วันเวลาปัจจุบัน 16 ก.ค. 2025, 14:28  



เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง




กลับไปยังกระทู้  [ 152 โพสต์ ]  ไปที่หน้า ย้อนกลับ  1, 2, 3, 4, 5 ... 11  ต่อไป  Bookmark and Share
เจ้าของ ข้อความ
โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 19 มิ.ย. 2011, 21:07 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 18 ก.ค. 2009, 09:26
โพสต์: 1517

แนวปฏิบัติ: วิปัสสนาภาวนา
อายุ: 39
ที่อยู่: ลำพูน

 ข้อมูลส่วนตัว


:b8: สิ่งที่ท่านนำมาสอน ก็คือ สิ่งที่ท่านได้ตรัสรู้ ได้แก่ กฏธรรมชาติทั้ง ๒ กฏ เป้าหมายหลักในการสอนมีเพียงเรื่องเดียว คือ สอนให้สัตว์ทั้งหลายไม่ต้องกลับมาเวียนว่ายตายเกิดอีก

ตามกฏธรรมชาติ ทุกข์เป็นเหตุเป็นปัจจัยให้เวียนว่ายตายเกิด เพราะฉะนั้น คำสอนของพระพุทธองค์จึงสรุปลงที่เรื่องทุกข์กับการดับทุกข์

.....................................................
"ธรรมและวินัยอันใด เราแสดงแล้ว บัญญัติแล้วแก่พวกเธอ ธรรมและวินัยอันนั้น จักเป็นศาสดาของพวกเธอ โดยกาลล่วงไปแห่งเรา..."
"... ไม่เที่ยง เกิดดับ ..."


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 22 มิ.ย. 2011, 12:26 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 29 ต.ค. 2009, 15:06
โพสต์: 7517

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


rolleyes
๑ พระสัมมาสัมพุทธเจ้าคือใคร ?
ตอบ มนุษย์คนแรกของโลกที่ค้นพบความจริงอันประเสริฐ
:b12:
๒ ท่านค้นหาอะไร ?
ตอบ หนทางดับทุกข์ที่จิตมีในจิตใจของพระองค์เอง
:b6:
๓ ท่านพบอะไร ?
ตอบ พบความจริงของจิตที่เป็นอมตะ
:b17:
๔ ท่านเอาอะไรมาสอน ?
ตอบ ความจริงที่กำลังปรากฎให้จิตเห็นได้ทุกขณะ
:b16:
:b4: :b4:


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 22 มิ.ย. 2011, 12:47 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 25 ก.พ. 2011, 19:56
โพสต์: 1798


 ข้อมูลส่วนตัว


พระพุทธเจ้าค้นพบความจริงว่า จิตนี้ เกิด ดับ


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 22 มิ.ย. 2011, 19:02 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 18 ก.ค. 2009, 09:26
โพสต์: 1517

แนวปฏิบัติ: วิปัสสนาภาวนา
อายุ: 39
ที่อยู่: ลำพูน

 ข้อมูลส่วนตัว


FLAME เขียน:
พระพุทธเจ้าค้นพบความจริงว่า จิตนี้ เกิด ดับ

ธรรมชาติ ไม่ว่าจะเป็น รูป จิต เจตสิก ต่างก็เกิดดับด้วยกันทั้งหมด ไม่ได้เป็นเฉพาะจิต สิ่งเหล่านี้เป็นอันต้องแปรเปลี่ยนเป็นอย่างอื่นเป็นธรรมดา ไม่สามารถคงอยู่ในสภาวะเดิมได้โดยตลอด มีแต่นิพพานเท่านั้นที่เที่ยง

Rosarin เขียน:
rolleyes
๓ ท่านพบอะไร ?
ตอบ พบความจริงของจิตที่เป็นอมตะ
:b17:

เมื่อดับขันธ์ปรินิพพาน จิตก็ดับลงไปด้วยนะครับ เพราะฉะนั้น จิตเป็นธรมชาติที่เกิดจากปัจจัยปรุงแต่ง เกิดขึ้น ตั้งอยู่ ดับไป จิตที่เป็นอมตะจึงไม่มี

.....................................................
"ธรรมและวินัยอันใด เราแสดงแล้ว บัญญัติแล้วแก่พวกเธอ ธรรมและวินัยอันนั้น จักเป็นศาสดาของพวกเธอ โดยกาลล่วงไปแห่งเรา..."
"... ไม่เที่ยง เกิดดับ ..."


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 22 มิ.ย. 2011, 19:20 
 
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 25 เม.ย. 2009, 02:43
โพสต์: 12232


 ข้อมูลส่วนตัว


เกิดดับ...มันเป็นอาการของมัน

ธรรมเกิดดับ..ก็มี

ธรรมไม่เกิดไม่ดับ...ก็มี...นะ


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 22 มิ.ย. 2011, 20:19 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 18 ก.ค. 2009, 09:26
โพสต์: 1517

แนวปฏิบัติ: วิปัสสนาภาวนา
อายุ: 39
ที่อยู่: ลำพูน

 ข้อมูลส่วนตัว


กบนอกกะลา เขียน:
เกิดดับ...มันเป็นอาการของมัน

ธรรมเกิดดับ..ก็มี

ธรรมไม่เกิดไม่ดับ...ก็มี...นะ

ธรรมชาติ แบ่งได้จริงๆ มี ๔ อย่าง คือ รูป จิต เจตสิก และนิพพาน นอกจากนิพพานแล้ว มีอะไรไม่เกิดดับละครับ?

.....................................................
"ธรรมและวินัยอันใด เราแสดงแล้ว บัญญัติแล้วแก่พวกเธอ ธรรมและวินัยอันนั้น จักเป็นศาสดาของพวกเธอ โดยกาลล่วงไปแห่งเรา..."
"... ไม่เที่ยง เกิดดับ ..."


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 22 มิ.ย. 2011, 20:38 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 25 ก.พ. 2011, 19:56
โพสต์: 1798


 ข้อมูลส่วนตัว


 ๗. มหาวรรค
หมวดว่าด้วยพระสูตรที่มีเนื้อหาสำคัญ

๑. อัสสุตวาสูตร
ว่าด้วยผู้ไม่ได้สดับ


ข้าพเจ้าได้สดับมาอย่างนี้

สมัยหนึ่ง พระผู้มีพระภาคประทับอยู่ ณ พระเชตวัน อารามของอนาถบิณฑิก-เศรษฐี เขตกรุงสาวัตถี ณ ที่นั้น พระผู้มีพระภาค ... ภิกษุทั้งหลาย ปุถุชนผู้ไม่ได้สดับ๑ พึงเบื่อหน่ายบ้าง คลายกำหนัดบ้างหลุดพ้นบ้าง จากกายซึ่งเป็นที่ประชุมแห่งมหาภูตทั้ง ๔ นี้

ข้อนั้นเพราะเหตุไร

เพราะเหตุที่การประชุมก็ดี ความสิ้นไปก็ดี การยึดถือก็ดี การทอดทิ้งกายซึ่งเป็นที่ประชุมแห่งมหาภูตทั้ง ๔ นี้ก็ดี ย่อมปรากฏ เพราะฉะนั้น ปุถุชนผู้ไม่ได้สดับพึงเบื่อหน่ายบ้าง คลายกำหนัดบ้าง หลุดพ้นบ้าง จากกายนั้น

ตถาคตเรียกสิ่งนี้ว่า ‘จิตบ้าง มโนบ้าง วิญญาณบ้าง’ ปุถุชนผู้ไม่ได้สดับ ไม่อาจเบื่อหน่าย คลายกำหนัด หลุดพ้นไปจากจิตเป็นต้นนั้นได้

ข้อนั้นเพราะเหตุไร

เพราะจิตเป็นต้นนี้ ถูกรัดไว้ด้วยตัณหา ยึดถือว่าเป็นของเรา เป็นสิ่งที่ปุถุชนผู้ไม่ได้สดับยึดมั่นว่า ‘นั่นของเรา เราเป็นนั่น นั่นเป็นอัตตาของเรา’ ตลอดกาลนานเพราะฉะนั้น ปุถุชนผู้ไม่ได้สดับ จึงไม่อาจเบื่อหน่าย คลายกำหนัด หลุดพ้นไปจากจิตเป็นต้นนั้นได้


ภิกษุทั้งหลาย ปุถุชนผู้ไม่ได้สดับ พึงยึดถือกายซึ่งเป็นที่ประชุมแห่งมหาภูตทั้ง ๔ นี้ โดยความเป็นอัตตายังประเสริฐกว่า ส่วนการยึดถือจิตโดยความเป็นอัตตาไม่ประเสริฐเลย

ข้อนั้นเพราะเหตุไร

เพราะกายซึ่งเป็นที่ประชุมแห่งมหาภูตทั้ง ๔ นี้ เมื่อดำรงอยู่ ๑ ปีบ้าง ๒ ปีบ้าง ๓ ปีบ้าง ๔ ปีบ้าง ๕ ปีบ้าง ๑๐ ปีบ้าง ๒๐ ปีบ้าง ๓๐ ปีบ้าง ๔๐ ปีบ้าง ๕๐ ปีบ้าง๑๐๐ ปีบ้าง หรือเกินกว่าบ้าง ก็ยังปรากฏ

ตถาคตเรียกสิ่งนี้ว่า ‘จิตบ้าง มโนบ้าง วิญญาณบ้าง’ จิตเป็นต้นนั้น ดวงหนึ่งเกิดขึ้น ดวงหนึ่งดับไปตลอดทั้งคืนและวัน เปรียบเหมือนลิงเมื่อเที่ยวไปในป่าเล็กและป่าใหญ่จับกิ่งไม้ ปล่อยกิ่งไม้นั้นแล้ว ย่อมจับกิ่งอื่น ปล่อยกิ่งนั้นแล้วย่อมจับกิ่งอื่นต่อไป ฉะนั้น ตถาคตจึงเรียกสิ่งนี้ว่า ‘จิตบ้าง มโนบ้าง วิญญาณบ้าง’ จิตเป็นต้นนั้น ดวงหนึ่งเกิดขึ้น ดวงหนึ่งดับไปตลอดทั้งคืนและวัน

ภิกษุทั้งหลาย อริยสาวกผู้ได้สดับ ย่อมมนสิการปฏิจจสมุปบาทนั้นแหละโดยแยบคาย ในกายและจิตนั้นว่า ‘เพราะเหตุนี้ เมื่อสิ่งนี้มี สิ่งนี้จึงมี เพราะสิ่งนี้เกิดขึ้นสิ่งนี้จึงเกิดขึ้น เพราะสิ่งนี้ไม่มี สิ่งนี้จึงไม่มี เพราะสิ่งนี้ดับ สิ่งนี้จึงดับ คือ เพราะอวิชชาเป็นปัจจัย สังขารจึงมี เพราะสังขารเป็นปัจจัย วิญญาณจึงมี ฯลฯ ความเกิดขึ้นแห่งกองทุกข์ทั้งมวลนี้ มีได้ด้วยประการฉะนี้

อนึ่ง เพราะอวิชชาดับไปไม่เหลือด้วยวิราคะ สังขารจึงดับ เพราะสังขารดับวิญญาณจึงดับ ฯลฯ ความดับแห่งกองทุกข์ทั้งมวลนี้ มีได้ด้วยประการฉะนี้’

ภิกษุทั้งหลาย อริยสาวกผู้ได้สดับเห็นอยู่อย่างนี้ ย่อมเบื่อหน่ายแม้ในรูปแม้ในเวทนา แม้ในสัญญา แม้ในสังขาร แม้ในวิญญาณ เมื่อเบื่อหน่าย ย่อมคลายกำหนัด เพราะคลายกำหนัดจึงหลุดพ้น เมื่อจิตหลุดพ้นแล้ว ก็รู้ว่า ‘หลุดพ้นแล้ว’รู้ชัดว่า ‘ชาติสิ้นแล้ว อยู่จบพรหมจรรย์แล้ว ทำกิจที่ควรทำเสร็จแล้ว ไม่มีกิจอื่นเพื่อความเป็นอย่างนี้อีกต่อไป”


แก้ไขล่าสุดโดย ปฤษฎี เมื่อ 22 มิ.ย. 2011, 21:29, แก้ไขแล้ว 3 ครั้ง.

โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 22 มิ.ย. 2011, 20:40 
 
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 11 ต.ค. 2010, 12:11
โพสต์: 5019


 ข้อมูลส่วนตัว


กบนอกกะลา เขียน:
เกิดดับ...มันเป็นอาการของมัน

ธรรมเกิดดับ..ก็มี

ธรรมไม่เกิดไม่ดับ...ก็มี...นะ


:b8: :b8: :b8:

"ตถาคต ทั้งหลายจะอุบัติหรือไม่ก็ตาม ธาตุ นั้นก็ยังคงมีอยู่ เป็นธรรมฐิติ เป็นธรรมนิยามว่า
๑. สังขารทั้งปวง ไม่เที่ยง.............
๒. สังขารทั้งปวง เป็นทุกข์..............
๓. ธรรมทั้งปวง เป็นอนัตตา.............
ตถาคตตรัสรู้เข้าถึงหลักนั้นแล้ว จึงบอก แสดง วางเป็นแบบ ตั้งเป็นหลัก เปิดเผยแจกแจง ทำให้เข้าใจง่ายว่า " สังขารทั้งปวงไม่เที่ยง......สังขารทั้งปวง เป็นทุกข์.....ธรรมทั้งปวง เป็นอนัตตา......

ตถตา :b8:

:b30: :b30: :b30:


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 23 มิ.ย. 2011, 03:34 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 13 ก.พ. 2010, 17:53
โพสต์: 4999

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


Supareak Mulpong เขียน:
กบนอกกะลา เขียน:
เกิดดับ...มันเป็นอาการของมัน

ธรรมเกิดดับ..ก็มี

ธรรมไม่เกิดไม่ดับ...ก็มี...นะ

ธรรมชาติ แบ่งได้จริงๆ มี ๔ อย่าง คือ รูป จิต เจตสิก และนิพพาน นอกจากนิพพานแล้ว มีอะไรไม่เกิดดับละครับ?

ธรรมชาติบนโลกนี้ แบ่งเป็นธรรมชาติที่กายใจของเราและธรรมชาตินอกกายใจเรา

ธรรมชาติที่กายใจเรานั้นก็คือ รูป(กาย) จิตเจตสิกและนิพพานสิ่งเหล่านี้เป็นเรื่องเฉพาะตน
การเกิดการดับก็รู้ได้เฉพาะกายใจตนเอง ไม่ได้หมายถึงธรรมชาติภายนอกกายใจเรา

ธรรมชาตินอกกายใจไม่มีการเกิดดับ มีแต่การแปลเปลี่ยนของรูปร่างหรือสถานะ
สิ่งไม่มีชีวิตก็เป็นธรรมชาติอย่าง คุณซุปครับ สิ่งไม่มีชีวิตมีจิตเจตสิกหรือนิพพานมั้ยครับ


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 23 มิ.ย. 2011, 03:50 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 7
สมาชิก ระดับ 7
ลงทะเบียนเมื่อ: 12 ม.ค. 2010, 11:43
โพสต์: 523

แนวปฏิบัติ: ดูปัจจุบันอารมณ์ เจริญมรรค ๘
งานอดิเรก: ปฏิบัติธรรม
สิ่งที่ชื่นชอบ: ประทีปแห่งเอเซีย
ชื่อเล่น: อโศกะ
อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว www




อริยสัจ 4_resize.jpg
อริยสัจ 4_resize.jpg [ 58.29 KiB | เปิดดู 5304 ครั้ง ]
Supareak Mulpong เขียน:
๑ พระสัมมาสัมพุทธเจ้าคือใคร ?

๒ ท่านค้นหาอะไร ?

๓ ท่านพบอะไร ?

๔ ท่านเอาอะไรมาสอน ?


อนัตตาธรรม............

เป็นกระทู้ที่ดีมากเลยครับคุณSupareak Mulpongและหลักฐานอ้างอิงที่มาจากพระสูตรก็ดีจริงๆ

ผมลองตอบแบบชาวบ้านๆมาอย่างนี้ว่า

พระพุทธเจ้าเป็นศาสดาของศาสนาพุทธ เป็นศาสดาเอกของโลก
ทรงค้นหาวิธีที่จะพ้นจากความเกิด แก่ เจ็บ ตาย
สิ่งสำคัญที่สุดที่พระองค์ทรงค้นพบคืออริยสัจ 4 หรือความจริงอันประเสริฐยิ่ง 4 ประการอันสรุปลงมาแล้วได้แก ....เหตุ .....และ.....ผล ซึ่งแบ่งเป็น 2 คู้

ผลทุกข์ ...........กับ..........เหตุทุกข์ คู่หนึ่ง

ผลสุข........กับ .........เหตุสุข อีกคู่หนึ่ง

การปฏิบัติธรรมตามคำสอนของพระพุทธเจ้าคือการเอา.........เหตุสุข ....ไปต่อสู้กับ.....เหตุทุกข์....ถ้าเหตุทุกข์ ดับ ผลทุกข์ก็ ดับ สิ่งที่เหลือไว้ก็คือ .....ผลสุข....กับ....เหตุสุข.....

สิ่งที่พระพุทธเจ้าทรงสอนก็คือ อริยสัจ 4
โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 23 มิ.ย. 2011, 08:47 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 18 ก.ค. 2009, 09:26
โพสต์: 1517

แนวปฏิบัติ: วิปัสสนาภาวนา
อายุ: 39
ที่อยู่: ลำพูน

 ข้อมูลส่วนตัว


โฮฮับ เขียน:
ธรรมชาตินอกกายใจไม่มีการเกิดดับ มีแต่การแปลเปลี่ยนของรูปร่างหรือสถานะ
สิ่งไม่มีชีวิตก็เป็นธรรมชาติอย่าง คุณซุปครับ สิ่งไม่มีชีวิตมีจิตเจตสิกหรือนิพพานมั้ยครับ


Quote Tipitaka:
http://www.84000.org/tipitaka/pitaka_item/v.php?B=9&A=7317&Z=7898

เรื่องภิกษุแสวงหามหาภูต

ฯลฯ [๓๔๓] ดูกรเกวัฏฏ์ เรื่องเคยมีมาแล้ว ภิกษุรูปหนึ่งในหมู่ภิกษุนี้เอง ได้เกิดความปริวิตกอย่างนี้ว่า มหาภูตรูปทั้ง ๔ คือ ปฐวีธาตุ อาโปธาตุ เตโชธาตุ วาโยธาตุ เหล่านี้ย่อมดับไม่มีเหลือ ในที่ไหนหนอ. ฯลฯ

...
...
...

อุปมาด้วยนกตีรทัสสี

[๓๔๘] ดูกรเกวัฏฏ์ ลำดับนั้น ภิกษุนั้นได้หายไปที่พรหมโลก มาปรากฏข้างหน้าเราเปรียบเหมือนบุรุษผู้มีกำลังเหยียดแขนที่คู้อยู่ออกไป หรือคู้แขนที่เหยียดไว้เข้ามา ฉะนั้น. ต่อนั้นเธอไหว้เราแล้ว นั่งอยู่ ณ ที่ควรส่วนข้างหนึ่ง ได้ถามเราว่า ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ มหาภูตรูปทั้ง ๔ คือ ปฐวีธาตุ อาโปธาตุ เตโชธาตุ วาโยธาตุ เหล่านี้ ย่อมดับไม่มีเหลือในที่ไหนเมื่อเธอกล่าวอย่างนี้แล้ว เราได้ตอบว่า

ดูกรภิกษุ เรื่องเคยมีมาแล้ว พวกพ่อค้าเดินเรือทะเลย่อมจับนกตีรทัสสี (นกดูฝั่ง) ลงเรือไปด้วย เมื่อไม่เห็นฝั่ง เขาย่อมปล่อยนกตีรทัสสีมันบินไปยังทิศบูรพา ทิศทักษิณ ทิศปัจจิม ทิศอุดร ทิศเบื้องบน ทิศน้อย ถ้ามันแลเห็นฝั่งโดยรอบมันก็บินเลยไป ถ้ามันแลไม่เห็นฝั่งโดยรอบ มันก็จะกลับมายังเรือนั้นอีก ดูกรภิกษุเธอก็ฉันนั้นแล เที่ยวแสวงหาจนถึงพรหมโลก ก็ไม่ได้รับพยากรณ์ปัญหานี้ ในที่สุดก็ต้องกลับมาหายังสำนักเรานั่นเอง ปัญหาข้อนี้เธอมิควรถามอย่างนั้น แต่ควรถามอย่างนี้.

แถลงปัญหามหาภูต

[๓๔๙] ปฐวีธาตุ อาโปธาตุ เตโชธาตุ และวาโยธาตุ ย่อมตั้งอยู่ไม่ได้ในที่ไหน อุปาทายรูปที่ยาวและสั้น ละเอียดและหยาบ ที่งามและไม่งาม ย่อมตั้งอยู่ไม่ได้ในที่ไหนนามและรูปย่อมดับไม่มีเหลือในที่ไหน ดังนี้.

ในปัญหานั้น มีพยากรณ์ดังต่อไปนี้

[๓๕๐] ธรรมชาติที่รู้แจ้ง ไม่มีใครชี้ได้ ไม่มีที่สุด แจ่มใส โดยประการทั้งปวง ปฐวีธาตุ อาโปธาตุ เตโชธาตุ และวาโยธาตุ ย่อมตั้งอยู่ไม่ได้ในธรรมชาตินี้.

อุปาทายรูปที่ยาวและสั้น ละเอียดและหยาบ ที่งามและไม่งาม ย่อมตั้งอยู่ไม่ได้ในธรรมชาตินี้.

นามและรูปย่อมดับไม่มีเหลือในธรรมชาตินี้.

เพราะวิญญาณดับ นามและรูปนั้นย่อมดับไม่มีเหลือในธรรมชาตินี้ ดังนี้.

พระผู้มีพระภาคได้ตรัสพระพุทธพจน์นี้แล้ว. เกวัฏฏ์ คฤหบดีบุตรมีใจชื่นชม เพลิดเพลินภาษิตของพระผู้มีพระภาค ดังนี้แล.

.....................................................
"ธรรมและวินัยอันใด เราแสดงแล้ว บัญญัติแล้วแก่พวกเธอ ธรรมและวินัยอันนั้น จักเป็นศาสดาของพวกเธอ โดยกาลล่วงไปแห่งเรา..."
"... ไม่เที่ยง เกิดดับ ..."


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 23 มิ.ย. 2011, 11:12 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 29 ต.ค. 2009, 15:06
โพสต์: 7517

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


rolleyes
Supareak Mulpong เขียน:
FLAME เขียน:
พระพุทธเจ้าค้นพบความจริงว่า จิตนี้ เกิด ดับ

ธรรมชาติ ไม่ว่าจะเป็น รูป จิต เจตสิก ต่างก็เกิดดับด้วยกันทั้งหมด ไม่ได้เป็นเฉพาะจิต สิ่งเหล่านี้เป็นอันต้องแปรเปลี่ยนเป็นอย่างอื่นเป็นธรรมดา ไม่สามารถคงอยู่ในสภาวะเดิมได้โดยตลอด มีแต่นิพพานเท่านั้นที่เที่ยง

Rosarin เขียน:
rolleyes
๓ ท่านพบอะไร ?
ตอบ พบความจริงของจิตที่เป็นอมตะ
:b17:

เมื่อดับขันธ์ปรินิพพาน จิตก็ดับลงไปด้วยนะครับ เพราะฉะนั้น จิตเป็นธรมชาติที่เกิดจากปัจจัยปรุงแต่ง เกิดขึ้น ตั้งอยู่ ดับไป จิตที่เป็นอมตะจึงไม่มี

:b12:
...นิพพานัง ปรมัง สุขัง นิพพานัง ปรมัง สูญญัง...นี่คือความเป็นอมตะที่จิตไม่ได้วนเวียนเกิด-ตาย...
...สูญญังในความหมายของพุทธศาสนา มิได้แปลว่าไม่มีหรือว่างเปล่าเหมือนที่มนุษย์สื่อสารกัน...
...นิพพานเป็นสภาวธรรมเหนือโลกเป็นโลกุตตรธรรม...รู้ทั้งสิ่งที่เป็นโลกียธรรมและโลกุตตรธรรม...
...โปรดทำความเข้าใจใหม่เกี่ยวกับนิพพานเป็นสูญญังคือหมดสภาพภพทั้ง3ที่ไม่ใช่เป็นศูนย์หรือไม่มี...
...เป็นสภาวธรรมเหนือกามภพ รูปภพ อรูปภพ พ้นจากกามโลก รูปโลก อรูปโลกคือจิตอิสระไม่ติดภพ...

:b8:
:b55: :b55:


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 23 มิ.ย. 2011, 11:37 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 29 ต.ค. 2009, 15:06
โพสต์: 7517

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


Kiss
กบนอกกะลา เขียน:
เกิดดับ...มันเป็นอาการของมัน

ธรรมเกิดดับ..ก็มี

ธรรมไม่เกิดไม่ดับ...ก็มี...นะ

...นิพพานคือธรรมที่ไม่เกิดไม่ดับ...ถูกต้องแล้วคร๊าบบบบบบ...
:b9: :b32:


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 23 มิ.ย. 2011, 15:21 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 18 ก.ค. 2009, 09:26
โพสต์: 1517

แนวปฏิบัติ: วิปัสสนาภาวนา
อายุ: 39
ที่อยู่: ลำพูน

 ข้อมูลส่วนตัว


Rosarin เขียน:
rolleyes
Supareak Mulpong เขียน:
FLAME เขียน:
พระพุทธเจ้าค้นพบความจริงว่า จิตนี้ เกิด ดับ

ธรรมชาติ ไม่ว่าจะเป็น รูป จิต เจตสิก ต่างก็เกิดดับด้วยกันทั้งหมด ไม่ได้เป็นเฉพาะจิต สิ่งเหล่านี้เป็นอันต้องแปรเปลี่ยนเป็นอย่างอื่นเป็นธรรมดา ไม่สามารถคงอยู่ในสภาวะเดิมได้โดยตลอด มีแต่นิพพานเท่านั้นที่เที่ยง

Rosarin เขียน:
rolleyes
๓ ท่านพบอะไร ?
ตอบ พบความจริงของจิตที่เป็นอมตะ
:b17:

เมื่อดับขันธ์ปรินิพพาน จิตก็ดับลงไปด้วยนะครับ เพราะฉะนั้น จิตเป็นธรมชาติที่เกิดจากปัจจัยปรุงแต่ง เกิดขึ้น ตั้งอยู่ ดับไป จิตที่เป็นอมตะจึงไม่มี

:b12:
...นิพพานัง ปรมัง สุขัง นิพพานัง ปรมัง สูญญัง...นี่คือความเป็นอมตะที่จิตไม่ได้วนเวียนเกิด-ตาย...
...สูญญังในความหมายของพุทธศาสนา มิได้แปลว่าไม่มีหรือว่างเปล่าเหมือนที่มนุษย์สื่อสารกัน...
...นิพพานเป็นสภาวธรรมเหนือโลกเป็นโลกุตตรธรรม...รู้ทั้งสิ่งที่เป็นโลกียธรรมและโลกุตตรธรรม...
...โปรดทำความเข้าใจใหม่เกี่ยวกับนิพพานเป็นสูญญังคือหมดสภาพภพทั้ง3ที่ไม่ใช่เป็นศูนย์หรือไม่มี...
...เป็นสภาวธรรมเหนือกามภพ รูปภพ อรูปภพ พ้นจากกามโลก รูปโลก อรูปโลกคือจิตอิสระไม่ติดภพ...

:b8:
:b55: :b55:

นิพพาน ไม่ใช่สภาวะที่ขาดสูญ

ดับขันธ์ปรินิพพาน หมายถึง ขันธ์ ๕ ดับ

ขันธ์ ๕ ประกอบด้วย รูปดับ นามดับ นามก็ประกอบด้วย เวทนา สัญญา สังขาร วิญญาณ หรือรวมกันก็คือ จิต ซึ่งจิตเป็นธรรมที่ต้องอาศัยปัจจัยมาปรุงแต่ง เพราะฉะนั้น เมื่อหมดเหตุปัจจัยที่มาปรุงแต่ง จิตจึงไม่สามารถกิดขึ้นมาได้

ในพระสูตร มีสูตรหนึ่งที่บันทึกไว้ว่า กาลหนึ่งมีพระอรหันต์ที่ป่วยหนัก จนใช้ศาตราประหารชีวิตตนเอง พวกมารต่างพากันควานหาจิตของภิกษุรูปนั้น แต่ก็ไม่เจอ พระพุทธองค์ตรัสกับพระสารีบุตรว่า ภิกษุรูปนั้นได้ดับขันธ์ปรินิพพานไปแล้ว

.....................................................
"ธรรมและวินัยอันใด เราแสดงแล้ว บัญญัติแล้วแก่พวกเธอ ธรรมและวินัยอันนั้น จักเป็นศาสดาของพวกเธอ โดยกาลล่วงไปแห่งเรา..."
"... ไม่เที่ยง เกิดดับ ..."


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 23 มิ.ย. 2011, 16:55 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 29 ต.ค. 2009, 15:06
โพสต์: 7517

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


rolleyes
...การสนทนาธรรมเป็นไปเพื่อให้ผู้อ่านมีการพิจารณาไตร่ตรองให้เกิดความเข้าใจ...
...ที่แสดงความคิดนี่ก็เป็นธรรมะ...ไม่ใช่การเอาชนะ...คัดค้าน...หรือขัดแย้งกัน...
...หากจะยกตัวอย่างก็มีครั้งหนึ่งที่มีหมอดูเคาะกะโหลกแม่นยำมาก ว่าคนที่ถูกเคาะจะไปเกิดเป็นอะไร...
...พอหมอดูคนนั้น...เคาะที่พระเศียรของพระพุทธเจ้าถึงกับงงทายไม่ออกไม่พบที่ที่พระองค์จะไปเกิด...
:b44:
...จะเห็นได้ว่าจิตผู้ที่ยังติดอยู่ในภพ...ไม่อาจทำนายจิตผู้ที่พ้นจากภพไปแล้วได้ว่ามีสภาวะอย่างไร...
...มีแต่พระพุทธเจ้า พระปัจเจกพุทธเจ้า พระสาวก และพระอรหันต์เท่านั้นที่รู้แจ้งเห็นจริงพระนิพพาน...
...เพราะพระปัญญาธิคุณ พระบริสุทธิคุณ และพระมหากรุณาธิคุณของพระอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้า...
...ที่ทรงมีเมตตาเทศนาธรรมโปรดเวไนยสัตว์...และยังมีพระธรรมคำสอนให้เราได้ศึกษาจนทุกวันนี้...
:b20:
...ไม่ใช่มีตัวตนเราอธิบายความหมายของพระธรรมคำสอนค่ะ...เป็นจิตคิดเกี่ยวกับพระธรรมคำสอน...
...คิดอย่างมีเหตุผลไม่ได้มีเจตนามาขัดแย้งหรืออบรมให้ใครรู้หรือไม่รู้...แต่เป็นจิตรู้และคิดพิจารณา...
...ความเข้าใจเป็นปัญญา...ซึ่งจิตแต่ละดวงต้องทำหน้าที่คิดไตร่ตรองไม่ใช่ให้เชื่อโดยไม่ไตร่ตรอง...
...เป็นสภาพธรรมทั้งหมดไม่ใช่เราทำหน้าที่อธิบายธรรมะ...แต่เป็นธรรมะที่ให้จิตแต่ละดวงเข้าใจค่ะ...
:b8:
...ลองพิจารณาการสนทนาธรรมเกี่ยวกับนิพพานในคลิปวิดีโอต่อไปนี้...ลองดูค่ะ...
http://www.dhammahome.com/front/videoclip/show.php?id=1065
http://www.dhammahome.com/front/videoclip/show.php?id=1066
http://www.dhammahome.com/front/videoclip/show.php?id=1067
http://www.dhammahome.com/front/videoclip/show.php?id=1068
:b44:
:b29: :b29:


แสดงโพสต์จาก:  เรียงตาม  
กลับไปยังกระทู้  [ 152 โพสต์ ]  ไปที่หน้า ย้อนกลับ  1, 2, 3, 4, 5 ... 11  ต่อไป

เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง


 ผู้ใช้งานขณะนี้

่กำลังดูบอร์ดนี้: ไม่มีสมาชิก และ บุคคลทั่วไป 1 ท่าน


ท่าน ไม่สามารถ โพสต์กระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ตอบกระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แก้ไขโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ลบโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แนบไฟล์ในบอร์ดนี้ได้

ค้นหาสำหรับ:
ไปที่:  
Google
ทั่วไป เว็บธรรมจักร