วันเวลาปัจจุบัน 24 ก.ค. 2025, 02:13  



เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง




กลับไปยังกระทู้  [ 23 โพสต์ ]  ไปที่หน้า ย้อนกลับ  1, 2  Bookmark and Share
เจ้าของ ข้อความ
โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 02 ส.ค. 2010, 12:03 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 11 ก.พ. 2009, 22:21
โพสต์: 1975


 ข้อมูลส่วนตัว


ต้องขอ ขอบคุณทุกๆคนน่ะค่ะ ที่ให้คำตอบและกำลังใจกับเพื่อนของเรา
เค้าก็รอฟังคำตอบอยู่เหมือนกัน ถ้าเค้ารู้ว่า สิ่งที่เค้าทำอยู่เป็นสิ่งที่ดี
เค้าจะต้องทำเยอะขึ้นไปอีกแน่ๆ
ชีวิตคนเราก็แค่นี้แหละน่ะค่ะ เราคิดว่าเค้าโชคดีน่ะ
ที่มีโอกาสได้ตระเวณทำบุญก่อนตาย
คุณคิดเหมือนเรามั๊ย! :b1:

อ้างคำพูด:
อยากให้อ่านมหาชนกนะครับ // บางทีคิดถึงตัวเองอย่างเดียว ลองนึกถึงคนรอบข้างบ้างครับ พ่อแม่พี่น้อง..ไม่สงสารเหรอ การดำรงค์ชีวิตอยู่ คือ สิ่งสำคัญ เป็นผีเป็นเทวดานึกจะทำบุญมันไม่ได้นะ มีชีวิตอยู่ดีที่สุด..บางคนแม้เพียงระยะสั้นๆกลับทำคุณต่อคนอื่นได้เอนกอนันต์มากนัก(อย่างแม่ต้อยไง) สู้ต่อไปครับจนกว่าลมหายใจจะไม่มี อย่าให้ชีวิตเราไร้ความหมายกับการหายใจ..แล้วรอความตายไปวันๆ สู้ๆนะ


ส่วนพี่น้องของเค้า ก็พูดแบบคุณanisa2521 นี้แหละค่ะ :b1:
สำหรับเรา พออ่านหลายๆข้อความแล้ว
ก็รู้สึกดีใจกับเค้าไปด้วย :b8: :b41: :b55: :b47: :b38:


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 02 ส.ค. 2010, 12:42 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 14 ก.ค. 2008, 21:56
โพสต์: 3925

ชื่อเล่น: เช่นนั้น
อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


Quote Tipitaka:
บุคคลไม่ควรคำนึงถึงสิ่งที่ล่วงแล้ว ไม่ควรมุ่งหวังสิ่งที่ยังไม่มาถึง
สิ่งใดล่วงไปแล้ว สิ่งนั้นก็เป็นอันละไปแล้ว
และสิ่งที่ยังไม่มาถึง ก็เป็นอันยังไม่ถึง
ก็บุคคลใดเห็นแจ้งธรรมปัจจุบันไม่ง่อนแง่น ไม่คลอนแคลนในธรรมนั้นๆ ได้
บุคคลนั้นพึงเจริญธรรมนั้นเนืองๆ ให้ปรุโปร่งเถิด
พึงทำความเพียรเสียในวันนี้แหละ ใครเล่าจะรู้ความตายในวันพรุ่ง
เพราะว่าความผลัดเพี้ยนกับมัจจุราชผู้มีเสนาใหญ่นั้น ย่อมไม่มีแก่เราทั้งหลาย
พระมุนีผู้สงบย่อมเรียกบุคคลผู้มีปรกติอยู่อย่างนี้
มีความเพียร ไม่เกียจคร้านทั้งกลางวันและกลางคืน นั้นแลว่า ผู้มีราตรีหนึ่งเจริญ ฯ


เมื่อเพื่อนคุณ bbby มีอัธยาศัยเพื่อสั่งสมบุญ ก็อนุโมทนาครับ

เช่นนั้น ก็ได้แต่ฝากพระพุทธวจนะ อันเป็นเบื้องต้นและเบื้องปลายแห่งพรหมจรรย์เพื่อความสวัสดี ให้เป็นที่ระลึกแทนอารมณ์อันไม่เป็นที่ยินดีแก่เพื่อนของคุณด้วยครับ.

มีความตรึกในธรรมนี้ให้เนืองๆ เป็นอุปนิสัยแก่การพ้นจากทุกข์ในโอกาสต่อไป

.....................................................
ธรรมะอันยิ่งใหญ่ ไม่อาจเอื้อนเอ่ย
บัญญัติ เป็นเพียงสิ่งต่ำต้อยแบกรับความยิ่งใหญ่


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 03 ส.ค. 2010, 13:48 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 11 ก.พ. 2009, 22:21
โพสต์: 1975


 ข้อมูลส่วนตัว


พี่อิหลิน (ชื่อของพี่เค้า)
ฝากคำขอบคุณมาให้ทุกๆท่านค่ะ :b8:

ทีนี้เราจะเล่าเรื่อง ถึงความแตกต่างของผู้หญิง2คน
ที่รอความตายให้ฟังน่ะค่ะ
ฟังแล้ว ช่วยออกความคิดเห็นให้เราด้วยน่ะค่ะ :b8:

เมื่อ4ปีที่ผ่านมา พี่สะไภ้ของแฟนเรา เค้ามีอาการเจ็บที่ท้อง
ทานของอะไรก็เจ็บ เค้าไปให้หมอตรวจ หมอก็ใส่สายยางเส้นเล็กๆทางปาก
เพื่อจะตรวจกระเพาะ แต่พอใส่สายยางเข้าไป

ปรากฎณ์ว่า สายยางใส่ได้แค่บริเวณคอ หรือตรงไหนก็จำไม่ค่อยได้ล่ะ
เหมือนมีอะไรมาปิดไว้ หมอก็x-rayดู ก็ไม่มีอะไรที่ตรงสายยาง
ซึ่งหมอก็แปลกใจ หมอก็เปลี่ยนวิธี โดยเจาะรูทางใต้รักแร้ด้านขวา(ตัวเค้าเองบอกว่าทรมานมากๆ)
แล้วหมอก็ใส่ท่อเข้าไปเพื่อที่จะตรวจ

ก็เกิดเหตุการณ์ที่แปลกอีก คือเครื่องตรวจช๊อต ตรวจไม่ได้อีก(ร.พเอกชน)
เค้าก็ย้ายร.พ

ทีนี้โรงพยาบาลนี้ตรวจได้ คือใช้สายยางตรวจ ก็บอกว่ากระเพาะไม่มีปัญหาอะไร
แต่ในกระเพาะมีลมเยอะ ก็ให้ยาขับลมมา :b41:

เราขอเล่าเรื่อง นิสัยของเค้าก่อนน่ะ เค้าเป็นคนที่พูดเก่ง
ปัญหาทางเรื่องครอบครัว เรื่องเงินอะไร ไม่มีปัญหาอะไรทั้งนั้น
สามีรัก ให้ความเกรงใจ

รู้หมดทุกเรื่อง ชอบสอนให้คนทำความดี คิดแต่สิ่งที่ดีๆ
แนะนำให้ใครๆทานอาหารเจ คือทำความดียังไง เค้ารู้หมด

แต่ตัวเค้าเอง ชอบเล่นการพนันสูบบุหรี่ เวลาที่รวมกลุ่มญาติๆ
เค้าจะเดินแบบ มือข้างขวาตั้งไว้ที่กลางอก มือข้างซ้ายคีบบุหรี่
ชีวิตส่วนใหญ่จะไปที่เก็นติ้ง (บ่อนคาสิโน่ของมาเลย์)

เวลาที่เค้าเจอกับเรา เค้าจะเล่าเรื่องถึงความอร่อย ของอาหารให้เราฟัง
เราก็ถามเค้าว่า
อ้าว!แล้วชอบพูดให้คนอื่นกินอาหารเจ แล้วตัวคุณไม่ได้ทานเหรอ
เค้าก็บอกว่า เค้าก็พูดไป แล้วเค้าจะยิ้มหัวร่อ

ทีนี้เราขอวกกลับมาเรื่อง อาการเจ็บท้องของเค้าต่อน่ะค่ะ


มีต่อค่ะ


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 03 ส.ค. 2010, 14:13 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 11 ก.พ. 2009, 22:21
โพสต์: 1975


 ข้อมูลส่วนตัว


ทีนี้เราขอวกกลับมาเรื่อง อาการเจ็บท้องของเค้าต่อน่ะค่ะ

หมอให้ยาขับลมเค้ามาทาน เค้าก็ไปเล่นการพนันต่อ อาการปวดที่ท้องก็ไม่หาย
เค้าก็ไปเช็คที่โรงพยาบาลอีกที่หนึ่ง หมอก็เช็คที่กระเพาะเค้าอีก
ทีนี้หมอบอกว่า เค้าเป็นมะเร็งที่กระเพาะอาหาร ระยะสุดท้าย
รักษาไม่ได้แล้ว

เค้าก็เหมือนไม่ค่อยเชื่อหมอแล้ว เพราะเค้าเพิ่งจะตรวจไม่ถึง1อาทิตย์
หมอบอกไม่มีอะไร ทำไมมาตรวจอีกที่หนึ่ง บอกเป็นมะเร็งระยะสุดท้าย
เค้าไม่นึกถึงเรื่องการทำบุญเลยน่ะ
เค้าก็ไปที่บ่อนคาสิโน่อีก ทีนี้ปวดจนทนไม่ไหว

ก็กลับบ้าน ไปเช็คที่โรงพยาบาลอีกที่หนึ่ง
หมอก็บอกว่าเค้าเป็นมะเร็งระยะสุดท้าย
แต่เค้าก็ยังดูดีน่ะ ขับรถได้
แต่แปลกเค้าไม่นึกถึงเรื่องการทำบุญเลย
คิดถึงแต่เรื่องการพนัน

พูดแต่เรื่องเงิน จะเอาเงินไปเล่นการพนัน :b41: :b55: :b47: :b38:

แล้วเราค่อยกลับมาเล่าต่อน่ะค่ะ
เพื่อนๆมาหาเราค่ะ


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 04 ส.ค. 2010, 02:48 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 27 เม.ย. 2010, 08:10
โพสต์: 2830

แนวปฏิบัติ: ขันธ์5ด้วยการสังเกตุ รูป เวทนา สัญญา สังขาร วิญญาณ และอินทรีย์22
สิ่งที่ชื่นชอบ: พระสุตตันตปิฎก
อายุ: 0
ที่อยู่: ระยอง อุบลราชธานี

 ข้อมูลส่วนตัว


ไม่เป็นการฆ่าตัวตายครับ เป็นโรคที่คนเป็นกันทั้งโลก

แม้รู้ว่าเป็นไม่ยอมรักษาก็เหมือนทำใจแล้วว่าต้องตายแน่นอน
ผู้มีอารมณ์ของความตายเป็นที่ตั้งอย่างนี้ ควรแก่การยกย่อง
เพียงแต่ว่าหากไม่คิดฆ่าตัวตายเองด้วยอารมณ์ชั่ววูบ

ความตายเกิดขึ้นตลอดแม้ตัวเราเองไม่นานก็ต้องตาย ตอนนี้เราทำอะไรอยู่

.....................................................
อย่าท้อถอยต่อการปฏิบัติ อย่าปล่อยให้ความขุ่นเคืองเข้าแทรก สร้างพลังด้วยคำสอนของพระพุทธเจ้า รำลึกและตอบแทนพระคุณมารดา และบิดา มองโลกด้วยใจเป็นกลาง ระลึกเสมอว่าเรายังด้อยปัญญาหากยังไม่ได้ปัญญา


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 04 ส.ค. 2010, 13:06 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 11 ก.พ. 2009, 22:21
โพสต์: 1975


 ข้อมูลส่วนตัว


เราได้อ่านความเห็นของหลายๆท่าน แล้วก็ได้นั่งคุยกับเค้า
ได้รู้ในสิ่งที่เค้าทำ เราคิดว่าพี่เป็นคนที่โชคดีมากๆน่ะ

คือเค้าเหมือนคนที่รู้วันตาย เหมือนสวรรค์ให้โอกาส
ชีวิตของเค้าที่เหลืออยู่ มีแต่เป็นผู้ให้ ไม่ยึดติดในสมบัติที่มีอยู่
เพราะเงินในบัญชีที่เป็นชื่อของเค้า ทั้งเพชร-ทั้งทองที่มีอยู่
ขายหมด นำเงินไปตระเวณทำบุญ

แม้แต่เสื้อผ้า ก็ให้คนอื่นๆหมด รวมทั้งให้เราด้วย
เหลือแต่เสื้อผ้าที่เก่าๆ แต่ใส่แล้วสบาย
ใว้สวมใส่แค่นั้นเอง

เราคิดว่า คนที่มีโอกาสที่จะได้ทำแบบเค้าน้อยน่ะ
เพราะทุกคนแทบจะไม่รู้ว่า ชีวิตของตัวเองจะอยู่ได้ถึงเมื่อไหร่
บางคนเดินข้ามถนนก็โดนรถชนตาย

บางคนกลับจากกินจากเที่ยว ก็ต้องเจอกับอุบัติเหตุเสียชีวิต
บางคนถึงแม้จะเป็นมะเร็ง แต่ก็ไม่มีโอกาส
เพราะร่างกายจิตใจที่ท้อแท้

แต่สำหรับเค้า เค้าคิดว่าถ้าตราบใดที่ปากเค้ายังพูดได้
เค้าก็จะสวดคำว่า" อามิธอฝอ "
ถ้าหูเค้ายังได้ยิน เค้าก็จะฟังแต่ คำสวดมนต์

ถ้าขาเค้ายังเดินได้ เค้าก็จะตระเวณทำบุญ
ในรถของเค้าและกระเป๋าถือ กระเป๋ากางเกง
เค้ามีเขียนตัวหนังสือว่า ถ้าผู้ใดขับรถชนเค้า
เค้าขอให้ตำรวจอย่าจับผู้นั้น เพราะคนที่ผิดคือตัวเค้าเอง
เพราะเค้ามีโรคมะเร็ง แล้วคำลงท้าย
มีขอโทษคนที่ชนเค้าด้วย :b1:

การที่เราได้ไปคุยกับเค้า ทำให้เราได้ข้อคิดที่ดีๆหลายอย่าง
แล้วก็เชื่อด้วยว่าสวรรค์ท่านเห็น :b41: :b55: :b45: :b38:


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 04 ส.ค. 2010, 14:02 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 11 ก.พ. 2009, 22:21
โพสต์: 1975


 ข้อมูลส่วนตัว


อ้างคำพูด:
พูดแต่เรื่องเงิน จะเอาเงินไปเล่นการพนัน

แล้วเราค่อยกลับมาเล่าต่อน่ะค่ะ
เพื่อนๆมาหาเราค่ะ



ทีนี้ถึงวันที่ ไปไหนไม่ได้ ก็จะมีแต่เพื่อนๆของเค้า
ที่เป็นพวกเล่นมาเฝ้าเค้า มาอยู่ในบ้านเค้า (คือพวกเค้าจะสนิทกันมาเหมือนพี่น้อง)

พวกนี้จะคุยแต่เรื่องการเล่นพนัน ใครได้ใครเสียเท่าไหร่
เวลาที่พวกเรา รวมทั้งพี่น้องของแฟนเค้า ไปเยี่ยมเค้า
จะคุยอะไรกับเค้าก็ไม่ถนัด เพราะเพื่อนๆของเค้า จะตอบเองคุยเอง
รู้หมดทุกเรื่องอีกเช่นกัน

จนมาถึงวันสุดท้ายของชีวิต คือตอนนี้พูดอะไรไม่ได้
ไม่รับรู้อะไรทั้งนั้น เพื่อนๆของเค้าก็เปิดcdสวดมนต์ให้เค้าฟัง
แล้วก็ให้เค้านอนเหมือนท่านั่งสมาธิ (คือเข่างอ ขาขวาไขว้กับขาซ้าย)

เราเห็นแล้ว เราก็คิดว่า ทำไมเพื่อนๆของเค้า ถึงเพิ่งจะทำ
ทีนี้พวกเรา (ญาติพี่น้องของแฟน) ก็ยืนแบบสงบ
แล้วก็สวดมนต์ " อามิธอฝอ " ตามcd

เพื่อนสนิทของเค้าก็แปลกมากๆ ไปเอาผลไม่มา แล้วก็เอาจานมายื่นให้พวกเรากินผลไม้
พวกเราก็ยกมือปฎิเสธ เพราะสวดมนต์ให้เค้า
เพราะเค้าใกล้จะเสียชีวิต

เพื่อนของเค้าก็พูดว่า "กินซิๆๆ พวกเธอกินก่อน เพราะหั่นมาแล้ว "
พวกเราก็มองหน้ากัน แล้วก็หยุดสวด คือตอนนั้นทุกคนโมโห :b33: เพื่อนของเค้ามาก
แฟนของเค้าก็เฉย ไม่ว่าอะไรผู้หญิงคนนั้น

จนถึงตอนที่พี่สะไภ้ของแฟนเรา เค้าจะไปล่ะ เพราะตาเค้าจะค่อยๆปิด
ปากก็เริ่มจะหุบลง พอถึงตรงลมหายใจสุดท้ายของเค้าล่ะ
เพื่อนของเค้าที่สุดแสนจะวุ่นวาย ก็ตะโกนดังลั่นเลย คำว่า 'เจ๊''

เค้าก็เลยต้องเสียชีวิต ในลักษณะเหมือนคนตกใจ คือตาเบิกโพลงปากอ้ากว้างๆ
เราเห็นแล้วเราก็แล้วพูดว่า "เอ้อซ่าว ขอโทษน่ะ ที่ฉันช่วยอะไรคุณไม่ได้"

พอผู้หญิงคนนั้นเดินลงไปข้างล่าง แฟนเราแล้วก็น้องสาวแฟนตามลงไป
แล้วไล่ผู้หญิงคนนั้น ให้รีบออกไปจากบ้านพี่ชายเค้า
ก่อนที่จะโดนตบ
หลายๆคนก็ไล่พวกเพื่อนๆเค้าออกไป :b33:

พวกคุณเห็นข้อแตกต่างของคน2คนนี้
แล้วถ้าคุณต้องเจอเหตุการณ์ของชีวิต ที่เป็นแบบเค้าทั้ง2คน
คุณจะเลือกชีวิตช่วงสุดท้าย แบบผู้หญิงคนไหนค่ะ :b1: :b41: :b55: :b47: :b38:


แก้ไขล่าสุดโดย bbby เมื่อ 04 ส.ค. 2010, 14:06, แก้ไขแล้ว 1 ครั้ง

โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 05 ส.ค. 2010, 10:39 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 1
สมาชิก ระดับ 1
ลงทะเบียนเมื่อ: 05 ส.ค. 2010, 05:27
โพสต์: 49

อายุ: 0
ที่อยู่: www.ccagthailand.com

 ข้อมูลส่วนตัว


ไม่ต้องสงสัย ครับ

มิจฉาทิฐิ เข้าครอบงำ ถอนยาก ครับ

คนเราจะสวดมนต์ ทำทานสักแค่ไหน ถ้ายังมีความคิดผิดเห็นผิด บอกว่าตัวเองถูกตลอด คิดเองเออเอง

โดยไม่ศึกษาหาข้อเท็จจริง จากเนื้อแท้จากคำสอน ส่วนใหญ่จะลงสู่อบายภูิิทั้งนั้นแหละ ครับ

.....................................................
ธาตุ๔ ขันธ์ ๕ ทวาร ๖


แสดงโพสต์จาก:  เรียงตาม  
กลับไปยังกระทู้  [ 23 โพสต์ ]  ไปที่หน้า ย้อนกลับ  1, 2

เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง


 ผู้ใช้งานขณะนี้

่กำลังดูบอร์ดนี้: ไม่มีสมาชิก และ บุคคลทั่วไป 1 ท่าน


ท่าน ไม่สามารถ โพสต์กระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ตอบกระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แก้ไขโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ลบโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แนบไฟล์ในบอร์ดนี้ได้

ค้นหาสำหรับ:
ไปที่:  
Google
ทั่วไป เว็บธรรมจักร