31 ม.ค. 2009, 21:21
โพสต์: 1


 ข้อมูลส่วนตัว


ข้าคือผู้รู้ ข้านับถือศาสนาตัวเอง หลักคำสอนสำคัญของข้าคือห้ามกินไก่
ข้าคือผู้รู้ ข้าอ่านแล้วเบื่อจริงๆ อ่านมาตั้งแต่กระทู้แรกแล้วหล่ะ ใช้ภาษากันระดับสูงเหลือเกิน ข้าขอใช้ภาษาบ้านๆนี่แหละ
ข้าคือผู้รู้เกือบทุกอย่าง ข้าจะมาตอบเจ้าเอง มุสลิมมีนเพราะเหล่าพุทธศาสนิกชนในบอร์ดนี้นั้นชอบตอบเป็นหลักธรรม อย่างเจ้าต้องเจอข้าผู้รู้จริง

1.เนื่องจากสมมุติฐานของมุสลิมมีนนั้น มีพระเจ้าของเจ้าเป็นที่ตั้ง เนื่องจากเจ้า"เชื่อ"ในพระเจ้าของเจ้า มากกว่าที่เจ้าบอกว่า"เชื่อ"ในตรรกะ(ลองคิดดูดีๆสิทำใจเป็นกลางๆแบบศาสนาของผู้รู้ที่ห้ามกินไก่แล้วเจ้าจะเห็นว่าเจ้าไม่ได้ใช้ตรรกะซักกะนิด) ฉะนั้นสมมุติฐานทุกอันของเจ้าจึงออกไปในทางที่บอกว่า พระเจ้าคือจุดกำเนิด ฉะนั้นเจ้าห้ามบอกว่าสมมุติฐานอันอื่นนั้นผิด เพราะอะไรไปดูข้อ2

2.เจ้าบอกว่านิพพานเป็นเรื่องที่ยังไม่มีใครรู้เลย อันนี้จริง แล้วเจ้าบอกได้ไหมว่าพระเจ้ามีจริง ไม่มีใครพิสูจน์ได้อีกแล้ว เจ้าเคยเห็นกับตาอะป่าว กลับไปอ่านข้อ1ใหม่นะจ๊ะ

3.เดี๋ยวข้าจะลองบอกสมมุติฐานในทฤษฎีลบอนันต์ให้นะจ๊ะ เรื่องมีอยู่ว่า ทุกสิ่งทุกอย่างเกิดขึ้นแบบลบอนันต์ ลบอนันต์คืออะไร ลบอนันต์ไม่มีจุดกำเนิดไงจ๊ะถ้าใครเรียนสายวิทย์มาคงจะรู้นะจ๊ะ ใครเรียนสายศิลป์ไปถามสายวิทย์เอานะจ๊ะ

ซึ่งการมีอยู่ของสิ่งใดก็ตามนั้นมันก็จะมีวงรอบที่จะเกิดขึ้นซ้ำซากๆมาตั้งแต่ลบอนันต์จนถึงตอนนี้
ถ้างงกับวงรอบนั้นดูแบบวัฏจักรการเกิดน้ำก็ได้ จากน้ำในทะเล-เจอความร้อน-เกิดเป็นไอ-กลายเป็นเมฆ-เกาะตัวกัน-กลั่นเป็นฝน-ตกลงในทะเลใหม่

ถ้าดูในมุมกว้างขึ้นมานิดนึง ข้าก็ขออธิบายใน ระบบ (ระบบโลกเราคือระบบสุริยะนะจ๊ะ) ระบบหนึ่งนั้นมันต้องมีดาวฤกษ์เป็นเสาหลักหากขาดดาวฤกษ์แล้วพลังงานส่วนใหญ่ก็จะหายไปทำให้ระบบนั้นอยู่ไม่ได้ ดาวฤกษ์นั้นก็มีรอบของมันเช่นกัน เกิดขึ้นมีพลังงาน-ปล่อยพลังงานออกไปเรื่อยๆ-พลังงานเริ่มหมด-หมดพลังงานไปทำให้ดาวฤกษ์นั้นกลายเป็นดาวฤกษ์สีขาว-ได้รับพลังงานจากระบบที่อยู่ใกล้เคียงซึ่งมีพลังงานมากเกินไป-เกิดขึ้นมีพลังงานใหม่

ถ้าดูกว้างขึ้นไปอีก ระบบหลายๆระบบในกาแล็กซี่นั้น ถ้าเกิดล่มจากการที่ดาวฤกษ์หมดพลังงาน ก็ทำให้กาแล็กซี่อยู่ไม่ได้เช่นเดียวกัน แล้วถ้าดูกว้างที่สุดที่คนเราเรียกจักรวาล ก็คิดต่อไปเองนะเพราะผู้รู้ ไม่รู้แล้วจ้า ว่าระหว่างกาแล็กซี่กับจักรวาลมันมีความจริงอะไรอยู่

เอาหล่ะสิ่งที่ข้าบอกไปนั้นเป็นเพียงแค่ สมมุติฐาน นะจ๊ะ ถ้าเจ้าคิดตามหลักตรรกะแล้วตอนนี้ ทุกๆสมมุติฐาน มีความเป็นไปได้เท่ากันหมด บางทีจักรวาลนี้ อาจจะเป็นเพียงสิ่งจำลองของกลุ่มคนกลุ่มนึง แล้วกลุ่มคนกลุ่มนั้นจึงเรียกตัวเองว่า "พระเจ้า" สร้างจักรวาล ขึ้นมา ก็เป็นได้

แต่สิ่งที่สำคัญที่สุดนั้น ข้าขอให้เจ้าทุกๆคน จง "เชื่อ" สิ่งที่เจ้าเชื่ออยู่ เพราะข้าเชื่อว่า "ศรัทธา" ที่แหละที่จะเป็นตัวพลักดันให้เจ้า มีชีวิตอยู่ต่อไปอย่างมีความสุขกับสิ่งที่เจ้าศรัทธาอยู่

4.เจ้ามุสลิมมีนและเหล่าพุทธศาสนิกชนบางท่านในบอร์ดเอ๋ย เจ้าเหนื่อยไหมที่ต้องมานั่งพิมพ์เถียงกันในเรื่องที่ พิสูจน์ไม่ได้ ไม่มีใครรู้เลยว่าที่เชื่อมานั้นถูกต้องหรือปล่าว เวลาเจ้าต้องกลั่นคำแต่ละคำแล้วพิมพ์ออกมานั้น ปวดหัวไหม เครียดไหม มานั่งหักล้างกัน ทั้งสองฝ่ายจงวิเคราะห์ดูดีๆ แล้วถ้าเปรียบเทียบไปในขั้นรุนแรงกว่านี้ มันเหมือนท่านกำลังทำครูเสดจีฮัดกันอยู่ไหม เหมือนฮาม๊าดตีกับอิสราเอวไหม ลองคิดดูสิจ๊ะ

5.เจ้าคามินธรรม และ เจ้าnatdanai เอ๋ย ลองคิดดูสิจ๊ะว่า เจ้าอุตส่าห์พัฒนาตนเป็นคนที่มีความสามารถ รู้หลักธรรมคำสอนของพระพุทธเจ้าอย่างแตกฉาน แล้วทำไมเจ้าถึงหลงไปกับอารมณ์เล่า ดูซิเจ้าทำอะไรลงไป เจ้าnatdanai

natdanai เขียน:
อ้างคำพูด:
ถึงคุณ natdanai

ผมว่าคุณพอเหอะครับ อย่าแสดงความโง่ออกมาให้คนอื่นเขาเห็นอีกเลยครับ

ผมก็ว่างั้นแหละ ยิ่งคุยกะท่านก็เหมือนสีซอเลย....พอดีกว่าครับ

อ้างคำพูด:
คนที่ทำความเข้าใจที่ผมพิมพ์ไปได้คงจะรู้นะครับว่าใครโง่

แจ่มแจ้งเลยล่ะครับว่าใครโง่
อ้างคำพูด:
ต่างกับคุณที่ไม่พยายามทำความเข้าใจเอาซะเลย มัวแต่คิดที่พยายามจะกดให้คนอื่นโง่ไม่มีผิด

ด่าตัวเองก็เป็น
อ้างคำพูด:
คุณกำลังดูถูกผมนะที่ไม่เข้าใจคำสอนของคุณ บางทีคุณไม่คิดเหรอว่าผมอาจรู้จักพระไตรปิฎกมากกว่าคุณก็ได้

คงดูไม่ผิดแล้วล่ะครับ
อ้างคำพูด:
หรือว่าคุณนั้นท่องได้แค่ ก ไก่ ข ไข่ แล้วพยายามอยากจะโชว์ความรู้เท่าหางอึ่งของตัวเอง

ความจริงแล้ว A-Zก็ท่องได้นะ
อ้างคำพูด:
หรือว่าสติปัญญาของคุณมีไม่พอที่จะทำความเข้าใจในสิ่งที่ผมพิมพ์ไป

สิ่งที่ท่านพิมพ์มานั้นเข้าใจได้ง่ายมาก แต่ที่ยากก็คือทำให้ท่านวางใจเป็นกลางและยอมรับว่าความอยากคือตัณหาอุปปาทาน แต่ท่านไม่พยายามทำความเข้าใจและก็ปฏิเสธที่จะทำความเข้าใจ
ถ้าหากจะมองว่าไร้สติปัญญากระผมว่าท่านนั่นแหละ ท่านให้ผมปฏิเสธอากาศ ให้ผมปฏิเสธว่าพลังงานแม่เหล็กไม่มีจริง กระผมก็กล้ายืนยันว่ากระผมไม่ได้ต้องการอากาศ พลังงานแม่เหล็กเป็นเพียงสมมติบัณญัติ ต่างกับท่านที่ตอบคำถามง่ายๆของกระผมด้วยคำตอบที่หาสาระอะไรไม่ได้
คำถามที่กระผมถามคือ อะไรเป็นเหตุของความสงสัยอยากรู้ คำถามแค่นิดเดียว คำตอบมันก็คือ ตัณหาอุปปาทาน ท่านลองไปพิจารณาเหตุการณ์ต่างๆที่ท่านเล่ามาถึงที่มาของความสงสัยของท่านให้ดีเถิด ว่ามันเรียกว่าตัณหาอุปปาทานรึป่าว ท่านก็เหมือนกับที่ท่านกล่าวหาพระพุทธเจ้านั่นแหละ ท่านเองก็ปฏิเสธว่าความอยากคือตัณหาอุปปาทานโดยการเอาพระเจ้ามาอ้างเพื่อให้ตัวเองไม่ต้องรู้สึกทุกข์ใจมากเวลาที่ไม่สมปราถนา เพราะเป็นการกำหนดของพระเจ้าผู้สร้างทุกสิ่ง

อ้างคำพูด:
หรือว่ากลัวเสียศักดิ์ศรี ถึงพยายามขอให้ได้พูดไว้ก่อนเพื่อจะให้ตนเองดูฉลาด

ผมเป็นคนไร้สักสีครับ(สักหมึกดำอย่างเดียว) และที่พูดก็ไม่ได้หวังให้ตัวเองดูฉลาดหรอก แต่หวังให้ท่านได้ฉลาดขึ้นต่างหาก

อ้างคำพูด:
นิสัยไม่ต่างกับพวกนักการเมืองบางคนเลยนะครับ พยายามหาช่องโหว่ของกฎหมาย

ท่านเองก็เช่นกัน

อ้างคำพูด:
แล้วก็เอาหัวโผล่ขึ้นมา แต่ก็ออกมาได้แค่หัว ตัวก็ยังคงติดอยู่อย่างนั้น เพื่อที่จะเป็นการประจานความโง่ให้คนอื่นได้ชื่นชมกัน

ก็ยังดีที่หัวยังออกมาได้ อย่างน้อยก็ได้เห็นว่าความจริงเป็นอย่างไร ต่างกับท่านที่ออกมาแต่ขา ถึงมองไม่เห็นอะไร มีแต่แกว่งเกะกะไปๆมาๆ
อ้างคำพูด:
ผมว่าคุณร้อนจนควรไปพบจิตแพทย์แล้วนะครับ

ไว้จะนัดคิวเผื่อให้นะครับ
อ้างคำพูด:
คุณควรพิจารณาตัวเองด้วยนะครับ

ท่านเองก็เช่นกัน
อ้างคำพูด:
ก็แน่ล่ะครับ ว่ามันอยู่ใต้คอนกรีตมันจะมีทางโผล่ขึ้นมาได้ยังไง

แล้วกระผมจะหาเครื่องมืออะไรมาเจาะรูไว้ให้นะครับ เผื่อท่านAstroboyจะได้เห็นรูเกิดกะเขาบ้าง


เพราะข้าเจอมาเยอะแล้วอย่างนี้ ตัวอย่างเช่น วันหนึ่งที่ข้ากลับบ้านดึก ข้าต้องยืนบนรถเมล์ มีหญิงแก่ท่านหนึ่งนั่งอ่านหนังสือธรรมะ ข้าก็พลอยอนุโมธนาด้วย แต่พอข้ายืนไปสักพักคนก็ขึ้นเยอะตาม ข้าก็ต้องชิดในไปเรื่อยๆ ด้วยความที่ข้าเป็นคนตัวสูง ข้าจึงขยับไปบังไฟรถเมล์ พอข้าขยับไปแล้ว หญิงแก่ท่านนั้นก็มองมาทางข้าแล้วพูดด้วยน้ำเสียงดุดันว่า "ขยับไปเว๊ย บังไฟ จะอ่านหนังสือ" เจ้าทั้งหลายลองคิดดูสิว่า อ่านหนังสือธรรมะ แต่กลับทำแบบนี้

แต่ละคนนั้นมีนิสัยไม่เหมือนกันข้าเข้าใจ แต่ข้าเชื่อว่า ธรรมะของ "ทุกหลักคำสอนที่ได้ชื่อว่าศาสนา" จะช่วยขัดเกลาจิตใจให้ดีขึ้นได้

ข้าคิดว่าบรรดาพุทธศาสนิกชนควรทำใจเป็นกลาง ไม่ใช้อารมณ์ในการตอบคำถามของมุสลิมมีนคนนี้ เพราะหากใช้อารมณ์แล้ว มันจะตรงกับหลักของบอร์ดนี้ไหม ที่ให้มาสนทนาธรรม(ซึ่งจริงๆแล้ว ข้าว่าในตอนเริ่มต้นกระทู้แรกเลยนั้น มุสลิมมีนท่านนี้มาด้วยจิตใจที่ต้องการธรรมะ จริงๆนะ ลองกลับไปอ่านดูสิ)

6.ข้าอัดอั้นมานานแล้วหล่ะอยากจะเถียงเจ้ามุสลิมมีนใจจะขาดแล้ว แต่ด้วยเหตุผลในข้อ 7 เลยยังอั้นไว้อยู่หลายเดือน แต่วันนี้ด้วยเหตุผลในข้อ 7 เลยถึงเวลา ข้าเลยขอมาตอบที่นี่เผื่อให้เหล่าพุทธศาสนิกชนได้ไปขบคิดกันบ้าง และข้าคงไม่มาตอบอีกแล้วเพราะข้ากลัวโดนด่าไม่เหมือนเจ้ามุสลิมมีนที่ขยันหาคำตอบมาตอบได้เรื่อยๆ และเหตุผลอื่นอีกจากข้อ 7

7.สุดท้าย ข้าหวังว่าเจ้าคงไม่มาตอบกระทู้นี้อีกแล้วใช่ไหมเจ้ามุสลิมมีน เพราะเจ้าคงรู้แล้วสินะว่า แต่ละครั้งที่เจ้าต้องคิดคำตอบมาตอบนั้น เจ้าปวดหัวแค่ไหน เจ้าต้องเสียเวลาแค่ไหน พอตอบแล้วเจ้าก็ต้องมานั่งคิดแล้วคิดอีกว่าเจ้าจะโดนชาวพุทธด่าต่อไหม สงสัยอะดิ๊ว่าข้ารู้ได้ไงว่าเจ้าปวดหัว กลับไปอ่านหลักสำคัญของศาสนาของข้า แล้วเจ้าจะนึกออกว่าข้าคือใคร ข้ารู้จักเจ้า เจ้ารู้จักข้า เจ้าจะชื่ออะไรข้าไม่สนเจ้ามุสลิมมีน เจ้าAstroboy เจ้าอารีฟ แม้แต่ชื่อพ่อเจ้าข้ายังรู้ เพราะบอกแล้วว่าข้าคือผู้รู้

8.ไม่ว่าเจ้าจะนับถือศาสนายิว คริสต์ อิสลาม พุทธ ฮินดู ซิกข์ เซน โซโรอัสเต้อ เต๋า ชินโต ไซแอนโตโลจี้ หรือ "บาไฮ" ถ้าเจ้าเป็นคนไทย รักกันไว้เถิด อย่าทะเลาะกันเลย ชาติไทยจะได้เจริญๆ สาธุ

ประเทศไทยจงเจริญ ศาสนาทุกศาสนา(ที่สอนคนเป็นคนดี)จงเจริญ ในหลวงทรงพระเจริญ
คนดีจงเจริญ....!!!!


แก้ไขล่าสุดโดย ผู้รู้ เมื่อ 02 ก.พ. 2009, 23:58, แก้ไขแล้ว 1 ครั้ง

โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 01 ก.พ. 2009, 11:12 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 10
สมาชิก ระดับ 10
ลงทะเบียนเมื่อ: 04 พ.ย. 2008, 12:29
โพสต์: 814

ที่อยู่: กรุงเทพฯ

 ข้อมูลส่วนตัว


อ้างคำพูด:
ขอตอบคุณ natdanai ครับ
เพราะว่าเป้าหมายของผมไม่ใช่หนีปัญหา เหมือนที่พวกคุณพยายามบอกกันว่าให้ใช้เหตุผล แต่พอเจอปัญหาก็เลยเป็นทุกข์ และบอกว่านี่คือสิ่งที่ทำให้เกิดทุกข์ เลยเลิกคิดถึงเรื่องเหล่านี้และโยนมันทิ้งไปซะ เพราะว่ามันทำให้ในใจเกิดทุกข์ นี่นะหรือคนที่พยายามแสวงหาสัจธรรม ไม่ได้ต่างอะไรกับพวกที่ทำให้ชีวิตมีความสุขไปวัน มัวแต่จะหาทางทำให้พ้นทุกข์จึงปิดหูปิดตาไม่สนใจอะไรทั้งนั้น ไม่เคยสนใจในสิ่งที่มันมีอยู่ มัวแต่ไปสนใจในสิ่งที่ตนอยากจะเป็นเท่านั้น เพราะอย่างที่บอกถ้าตนเองไม่ต้องมารับรู้สิ่งใด หรือเข้าสู่นิพพานเสีย มันก็จะดี


ขอตอบว่าการแสวงหาความจริงไม่ใช่ปิดหูปิดตานะครับนั่นเท่ากับเป็นคนตาบอดเดินเมืองหลวง
แต่สอนให้เห็นปัญหา มองปัญหาออก เหมือนมีตาสว่างไปไหนมาไหนก้ไม่หลงทาง ที่ไม่สนใจก็คือไม่สนใจสิ่งที่ไร้ประโยชน์ และสนใจคือสนใจสิ่งที่ประโยชน์มีค่ากับตัวเองเท่านั้น นั่นคือเข้าใจในเรื่องที่ตัวเองรู้และสิ่งที่ไม่รู้ได้เป็นอย่างดี อย่าเพิ่งพูดถึงนิพพานกันเลยน่ะครับ.... :b1: :b16: :b39: :b42:

.....................................................
"มีสติเป็นเรือนจิต ใช้ชีวิตเป็นเรือนใจ ใช้ปัญญาเป็นแสงสว่างส่องทางเดินไปเถิด จะได้ล้ำเลิศในชีวิตของท่าน มีความหมายอย่างแท้จริง"
ในการปฏิบัติธรรม หลวงพ่อท่านบอกว่า ให้ตัดปลิโพธกังวลใจทั้งหมด ไม่ว่าจะเป็น ลูก สามี ภรรยา ความวุ่นวายทั้งหลายทั้งปวง อย่าเอามาเป็นอารมณ์ จากหนังสือ: เจริญกรรมฐาน7วันได้ผลแน่นอน หัวข้อ12: ระงับเวรด้วยการแผ่เมตตา


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 02 ก.พ. 2009, 10:13 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 18 เม.ย. 2008, 13:18
โพสต์: 1367

ที่อยู่: bangkok

 ข้อมูลส่วนตัว


ผู้รู้ เขียน:
เจ้าnatdanai เอ๋ย ลองคิดดูสิจ๊ะว่า เจ้าอุตส่าห์พัฒนาตนเป็นคนที่มีความสามารถ รู้หลักธรรมคำสอนของพระพุทธเจ้าอย่างแตกฉาน แล้วทำไมเจ้าถึงหลงไปกับอารมณ์เล่า ดูซิเจ้าทำอะไรลงไป เจ้าnatdanai.....(ตามด้วยข้อความที่ตอบท่าน Astroboy)
เพราะข้าเจอมาเยอะแล้วอย่างนี้ ตัวอย่างเช่น วันหนึ่งที่ข้ากลับบ้านดึก ข้าต้องยืนบนรถเมล์ มีหญิงแก่ท่านหนึ่งนั่งอ่านหนังสือธรรมะ ข้าก็พลอยอนุโมธนาด้วย แต่พอข้ายืนไปสักพักคนก็ขึ้นเยอะตาม ข้าก็ต้องชิดในไปเรื่อยๆ ด้วยความที่ข้าเป็นคนตัวสูง ข้าจึงขยับไปบังไฟรถเมล์ พอข้าขยับไปแล้ว หญิงแก่ท่านนั้นก็มองมาทางข้าแล้วพูดด้วยน้ำเสียงดุดันว่า "ขยับไปเว๊ย บังไฟ จะอ่านหนังสือ" เจ้าทั้งหลายลองคิดดูสิว่า อ่านหนังสือธรรมะ แต่กลับทำแบบนี้


ขอบคุณท่านผู้รู้ที่อุตส่าห์ยกให้กระผมเป็นผู้ที่แตกฉานในหลักคำสอนของพระพุทธเจ้า แต่ความจริงแล้วยังหรอกครับ กระผมเพียงเป็นผู้ที่กำลังศึกษา และก็มีศรัทธา เพราะหากแตกฉานก็คงไม่มาตอบกระทู้พวกนี้หรอกครับ(อย่างท่านBuddha ท่านกรัชกาย ท่านกุหลาบสีชา ท่านตรงประเด็น ฯลฯ แม้แต่ท่านคามินเองยังเลิกเลย) ยอมรับครับว่าสิ่งที่ตอบออกไปนั้นมาจากความหลงไปกับอารมณ์จริงๆครับ แต่ไม่ใช่อารมณ์โกรธนะครับ

.....................................................
ตั้งสติไว้ มองความจริงตามความเป็นจริง


แสดงโพสต์จาก:  เรียงตาม  
กลับไปยังกระทู้  [ 24 โพสต์ ]  ไปที่หน้า ย้อนกลับ  1, 2

เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง


 ผู้ใช้งานขณะนี้

่กำลังดูบอร์ดนี้: ไม่มีสมาชิก และ บุคคลทั่วไป 1 ท่าน


ท่าน ไม่สามารถ โพสต์กระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ตอบกระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แก้ไขโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ลบโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แนบไฟล์ในบอร์ดนี้ได้

ค้นหาสำหรับ:
ไปที่:  
Google
ทั่วไป เว็บธรรมจักร