วันเวลาปัจจุบัน 21 มิ.ย. 2025, 21:41  



เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง




กลับไปยังกระทู้  [ 19 โพสต์ ]  ไปที่หน้า ย้อนกลับ  1, 2  Bookmark and Share
เจ้าของ ข้อความ
โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 06 ก.ค. 2010, 14:34 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 13 ก.พ. 2010, 16:34
โพสต์: 1050

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


Joyly เขียน:
สัญญานั้นกั้นปัญญาไม่ให้เกิด" กั้นไม่ให้เกิดอย่างไรคะ?

คิดไว้แล้วว่าจะต้องถามคำถามนี้ :b12:
ก็ขอตอบแบบชาวบ้านๆ ตามความรู้ที่ได้ศึกษาค้นคว้ามา นั่นแหละ :b13:
เมื่อ "สัญญา"อยู่ในกองขันธ์ ๕...ย่อมาได้ รูป กับ นามเท่านั้น
รูปขันธ์....(รูป เสียง กลิ่น รส สัมผัส)
นามขันธ์...(เวทนา,สัญญา,สังขาร,วิญญาน)
รวมแล้วเป็นขันธ์ ๕ คือ รูป เวทนา สัญญา สังขาร วิญญาน
เพราะเราเห็นผิด คิดว่า ขันธ์มาอยู่ในเรา หรือ เราเข้าไปอยู่ในขันธ์...(สักกายทิฏฐิ)
ยกตัวอย่าง...ผู้หญิงที่ถูกสามีตีจาก..แต่ยังทุกข์เพราะตัดใจยังไม่ได้...นี่ก็แสดงว่า มีความเข้าไปยึดมั่น ถือมั่น ในขันธ์เหล่านี้..รูป..เสียง..กลิ่น ...รส..สัมผัส..มันเป็นของเราเป็นสามีเรา...เมื่อเขาหลุดลอยไป เลยทุกข์ เวทนา เศร้าโศก เสียใจ ร้องไห้ เพราะ สัญญาความจำนี่แหละว่าเคยทำอะไรกันมา..พูดสัญญาอะไรไว้..ในอดีตเคยๆกันอย่างไร...สังขารคิดปรุงแต่งให้ทุกข์ไปอีก..ทุกข์อีกซ้ำสอง คิดปรุงไปต่างๆ นาๆ อยากจะยังงั้นยังงี้ ทั้งอนาคตที่ยังมาไม่ถึง ก็ปรุงกันไป
วิญญาน ก็คือตัวรู้ รับรู้เป็นอยู่

นี่แหละขันธ์ ๕ ถ้าใครเข้าไปยึด...มันก็ปิดกั้นธรรม..กั้นความเจริญในธรรมในปัญญา
....ถามสั้น...ตอบซะยาว...ไม่รู้จะโดนใจหรือเปล่า ก็สุดแล้วแต่ปัญญาอีกนั่นแหละ :b13:
ขอเจริญในธรรม :b8:


แก้ไขล่าสุดโดย ศรีสมบัติ เมื่อ 06 ก.ค. 2010, 14:35, แก้ไขแล้ว 1 ครั้ง

โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 07 ก.ค. 2010, 01:34 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 14 ก.ค. 2008, 21:56
โพสต์: 3925

ชื่อเล่น: เช่นนั้น
อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


อ้างคำพูด:
....เมื่อปัญญาเกิดแล้ว ไม่ต้องไปจดไปจำเอาไว้ ถ้าเป็นปัญญาแท้มันจะเกิดกับเรา ถ้าไปจำเอาไว้มันก็กลายเป็น สัญญา สัญญานั้นกั้นปัญญาใหม่ไม่ให้เกิด


ปัญญา จัดอยู่ในสังขารขันธ์
สัญญา จัดอยู่ใน สัญญาขันธ์

ปัญญา นำสัญญามาใช้ประโยชน์ และเป็นสัญญาต่อไปอีกที

สัญญา ไม่มีทางกั้นปัญญาได้ และปัญญาเกิด ไม่ต้องไปจดไปจำ ก็ไม่ใช่สิ่งที่จะเกิดได้ เพราะแต่ละขันธ์ก็เป็นกิจของจิต ต่างๆ กัน

มีแต่สังขารขันธ์ เท่านั้นที่จะกั้นสังขารขันธ์ด้วยกันได้

อะไรคือสิ่งที่กั้นปัญญาได้ สิ่งนั้นคือนิวรณ์

นิวรณ์ ก็นำเอาสัญญามาใช้ประโยชน์ และเป็นสัญญาต่อไปอีกที

สัญญาขันธ์ ทำหน้าที่จดจำอย่างเดียว ไม่เป็นทิฏฐิ ไม่เป็นตัณหา ไม่เป็นอุปาทาน

สังขารขันธ์ จึงจะก่อให้เกิดความเห็นผิด รู้ผิด ถือผิด ยึดเอา และสังขารขันธ์ นั่นเองก็ปรุงแต่งให้ เห็นถูก รู้ถูก ปล่อยวาง ตรัสรู้ เช่นกัน

ดังนั้น สัญญา ไม่ว่าจะเก่าหรือใหม่ ก็ไม่อาจกั้นปัญญา ได้นอกจาก ตัณหา ทิฏฐิ มานะ นิวรณ์ ซึ่งเป็นสังขารขันธ์ ทั้งสิ้น

.....................................................
ธรรมะอันยิ่งใหญ่ ไม่อาจเอื้อนเอ่ย
บัญญัติ เป็นเพียงสิ่งต่ำต้อยแบกรับความยิ่งใหญ่


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 07 ก.ค. 2010, 08:53 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 01 มี.ค. 2010, 16:12
โพสต์: 2298

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


หลายๆ มุมมองนะขอรับ ...
สัญญากั้นปัญญาใหม่ไม่ให้เกิด จริงหรือ?

สัญญา ความจำได้ ในเรื่องเรียน เรื่องที่อ่าน เรื่องที่ฟังมา จำได้มากก็เรียกว่า จำแม่น เรียนเก่ง เรียนดี ความจำได้นี้มีโทษ คือมีลืม อยากให้จำก็ไม่จำ อยากให้ลืมก็ไม่ลืม

โทษอีกอย่างคือ เกิดอัตตา ถือตัวถือตนว่า เป็นคนความจำดี พระไตรปิฎกอ่านหมด จำได้หมด สำคัญผิดคิดว่า ตนเข้าใจทุกเรื่องถามมาตอบได้หมด ใครว่าใครกล่าวก็ไม่ฟัง ใครแสดงเหตุผลอย่างไรก็ไม่เห็นด้วยเพราะ ถือดีว่า "รู้แล้ว" ใครเขียนก็ไม่อ่านเพราะ "รู้แล้ว" อยากอ่าน อยากฟังเฉพาะที่ตนพูดที่ตนเขียน เข้าวัดแต่ไม่ฟังพระเทศน์ไม่ฟังธรรมเพราะ "รู้แล้ว" บางครั้งเทศน์แข่งพระหรือจ้องจับผิดพระก็มี (แหะ ..ข้าน้อยเอง..ขอรับ)

คำว่า"รู้แล้ว" นี้แหละ "กั้นปัญญาใหม่ไม่ให้เกิด" เมื่อเจอเหตุการณ์เฉพาะหน้าก็ตกม้าตาย เราเรียกคนประเภทนี้ว่า "ความรู้ท่วมหัวเอาตัวไม่รอด" หรือ "น้ำเต็มแก้ว"

เหมือนที่หลวงปู่มั่น ท่านพูดกับหลวงตาฯ ว่า

"เวลานี้ธรรมที่ท่านเรียนมาได้มากได้น้อย ยังไม่อำนวยประโยชน์ให้ท่านสมภูมิที่เป็นเปรียญ นอกจากจะเป็นอุปสรรคต่อการภาวนาของท่านในเวลานี้เท่านั้น เพราะท่านจะอดเป็นกังวลและนำธรรมที่เรียนมานั้นมาเทียบเคียงไม่ได้ ให้ยกขึ้นบูชาไว้ก่อน.. ต่อเมื่อถึงกาลธรรมที่เรียนมาธรรมทั้งหมด จะวิ่งเข้ามาประสานกันกับทางด้านปฏิบัติและกลมกลืนกันได้อย่างสนิท" ดังนี้แล..

ห้ามถามต่อ เพราะขี้เกียจตอบ

.....................................................
"พุทโธ .. พุทโธ .. พุทโธ"
ภาวนาวันละนิด จิตแจ่มใส


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 07 ก.ค. 2010, 12:12 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 1
สมาชิก ระดับ 1
ลงทะเบียนเมื่อ: 05 มิ.ย. 2010, 08:34
โพสต์: 47

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


กราบขอบพระคุณคะ คุณวิริยะ ที่เสนอความเห็นดี ๆ มีประโยชน์มาตลอด
ขอขอบพระคุณนะค่ะ คุณศรีสมบัติคุณเช่นนั้นและทุกท่าน ที่ท่านร่วมแสดงความคิด
ความเห็น คราวหน้าต้องมาตอบอีกนะค่ะ (อิอิ เตรียมตัวให้ดี)
ผิดพลาดประการใด ล่วงเกินไปบ้าง ขออภัยด้วยคะ สาธุ :b4: :b8:


แสดงโพสต์จาก:  เรียงตาม  
กลับไปยังกระทู้  [ 19 โพสต์ ]  ไปที่หน้า ย้อนกลับ  1, 2

เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง


 ผู้ใช้งานขณะนี้

่กำลังดูบอร์ดนี้: ไม่มีสมาชิก และ บุคคลทั่วไป 1 ท่าน


ท่าน ไม่สามารถ โพสต์กระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ตอบกระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แก้ไขโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ลบโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แนบไฟล์ในบอร์ดนี้ได้

ค้นหาสำหรับ:
ไปที่:  
Google
ทั่วไป เว็บธรรมจักร