คนที่มีความรู้ในทางธรรม เขาไม่ได้ดูไอ้ตรงส่วนที่คุณเอามาคุยหรอกครับ
หลักการใหญ่ๆมันอยุ่ตรงที่ แม่ชีสอนในเรื่องที่ผิดไปจากคำสอนของพระพุทธเจ้า
มันผิดตั้งแต่ไปเห็นกรรมของคนอื่น มิหน่ำยังไปรู้ว่าอดีตชาติของคนอื่น ซ้ำร้าย
ยังสามารถแก้กรรมให้ชาวบ้านอีก
ประเด็นที่ชาวบ้านเขา ติเตียนมันอยู่ตรงนี้

ส่วนเรื่องในคลิป ผมดูแล้วมันเป็นตลกคาเฟ่ครับ
มันเป็นเรื่องของขนมจีนผสมน้ำยา รางเนื้อชอบรางยา
ว่ากันไม่ได้ปัญญาใครปัญญามัน

อันที่จริงถ้าแม่ชี ไปตั้งสำนักเองก็คงไม่มีปัญหา
แต่นี้แม่ชีเล่นอาศัยวัดเป็นที่สแกนกรรม แก้กรรมให้ชาวบ้าน
อันนี้มันน่าคิดครับ มันไม่ใช่แค่รับผิดขอโทษแล้วก็แล้วกันไป
พอเรื่องเงียบก็มาอาศัยวัดสแกนกรรมต่อ

ธาตุแท้ของคนจริงคนตรง ใครเลวก็ว่าเลว ใครดีก็ว่าดี

ส่วนคนคิดที่แต่จะมองโลกอย่างคนดี ใครเลวก็ยังดันทุรัง มองให้เป็นดี เพื่อประกาศตัวตนของตนว่าคนดี
ถึงแม้ว่าผลร้ายที่เกิด และกำลังจะเกิด จะนำความเดือดร้อนเสียหายแก่ใครต่อใครอย่างไรก็ไม่คิด


เรื่องราวของแม่ชีคนหนึ่ง บอกให้ทราบได้ถึงคุณธรรม และความรู้ธรรมของผู้วิจารณ์
ถ้ายังศรัทธาอยู่ ก็บอกให้รู้ได้อย่างหนึ่งว่า .............กลวงเหลือจะกล่าว

ลัทธิที่ชอบกาหัวว่าคนนั้นเป็นคนดี คนนั้นเป็นคนเลว อันนี้ก็กลวงเหลือจะกล่าวเหมือนกัน เพราะไม่ได้มีภูมิธรรมภูมิรู้อะไรพอที่จะเข้าใจตามความเป็นจริงว่า โลกนี้ไม่มี "คนดี" และไม่มี "คนเลว"
มีแต่คน "ดีเป็นขณะ" และ "เลวเป็นขณะ"

ถ้าคุณไปเที่ยวหาว่าใครเลว
แล้วคุณเอาอะไรไปรับประกันว่าเขาจะไม่มีความดีอะไรขึ้นมาอีก เป็นเลวถาวรไป

ถ้าคุณไปเที่ยวบอกว่าคนนั้นดี
แล้วคุณเอาอะไรไปรับประกันว่าเขาจะไม่เลวได้อีก
มีใครดีถาวรหรือย่างไร

ความดีความเลว คนดีคนเลว มัน"เที่ยง"ตั้งแต่เมื่อไหร่

ธาตุแท้ของคนจริงคนตรง เขาไม่พูดว่า "ใครเลวก็ว่าเลว ใครดีก็ว่าดี" หรอกครับ
เขามีแต่พูดว่า "ความเลวคือความเลว ความดีคือความดี"

แล้วถ้าจะพูดให้ถูกต้องเข้าไปอีก
"คนจริงคนตรง" เขาไม่เที่ยวสนใจภายนอกหรอกว่าใครดีใครเลว
เขาสนใจทวนเข้าแต่ภายในว่า ตัวเขาดี หรือตัวเขาเลว ขณะนี้ดีหรือเลว

เพราะฉะนั้นคำว่าธาตุแท้คนจริงอะไรนั่น ลักษณะว่ามีตัวตนคนดีถาวร หรือคนเลวถาวร อะไรนั่น มันก็ไม่มีหรอกครับ

เวลาผมฟังแม่ชี ผมฟัง"ธรรม"
เห็นธรรมก็มีศรัทธา ศรัทธาในธรรม

เห็นธรรมแล้ว ที่ไหนก็เหมือนกัน หมาแมวก็แสดงธรรมได้เหมือนกัน มหาโจรก็มีธรรมแสดงเมหือนกัน มันอยู่ที่วิธีมอง

เรื่องนี้ผมว่าจริงๆแล้วเราต้องว่า ใครผิดใครถูกครับ
แล้วเราจะรู้ได้อย่างไรว่าใครผิดใครถูก เราก็ต้องยึดเอาเหตุผล
และหลักการครับ ในที่นี้เราเป็นชาวพุทธ หลักการมันอยู่ที่คำสอนของพระพุทธเจ้า

ถ้าบุคคลใดมากระทำให้คำสอนหรือพระธรรมบิดเบือนไป มันก็คือผิดหลักการ
บุคคลนั้นผิดเต็มประตู

อีกเรื่องวัดเขามีไว้ให้พระภิกษุสงฆ์เอาไว้ใช้สอนธรรมแก่ฆราวาส
เขาไม่ได้มีไว้ให้แม่ชี ดูอดีตชาติสแกนกรรมแก้กรรมให้คนอื่นนะครับ
อันนี้ก็ผิดวัตถุประสงค์ในการมีวัดครับ

แล้วที่เขาเรียกแม่ชี เพราะว่าแม่ชีรักษาศีลแปด
ถ้าใครเอาแค่ศีลห้า มันก็แค่ฆราวาสธรรมดา
ถ้าให้คนอื่นยกย่องสถานะตัวเองเป็นแม่ชีมันผิดหลักของแม่ชี

ถ้ารู้อยู่แล้วว่าบุคคลนั้นทำไม่ถูก ถ้ายังแสดงความเห็นยกย่องกันอีก
แสดงว่า กำลังสร้างภาพให้ตัวเองโดยใช้เหตุการณ์นี้เป็นบันไดครับ

ขอบคุณทุกทุกท่านสำหรับคำชี้แนะครับ
ขอท่านทั้งหลายจงมีความสุขเกษมสำราญ สุขสบายทั้งกายและใจ

"พระพยอม"ชี้"แม่ชีทศพร"สอนนอกหลักพระไตรปิฎก ทำตัวเป็นเจ้าลัทธิ แนะเทียบ"พุทธทาสฯ-ว.วชิรเมธี

วันที่ 29 เมษายน พ.ศ. 2554 เวลา 18:35:49 น.
Share
พระพิศาลธรรมพาที หรือพระพยอม กัลยาโณ เจ้าอาวาสวัดสวนแก้ว กล่าวว่า การแก้กรรมในพุทธศาสนานั้นมีอยู่จริง แต่ไม่ใช่แก้แบบแม่ชีทศพร โดยมองว่าพฤติกรรมของแม่ชีทศพรเป็นการสอนนอกหลักพระไตรปิฎก เป็นเรื่องนอกลู่นอกรอย คิดขึ้นมาเอง ทำตัวเป็นเจ้าลัทธิ เพราะอยากเป็นพระศาสดา อยากมีชื่อเสียง อยากมีศิษยานุศิษย์มากมาย

"การทำให้คนที่เป็นทุกข์รู้สึกสบายใจนั้น สามารถทำได้หลายวิธี ซึ่งทำไมไม่เลือกวิธีที่ถูกต้อง โดยยอมรับสังคมไทย ยังมีความเชื่อที่ผิดๆ โดยอยากให้เปรียบเทียบคำสอนของแม่ชีทศพรกับท่านพุทธทาสภิกขุ และท่าน ว.วชิรเมธี"

http://www.matichon.co.th/news_detail.p ... &subcatid=

แม่ชี....ไม่ใช่พระ...

อ่า...

ที..พระ..ทอล์กโชว์...ก็เป็นวิธีที่คิดขึ้นมาเอง..ไม่ใช่รึ..

มันอยู่ที่เจตนา...นะท่าน..

ท่านน่า...จะรู้...

ถ้าติดตามดูดี ๆ เรื่อย ๆ แล้ว....

บางช่วงแม่ชี..จะสอนธรรม..ได้ละเอียด...
บ่งบอก..กึ๋นคนสอนได้เป็นอย่างดี...

ดูท่า..จะมีกึ๋น...มากกว่า...พระการเมือง...ซะอีก

ก็...คนที่มา..ก็ชาวบ้านเราๆ ...บางที...จะให้สอนอย่างคนปฏิบัติธรรม..แบบ..จ้าเลย

คง...จะลำบาก..คนฟัง...

แต่..เมื่อโลกติเตียน....ก็ต้องรับฟัง

ดูท่าทางคุณ FLAM จะมีแฟนคลับซะล่ะ

ปัญหาอยู่ตรงที่ว่า การประพฤติปฏิบัติแบบนั้น
ถูกแอบอ้างว่าเป็นแนวทางตามคำสอนทางพระพุทธศาสนาหรือไม่ ?

หากถูกแอบอ้างว่าเป็นแนวทางตามคำสอนทางพระพุทธศาสนา
ก็ต้องชี้แจงให้แก้ไขครับ และต้องขอโทษ และต้องขอขมา

และที่น่าหดหู่เป็นอย่างยิ่งก็คือ
หากว่าแนวทางประพฤติปฏิบัติเยี่ยงนั้น มิได้มีอยู่ในคำสอนของพุทธศาสนาแล้ว
ผู้ดูแลปกครองพุทธสถานกลับปล่อยให้มีการเผยแผ่ การประพฤติปฏิบัติที่มิได้เกี่ยวข้องกับพุทธศาสนา
โดยการไม่ขับไล่ หรือทักท้วงติง ผู้ที่มาแอบอ้างการปะพฤติปฏิบัติที่มิใช่แนวทางตามหลักของพุทธศาสนาแต่อย่างใด

สวัสดีค่ะ
เคยฟังธรรมของท่าน ว.วชิรเมธี มีตอนนึงท่านกล่าวว่า
"พุทธศาสนิกชน ส่วนใหญ่เข้าไม่ถึงแก่นของพุทธศาสนา ก็เลยได้แค่เปลือก"
ศาสนาพุทธสอนให้มี "ปัญญา" คิดแก้ไขปรับปรุงพัฒนาตน ตนเป็นที่พี่งแห่งตน
ให้เป็นคนมีเหตุมีผลรู้จักคิดวิเคราะห์ไม่ใช่ "คิดแต่จะสะเดาะเคราะห์"

ธรรมย่อมรักษาผู้ประพฤติธรรม

ดูพิธีกรรม...จะเรียกว่าอะไรดีล่ะว่าสะเดาะเคราะห์ หรือแก้กรรมจากเจ้ากรรมนายเวรก็เอา

http://fws.cc/whatisnippana/index.php?t ... 08#msg8208

ธรรมย่อมรักษาผู้ประพฤติธรรม