วันเวลาปัจจุบัน 19 ก.ค. 2025, 11:00  



เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง




กลับไปยังกระทู้  [ 28 โพสต์ ]  ไปที่หน้า ย้อนกลับ  1, 2  Bookmark and Share
เจ้าของ ข้อความ
โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 30 พ.ย. 2012, 17:10 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 ต.ค. 2006, 12:36
โพสต์: 33766

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


โฮฮับ เขียน:
กรัชกาย เขียน:
อะไรของมันเนี่ย การรู้กาย จะรู้ได้ด้วยรูป เมื่อกายเป็นรูป รูปก็คือนาม :b9:

"รูปก็คือนาม" พี่โฮเอ้ย ง่ายๆพื้นๆ ยังบ้าได้ขนาดนี้ มันเลยมิจฉาทิฐิ เข้าสู่ขั้นวิปริตแล้วเนี่ย :b1:

จะนำที่ท่านจำแนกชีวิตโดยความเป็นขันธ์ให้ดู

๑. รูปขันธ์
๒.เวทนาขันธ์
๓. สัญญาขันธ์
๔.สังขารขันธ์
๕.วิญญาณขันธ์

ข้อ ๑ เป็นรูป
ข้อ ๒-๕ เป็นนาม

แต่พี่โฮดันว่า รูปก็คือนาม
ทานจำแนกชีวิตโดยความเป็นรูป-นามยังงี้ ยังดันคิดไปไหนต่อไหน ปลง...พุทโธ ธัมโม สังโฆ

เขาพูด วิชชาให้ฟัง กรัชกายก็งมโข่งอยู่กับอวิชาอยู่นั้นแหล่ะ

ชีวิตที่กรัชกายบอก มันเป็นเรื่องของปุถชนที่ยังมีกิเลส ยึดมั่นถือมั่นในกาย
ยึดกายเป็นตัวเป็นตน จนเกิดการปรุงแต่งเป็น อุปาทานขันธ์ห้า

ขันธ์ห้าเป็นสังขารเกิดขึ้น ตั้งอยู่และดับไป รูปขันธ์ก็เป็นหนึ่งในขันธ์ห้า
รูปขันธฺเกิดขึ้นตั้งอยู่และดับไปเหมือนกัน

รูปขันธ์เกิดจาก การที่จิตไปรู้กาย จนเกิดเป็นรูปขึ้นแล้วจิตก็เข้าไปยึดไปปรุงแต่ง
จนเป็นรูปขันธ์


ไปเอาความคิดนี้มาจากไหน บอกหน่อยนายโฮ

ที่ท่านจำแนกชีวิตโดยความเป็นขันธ์ อายตนะ ธาตุ อินทรีย์ ก็เพื่อให้เห็นว่า ชีวิตนี้ว่าโดยปรมัตถ์แล้ว มันเป็นเพียง ขันธ์ เป็นต้น เป็นแต่สภาวธรรม ไม่ใช่สัตว์ บุคคล ตัวตน เราเขา ฯลฯ

http://fws.cc/whatisnippana/index.php?t ... n#msg16853

.....................................................
https://dhammachati.blogspot.com/


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 30 พ.ย. 2012, 17:36 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 ต.ค. 2006, 12:36
โพสต์: 33766

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


ดูคาถานี้ประกอบ



“อาศัยเครื่องไม้ เถาเชือก ดินฉาบ และหญ้ามุง มีช่องว่างแวดล้อม ย่อมเรียกว่า เป็นเรือน ฉันใด อาศัยกระดูก เส้นเอ็น เนื้อ หนัง มีช่องว่างแวดล้อม ย่อมเรียกกันว่า เป็นตัวคน (รูป) ฉันนั้น”


มารถามพระวชิราภิกษุณีว่า

“สัตว์นี้ (ตัวบุคคลนี้) ใครสร้าง ผู้สร้างสัตว์อยู่ที่ไหน สัตว์เกิดที่ไหน สัตว์ดับที่ไหน?

วชิราภิกษุณีตอบว่า

“นี่แน่ะมาร ท่านเชื่อหรือว่าเป็นสัตว์ (เป็นตัวบุคคล) ท่านมีความเห็น (อย่างนั้น) หรือ ? นี่คือกองแห่งสังขารล้วนๆ จะหาตัวสัตว์ในนี้ไมได้เลย เพราะประชุมส่วนประกอบเข้าด้วยกัน ย่อมมีศัพท์เรียกว่า รถ ฉันใด เมื่อขันธ์ (กองแห่งรูปธรรมและนามธรรม) ทั้งหลายมีอยู่ ก็มีสมมติเรียกว่าสัตว์ ฉันนั้น แท้จริงทุกข์ (สภาพไม่คงตัว) เท่านั้นเกิดมี และทุกข์ก็ตั้งอยู่และเสื่อมสลายไป นอกจากทุกข์ (สภาพไม่คงตัว) ไม่มีอะไรเกิด นอกจากทุกข์ ไม่มีอะไรดับ”

พระเสลาภิกษุณีตอบว่า

“ร่างนี้ ไม่มีใครสร้าง ตัวนี้ไม่มีใครบันดาล อาศัยเหตุมันก็เกิดมี เพราะเหตุสลายมันก็ดับ เม็ดพืชอย่างใดอย่างหนึ่งที่เขาหว่านในนา อาศัยรสในแผ่นดิน และยางในเมล็ดพืชทั้งสออย่างนี้ ก็ย่อมงอกงามขึ้นได้ ฉันใด ฉันนั้นเหมือนกัน ประดาขันธ์ ธาตุทั้งหลาย และอายตนะทั้ง ๖ เหล่านี้ อาศัยเหตุย่อมเกิดมี เพราะเหตุสลาย ก็ย่อมดับไป”

.....................................................
https://dhammachati.blogspot.com/


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 30 พ.ย. 2012, 17:39 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 ต.ค. 2006, 12:36
โพสต์: 33766

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


เน้นในแง่ปฏิบัติ คือ ความรู้เท่าทันสมมติ และเข้าใจปรมัตถ์ แล้วรู้จักใช้ภาษา เป็นเครื่องสื่อความหมาย โดยไม่ยึดติดในสมมติเป็นทาสของภาษา สามารถยกบาลี ที่เป็นพุทธพจน์มาอ้างได้อีกหลายแห่ง เช่น

“ภิกษุผู้เป็นอรหันตขีณาสพ...จะพึงกล่าวว่า ฉันพูด ดังนี้ก็ดี เขาพูดกับฉัน ดังนี้ก็ดี เธอเป็นผู้ฉลาด รู้ถ้อยคำที่เขาพูดกันในโลก ก็พึงกล่าวไปตามโวหารเท่านั้น”

“เหล่านี้เป็นโลกสมัญญา เป็นโลกนิรุติ เป็นโลกโวหาร เป็นโลกบัญญัติ ซึ่งตถาคตใช้พูดจา แต่ไม่ยึดติด”


พระอรรถกถาจารย์บรรยายลักษณะของพระสูตร (สุตตันตปิฎก) ว่าเป็น โวหารเทศนา เพราะเนื้อหาส่วนมากแสดงโดยโวหาร คือ ใช้ภาษาสมมติ
ส่วนพระอภิธรรมเป็น ปรมัตถเทศนา เพราะเนื้อหาส่วนมากแสดงโดยปรมัตถ์ คือ กล่าวตามสภาวะแท้ๆ

.....................................................
https://dhammachati.blogspot.com/


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 01 ธ.ค. 2012, 02:33 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 13 ก.พ. 2010, 17:53
โพสต์: 4999

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


กรัชกาย เขียน:
โฮฮับ เขียน:
กรัชกาย เขียน:
อะไรของมันเนี่ย การรู้กาย จะรู้ได้ด้วยรูป เมื่อกายเป็นรูป รูปก็คือนาม :b9:

"รูปก็คือนาม" พี่โฮเอ้ย ง่ายๆพื้นๆ ยังบ้าได้ขนาดนี้ มันเลยมิจฉาทิฐิ เข้าสู่ขั้นวิปริตแล้วเนี่ย :b1:

จะนำที่ท่านจำแนกชีวิตโดยความเป็นขันธ์ให้ดู

๑. รูปขันธ์
๒.เวทนาขันธ์
๓. สัญญาขันธ์
๔.สังขารขันธ์
๕.วิญญาณขันธ์

ข้อ ๑ เป็นรูป
ข้อ ๒-๕ เป็นนาม

แต่พี่โฮดันว่า รูปก็คือนาม
ทานจำแนกชีวิตโดยความเป็นรูป-นามยังงี้ ยังดันคิดไปไหนต่อไหน ปลง...พุทโธ ธัมโม สังโฆ

เขาพูด วิชชาให้ฟัง กรัชกายก็งมโข่งอยู่กับอวิชาอยู่นั้นแหล่ะ

ชีวิตที่กรัชกายบอก มันเป็นเรื่องของปุถชนที่ยังมีกิเลส ยึดมั่นถือมั่นในกาย
ยึดกายเป็นตัวเป็นตน จนเกิดการปรุงแต่งเป็น อุปาทานขันธ์ห้า

ขันธ์ห้าเป็นสังขารเกิดขึ้น ตั้งอยู่และดับไป รูปขันธ์ก็เป็นหนึ่งในขันธ์ห้า
รูปขันธฺเกิดขึ้นตั้งอยู่และดับไปเหมือนกัน

รูปขันธ์เกิดจาก การที่จิตไปรู้กาย จนเกิดเป็นรูปขึ้นแล้วจิตก็เข้าไปยึดไปปรุงแต่ง
จนเป็นรูปขันธ์


ไปเอาความคิดนี้มาจากไหน บอกหน่อยนายโฮ

ที่ท่านจำแนกชีวิตโดยความเป็นขันธ์ อายตนะ ธาตุ อินทรีย์ ก็เพื่อให้เห็นว่า ชีวิตนี้ว่าโดยปรมัตถ์แล้ว
มันเป็นเพียง ขันธ์ เป็นต้น เป็นแต่สภาวธรรม ไม่ใช่สัตว์ บุคคล ตัวตน เราเขา ฯลฯ

กรัชกายนี่มันไม่มีสมาธิในการอ่านธรรมเอาเสียเลย บอกแล้วว่า เอาวิชชามาให้อ่าน
ยังตะแบงเอา อวิชชามาอ้างอีกแน่ะ

ไอ้ที่กรัชกายกำลังแสดงความเห็นอยู่น่ะ พระพุทธองค์ทรงชี้เหตุให้ดูแล้วให้ละ
ปัญญาจะเกิดได้ด้วยการละสิ่งที่กรัชกายบอก ไม่ใช่ไปยึดเอาไว้แบบกรัชกาย
แบบกรัชกายเขาเรียก ความไม่รู้เป็นอวิชา แต่กรัชกายเข้าใจว่าเป็นปัญญา

หลักการสอนของพระพุทธเจ้า พระองค์ทรงสอนด้วยหลักสามประการ
ดี ชั่ว เป็นกลาง(ไม่ดีไม่ชั่ว) กุศล อกุศลและเป็นกลาง พระพุทธองค์สอนหมด
เพื่อให้รู้แล้วละมันเสียเหลือไว้แต่ความเป็นกลาง


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 01 ธ.ค. 2012, 02:44 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 13 ก.พ. 2010, 17:53
โพสต์: 4999

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


กรัชกาย เขียน:
ดูคาถานี้ประกอบ
“อาศัยเครื่องไม้ เถาเชือก ดินฉาบ และหญ้ามุง มีช่องว่างแวดล้อม ย่อมเรียกว่า เป็นเรือน ฉันใด อาศัยกระดูก เส้นเอ็น เนื้อ หนัง มีช่องว่างแวดล้อม ย่อมเรียกกันว่า เป็นตัวคน (รูป) ฉันนั้น”


มารถามพระวชิราภิกษุณีว่า

“สัตว์นี้ (ตัวบุคคลนี้) ใครสร้าง ผู้สร้างสัตว์อยู่ที่ไหน สัตว์เกิดที่ไหน สัตว์ดับที่ไหน?

วชิราภิกษุณีตอบว่า

“นี่แน่ะมาร ท่านเชื่อหรือว่าเป็นสัตว์ (เป็นตัวบุคคล) ท่านมีความเห็น (อย่างนั้น) หรือ ? นี่คือกองแห่งสังขารล้วนๆ จะหาตัวสัตว์ในนี้ไมได้เลย เพราะประชุมส่วนประกอบเข้าด้วยกัน ย่อมมีศัพท์เรียกว่า รถ ฉันใด เมื่อขันธ์ (กองแห่งรูปธรรมและนามธรรม) ทั้งหลายมีอยู่ ก็มีสมมติเรียกว่าสัตว์ ฉันนั้น แท้จริงทุกข์ (สภาพไม่คงตัว) เท่านั้นเกิดมี และทุกข์ก็ตั้งอยู่และเสื่อมสลายไป นอกจากทุกข์ (สภาพไม่คงตัว) ไม่มีอะไรเกิด นอกจากทุกข์ ไม่มีอะไรดับ”

พระเสลาภิกษุณีตอบว่า

“ร่างนี้ ไม่มีใครสร้าง ตัวนี้ไม่มีใครบันดาล อาศัยเหตุมันก็เกิดมี เพราะเหตุสลายมันก็ดับ เม็ดพืชอย่างใดอย่างหนึ่งที่เขาหว่านในนา อาศัยรสในแผ่นดิน และยางในเมล็ดพืชทั้งสออย่างนี้ ก็ย่อมงอกงามขึ้นได้ ฉันใด ฉันนั้นเหมือนกัน ประดาขันธ์ ธาตุทั้งหลาย และอายตนะทั้ง ๖ เหล่านี้ อาศัยเหตุย่อมเกิดมี เพราะเหตุสลาย ก็ย่อมดับไป”

เละแล้วกรัชกาย เอาอะไรมาอ้างมันคนละเรื่อง
จะแนะนำให้ กรัชกายต้องไปหาเหตุผลมาแย้งเรา ในกรณีที่เราว่า....รูปขันธ์เป็นนาม
ไม่ใช้มาแกล้งตีหน้ามึนมั่วแบบนี้

กรัชกายอ้างพระสูตรแบบไม่รู้เรื่อง อ้างทั้งๆที่พระสูตรนั้นกำลังอธิบายว่า
สิ่งที่กรัชกายกำลังหลงอยู่ เราไม่ควรไปยึด กรัชกายศึกษาธรรมสะเปะสปะแบบนี้
เมื่อไรจะรู้ความหว่า :b32:


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 01 ธ.ค. 2012, 09:02 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 ต.ค. 2006, 12:36
โพสต์: 33766

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว




charl-2012-11-03-1351941215-1964042831263925211.gif
charl-2012-11-03-1351941215-1964042831263925211.gif [ 18.27 KiB | เปิดดู 3122 ครั้ง ]
โฮฮับ เขียน:

จะแนะนำให้ กรัชกายต้องไปหาเหตุผลมาแย้งเรา ในกรณีที่เราว่า....รูปขันธ์เป็นนาม
ไม่ใช้มาแกล้งตีหน้ามึนมั่วแบบนี้


อ้างคำพูด:
รูปขันธ์เป็นนาม


รูปขันธ์มันเป็นรูปขันธ์ นามขันธ์ ก็เป็นนามขันธ์

แต่เจ้าลัทธิโฮ มาพูดว่า รูปขันธ์เป็นนาม กร๊ากๆๆๆ :b32:

ถึงได้บอกชาวพุทธในประเทศนี้ว่า ถ้ามีความคิดความเข้าใจชีวิตอย่างโฮฮับแล้วละก็ อย่า อย่าปฏิบัติกัมมัฏฐานเป็นอันขาด จะบ้าไม่รู้ตัว พูดเป็นครั้งที่สอง
"รูปขันธ์เป็นนาม" เจริญพวงล่ะทีเนี่ย :b1:

.....................................................
https://dhammachati.blogspot.com/
โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 01 ธ.ค. 2012, 09:27 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 ต.ค. 2006, 12:36
โพสต์: 33766

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


นายโฮ เห็นพูด กัมมัฏฐาน ๆๆๆๆๆๆๆๆๆ อะไรกรรมฐานที่นายโฮพูดถึงเล่าให้ฟังหน่อยสิ อ้อ..เอากรรมฐานแบบพุทธธรรมนะ อย่าไปเอากรรมฐานแบบของอสุรกายมาล่ะ :b32:

.....................................................
https://dhammachati.blogspot.com/


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 01 ธ.ค. 2012, 10:40 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 13 ก.พ. 2010, 17:53
โพสต์: 4999

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


กรัชกาย เขียน:
โฮฮับ เขียน:

จะแนะนำให้ กรัชกายต้องไปหาเหตุผลมาแย้งเรา ในกรณีที่เราว่า....รูปขันธ์เป็นนาม
ไม่ใช้มาแกล้งตีหน้ามึนมั่วแบบนี้


อ้างคำพูด:
รูปขันธ์เป็นนาม


รูปขันธ์มันเป็นรูปขันธ์ นามขันธ์ ก็เป็นนามขันธ์

แต่เจ้าลัทธิโฮ มาพูดว่า รูปขันธ์เป็นนาม กร๊ากๆๆๆ :b32:

ถึงได้บอกชาวพุทธในประเทศนี้ว่า ถ้ามีความคิดความเข้าใจชีวิตอย่างโฮฮับแล้วละก็ อย่า อย่าปฏิบัติกัมมัฏฐานเป็นอันขาด จะบ้าไม่รู้ตัว พูดเป็นครั้งที่สอง
"รูปขันธ์เป็นนาม" เจริญพวงล่ะทีเนี่ย :b1:

ถามหน่อยเด่ะ ในช่วงเวลา๔๕ปีหลังจากที่พระองค์ตรัสรู้ ท่านไม่มีการปรุงขันธ์แล้วใช่มั้ย
แสดงว่าไม่มีขันธ์ห้าแล้วใช่มั้ย

ถามหน่อยร่างกายที่ปราศจากการปรุงแต่งของพระพุทธเจ้า ยังเรียก รูปขันธ์อีกหรือ
งมโข่งจริงๆเลย :b13:
กรัชกาย เขียน:
นายโฮ เห็นพูด กัมมัฏฐาน ๆๆๆๆๆๆๆๆๆ อะไรกรรมฐานที่นายโฮพูดถึงเล่าให้ฟังหน่อยสิ อ้อ..เอากรรมฐานแบบพุทธธรรมนะ อย่าไปเอากรรมฐานแบบของอสุรกายมาล่ะ :b32:


อยากรู้ไปถามอิตาฝึกจิตโน้นไป ขานั้นเขาชอบอยู่แล้วเรื่องคำศัพท์น่ะ :b32:


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 01 ธ.ค. 2012, 12:10 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 ต.ค. 2006, 12:36
โพสต์: 33766

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


โฮฮับ เขียน:
กรัชกาย เขียน:
โฮฮับ เขียน:

จะแนะนำให้ กรัชกายต้องไปหาเหตุผลมาแย้งเรา ในกรณีที่เราว่า....รูปขันธ์เป็นนาม
ไม่ใช้มาแกล้งตีหน้ามึนมั่วแบบนี้


อ้างคำพูด:
รูปขันธ์เป็นนาม


รูปขันธ์มันเป็นรูปขันธ์ นามขันธ์ ก็เป็นนามขันธ์

แต่เจ้าลัทธิโฮ มาพูดว่า รูปขันธ์เป็นนาม กร๊ากๆๆๆ :b32:

ถึงได้บอกชาวพุทธในประเทศนี้ว่า ถ้ามีความคิดความเข้าใจชีวิตอย่างโฮฮับแล้วละก็ อย่า อย่าปฏิบัติกัมมัฏฐานเป็นอันขาด จะบ้าไม่รู้ตัว พูดเป็นครั้งที่สอง
"รูปขันธ์เป็นนาม" เจริญพวงล่ะทีเนี่ย :b1:

ถามหน่อยเด่ะ ในช่วงเวลา๔๕ปีหลังจากที่พระองค์ตรัสรู้ ท่านไม่มีการปรุงขันธ์แล้วใช่มั้ย
แสดงว่าไม่มีขันธ์ห้าแล้วใช่มั้ย

ถามหน่อยร่างกายที่ปราศจากการปรุงแต่งของพระพุทธเจ้า ยังเรียก รูปขันธ์อีกหรือ
งมโข่งจริงๆเลย :b13:
กรัชกาย เขียน:
นายโฮ เห็นพูด กัมมัฏฐาน ๆๆๆๆๆๆๆๆๆ อะไรกรรมฐานที่นายโฮพูดถึงเล่าให้ฟังหน่อยสิ อ้อ..เอากรรมฐานแบบพุทธธรรมนะ อย่าไปเอากรรมฐานแบบของอสุรกายมาล่ะ :b32:


อยากรู้ไปถามอิตาฝึกจิตโน้นไป ขานั้นเขาชอบอยู่แล้วเรื่องคำศัพท์น่ะ



โฮฮัยเอ้ย ยิ่งพูดมากยิงเห็นความเลอะเทอะเละเท๊ะ ไม่มีพื้นฐานของพุทธธรรมเลยแม้แต่น้อย :b5: ไม่รู้จะร้องเพลงอะไรมันตันไปหมด :b24:

นอกจากเพลงนี้

http://www.youtube.com/watch?v=EOKbPDP7ak8

.....................................................
https://dhammachati.blogspot.com/


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 02 ธ.ค. 2012, 01:13 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 13 ก.พ. 2010, 17:53
โพสต์: 4999

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


student เขียน:
รู้กายในกาย หมายถึง การรับรู้สภาวะที่เกิดขึ้น กับ ขันธ์5 เช่น หายใจเข้าออก หากไม่มีอากาศหายใจ ขันธ์5ก็ตั้งอยู่ไม่ได้ เช่น อากาศที่อยู่รอบตัวเราจัดเป็นกาย ความร้อนหนาวที่เกิดขึ้น ต้องพอเหมาะขันธ์5จึงจะตั้งอยู่ได้ อุณหภูมิ ในร่างกายเราจึงจัดเป็นกาย ทั้งๆที่อุณหภูมิมองไม่เห็น ช่องเล็กช่องน้อยในรูปจัดเป็นกาย รูปคือส่วนที่สัมผัสได้ ไม่รู้เข้าใจอย่างนี้ถูกหรือปล่าวครับ

ความหมายของการเห็นกายในกาย ในอานาปานสติ นั้นคือ ลมหายใจของเรา
ท่านเปรียบเหมือนกายของเราครับ แต่มันเป็นลักษณะของ"กายสังขาร"

ต้องเข้าใจนะครับว่า กายของคนเราแท้จริงแล้วเป็นแค่ธาตุสี่ มันไม่สามารถขยับเขยือน
เคลือนตัวได้เอง มันต้องอาศัยจิตไปบังคับบัญชา เขาเรียกกระบวนการนี้ว่า"กายสังขาร"
นั้นก็คือการที่จิตไปปรุงแต่งกายให้เกิดการกระทำครับ

การตามรู้ลมหายใจสั้นๆยาวๆ เข้าๆออกๆ ท่านให้รู้ถีงความไม่เที่ยงของ กายสังขาร
กายอย่างเดียวกับกายสังขารไม่เหมือนกัน
หลักของกรรมฐานในเรื่องกาย กายมีสองลักษณะครับ
กายก็คือธาตุสี่ไม่มีจิต ส่วนกายสังขารก็คือกายที่มีจิตเข้าไปปรุงแต่ง
ดังนั้นความไม่เที่ยงก็คือส่วนของจิตที่ไปปรุงแต่งกาย มันก็คือสังขารนั้นเอง

เรื่องกายานุปัสนานี้ เป็นการปฏิบัติเพื่อให้เข้าใจว่า กายก็ส่วนหนึ่ง จิตก็ส่วนหนื่ง
ที่เกิดการกระทำได้เป็นเพราะจิตไปทำให้เกิดสังขาร

การเจริญสติปัฏฐาน ในเรื่องกายานุปัสนาบ่อยๆ จะทำให้จิตที่ไปยึดมั่นกายว่า
เป็นตัวตนเดียวกับจิตคลายจางลง เป็นเช่นนี้จะเกิดปัญญาเข้าใจถึงต้นเหตุของขันธ์ห้า
เข้าใจเรื่องผัสสะ อายตนะต่างๆครับ


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 02 ธ.ค. 2012, 07:36 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 ต.ค. 2006, 12:36
โพสต์: 33766

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


โฮฮับพูดบ่อยจัง ผัสสะๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ อะไรหรอผัสสะ :b10:

.....................................................
https://dhammachati.blogspot.com/


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 02 ธ.ค. 2012, 13:38 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 13 ก.พ. 2010, 17:53
โพสต์: 4999

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


กรัชกาย เขียน:
โฮฮับพูดบ่อยจัง ผัสสะๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ อะไรหรอผัสสะ :b10:

ไปถามอิตาฝึกจิต เล่น20คำถาม หรือเล่นแบบมาตามนัดก็ได้
เล่นกันเงียบๆล่ะ เดี๋ยวชาวบ้านเขารำคาญ :b32:


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 02 ธ.ค. 2012, 13:45 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 ต.ค. 2006, 12:36
โพสต์: 33766

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว




charl-2012-11-03-1351941215-1964042831263925211.gif
charl-2012-11-03-1351941215-1964042831263925211.gif [ 18.27 KiB | เปิดดู 3084 ครั้ง ]
โฮฮับ เขียน:
กรัชกาย เขียน:
โฮฮับพูดบ่อยจัง ผัสสะๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ อะไรหรอผัสสะ :b10:

ไปถามอิตาฝึกจิต เล่น20คำถาม หรือเล่นแบบมาตามนัดก็ได้
เล่นกันเงียบๆล่ะ เดี๋ยวชาวบ้านเขารำคาญ :b32:



ไม่ใช่แต่เท่านี้เท่านั้นนะ มีอีกหลายคำ ที่พูดทิ้งๆไว้ แต่ตนไม่ได้รู้เข้าใจความหมายของเค้าที่ตนยกขึ้นพูดเลย แล้วจะพูดทำไม ทำเหมือนคนนอนละเมอ คือ ตื่นเช้ามา เขาถามว่า เมื่อคืนเอ็งละเมอพูดอะไร "ไม่รู้" พี่โฮก็ฉันนั้น เหมือนคนละเมอไม่มีผิด เฮ้ออ..ถอนใจ :b1:

.....................................................
https://dhammachati.blogspot.com/
แสดงโพสต์จาก:  เรียงตาม  
กลับไปยังกระทู้  [ 28 โพสต์ ]  ไปที่หน้า ย้อนกลับ  1, 2

เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง


 ผู้ใช้งานขณะนี้

่กำลังดูบอร์ดนี้: ไม่มีสมาชิก และ บุคคลทั่วไป 1 ท่าน


ท่าน ไม่สามารถ โพสต์กระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ตอบกระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แก้ไขโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ลบโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แนบไฟล์ในบอร์ดนี้ได้

ค้นหาสำหรับ:
ไปที่:  
Google
ทั่วไป เว็บธรรมจักร