วันเวลาปัจจุบัน 20 ก.ค. 2025, 11:37  



เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง




กลับไปยังกระทู้  [ 18 โพสต์ ]  ไปที่หน้า ย้อนกลับ  1, 2  Bookmark and Share
เจ้าของ ข้อความ
โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 02 ธ.ค. 2011, 17:23 
 
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 1
สมาชิก ระดับ 1
ลงทะเบียนเมื่อ: 14 ต.ค. 2007, 07:13
โพสต์: 17


 ข้อมูลส่วนตัว


คนธรรมดาๆ เขียน:
เคยเอะใจกันบ้างไหมครับ s006

ถ้ากิเลสความหลงสามารถทำให้บุคคลหลงผิดไปได้โดยที่ไม่รู้ตัวว่ากำลังหลง คิดไปว่าสิ่งที่ตัวเองประสบถูกต้องแล้ว เป็นจริงแล้ว

ดังนั้นเราที่ยังไม่สามารถละขาดจากกิเลสทั้งปวงนี้ ย่อมกำลังหลงกันอยู่บ้าง ไม่มากก็น้อย

แม้การปฏิบัติตามแนวทางวิปัสนาจะเป็นทางเอกที่พระศาสดาได้ทรงชี้แจงไว้ แต่ทางนั้นไม่ได้เดินกันได้ง่ายๆ มีอุปสรรคมากมาย ทั้งที่เห็นได้ชัด และที่หลบซ่อนอยู่อย่างแนบเนียน คอยหลอกล่อนักเดินทางให้เขวไปได้

กับดักบางอย่างร้ายกาจถึงขนาดว่าทำให้ผู้เดินทางคิด เชื่อ ปักใจลงไปว่าตัวเองถึงจุดหมายจุดใดจุดหนึ่งแล้ว ทั้งที่จริงๆแล้ว จุดหมายอันดีงามนั้นเป็นภาพมายาอันแสนอันตรายที่กิเลสสร้างขึ้นไว้เพื่อล่อลวงผู้เดินทางอย่างแนบเนียน กับดักที่ซ่อนอยู่เหล่านี้ท่านเรียกว่า วิปัสนูปกิเลส ทั้ง10

จึงขอใช้โอกาสนี้ตักเตือนผู้ร่วมเดินทางทุกท่าน รวมถึงตัวผมเองด้วย ให้ศึกษากับดักทั้ง 10 นี้ไว้ให้ดี เพราะครูบาอาจารย์หลายท่านได้เตือนไว้แล้วว่าในระหว่างการปฏิบัติ ไม่มีทางที่กิเลสเหล่านี้จะไม่เกิดขึ้น!!!

สิ่งสำคัญคือ เราจะรู้ตัวหรือไม่ ว่ากำลังถูกกิเลสเหล่านี้เล่นงานอยู่

การหลงยึดในของ 10 อย่างนี้ ไม่ต่างอะไรกับการเดินเข้าสู่กรงขังโดยความสมัครใจ

แม้ความสุขความสงบ ก็ไม่ควรยึดถือ แม้ความเฉียบคมของสติรับรู้ ก็ไม่ควรยึดถือ แม้ความรู้ความเข้าใจที่เกิดขณะปฏิบัติ ก็ไม่ควรยึดถือ

เพราะเมื่อยึดเข้าไปแล้ว เมื่อหลงปักใจเชื่อแล้ว ก็เปรียบกับปิดประตูกรงขังตัวเองด้วยตัวเอง ยากนักที่จะหลุดพ้นไปได้

ที่สำคัญอย่างยิ่ง ควรแล้วหรือที่จะให้สิ่งต่างๆเหล่านั้นเป็นสาเหตุของการถกเถียงทำลายกัน

อย่าปฏิเสธเลยว่าตัวเองไม่มีกิเลสเหล่านั้น อย่าปฏิเสธเลยว่าตัวเองไม่หลง อย่าปฏิเสธเลยว่าตัวเองไม่ยึด ตราบใดที่การศีกษาการเดินทางยังไม่สิ้นสุด แม้เราจะพร่ำบอกตัวเองเท่าไรว่าเราไม่ยึดแล้วในกิเลสเหล่านั้น แต่ในความเป็นจริงกิเลสที่กำลังยึดเราไว้นั้นไม่ได้อ่อนกำลังลงไปเลย

การยอมรับว่าตนเองมีกิเลสต่างๆเหล่านั้นต่างหาก ที่เป็นการเริ่มต้นสู่การปฏิบัติเพื่อพ้นไปจากกิเลสทั้งปวง

(โดยส่วนตัว ผมศึกษาจาก http://walailoo2010.wordpress.com/2008/ ... %E0%B8%A5/)

ควรไม่ควรอย่างไรทุกท่านโปรดพิจารณา


http://walailoo2010.wordpress.com/2008/01/27/%E0%B8%AD%E0%B8%B8%E0%B8%9B%E0%B8%81%E0%B8%B4%E0%B9%80%E0%B8%A5%E0%B8%AA-10-%E0%B8%A7%E0%B8%B4%E0%B8%9B%E0%B8%B1%E0%B8%AA%E0%B8%AA%E0%B8%99%E0%B8%B9%E0%B8%9B%E0%B8%81%E0%B8%B4%E0%B9%80%E0%B8%A5/

อนุโมทนา

.....................................................
ค้นหาอะไรก็ได้อย่างนั้นแล


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 07 ธ.ค. 2011, 19:32 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 6
สมาชิก ระดับ 6
ลงทะเบียนเมื่อ: 14 มิ.ย. 2011, 10:28
โพสต์: 439


 ข้อมูลส่วนตัว


:b8: :b8: :b8: อนุโมทนามิ
ขอให้ทุกท่านเจริญในธรรมยิ่งๆ ขึ้นไปคะ

.....................................................
สรรพสิ่งทุกอย่าง ล้วนมี เกิดขึ้น ตั้งอยู่ ดับไป

.................................................................................................
ทุกสิ่งทุกอย่างย่อมมีเหตุและผลอยู่ในตัว
การกระทำของตนย่อมเป็นกรรมที่ตนกำหนดเอง


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 13 ธ.ค. 2011, 09:37 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 8
สมาชิก ระดับ 8
ลงทะเบียนเมื่อ: 16 ก.พ. 2009, 20:42
โพสต์: 699


 ข้อมูลส่วนตัว


มันก็ไม่ได้เป็นเรื่องร้ายแรงขนาดนั้นหรอก

วิปัสสนูปกิเลส 10 มันเป็นข้อเตือนใจว่า หากมีสิ่งใดสิ่งหนึ่งเกิดขึ้น (ไม่จำเป็นต้องเกิดทั้งหมด 10 ข้อ แต่มันต้องเกิดแน่ๆ อย่างน้อยข้อนึง) ก็อย่าได้ถือมั่นว่า ฉันบรรลุธรรมแล้ว...

แต่ข้อเตือน โดยมากก็เป็นได้แค่ข้อเตือน... ส่วนใหญ่พอวิปัสสนูปกิเลสปรากฎ ก็เห็นสำคัญตนว่า "ฉันบรรลุแล้ว" แทบทุกคนไป มันจึงขึ้นอยู่กับจังหวะและโอกาสของชีวิต ว่าจะได้ประสบเหตุหนึ่งเหตุใด จนทำให้จิตได้ตระหนักว่า ฉันยังไม่บรรลุธรรม

นั่นเป็นเพราะว่า เมื่อคนยังไม่เข้าถึงอรหันต์ สิ่งที่ยังมีคือ มานะ แม้จะไม่รุนแรงเท่ากับสักกายทิฏฐิ หรืออัตตา แต่มานะนี่แหล่ะ ที่จะทำให้เราพยายามหาเหตุผลต่างๆ มาสนับสนุนว่า เราบรรลุธรรมแล้ว สิ่งที่เกิดนั้น ไม่ใช่วิปัสสนูปกิเลส

ก็เหมือนในระดับผู้ฝึกใหม่ ที่สักกายทิฎฐิจะทำให้เราพยายามหาเหตุผลมาบอกตนเองว่า นั่นไม่ใช่นิมิตที่จิตและสมอง ร่วมกันปรุงแต่งขึ้น แต่มันเป็นญาณวิเศษที่เราฝึกได้...

พอพ้นสิ่งเหล่านี้ได้ และมองย้อนกลับไปนั่นแหล่ะ ความเข้าใจจึงจะเกิด...

แต่อย่างที่บอก วิปัสสนูปกิเลส ก็ไม่ใช่สิ่งเลวร้ายหรืออันตราย ก็เหมือนฌาณนั่นแหล่ะ ที่พักหนึ่งเคยมีคนกลัวต่างๆ นานา ว่าจะติดฌาณ หลงฌาณ ก็ขอให้มันติดเถอะหน่า...
ยิ่งบอกว่าเป็นตาข่ายดักพรหม ก็ยิ่งตลก... คงไม่รู้ว่า พรหมวิหาร เป็นสิ่งที่ปฏิบัติได้ยากเป็นอันดับต้นๆ เลยเชียว

คนที่มีวิปัสสนูปกิเลสเกิดขึ้น จึงนับว่าไม่ใช่ธรรมดา... ชาตินี้ไม่บรรลุ ชาติหน้าก็เอาใหม่


แสดงโพสต์จาก:  เรียงตาม  
กลับไปยังกระทู้  [ 18 โพสต์ ]  ไปที่หน้า ย้อนกลับ  1, 2

เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง


 ผู้ใช้งานขณะนี้

่กำลังดูบอร์ดนี้: ไม่มีสมาชิก และ บุคคลทั่วไป 1 ท่าน


ท่าน ไม่สามารถ โพสต์กระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ตอบกระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แก้ไขโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ลบโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แนบไฟล์ในบอร์ดนี้ได้

ค้นหาสำหรับ:
ไปที่:  
Google
ทั่วไป เว็บธรรมจักร