วันเวลาปัจจุบัน 20 ก.ค. 2025, 01:09  



เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง




กลับไปยังกระทู้  [ 34 โพสต์ ]  ไปที่หน้า ย้อนกลับ  1, 2, 3  ต่อไป  Bookmark and Share
เจ้าของ ข้อความ
โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 12 ส.ค. 2011, 00:46 
 
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 25 เม.ย. 2009, 02:43
โพสต์: 12232


 ข้อมูลส่วนตัว


การทำตามอย่างที่ได้ตั้งใจใว้แล้วนั้น....มีความสำคัญมาก....อย่างที่ไม่เคยคิดมาก่อน

เป็นฐานให้..ทาน..ศีล...ภาวนา...สมบูรณ์

ลองคิดดูนะว่า....หากว่าเราตั้งใจจะไป...พอถึงเวลากลับเปลี่ยนใจเพราะเห็นอย่างอื่นดีกว่า..
1....เราลบสัจจะของตนด้วยตัวเอง...แล้วศีลจะสมบูรณ์ได้อย่างไร....แล้วจะไปตั้งใจกับอะไรได้จริง ๆ...ตั้งใจจะรักษาศีล..ตั้งใจจะภาวนาก็จะไม่เป็นไปอย่างมั่นคงเข็มแข็ง....เพราะนิสัยมันเคย...เดียวก็เปลี่ยนเดี่ยวก็เปลี่ยน...กิเลสมารก็เห็นช่องได้ยุ่แหย่...

2....ต้นเหตุของการเปลี่ยน..ส่วนใหญ่ก็เพื่อความสะดวกสบายของตัว...เกิดจากจิตลึก ๆ มันรักตัว...ยิ่งชอบเปลี่ยนไปเปลี่ยนมา...ก็ยิ่งย้ำความรักษ์ตัวให้หนักเข้าไปอีก....อย่าลื่มว่า..เราภาวนาเพื่อสละตัวออกจากใจ....แต่การเปลี่ยนไปเปลี่ยนมาเป็นการสั่งสมสิ่งที่ตรงกันข้ามกับการภาวนา

แล้วไหนจะมีผลกับสมาธิอีก...คนที่มีนิสัยเปลี่ยนใจง่าย ๆ ...100 ทั้ง 100..ทำสมาธิได้ไม่ง่าย

ดังนั้น...สัจจะ...จึงเป็นเรื่องสำคัญมากกว่าที่คิด


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 12 ส.ค. 2011, 05:52 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 2
สมาชิก ระดับ 2
ลงทะเบียนเมื่อ: 21 มิ.ย. 2011, 22:25
โพสต์: 59

แนวปฏิบัติ: รักษาศีลให้แน่นหนามั่นคง
ชื่อเล่น: Soduku
อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


หากสัจจะหมายถึงความจริงที่จริงแท้
ความจริงที่จริงแท้หมายถึงการเข้าถึงธรรม
การเข้าถึงธรรมหมายถึงการบรรลุนิพพาน
การบรรลุนิพพานหมายถึงการหมดอาสวะกิเลส

พระพุทธองค์ได้ทรงชี้แนะ
การหมดอาสวะกิเลสสำเร็จได้ด้วยมัชฌิมาปฏิปทา
มัชฌิมาปฏิปทาสำเร็จได้ด้วยมรรคมีองค์ 8
มรรคมีองค์ 8 สำเร็จโดยย่อได้ด้วยศีล สมาธิ ปัญญา

หากศีล สมาธิ ปัญญา ยังไม่มั่นคง สัจจะก็ย่อมจะง่อนแง่น
เมื่อ ศีลสมาธิปัญญาที่บำเพ็ญอย่างถูกส่วนสำเร็จดีแล้ว
สัจจะย่อมอยู่ได้อย่างมั่นคง ไม่หนีหาย ไม่ต้องรักษาอีก :b44: :b8:


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 12 ส.ค. 2011, 07:58 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 25 ก.พ. 2011, 19:56
โพสต์: 1798


 ข้อมูลส่วนตัว


กบนอกกะลา เขียน:
การทำตามอย่างที่ได้ตั้งใจใว้แล้วนั้น....มีความสำคัญมาก....อย่างที่ไม่เคยคิดมาก่อน

เป็นฐานให้..ทาน..ศีล...ภาวนา...สมบูรณ์

ลองคิดดูนะว่า....หากว่าเราตั้งใจจะไป...พอถึงเวลากลับเปลี่ยนใจเพราะเห็นอย่างอื่นดีกว่า..
1....เราลบสัจจะของตนด้วยตัวเอง...แล้วศีลจะสมบูรณ์ได้อย่างไร....แล้วจะไปตั้งใจกับอะไรได้จริง ๆ...ตั้งใจจะรักษาศีล..ตั้งใจจะภาวนาก็จะไม่เป็นไปอย่างมั่นคงเข็มแข็ง....เพราะนิสัยมันเคย...เดียวก็เปลี่ยนเดี่ยวก็เปลี่ยน...กิเลสมารก็เห็นช่องได้ยุ่แหย่...

2....ต้นเหตุของการเปลี่ยน..ส่วนใหญ่ก็เพื่อความสะดวกสบายของตัว...เกิดจากจิตลึก ๆ มันรักตัว...ยิ่งชอบเปลี่ยนไปเปลี่ยนมา...ก็ยิ่งย้ำความรักษ์ตัวให้หนักเข้าไปอีก....อย่าลื่มว่า..เราภาวนาเพื่อสละตัวออกจากใจ....แต่การเปลี่ยนไปเปลี่ยนมาเป็นการสั่งสมสิ่งที่ตรงกันข้ามกับการภาวนา

แล้วไหนจะมีผลกับสมาธิอีก...คนที่มีนิสัยเปลี่ยนใจง่าย ๆ ...100 ทั้ง 100..ทำสมาธิได้ไม่ง่าย

ดังนั้น...สัจจะ...จึงเป็นเรื่องสำคัญมากกว่าที่คิด


smiley
เหตุผลที่เรามักจะผิดสัจจะ ส่วนใหญ่ไม่ใช่เพราะทำไม่ได้ แต่เพราะมักเห็นแก่ความสุขสบายส่วนตัว ถูกกิเลสอย่างใดอย่างหนึ่งลากไปลากมา


แก้ไขล่าสุดโดย ปฤษฎี เมื่อ 12 ส.ค. 2011, 08:12, แก้ไขแล้ว 1 ครั้ง

โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 12 ส.ค. 2011, 08:11 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 25 ก.พ. 2011, 19:56
โพสต์: 1798


 ข้อมูลส่วนตัว


hiwichai เขียน:
หากสัจจะหมายถึงความจริงที่จริงแท้
ความจริงที่จริงแท้หมายถึงการเข้าถึงธรรม
การเข้าถึงธรรมหมายถึงการบรรลุนิพพาน
การบรรลุนิพพานหมายถึงการหมดอาสวะกิเลส

พระพุทธองค์ได้ทรงชี้แนะ
การหมดอาสวะกิเลสสำเร็จได้ด้วยมัชฌิมาปฏิปทา
มัชฌิมาปฏิปทาสำเร็จได้ด้วยมรรคมีองค์ 8
มรรคมีองค์ 8 สำเร็จโดยย่อได้ด้วยศีล สมาธิ ปัญญา

หากศีล สมาธิ ปัญญา ยังไม่มั่นคง สัจจะก็ย่อมจะง่อนแง่น
เมื่อ ศีลสมาธิปัญญาที่บำเพ็ญอย่างถูกส่วนสำเร็จดีแล้ว
สัจจะย่อมอยู่ได้อย่างมั่นคง ไม่หนีหาย ไม่ต้องรักษาอีก :b44: :b8:


Kiss

ได้ชื่อว่าศีล เพราะเหตุว่า สังวร
ชื่อว่าสมาธิ เพราะเหตุว่า ไม่ฟุ้งซ่าน
ชื่อว่าปัญญา เพราะเหตุว่า เห็นชอบตามจริง

บางขณะก็มั่นคงบางขณะก็ไม่มั่นคง เพราะเหตุว่ามีปัจจัย จึงเป็นเช่นนั้น


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 13 ส.ค. 2011, 00:48 
 
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 1
สมาชิก ระดับ 1
ลงทะเบียนเมื่อ: 03 ส.ค. 2011, 15:58
โพสต์: 14

สิ่งที่ชื่นชอบ: รู้ก่อนตายไม่เสียดายชาติเกิด (ว.วชิรเมธี)
อายุ: 0
ที่อยู่: กรุงเทพฯ

 ข้อมูลส่วนตัว


อาจเป็นความเคยชินในอดีต ทำบ่อยๆทำเป็นปรจำและมองเห็นเป็นเรื่องปกตินิสัย อาจเป็นเพราะต้องการเอาตัวรอดให้พ้นไปด้วยคำพูด ถ้าคิดจะรักษาสัจจะไม่ยากคับ ก่อนพูดให้คิดและตระหนักให้ดี ว่าควรพูดหรือไม่ควรพูด ทำได้หรือทำไม่ได้ คนโกหกเป็นคนที่ไม่รักษาสัจจะใช่หรือไม่คับ ศีลครบบริสุทธิ์ สัจจะก็จะเป็นเรื่องง่าย ยกเว้นนิสัยส่วนตัวกับความเคยชินครับ พูดช้าๆ ฟังเสียงตัวเองพูดแล้วโสตสติจะมีมาคับ คุณอย่าเป็นกังวลจนเป็นทุกข์ สิ่งที่คุณเป็น ผมก็เป็นอยู่เช่นกันคับ

.....................................................
ธรรมครองใจ ใจบริสุทธิ์ อยู่ณแห่งหนใด ย่อมมีสุขได้เช่นกัน


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 13 ส.ค. 2011, 10:15 
 
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 11 ต.ค. 2010, 12:11
โพสต์: 5019


 ข้อมูลส่วนตัว


FLAME เขียน:
ส่วนตัวเป็นคนรักษาสัจจะไม่ค่อยได้ครับ
เลยขอคำแนะนำอุบายการรักษาสัจจะครับ

ขอความเจริญใจธรรมจงมีแด่ทุกท่าน

:b8:


ไม่ใช่แต่ท่านหรอก จะตัดพ้อไปใย
ท่านลองไปถามคนทุกคนรอบข้าง
แม้แต่ทุกคนในที่นี้
"มีใครรักษาสัจจะใดแม้เพียงสัจจะเดียวได้ มาตลอดชีวิต"
ข้าพเจ้าตอบ ข้าพเจ้าคือหนึ่งที่ยังรักษาสัจจะใด ๆ ไว้ไม่ได้เลย
เมื่อวันหนึ่งแม้แต่สัจจะที่ทำได้ง่ายที่สุดเช่น
การจะรักษาลมหายใจให้เข้าออกเอาไว้ได้ตลอด
ก็ปรากฎว่า สิ่งที่ง่ายที่สุดนั้น ก็เป็นสิ่งยากที่สุด
และเป็นไปไม่ได้เลยที่จะรักษาให้อยู่กับเราไปตลอด

นี่เป็นมุมมองหนึ่งที่ทำให้ข้าพเจ้า คลายจากการกังวลในเรื่องมี ไม่มี สัจจะ
สัจจะ คือ คุณธรรมอันใดที่ระลึกได้ ก็ทำให้ดีที่สุดเท่าที่จะทำได้
ใช้สัจจะเป็นอาวุธ แต่ให้เป็นอาวุธที่ว่างเปล่า
และอาวุธที่ว่างเปล่า จะเปลี่ยนแปลงไปตามความเหมาะสมตามทำเล



:b8: :b8: :b8:


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 13 ส.ค. 2011, 12:53 
 
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 1
สมาชิก ระดับ 1
ลงทะเบียนเมื่อ: 03 ส.ค. 2011, 15:58
โพสต์: 14

สิ่งที่ชื่นชอบ: รู้ก่อนตายไม่เสียดายชาติเกิด (ว.วชิรเมธี)
อายุ: 0
ที่อยู่: กรุงเทพฯ

 ข้อมูลส่วนตัว


"สัจจะ" แปลว่า ความสัตย์ ความซื่อ ถ้าขยายความตามศัพท์แยกได้ 3 ลักษณะคือ มีความจริง ความตรง และความแท้ จริง คือ ไม่เล่น ตรง คือ ความประพฤติทางกาย วาจา ตรงไม่บิดพลิ้ว ไม่บ่ายเบี่ยง แท้ คือ ไม่เหลวไหล ตรงข้ามกับคำว่า อสัจ ซึ่งแปลว่า ไม่จริง บิดพลิ้ว แต่ถ้าในทางปฏิบัติสัจจะ คือ ความรับผิดชอบ หมายความว่า ถ้าจะทำอะไรแล้ว ต้องตั้งใจทำจริง ทำอย่างสุดความสามารถให้เป็นผลสำเร็จ การที่ใครจะสามารถสร้างตัวขึ้นมาได้นั้น ต้องมีสัจจะเป็นพื้นฐาน เพราะคนที่มีสัจจะ เป็นพื้นฐานจะมีความรับผิดชอบต่องานที่ทำทุกอย่าง ไม่ปล่อยผ่านกับสิ่งที่ได้รับมา จะทำทุกสิ่ง ที่มาถึงมืออย่างสุดกำลัง และเต็มความสามารถ

ลักษณะของสัจจะ มีด้วยกัน 5 ประการ คือ
เนื้อหา [ซ่อน]
1 ประการที่ 1 สัจจะต่อความดี
2 ประการที่ 2 สัจจะต่อหน้าที่
3 ประการที่ 3 สัจจะต่อการงาน
4 ประการที่ 4 สัจจะต่อวาจา
5 ประการที่ 5 สัจจะต่อบุคคล


ประการที่ 1 สัจจะต่อความดี
ก็คือ การประพฤติตนเป็นคนเที่ยงแท้ มั่นคงต่อความดีไม่หันเหไปในทางชั่ว ไม่ว่าจะตกอยู่ในสถานการณ์เช่นไร ในทางปฏิบัติ การจะมีสัจจะต่อความดีได้นั้น ต้องคิดให้เห็นถึงคุณความดีได้อย่างแจ่มแจ้ง และเห็นโทษของความชั่วได้ชัดเจน พยายามรักษาความดีในตนไว้ ถ้าเป็นฆราวาสก็ต้องละ กรรมกิเลส 4, อคติ 4, อบายมุข 6 และต้องปรับความเห็นของตนให้ถูก ให้เป็นสัมมาทิฏฐิให้ได้ หากเป็นพระก็ต้องรักษาสิกขาวินัย สืบทอดพระพุทธศาสนา หากเป็นฆราวาส ก็ต้องทำมาหากินตั้งตนให้ได้ สร้างหลักฐานให้กับวงศ์ตระกูล ใครจะอยู่ในหน้าที่อะไรก็ต้องพยายามหาดีของตนให้ได้ หากหาดีนอกทางเสียแล้วก็จะเสียความจริงต่อความดี

ประการที่ 2 สัจจะต่อหน้าที่
คือ การที่ใครก็ตามที่เกิดมาย่อมมีหน้าที่ติดตัวมาด้วยกันทั้งนั้น ดังนั้น จึงควรมีความรับผิดชอบต่อหน้าที่ของตน ใครเป็นสามีก็รับผิดชอบต่อหน้าที่สามี เลี้ยงครอบครัวให้ดี ไม่ปันใจให้หญิงอื่น จริงใจกับภรรยา ใครเป็นภรรยาก็จริงใจต่อหน้าที่ของภรรยา ดูแลการงานในบ้านให้เรียบร้อย ไม่เที่ยวเตร่ ไม่เล่นการพนันเผาผลาญทรัพย์ เป็นลูกก็ต้องมีความรับผิดชอบว่า เราเป็นลูกมีหน้าที่รักษาวงศ์ตระกูลให้ดี ถ้าพ่อแม่แก่เฒ่า ก็ต้องเลี้ยงดูท่าน ทหารก็จริงใจลงไปในหน้าที่ทหาร เป็นตำรวจก็รับผิดชอบต่อหน้าที่ของตำรวจ ไม่ว่าใครจะเป็นอะไร ก็ทุ่มไปกับหน้าที่ของตัวให้เต็มที่ หากทำเช่นนี้ได้จึงเรียกว่า มีความรับผิดชอบต่อหน้าที่

ประการที่ 3 สัจจะต่อการงาน
สัจจะต่อการงาน ก็คือการตั้งสัจจะลงไปในงาน หมายถึงการทำงานนั้นต้องทำจริง ไม่ทำเหยาะๆ แหยะๆ หรือทำเล่นๆ ดังนั้น เมื่อมีหน้าที่แล้วก็ย่อมมีงานตามมา สามีก็มีงานของสามี คืองานหาเลี้ยงครอบครัว เป็นภรรยาก็มีงานของภรรยา เป็นลูกก็มีงานของลูก เป็นพระก็มีงานของพระ จะเป็นอะไรก็มี หน้าที่และมีงานตามมา ยิ่งอายุมาก หน้าที่ก็ยิ่งมากเป็นเงาตามตัว เมื่อหน้าที่มาก งานก็มากด้วยเช่นกัน คนที่ไม่จริงต่อการงาน มีอยู่ 3 ประเภทด้วยกัน คือพวก "ทุจฺจริตํ" คือ พวกที่ทำงานเสีย
มีต่อคับ

.....................................................
ธรรมครองใจ ใจบริสุทธิ์ อยู่ณแห่งหนใด ย่อมมีสุขได้เช่นกัน


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 13 ส.ค. 2011, 12:59 
 
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 1
สมาชิก ระดับ 1
ลงทะเบียนเมื่อ: 03 ส.ค. 2011, 15:58
โพสต์: 14

สิ่งที่ชื่นชอบ: รู้ก่อนตายไม่เสียดายชาติเกิด (ว.วชิรเมธี)
อายุ: 0
ที่อยู่: กรุงเทพฯ

 ข้อมูลส่วนตัว


1. พวก "สิถิลํ" คือ พวกที่ทำงานเหลาะแหละ
2. พวก "อากุลํ" คือ พวกที่ทำงานคั่งค้าง
หากทำอย่างนี้จะเสียสัจจะต่อการงาน วิธีแก้ก็คือ ทำให้ดี ทำให้เคร่งครัด ทำให้เสร็จสิ้น หากทำได้ก็จะกลายเป็นสัจจะต่อการงานอีกประการหนึ่ง เรามักได้ยินคำพังเพยว่า "เรือล่มเมื่อจอด" คำนี้ใช้กับผู้ที่เคยทำดีมาแล้ว แต่ประมาทเมื่อปลายมือ เพราะไม่ตั้งใจทำให้ดีที่สุดหรือทำสักแต่ว่าทำ เพราะฉะนั้น เมื่อทำความดีแล้ว ต้องทำให้ดีพร้อม จนใครๆ ก็ทำให้ดีกว่านี้ไม่ได้อีกแล้ว คือ ต้องทำงานชิ้นนั้นให้สำเร็จให้ได้และให้ดีที่สุด นี่คือความรับผิดชอบของคนที่มีสัจจะต่อการงาน
ประการที่ 4 สัจจะต่อวาจา
สัจจะต่อวาจา คือ จริงต่อวาจา นั่นก็คือคำพูดของเราเอง ไม่ว่าจะเป็นการพูดด้วยปาก หรือการเขียน ตลอดจนการแสดงอาการที่เป็นการปฏิญาณต่อผู้อื่นก็ตาม จัดอยู่ในเรื่องของวาจาได้ สัจจะต่อวาจามีอยู่ด้วยกัน 2 ประเภท คือ
1.พูดอย่างไรทำอย่างนั้น คือ เมื่อพูดออกไปแล้วก็ต้องพยายามทำให้ได้จริงตามที่พูด
ทำอย่างไรพูดอย่างนั้น คือ การพูดคำจริง เมื่อเราทำอะไรลงไปก็พูดไปตามนั้น การกระทำต้องตรงกับคำพูดของตัวเองเสมอ
2.ทำอย่างไรพูดอย่างนั้น คือ การพูดคำจริง เมื่อเราทำอะไรลงไปก็พูดไปตามนั้น การกระทำต้องตรงกับคำพูดของตัวเองเสมอ
. ประการที่ 5 สัจจะต่อบุคคล
สัจจะต่อบุคคล คือ ต้องจริงต่อบุคคล ในที่นี้คือบุคคลที่เกี่ยวข้องกับตัวเราจริงต่อบุคคลนั้น หมายถึง การเป็นผู้ที่ประพฤติต่อคนอื่นอย่างสม่ำเสมอ ไม่กลับกลอก และความจริงต่อบุคคลจะเกิดขึ้นได้นั้น ต้องอาศัยความจริงใจต่อกัน ถ้าเราอยากให้คนอื่นเขาจริงใจต่อเรา เราก็ต้องให้ความจริงกับเขาด้วย
คนเรามักชอบบ่นว่า "ผมน่ะไม่มีเพื่อนจริงสักคน" ความจริงแล้ว ตัวเองต่างหากที่ไม่จริงกับเขาก่อน แล้วเขาจะมาจริงใจกับเราได้อย่างไร เวลาคบกับใครก็บอกเขาว่า "มีธุระเดือดร้อนอะไรละก็ บอกนะ จะช่วยเต็มที่" แต่พอเขาจะมาพึ่งพาให้ช่วยเหลือ กลับบิดพลิ้ว สารพัดจะหาเหตุผลมาอ้าง มาแก้ตัว อย่างนี้ก็ไม่มีใครเขาจริงใจด้วย ขอฝากเป็นข้อคิดไว้ คือ ถ้ารักจะคบเป็นเพื่อนกันตลอดไป อย่าเล่นแชร์เล่นไพ่กับเพื่อน เพราะสองอย่างนี้พอเล่นจะเอาผลประโยชน์กัน แล้วจะมีความจริงใจต่อกันได้อย่างไร เพื่อนกัน มีอะไรต้องช่วยเหลือจุนเจือกัน เพื่อนติดขัดเรื่องเงินเรื่องทอง ก็ตัดเงินส่วนที่ไม่ทำให้ตัวเองเดือดร้อนให้ไปเลย ไม่ต้องไปคิดเรื่องดอกเบี้ย จะคิดถูกคิดแพงก็ถือว่าไม่จริงใจต่อกันทั้งนั้นหรือเป็นตำรวจ จับผู้ต้องหาได้ด้วยความเหนื่อยยาก ก็อย่าไปแก้แค้นด้วยการซ้อมคนไม่มีทางสู้ มีหน้าที่สอบสวน เจอผู้ร้ายปากแข็งชักช้าอย่างไรก็ต้องทน ต้องพยายามใช้ปัญญา อย่าใช้วิธีทารุณบีบคั้นให้เขารับสารภาพ ต้องนึกถึงคุณธรรมความดีให้มาก
สรุปความได้ว่า คนที่มีสัจจะคือคนที่ทำอะไรทุ่มสุดตัว จะทำงานชิ้นใดก็ทุ่มทำให้ดีที่สุด คบใครก็คบกันจริงๆ ไม่ใช่ต่อหน้าสรรเสริญ ลับหลังนินทา ถ้าจะคบก็คือคบ ถ้าไม่คบก็ตัดบัญชี กันไปเลย ฝึกทุ่มหมดตัวอย่างนี้ ไม่ช้าก็จะได้เหมือนพระสัมมาสัมพุทธเจ้าของเรา วันที่พระสัมมาสัมพุทธเจ้าตรัสรู้ พอนั่งสมาธิคู้บัลลังก์แล้ว ก็ทรงตั้งสัจจะอธิษฐานทุ่มชีวิตเลยว่า แม้เลือดเนื้อในร่างกายจะแห้งเหือดหายไป เหลือแต่หนัง เอ็นกระดูก ก็ตามที หากยังไม่บรรลุสัมมาสัมโพธิญาณแล้ว เราจะไม่ยอมลุกขึ้นเป็นอันขาด พระบรมศาสดาของเรา ทุ่มสุดตัวอย่างนี้ เราเป็นลูกศิษย์ท่านต้องทำตาม
:b8: เห็นสมควรอย่างไรลองพิจารณาดูคับ tongue

.....................................................
ธรรมครองใจ ใจบริสุทธิ์ อยู่ณแห่งหนใด ย่อมมีสุขได้เช่นกัน


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 13 ส.ค. 2011, 19:02 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 25 ก.พ. 2011, 19:56
โพสต์: 1798


 ข้อมูลส่วนตัว


ลีลาวดีสีชมพู เขียน:
อาจเป็นความเคยชินในอดีต ทำบ่อยๆทำเป็นปรจำและมองเห็นเป็นเรื่องปกตินิสัย อาจเป็นเพราะต้องการเอาตัวรอดให้พ้นไปด้วยคำพูด ถ้าคิดจะรักษาสัจจะไม่ยากคับ ก่อนพูดให้คิดและตระหนักให้ดี ว่าควรพูดหรือไม่ควรพูด ทำได้หรือทำไม่ได้ คนโกหกเป็นคนที่ไม่รักษาสัจจะใช่หรือไม่คับ ศีลครบบริสุทธิ์ สัจจะก็จะเป็นเรื่องง่าย ยกเว้นนิสัยส่วนตัวกับความเคยชินครับ พูดช้าๆ ฟังเสียงตัวเองพูดแล้วโสตสติจะมีมาคับ คุณอย่าเป็นกังวลจนเป็นทุกข์ สิ่งที่คุณเป็น ผมก็เป็นอยู่เช่นกันคับ



กลายเป็นว่าผมถูกมองเป็นคนโกหกจนเป็นนิสัยไป

พุทโธ ธัมโม สังโฆ
onion onion onion


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 13 ส.ค. 2011, 19:08 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 25 ก.พ. 2011, 19:56
โพสต์: 1798


 ข้อมูลส่วนตัว


ขณะจิต เขียน:
FLAME เขียน:
ขณะจิต เขียน:
FLAME เขียน:
ส่วนตัวเป็นคนรักษาสัจจะไม่ค่อยได้ครับ
เลยขอคำแนะนำอุบายการรักษาสัจจะครับ

ขอความเจริญใจธรรมจงมีแด่ทุกท่าน

:b8:


:b12: ก็ไม่ต้องตั้งสัจจะซิ แต่ทำอะไรตามเหตุผลอันสมควรแก่การกระทำในปัจจุบันธรรม เพราะการตั้งสัจจะเป็นการคิดปรุงแต่งถึงสิ่งที่ยังไม่มาในอนาคตเป็นของหลอกๆ :b8: :b8: :b8:


ใช่ครับถ้าไม่ตั้งสัจจะ ก็ไม่มีทางเลยที่จะผิดได้
แต่การตั้งสัจจะถ้ากระทำถูกก็ให้ผลดีนะครับ


:b1: สำหรับผมเห็นว่าการตั้งจิตไว้ถูกกับการตั้งสัจจะนั้นผิดกัน การตั้งจิตไว้ถูกนั้น เป็นธรรม เป็นสัมมาทิฐิ เป็นการตั้งใจคิดดี พูดดี ทำดีอยู่ตลอดเวลา ผลย่อมออกมาดี อย่างแน่นอน
:b20: ส่วนการตั้งสัจจะ(การสัญากับตนเองและผู้อื่น)นั้น เป็นการคิดเอาบนความไม่แน่นอนของโลกไปนี้ เช่นการสัญญาว่าจะไปกินข้าวกับแฟน แต่ความเป็นจริงในโลกมีเหตุ(ธรรม)ที่นอกเหนือการควบคุมมากมาย ฝนตก รถติด งานยุ่ง อุบัติเหตุฯ เป็นการบีบรัดตนเอง และสร้างความคิดปรุงแต่งกับผู้อื่น(ในกรณีที่สัญญากับเขาไว้) ดังนั้นการตั้งจิตไว้กับธรรม คิดดี พูดดี ทำดี กับปัจจุบันขณะตลอดเวลา จึงสามารถสร้างชีวิตที่ดีตลอดเวลาโดยไม่ถูกบีบรัด อยู่อย่างอ่อนโยน เคลื่อนไหว เย็น ตามกระแสโลก เหมือนสายน้ำไม่ว่าอยู่ในรูปภาชนะใด ก็ยังคงเป็นน้ำอยู่เสมอ :b16:


อยู่อย่างอ่อนโยน และสงบเย็น ดั่งสายน้ำ คิดดี พูดดี ทำดี เป็นสิ่งที่งดงาม อนุโมทนาครับ
แต่ถ้าอยู่อย่างตามกระแสโลก ก็เป็นทุกข์เท่านั้นเอง


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 13 ส.ค. 2011, 19:38 
 
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 25 เม.ย. 2009, 02:43
โพสต์: 12232


 ข้อมูลส่วนตัว


:b1: :b1: :b1:


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 13 ส.ค. 2011, 23:44 
 
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 1
สมาชิก ระดับ 1
ลงทะเบียนเมื่อ: 03 ส.ค. 2011, 15:58
โพสต์: 14

สิ่งที่ชื่นชอบ: รู้ก่อนตายไม่เสียดายชาติเกิด (ว.วชิรเมธี)
อายุ: 0
ที่อยู่: กรุงเทพฯ

 ข้อมูลส่วนตัว


FLAME เขียน:
ลีลาวดีสีชมพู เขียน:
อาจเป็นความเคยชินในอดีต ทำบ่อยๆทำเป็นปรจำและมองเห็นเป็นเรื่องปกตินิสัย อาจเป็นเพราะต้องการเอาตัวรอดให้พ้นไปด้วยคำพูด ถ้าคิดจะรักษาสัจจะไม่ยากคับ ก่อนพูดให้คิดและตระหนักให้ดี ว่าควรพูดหรือไม่ควรพูด ทำได้หรือทำไม่ได้ คนโกหกเป็นคนที่ไม่รักษาสัจจะใช่หรือไม่คับ ศีลครบบริสุทธิ์ สัจจะก็จะเป็นเรื่องง่าย ยกเว้นนิสัยส่วนตัวกับความเคยชินครับ พูดช้าๆ ฟังเสียงตัวเองพูดแล้วโสตสติจะมีมาคับ คุณอย่าเป็นกังวลจนเป็นทุกข์ สิ่งที่คุณเป็น ผมก็เป็นอยู่เช่นกันคับ



กลายเป็นว่าผมถูกมองเป็นคนโกหกจนเป็นนิสัยไป

พุทโธ ธัมโม สังโฆ
onion onion onion

grin ป่าวว่า..โกหกจนเป็นนิสัยไป.แค่อาจจะ..ยกตัวอย่าง..ไม่ใช่ก็คือไม่ใช่..ความน่าจะเป็น.หรืออาจไม่เป็นก็ได้..ขอโทษ :b41: :b15:


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 14 ส.ค. 2011, 01:56 
 
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 25 เม.ย. 2009, 02:43
โพสต์: 12232


 ข้อมูลส่วนตัว


:b12: :b12:


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 14 ส.ค. 2011, 15:32 
 
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 11 ต.ค. 2010, 12:11
โพสต์: 5019


 ข้อมูลส่วนตัว


กบนอกกะลา เขียน:
:b12: :b12:



:b13: :b13: :b13:

หะหะ เห็นท่านมาลอยหน้า ขำอยู่เงียบ ๆ แล้ว ขำว่ะ

:b18: :b18: :b18:

ถ้าท่านรู้ไส้รู้พุงใคร ช่วยไปทำความเข้าใจกับพวกจิตป่วยทีเถอะ
เพราะชื่อท่านก็ดูจะไปปั้นจิ้มปั้นเจ่อไปทั่ว อิอิ
น่าจะรู้ตื่นลึกหนาบางของแต่ละคู่กรณีดีกว่าผมนะ

:b32: :b32: :b32:

ฮ่า ฮ่า ฮ่า

หรือไม่เช่นนั้นก็ช่วยไปเป่าหูผู้ควบคุมบอร์ดให้ยึดทรัพย์ชื่อนี้ทีเถอะ
ประมาณแค้นฝังหุ่นบ้าบอคอแตกที่นัวเนียกันมาเอง
ที่จบกันไม่เคยลง จะได้มาจบที่ข้าพเจ้าเพียงตัวเดียวไปซะเลย
ทั้ง ๆ ที่ไอ้นั่นมันก็อยู่ตรงนั้น ก็เห็นอยู่ทนโท่
มัวแต่มานั่งตีวัวกระทบคราดกันอยู่ได้ จำเริญชิ้เป๋ง
อยากจะรู้เหมือนกัน ถ้าคิดว่าทำแล้วมันจะจบกันได้ หัวข้าพเจ้าก็คุ้มวะ

อิอิ

ขอเถอะ ท่านอ๊บซ์
ท่านเหน๋อหน้าไปทั่วยิ่งกว่าข้าพเจ้า
ท่านก็น่าจะเป็นนอมินีของใครอยู่บ้างล่ะ
ช่วยไปกราบเรียนท่านผู้ควบคุมเว็บที
ช่วยมายึดทรัพย์สินอันนี้ทีเถิด
แล้วเสียบประจานไปทุกนอมินี่

ไอ้ที่นั่ว ๆ กันมาทั้งหมด ตูชั่วตัวเดียว โอเจย์มั๊ย

อิอิ ยัง ยังไม่จบ

ไอ้ประเภท โดนพ่อต่อย ก็ไประบายต่อที่ลูกมัน หลานมัน
ญาติมัน คนขับรถมัน คนขายบ๊ะจ่างให้มัน น่ะ
นั่นคือ เรื่องราวของชนกลุ่มไหนข้าพเจ้าไม่รู้
ข้าพเจ้ารู้แต่ว่า ตูโดนลูกหลงบ่อยแล้วว่ะ
แต่ก็ไม่เคยคิดที่จะตีใครต่อ
เพราะมันเป็นกรรมของข้าพเจ้าเอง
ที่ดันมีสหายเป็นพวกประเภทสิบเอ็ดเดนตาย
(ไม่รู้ไปปักใจผูกรักกันมาแต่ชาติปางไหน)

นี่คือ คุณธรรมที่ข้าพเจ้าเห็นมันอยู่ในใจ
ข้าพเจ้ายอมที่จะให้ฆ่าเสียดีกว่า ที่ทำอย่างนั้น ขอบอก

สัจจะ ไง รักษาไม่ยากหรอก จริงมั๊ย

:b16: :b16: :b16:

:b48: :b46: :b48: :b46: :b48:



แก้ไขล่าสุดโดย eragon_joe เมื่อ 14 ส.ค. 2011, 17:17, แก้ไขแล้ว 1 ครั้ง

โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 14 ส.ค. 2011, 17:07 
 
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 11 ต.ค. 2010, 12:11
โพสต์: 5019


 ข้อมูลส่วนตัว


:b14: :b14:

:b10: :b10: :b10:

เกิดอะไรขึ้น หว๋า

:b8: :b8: :b8:

นี่เอกอนกะลัง วีนแตกเหร๋อนี่ อิอิ

:b13: :b13: :b13:

อิอิ ดีเหมือนกัล ผายลมออกซะบ้าง
ท่านอ๊บซ์จะได้รู้ว่า เอกอนก็ตดเหม็น อิอิ
ธรรมชาติของอาการอาหารเป็น พิ๊ซซซซซ :b3: :b3:

ปู๊ดดดด...ปีดดดด...ปิ๊ด...ปิ๊ด...

:b15: :b15: :b15:


แสดงโพสต์จาก:  เรียงตาม  
กลับไปยังกระทู้  [ 34 โพสต์ ]  ไปที่หน้า ย้อนกลับ  1, 2, 3  ต่อไป

เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง


 ผู้ใช้งานขณะนี้

่กำลังดูบอร์ดนี้: ไม่มีสมาชิก และ บุคคลทั่วไป 1 ท่าน


ท่าน ไม่สามารถ โพสต์กระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ตอบกระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แก้ไขโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ลบโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แนบไฟล์ในบอร์ดนี้ได้

ค้นหาสำหรับ:
ไปที่:  
Google
ทั่วไป เว็บธรรมจักร


cron