วันเวลาปัจจุบัน 27 ก.ค. 2025, 18:15  



เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง




กลับไปยังกระทู้  [ 28 โพสต์ ]  ไปที่หน้า ย้อนกลับ  1, 2  Bookmark and Share
เจ้าของ ข้อความ
โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 19 พ.ค. 2011, 20:55 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 25 ก.พ. 2011, 19:56
โพสต์: 1798


 ข้อมูลส่วนตัว


คนเราติดอยู่ในห้วงแห่งความฝันภาพมายา
เมื่อตื่นขึ้นมาก็พบความจริง


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 19 พ.ค. 2011, 21:09 
 
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 11 ต.ค. 2010, 12:11
โพสต์: 5019


 ข้อมูลส่วนตัว


กบนอกกะลา เขียน:
หากว่า..หลอน..คือ...เห็นสิ่งที่ไม่ได้มีจริง..

แสดงว่า...เราถูกหลอน..อยู่ตลอด

หลายปีมาแล้ว..เห็นเป็นปู่เรา
มาปีนี้..เห็นเป็นหลานเรา

แล้วไอ้ที่ว่าเป็นเรา...ก็ไม่รู้จะเป็นได้อีกกี่ปี..

วัฏฏสงสารมันน่าเบื่อก็ตรงนี้แหละ.. :b26: :b26: :b26:


:b32: :b32:

อิอิ

ม่าย ล่าย หลั่ง จายยย


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 19 พ.ค. 2011, 21:16 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 25 ก.พ. 2011, 19:56
โพสต์: 1798


 ข้อมูลส่วนตัว


" ดูกรสารีบุตร ก็สมาธิของอริยสาวกนั้น เป็นสมาธินทรีย์ ด้วยว่าอริยสาวก
ผู้มีศรัทธา ปรารภความเพียร เข้าไปตั้งสติไว้ มีจิตตั้งมั่นโดยชอบ พึงหวังข้อนี้ได้ว่า จักรู้ชัด
อย่างนี้ว่า สงสารมีที่สุดและเบื้องต้น อันบุคคลรู้ไม่ได้แล้ว เบื้องต้นที่สุดไม่ปรากฏแก่เหล่าสัตว์
ผู้มีอวิชชาเป็นเครื่องกั้น มีตัณหาเป็นเครื่องผูกไว้ ผู้แล่นไปแล้ว ท่องเที่ยวไปแล้ว ก็ความดับ
ด้วยการสำรอกโดยไม่เหลือแห่งกองมืด คืออวิชชา นั่นเป็นบทอันสงบ นั่นเป็นบทอันประณีต
คือ ความระงับสังขารทั้งปวง ความสละคืนอุปธิทั้งปวง ความสิ้นตัณหา ความสิ้นกำหนัด
ความดับ นิพพาน. "


ผู้มีอวิชชาเป็นเครื่องกั้น มีตัณหาเป็นเครื่องผูกย่อมท่องเที่ยวไปในสังสารวัฏ :b41:


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 19 พ.ค. 2011, 21:20 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 25 ก.พ. 2011, 19:56
โพสต์: 1798


 ข้อมูลส่วนตัว


อนิจจัง ! สังสารวัฏช่างน่าเบื่อหน่าย

ช่างน่าเบื่อหน่ายจริงหนอ


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 20 พ.ค. 2011, 05:54 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 20 มี.ค. 2010, 19:57
โพสต์: 1014

โฮมเพจ: http://www.vitwong.blogspot.com
อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว www


ความระงับสังขารทั้งปวง


สังขาร คือ ขันธ์5
สังขาร คือ จิต เจตสิก รูป
สังขาร คือ รูป เวทนา สัญญา สังขาร วิญญาณ
สังขาร คือ จิต(วิญญาณ) เจตสิก(เวทนา สัญญา สังขาร) รูป
สังขาร คือ นาม รูป........................ยกเว้นพระนิพานมิใช่สังขาร

ความระงับ สังขาร ..........................................คือพระนิพพาน(วิสังขาร)

ความระงับสังขาร คือ การ ไม่มี ขันธ์5
ความระงับสังขาร คือ การไม่มีวิญญาณ
ความระงับสังขาร คือ การไม่มีนามรูป
ความระงับสังขาร คือ การปรินิพพาน

เมื่อไม่มีนามรูป ก็หยุดวงจรปฏิจจสุมปบาท ตลอดสาย
เมื่อไม่มีนามรูป ก็ดับทุกข์ได้โดยสิ้นเชิง ไม่มีภพ ไม่มีชาติ ไม่มีทุกข์

.....................................................
ยังงมงาย...
เมื่อเห็นว่าพระไตรปิฏก มีส่วนถูก มีส่วนจริงแค่ 20 ถึง 30 เปอร์เซนต์ เท่านั้น

เลิกงมงาย..
เมื่อเห็นว่า พระไตรปิฏก มีส่วนถูก ส่วนจริง เกินกว่า 80 ถึง กว่า 90 เปอร์เซนต์

http://www.youtube.com/user/govit2554#g/u


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 26 พ.ค. 2011, 21:15 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 20 มี.ค. 2010, 19:57
โพสต์: 1014

โฮมเพจ: http://www.vitwong.blogspot.com
อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว www


[youtube]http://www.youtube.com/watch?v=4g1xJKb4ly4&NR=1[/youtube]

.....................................................
ยังงมงาย...
เมื่อเห็นว่าพระไตรปิฏก มีส่วนถูก มีส่วนจริงแค่ 20 ถึง 30 เปอร์เซนต์ เท่านั้น

เลิกงมงาย..
เมื่อเห็นว่า พระไตรปิฏก มีส่วนถูก ส่วนจริง เกินกว่า 80 ถึง กว่า 90 เปอร์เซนต์

http://www.youtube.com/user/govit2554#g/u


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 27 พ.ค. 2011, 01:05 
 
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 25 เม.ย. 2009, 02:43
โพสต์: 12232


 ข้อมูลส่วนตัว


govit2552 เขียน:

เมื่อไม่มีนามรูป ก็หยุดวงจรปฏิจจสุมปบาท ตลอดสาย
เมื่อไม่มีนามรูป ก็ดับทุกข์ได้โดยสิ้นเชิง ไม่มีภพ ไม่มีชาติ ไม่มีทุกข์


นามรูป....เป็นกิเลสหรือเครื่องมือของกิเลส???
นามรูป...เป็นคนเล่นหรือเป็นสนามให้คนเล่น???

อรูปพรหม....มีหรือไม่มี..นามรูป..???


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 27 พ.ค. 2011, 01:35 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 25 ก.พ. 2011, 19:56
โพสต์: 1798


 ข้อมูลส่วนตัว


เพราะมีวิญญาณเป็นปัจจัยจึงมีนามรูป เพราะมีนามรูปเป็นปัจจัยจึงมีวิญญาณ
วิญญาณและนามรูปเกิดเพราะความไม่รู้


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 27 พ.ค. 2011, 03:26 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 20 มี.ค. 2010, 19:57
โพสต์: 1014

โฮมเพจ: http://www.vitwong.blogspot.com
อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว www


เรียน ท่านกบ

นามรูป....เป็นกิเลสหรือเครื่องมือของกิเลส???

กิเลส จัดเป็นส่วนหนึ่งของนาม ..............................ดังนี้
นาม คือ(จิต เจตสิก)
เจตสิก คือ เวทนาขันธ์ สัญญาขันธ์ สังขารขันธ์

กิเลส ..............................จัดอยู่ในสังขารขันธ์

ในสังขารขันธ์ มีอะไรบ้าง ไปดู ตามลิงค์
http://th.wikipedia.org/wiki/%E0%B9%80% ... 4%E0%B8%81

อ้างคำพูด:
โลภะ๓
โลภะ (ตัณหาและราคะเป็นอารมณ์เดียวกับโลภะ))
ทิฏฐิ
มานะ

[แก้]โทสะ๔
โทสะ
อิสสา
มัจฉริยะ
กุกกุจจะ

[แก้]โมหะ๔
โมหะ
อหิริ
อโนตตัปปะ
อุทธัจจะ

.....................................................
ยังงมงาย...
เมื่อเห็นว่าพระไตรปิฏก มีส่วนถูก มีส่วนจริงแค่ 20 ถึง 30 เปอร์เซนต์ เท่านั้น

เลิกงมงาย..
เมื่อเห็นว่า พระไตรปิฏก มีส่วนถูก ส่วนจริง เกินกว่า 80 ถึง กว่า 90 เปอร์เซนต์

http://www.youtube.com/user/govit2554#g/u


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 27 พ.ค. 2011, 03:35 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 20 มี.ค. 2010, 19:57
โพสต์: 1014

โฮมเพจ: http://www.vitwong.blogspot.com
อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว www


อรูปพรหม....มีหรือไม่มี..นามรูป..???

ตอบ อรูปพรหม มีแต่นาม ไม่มีรูป

พวกนี้เป็นสัตว์ 4 ขันธ์ คือ มีแค่ เวทนา สัญญา สังขาร วิญญาณ

กายของอรูปพรหม จึงไม่มี

ส่วนรายละเอียด จะเป็นอย่างไร ก็ต้องค้นคว้ากันต่อไป

เช่นว่า อรูปพรหม มีจักขุวิญญาณหรือไม่ ...............อย่างนี้เป็นต้น

.....................................................
ยังงมงาย...
เมื่อเห็นว่าพระไตรปิฏก มีส่วนถูก มีส่วนจริงแค่ 20 ถึง 30 เปอร์เซนต์ เท่านั้น

เลิกงมงาย..
เมื่อเห็นว่า พระไตรปิฏก มีส่วนถูก ส่วนจริง เกินกว่า 80 ถึง กว่า 90 เปอร์เซนต์

http://www.youtube.com/user/govit2554#g/u


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 27 พ.ค. 2011, 03:50 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 20 มี.ค. 2010, 19:57
โพสต์: 1014

โฮมเพจ: http://www.vitwong.blogspot.com
อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว www


ขอขยายความ ท่านเฟรม

เพราะมีวิญญาณเป็นปัจจัยจึงมีนามรูป เพราะมีนามรูปเป็นปัจจัยจึงมีวิญญาณ
วิญญาณและนามรูปเกิดเพราะความไม่รู้


อวิชชา เป็นปัจจัยให้เกิด สังขาร(คนละตัวกับสังขารขันธ์)
สังขาร เป็นปัจจัยให้เกิด วิญญาณ
วิญญาณ เป็นปัจจัยให้เกิด นามรูป

จึงอาจกล่าวได้ว่า อวิชชา เป็นปัจจัยให้เกิดนามรูป
อวิชชา ....เปรียบเป็นแม่ ..........................
นามรูป ....เปรียบเป็นลูก..........................ลูกอันเกิดจากแม่

เมื่อแม่ตาย .........ลูกจำเป็นต้องตายไปพร้อมแม่หรือไม่.................ไม่ใช่
ลูกยังมีชีวิตอยู่ไปก่อนอีกระยะหนึ่ง ..............
นามรูป ก็เช่นกัน

เมื่อเราดับอวิชชาได้................นามรูป ยังไม่ดับทันที
แต่เพราะอวิชชาดับ ................เมื่อถึงกาลแห่งปรินิพพาน นามรูปก็ดับสนิทไม่มีเหลือเมื่อตอนนั้น

.....................................................
ยังงมงาย...
เมื่อเห็นว่าพระไตรปิฏก มีส่วนถูก มีส่วนจริงแค่ 20 ถึง 30 เปอร์เซนต์ เท่านั้น

เลิกงมงาย..
เมื่อเห็นว่า พระไตรปิฏก มีส่วนถูก ส่วนจริง เกินกว่า 80 ถึง กว่า 90 เปอร์เซนต์

http://www.youtube.com/user/govit2554#g/u


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 27 พ.ค. 2011, 05:14 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 5
สมาชิก ระดับ 5
ลงทะเบียนเมื่อ: 08 เม.ย. 2011, 01:57
โพสต์: 324

แนวปฏิบัติ: อริยสัจ4
อายุ: 27
ที่อยู่: USA

 ข้อมูลส่วนตัว


ได้ยินได้ฟังเค้าว่ามันน่าเบื่อกันมาเยอะ

เราละ เห็นว่าน่าเบื่อหรือยังน๊อ

ยังอีกไกล ยังห่างเหลือเกิน :b41:

.....................................................
ทุกสิ่งที่เกิดขึ้นคือความจริง การฝืนความจริงทำให้เกิดทุกข์ การเห็นและยอมตามความจริงทำให้หายทุกข์

คนที่รู้ธรรมะ มักจะชอบเอาชนะผู้อื่น แต่คนเข้าใจธรรมะ มักจะเอาชนะใจตนเอง

สัพเพ ธัมมา อะนัตตาติ ยะทา ปัญญายะ ปัสสะติ
เมื่อใดบุคคลเห็นด้วยปัญญาว่า, ธรรมทั้งปวงเป็นอนัตตา

อะถะ นิพพินทะติ ทุกเข เอสะ มัคโค วิสุทธิยา
เมื่อนั้น ย่อมเหนื่อยหน่ายในสิ่งที่เป็นทุกข์ ที่ตนหลง,
นั่นแหละเป็นทางแห่งพระนิพพานอันเป็นธรรมหมดจด

.....ติลักขณาทิคาถา.....


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 27 พ.ค. 2011, 09:28 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 20 มี.ค. 2010, 19:57
โพสต์: 1014

โฮมเพจ: http://www.vitwong.blogspot.com
อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว www


วู๊ดดี้ ผู้ที่ยังไม่เบื่อ ในวัฏฏสงสาร
ข้าพระพุทธเจ้า ยอมรับว่า ยังอยากเกิด ยังไม่อยากตาย


ก็เหมือนคนอีกมากมาย ที่ยังสนุกสนานในวัฏฏสงสาร
คือมองไม่เห็นพิษภัยของมัน

หรือแม้แต่บางคน ยังไม่เห็นวัฏฏสงสาร ด้วยซ้ำ
บางคน ไม่เห็นทุกข์ด้วยซ้ำ ว่าทุกข์เป็นอย่างไร

พระพุทธองค์ จึงทรงแสดงอริยสัจสี่ว่า ............ทุกข์ควรกำหนดรู้

.....................................................
ยังงมงาย...
เมื่อเห็นว่าพระไตรปิฏก มีส่วนถูก มีส่วนจริงแค่ 20 ถึง 30 เปอร์เซนต์ เท่านั้น

เลิกงมงาย..
เมื่อเห็นว่า พระไตรปิฏก มีส่วนถูก ส่วนจริง เกินกว่า 80 ถึง กว่า 90 เปอร์เซนต์

http://www.youtube.com/user/govit2554#g/u


แสดงโพสต์จาก:  เรียงตาม  
กลับไปยังกระทู้  [ 28 โพสต์ ]  ไปที่หน้า ย้อนกลับ  1, 2

เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง


 ผู้ใช้งานขณะนี้

่กำลังดูบอร์ดนี้: ไม่มีสมาชิก และ บุคคลทั่วไป 1 ท่าน


ท่าน ไม่สามารถ โพสต์กระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ตอบกระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แก้ไขโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ลบโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แนบไฟล์ในบอร์ดนี้ได้

ค้นหาสำหรับ:
ไปที่:  
Google
ทั่วไป เว็บธรรมจักร