วันเวลาปัจจุบัน 23 ก.ค. 2025, 19:02  



เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง




กลับไปยังกระทู้  [ 92 โพสต์ ]  ไปที่หน้า ย้อนกลับ  1, 2, 3, 4, 5 ... 7  ต่อไป  Bookmark and Share
เจ้าของ ข้อความ
โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 12 ก.ค. 2010, 17:34 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 14 ก.ค. 2008, 21:56
โพสต์: 3925

ชื่อเล่น: เช่นนั้น
อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


อ้างคำพูด:
...เพราะพระธรรมเป็นความละเอียดของจิตแต่ละดวงที่ทำความเข้าใจ...
...ต้องเป็นความเข้าใจว่าธรรมเป็นอนิจจัง ทุกขัง อนัตตา ไม่ใช่สภาพท่องจำได้


ใครแสดงให้ท่านทราบว่า ต้องเป็นความเข้าใจว่า ธรรมเป็นอนิจจัง ทุกขัง อนัตตา เป็นธรรมที่พระพุทธองค์ทรงตรัสรู้ และตรัสสอนเวไนยสัตว์ ตลอดพระชนม์ชีพของพระพุทธองค์

และ ถ้าท่านจำมาอย่างนั้นจริง....

และท่านต้องตอบ โดยไม่ต้องจำมาตอบนะ

ทุกข์ขัง ในไตรลักษณ์ที่ท่านว่ามานั้น กับทุกขอริยสัจจ์ ทุกข์ใดทุกข์ มากกว่า?
เพราะเหตุใด........?

.....................................................
ธรรมะอันยิ่งใหญ่ ไม่อาจเอื้อนเอ่ย
บัญญัติ เป็นเพียงสิ่งต่ำต้อยแบกรับความยิ่งใหญ่


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 12 ก.ค. 2010, 17:38 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 29 ต.ค. 2009, 15:06
โพสต์: 7517

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


tongue
:b32:
...คุณเช่นนั้นท่องจำได้ว่าธรรมเป็นอนิจจัง ทุกขัง อนัตตาหรือว่าเห็นสภาพอนัตตาจริงล่ะ
:b9:
:b44: :b44:


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 12 ก.ค. 2010, 17:43 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 29 ต.ค. 2009, 15:06
โพสต์: 7517

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


tongue
:b12:
...ทุกข์ที่พระอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าแสดงว่านี้ทุกข์...เพราะไม่เห็นการเกิด-ดับ...
...เพราะสภาพธรรมที่เกิด-ดับนั้น...นั่นแหละทุกข์...ไม่ใช่ตัวเราทุกข์...ตัวใครทุกข์...
...แม่น้ำ ป่าไม้ ภูเขา กรวด อิฐ หิน ปูน ทราย ธรรมชาติที่แสดงต่อสายตาที่เห็นไม่ทุกข์...
...แต่โลกที่เป็นสภาพติดข้องในอุปาทานขันธ์ทั้งหลายที่ไม่เที่ยง เป็นอนิจจัง ทุกขัง อนัตตา...
...ถ้ายังเห็นเป็นคน วัตถุ สิ่งของ ก็คือเห็นว่าตัวตนเป็นทุกข์เพราะเดือดร้อนกับสภาพธรรมที่เกิด-ดับ...
:b22:
:b44: :b44:


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 12 ก.ค. 2010, 17:54 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 29 ต.ค. 2009, 15:06
โพสต์: 7517

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


tongue
...และถ้ารู้และเข้าใจว่า...ไม่มีคน ไม่มีสัตว์ ไม่มีสิ่งของใดให้จับต้องได้...
...เป็นแต่สภาพภพภูมิมนุษย์ที่มาหลงการเห็นที่เป็นมิจฉาทิฐิว่าเป็นตัวเรา ของเรา...
...ตามภาพจินตนาการทางตา หู จมูก ลิ้น กาย ใจ และเมื่อศึกษาพระธรรมไม่ตรงความจริง...
...ที่ทรงแสดงว่าสภาพธรรมเกิดดับนับไม่ถ้วนที่จิตปุถุชนมองไม่เห็น...แตกต่างจากความจริงอย่างไร...
...และที่จดจำการอธิบายที่ถูกต้องมาอธิบายต่อเพื่อให้จิตดวงอื่นพิจารณา จะมีวิธีอื่นที่จะคุยให้คนอื่นรู้ยังไง...
...เพราะข้าพเจ้าอธิบายสิ่งที่จิตดวงนี้ที่กำลังจิ้มดีดอยู่นี้เข้าใจ...ไม่ใช่จิตที่ผู้อ่านเข้าใจจนกว่าไตร่ตรอง...
...แล้วเกิดเป็นความเข้าใจด้วยจิตดวงนั้นเองว่าพระธรรมที่ทรงแสดงละเอียดอย่างยิ่ง...อัศจรรย์อย่างยิ่ง...


แก้ไขล่าสุดโดย Rosarin เมื่อ 12 ก.ค. 2010, 17:54, แก้ไขแล้ว 1 ครั้ง

โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 12 ก.ค. 2010, 18:06 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 14 ก.ค. 2008, 21:56
โพสต์: 3925

ชื่อเล่น: เช่นนั้น
อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


ก้อนหิน ก็นิพพานได้นะสิ

.....................................................
ธรรมะอันยิ่งใหญ่ ไม่อาจเอื้อนเอ่ย
บัญญัติ เป็นเพียงสิ่งต่ำต้อยแบกรับความยิ่งใหญ่


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 12 ก.ค. 2010, 18:14 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 29 ต.ค. 2009, 15:06
โพสต์: 7517

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


tongue
:b1:
...ขอย้ำอีกครั้งว่า...ความตรัสรู้ความจริงของผู้สิ้นกิเลส...ทรงแสดงว่า...จิตท่องเที่ยวดวงเดียว...
...ตั้งแต่เกิดจนตาย ไม่มีสัตว์ บุคคล สิ่งของ มารองรับอารมณ์ชอบใจ ไม่ชอบใจของใคร...
...แต่เป็นการท่องเที่ยวทางตา หู จมูก ลิ้น กาย ใจด้วยการคิดและสร้างของจิตแต่ละดวง 2 อย่าง...
...คือคิดดี กับ คิดไม่ดี เพราะการคิดที่ดีและไม่ดีนั้นเกิดเพราะเห็นว่ามีคนมาทำให้โกรธแล้วดับไม่ได้...
...แต่จริงๆแล้วสภาพโกรธเป็นธรรมที่เป็นอกุศลของจิตดวงนั้นเองกระทำต่อจิตดวงนั้นเองไว้แล้ว...
...ก็สิ่งที่เห็นผิด สิ่งที่เข้าใจผิด ที่เกิด-ดับตลอดเวลาอันนั้น...เป็นปัจจัยสืบต่อให้มีเกิดดับขณะใหม่...
...จนแทบไม่เหลือช่องว่างให้เห็นการเกิด-ดับนั้นๆได้เลย...แต่มีผู้รู้คือพระอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้า...
...ที่ตรัสรู้ความจริงอันนั้น...แม้จะทรงท้อพระทัยในครั้งแรก...แต่ก็พิจารณาว่าพระองค์รู้ได้ไงแล้ว...
...จากนั้นจึงทรงเล็งพระญาณไปถึงพระอาจารย์ดาบสทั้ง2ที่สมควรได้รับการเทศนาโปรดแต่ก็สิ้นชีพแล้ว...
...และตลอดพระชนม์ชีพ...ไม่มีเวลาใดที่จะไม่เทศนาโปรดเวไนยสัตว์...ยกเว้นเวลานอนหลับ...
...ความจริงของสิ่งที่พระองค์ตรัสรู้นั้นประเสริฐกว่าความรู้ใดในโลกเพราะเป็นโลกุตรธรรม...
...ซึ่งจิตแต่ละดวงที่เป็นโลกคือโลกของการท่องเที่ยวของจิตทางตาผ่านการเห็นสภาพธรรม...
...จิตอยู่กับที่ไม่ได้เคลื่อนไปไหนตามที่เห็นว่าคนมีการเดินทางด้วยรถไฟ หรือเครื่องบินแต่อย่างใด...
...แต่สิ่งที่จัดสรรเป็นกรรมให้เห็นและเปลี่ยนแปลงการเห็นนั้นไม่ได้...จนกว่าจะมีการศึกษาพระธรรม...
...จนเกิดความเข้าใจที่ถูกต้องจากผู้ที่แสดงได้ถูกต้องให้ได้คิดไตร่ตรองตามเป็นการเชื่อตามเหตุผล...
...ตามหลักกามลามสูตรและมีการน้อมนำด้วยโยนิโสมนสิการจนเข้าใจว่าจริงตามที่แสดงพระธรรมจริงๆ...
:b20:
:b48: :b48:


แก้ไขล่าสุดโดย Rosarin เมื่อ 12 ก.ค. 2010, 18:20, แก้ไขแล้ว 1 ครั้ง

โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 12 ก.ค. 2010, 18:16 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 29 ต.ค. 2009, 15:06
โพสต์: 7517

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


tongue
อ้างคำพูด:
ก้อนหิน ก็นิพพานได้นะสิ

:b9:
...ถ้าก้อนหินมีจิต เจตสิก ก็นิพพานได้ อ่ะนะคุณเช่นนั้น...
...แต่ก้อนหินมีแต่รูปที่เห็นทางตาแม้ไม่จับต้องก็รู้ว่าแข็ง...
...เพราะเคยจำไว้แล้วว่าก้อนหินแข็งต่างจากเหล็กยังไงใช่ป่าว...
:b32: :b32:


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 12 ก.ค. 2010, 18:24 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 29 ต.ค. 2009, 15:06
โพสต์: 7517

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


tongue
:b20:
...สภาพที่มีจิต เจตสิก รูปเท่านั้นที่เป็นรูปธรรมตามพระธรรมคำสอน...
...จึงจะสามารถรู้และเข้าสู่สภาวะนิพพานได้...นิพพานเป็นนามธรรม...
...เมื่อมีผู้รู้ที่ปฏิบัติตามพระธรรมและพระวินัย...พระอรหันต์จึงไม่สูญจากโลกไงล่ะ...
:b8:
:b44: :b44:


แก้ไขล่าสุดโดย Rosarin เมื่อ 12 ก.ค. 2010, 18:25, แก้ไขแล้ว 1 ครั้ง

โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 12 ก.ค. 2010, 18:30 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 ต.ค. 2006, 12:36
โพสต์: 33766

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


รูปภาพ

ถูกคู่แล้วๆ กรัชกายขอแว้บไป “เข้าเงียบ” นะขอรับ :b1: :b14:

.....................................................
https://dhammachati.blogspot.com/


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 12 ก.ค. 2010, 18:33 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 29 ต.ค. 2009, 15:06
โพสต์: 7517

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


tongue
:b12:
...สิ่งที่ข้าพเจ้าใช้พิจารณาในชีวิตประจำวันคือสติปัฏฐานสี่...แบบท่องในใจทุกครั้งที่นึกได้...
...คือการพิจารณากาย-เวทนา-จิต-ธรรม...ได้จากการไปปฏิบัติธรรมบวชชีพราหมณ์ที่วัดป่าดงไร่...
...อำเภอบ้านเชียง จังหวัดอุดรธานี...พระครูพิศาลฯเป็นเจ้าอาวาส...ที่วัดนี้สอนพิจารณาอย่างนี้...
:b8:
...(ยืน-เดิน-นั่ง-นอน)อยู่นี่คือกาย...สุข-ทุกข์คือเวทนา...ความรู้สึกนึกคิดคือจิต...สิ่งที่กำหนดรู้คือสติ...
...กิเลสที่เกิดคืออกุศลธรรมและนิวรณ์ธรรม...สิ่งที่พิจารณาเห็นอยู่นี้คือปัญญา...ตัวเราของเราไม่มี...
:b16:
...แล้วแต่บุคคลใดจะนำไปพิจารณาไตร่ตรองว่าสมควรกระทำหรือไม่...อย่างไรเพราะไม่สงวนลิขสิทธิ์...
:b20:
:b44: :b44:


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 12 ก.ค. 2010, 18:36 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 29 ต.ค. 2009, 15:06
โพสต์: 7517

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


tongue
:b32:
...ขอหลบไปพักผ่อนตามอัธยาศัยก่อนนะเจ้าคะ...
:b29:


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 12 ก.ค. 2010, 20:52 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 14 ก.ค. 2008, 21:56
โพสต์: 3925

ชื่อเล่น: เช่นนั้น
อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


ร่ายมาซะยาว
อ่านแล้ว ซ้ำไปซ้ำมา หาสาระจากการพิจารณาของท่านไม่ได้

ถาม ว่าทุกข์ขัง ในไตรลักษณ์ที่ท่านว่ามานั้น กับทุกขอริยสัจจ์ ทุกข์ใดทุกข์ มากกว่า?
เพราะเหตุใด........?

ท่านก็ท่องจำมาตอบ เลี่ยงๆ ไปเรื่อยๆ
เช่น

"ทุกข์ที่พระอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าแสดงว่านี้ทุกข์...เพราะไม่เห็นการเกิด-ดับ..."

ทุกข์ ที่พระองค์แสดง น่ะ ทุกข์อะไร?

หรือ
ไม่เห็นการเกิด-ดับ คือทุกข์ และเป็นสิ่งที่ท่านท่องจำมาอย่างฝังจิตฝังใจสินะ

ถ้าไม่งั้น ก็เป็น สมุทัยสัจจ์ สินะ แล้ว สมุทัยสัจจ์ นี่ก็อนิจจัง ทุกขัง อนัตตา ป่าว :b17: :b1:

.....................................................
ธรรมะอันยิ่งใหญ่ ไม่อาจเอื้อนเอ่ย
บัญญัติ เป็นเพียงสิ่งต่ำต้อยแบกรับความยิ่งใหญ่


แก้ไขล่าสุดโดย เช่นนั้น เมื่อ 12 ก.ค. 2010, 20:56, แก้ไขแล้ว 1 ครั้ง

โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 13 ก.ค. 2010, 09:45 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 29 ต.ค. 2009, 15:06
โพสต์: 7517

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


tongue
:b12:
...คุณเช่นนั้นขี้สงสัยเยอะ...นี่แหละดีเพราะเป็นการใช้หลักกาลามสูตรที่เชื่อด้วยความเข้าใจเท่านั้น...
...ไม่ใช่เชื่อเพราะตำรา เชื่อเพราะเป็นอาจารย์ เชื่อเพราะน่าเชื่อถือ เชื่อเพราะฟังตามๆกันมา เป็นต้น...
...เพราะต้องไตร่ตรองให้เข้าใจเหตุผลเกิดปัญญาเข้าใจว่าจริงอย่างนั้นและเปลี่ยนแปลงไม่ได้เลย...
...เพราะพระพุทธเจ้าตรัสแต่ความจริงที่มีอย่างเดียว...ไม่เปลี่ยนแปลงแม้จะรู้เวลาใดก็รู้เหมือนเดิม...
...สัจจธรรมที่ทรงตรัสรู้ไม่มีใครเป็นเจ้าของ...ไม่มีใครไปบงการหรือบังคับให้มีการเกิด-ดับได้...
...แต่เป็นสภาพที่ต้องเกิดตามเหตุตามปัจจัยที่ปรุงแต่งของจิตที่เกิดร่วมกับเจตสิกในทุกๆขณะที่เห็น...
...แม้ยังไม่มีพระพุทธเจ้ามาตรัสรู้...ก็มีความจริงของการเกิด-ดับมาดั้งเดิมโดยไม่มีผู้รู้ใดมาบอกสิ่งนั้น...
...แต่เมื่อมีผู้รู้เกิดขึ้นแล้วจึงมีพระมหากรุณาธิคุณเมตตาโปรดเวไนยสัตว์ตลอด 45 พรรษาเป็นโอวาท...
...หลังจากพระพุทธเจ้าปรินิพพานจึงมีการจดบันทึกพระพุทธวัจนะเป็นพระธรรมคำสอนสืบทอดถึง...
...เรื่องราวเมื่อครั้งพระองค์ยังทรงพระชนม์ชีพอยู่...และทุกสิ่งที่พระองค์แสดงเป็นความจริง จริงๆ...
:b20:
...จิตเป็นประธานก็เหมือนกับเวลามีพิธีการอะไรก็ต้องรอประธานมาก่อนค่อยดำเนินการได้...
...จิตเป็นสภาพที่ไม่รู้อะไรได้เลย...แต่มีเจตสิกที่เป็นสภาพรู้เกิดร่วมเมื่อเห็นรูป...
...ไม่ว่าจะเป็นรูปวัตถุ...รูปของเสียง รูปของกิ่น รูปของรส รูปของการสัมผัส...
...จะมีเจตสิกเกิดร่วมในการเห็นรูปแต่ละอย่างทีละ 1 ขณะและมีเจตสิกย่อย17อย่างหรือมากกว่าเกิดร่วม...
...เช่นเมื่อลิ้มรสความหวาน แยกหวานแต่ละอย่างถึงความหวานมาก-น้อย เป็นภาษาไม่ได้ละเอียด...
...แต่จิตที่มีเจตสิกเกิดร่วมเพื่อรับรู้ความหวานอย่างละเอียดที่สุด...แต่ละคนก็หวานไม่เท่ากันเลย...
...ทุกครั้งที่เกิดเห็นตามปกติของมนุษย์เสมือนการเกิดทุกอย่างที่เห็นเกิดพร้อมกันได้หลายอย่าง...
...แต่ความจริงพระอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้า...ทรงเห็นความละเอียดที่เหนือสายตามนุษย์จะเห็น...
...เพราะทรงแสดงว่าจิตเป็นนามธรรมไม่มีสภาพรู้โดยตัวเอง...แต่มีเจตสิกเกิดร่วมอีกมากมายเป็นธาตุรู้...
...สัญญาเจตสิกก็ทำหน้าที่จำอย่างเดียวไม่มีหน้าที่อื่น...ปัญญาเจตสิกทำหน้าที่รู้คือวิชชาดับอวิชชา...
:b17:
:b44: :b44:


แก้ไขล่าสุดโดย Rosarin เมื่อ 15 ก.ค. 2010, 17:05, แก้ไขแล้ว 2 ครั้ง.

โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 13 ก.ค. 2010, 10:28 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 29 ต.ค. 2009, 15:06
โพสต์: 7517

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


tongue
อ้างคำพูด:
ร่ายมาซะยาว
อ่านแล้ว ซ้ำไปซ้ำมา หาสาระจากการพิจารณาของท่านไม่ได้

ถาม ว่าทุกข์ขัง ในไตรลักษณ์ที่ท่านว่ามานั้น กับทุกขอริยสัจจ์ ทุกข์ใดทุกข์ มากกว่า?
เพราะเหตุใด........?

ท่านก็ท่องจำมาตอบ เลี่ยงๆ ไปเรื่อยๆ
เช่น

"ทุกข์ที่พระอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าแสดงว่านี้ทุกข์...เพราะไม่เห็นการเกิด-ดับ..."

ทุกข์ ที่พระองค์แสดง น่ะ ทุกข์อะไร?

หรือ
ไม่เห็นการเกิด-ดับ คือทุกข์ และเป็นสิ่งที่ท่านท่องจำมาอย่างฝังจิตฝังใจสินะ

ถ้าไม่งั้น ก็เป็น สมุทัยสัจจ์ สินะ แล้ว สมุทัยสัจจ์ นี่ก็อนิจจัง ทุกขัง อนัตตา ป่าว
ร่ายมาซะยาว
อ่านแล้ว ซ้ำไปซ้ำมา หาสาระจากการพิจารณาของท่านไม่ได้

ถาม ว่าทุกข์ขัง ในไตรลักษณ์ที่ท่านว่ามานั้น กับทุกขอริยสัจจ์ ทุกข์ใดทุกข์ มากกว่า?
เพราะเหตุใด........?

ท่านก็ท่องจำมาตอบ เลี่ยงๆ ไปเรื่อยๆ
เช่น

"ทุกข์ที่พระอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าแสดงว่านี้ทุกข์...เพราะไม่เห็นการเกิด-ดับ..."

ทุกข์ ที่พระองค์แสดง น่ะ ทุกข์อะไร?

หรือ
ไม่เห็นการเกิด-ดับ คือทุกข์ และเป็นสิ่งที่ท่านท่องจำมาอย่างฝังจิตฝังใจสินะ

ถ้าไม่งั้น ก็เป็น สมุทัยสัจจ์ สินะ แล้ว สมุทัยสัจจ์ นี่ก็อนิจจัง ทุกขัง อนัตตา ป่าว :b17: :b1:

:b10:
...เอาอย่างงี้ละกัน...ให้ข้าพเจ้าถามท่านดีกว่าว่าคนเราเกิดมาเพื่อเกิด แก่ เจ็บ และตาย...
...ถ้าไม่ทราบความจริงของพระธรรมที่ทรงแสดงจะรู้ได้อย่างไรว่าคนเรานั้นทุกข์...แบบนี้...
...ทุกข์เท่ากันทุกรูปทุกนาม...ทุกข์มีในโลก...ทุกข์ไม่มีในโลก...คุณเช่นนั้นอธิบายให้ทีสิ...
...แล้วข้าพเจ้าจะขยายความต่อว่าท่านตอบได้ตรงในสัจจธรรมอันนี้หรือไม่...คนเราทุกข์เท่ากัน...
:b11:
:b44: :b44:


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 13 ก.ค. 2010, 11:26 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 14 ก.ค. 2008, 21:56
โพสต์: 3925

ชื่อเล่น: เช่นนั้น
อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


อ้างคำพูด:
จิตเป็นประธานก็เหมือนกับเวลามีพิธีการอะไรก็ต้องรอประธานมาก่อนค่อยดำเนินการได้...
...จิตเป็นสภาพที่ไม่รู้อะไรได้เลย...แต่มีเจตสิกที่เป็นสภาพรู้เกิดร่วมเมื่อเห็นรูป...
...ไม่ว่าจะเป็นรูปวัตถุ...รูปของเสียง รูปของกิ่น รูปของรส รูปของการสัมผัส...
...จะมีเจตสิกเกิดร่วมในการเห็นรูปแต่ละอย่างทีละ 1 ขณะและมีเจตสิกย่อยอีก 17 อย่างเกิดร่วม...
...เช่นเมื่อลิ้มรสความหวาน แยกหวานแต่ละอย่างถึงความหวานมาก-น้อย เป็นภาษาไม่ได้ละเอียด...
...แต่จิตที่มีเจตสิกเกิดร่วมกับเพื่อรับรู้ความหวาน 17 อย่างสามารถรู้ละเอียดที่สุดถึงความหวานนั้น...
...ทุกครั้งที่เกิดเห็นตามปกติของมนุษย์เสมือนการเกิดทุกอย่างที่เห็นพร้อมกันได้ทางหลายอย่าง...
...แต่ความจริงพระอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้า...ทรงเห็นความละเอียดที่เหนือสายตามนุษย์...
...เพราะทรงแสดงว่าจิตเป็นนามธรรมไม่มีสภาพรู้โดยตัวเองแต่มีเจตสิกเกิดร่วมอีกมากมาย...
...สัญญาเจตสิกก็ทำหน้าที่จำอย่างเดียวไม่มีหน้าที่อื่น...ปัญญาเจตสิกทำหน้าที่รู้คือวิชชาดับอวิชชา...

เอาอย่างงี้ละกัน...ให้ข้าพเจ้าถามท่านดีกว่าว่าคนเราเกิดมาเพื่อเกิด แก่ เจ็บ และตาย...
...ถ้าไม่ทราบความจริงของพระธรรมที่ทรงแสดงจะรู้ได้อย่างไรว่าคนเรานั้นทุกข์...แบบนี้...
...ทุกข์เท่ากันทุกรูปทุกนาม...ทุกข์มีในโลก...ทุกข์ไม่มีในโลก...คุณเช่นนั้นอธิบายให้ทีสิ...
...แล้วข้าพเจ้าจะขยายความต่อว่าท่านตอบได้ตรงในสัจจธรรมอันนี้หรือไม่...คนเราทุกข์เท่ากัน.


tongue
ท่องจำมาอีกแระ
ที่ถาม กลับไม่ตอบ
"เอาอย่างงี้ละกัน... ให้ข้าพเจ้าถามท่านดีกว่า..."

ไม่เอาอย่างนั้นหรอก ท่านตอบมา จะดีกว่า :b32: :b32:

.....................................................
ธรรมะอันยิ่งใหญ่ ไม่อาจเอื้อนเอ่ย
บัญญัติ เป็นเพียงสิ่งต่ำต้อยแบกรับความยิ่งใหญ่


แสดงโพสต์จาก:  เรียงตาม  
กลับไปยังกระทู้  [ 92 โพสต์ ]  ไปที่หน้า ย้อนกลับ  1, 2, 3, 4, 5 ... 7  ต่อไป

เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง


 ผู้ใช้งานขณะนี้

่กำลังดูบอร์ดนี้: ไม่มีสมาชิก และ บุคคลทั่วไป 1 ท่าน


ท่าน ไม่สามารถ โพสต์กระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ตอบกระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แก้ไขโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ลบโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แนบไฟล์ในบอร์ดนี้ได้

ค้นหาสำหรับ:
ไปที่:  
Google
ทั่วไป เว็บธรรมจักร