ใครหมอ...ใครคนไข้?...

เราคุยกันเพื่อเพิ่มความรู้....ถ้าไม่เพื่อความรู้...ก็ไม่รู้จะคุยไปทำไม...

ไม่รู้..ก็ม่ายรู้..ก็แค่นั้น..

มีคนไข้ประเภทหนึ่ง...แบบว่า คนไข้อวดรู้อวดเก่ง..คนไข้แบบนี้เสียเวลาคุย...

ไปคุยตรงโน้น...เพราะปล่อยไป

หาที่อื่นรักษา

โรคกาย ที่แสดงออกเป็นรูปธรรม
โรคใจ เป็นโรคแสดงมาจากนามธรรม

โรคที่เป็นนามธรรม จะเกิดก่อนและจึงก่อรูปร่างเป็นตัวเป็นเชื้อเกิดขึ้น
(โรคที่ไม่รู้สาเหตุ)

การแก้ไข ต้องมีทั้งนามธรรมและรูปธรรม
แก้เพียงแค่รูปธรรม ไม่สามารถตัดรากถอนโคนได้

แก้ไขให้ถูกต้องทำลายทั้งนามธรรมและรูปธรรม

รอดู..คำแจกแจงแถลงไขรายละเอียด...ต่อไป...

รอ..รอ..

มนุษย์คนบาป หมายถึง มนุษย์ที่มีเชื้อของความไม่ดี ความเลว ฯลฯ สะสมตั้งแต่อดีต
การสะสมเกิดขึ้นได้อย่างไร? การสะสมเกิดจากการไปหาบาปเอาเอง และมีบาปมาหาเองก็มี

บางคนคิดว่าบาปนั้นเป็นความจำที่ถูกบันทึกเป็นตราบาป
ไม่ใช่เลย บาป คือ สิ่งสกปรกที่ติดแน่นมากับตนเอง
แปรกลายเป็นยีนที่ผิดปกติ

นามธรรมอย่างไร
สิ่งที่สกปรกในยีน ทำให้มนุษย์ คิดไม่ดี คิดละเมิด หรือง่ายๆ คือ ฟุ้งซ่าน หรือ อื่นๆ ที่มักจะเรียกว่าขาดสติ หรือ สติขาด

และหากพิจารณาเป็นรูปธรรมคือ เกิดอาการปวด อึดอัด เมื่อย ปวดหัว หายใจไม่ออก

สาเหตุคือสิ่งเดียวกัน คือ ยีน ที่ถูกกระทำ ให้ไม่สมบูรณ์ แสดงค่าที่ผิดปกติออกมา

(ออ ทำไมรู้ได้ .... ก็ต้องถามธรรมชาติสิจ๊ะ)

ดังนั้นการที่จะ ทำตนเองให้หายป่วยคือ การปฏิบัติชำระยีนตนเอง ทำไง?

ก็ต้องพึ่ง ....... กำเนิดมนุษย์ และดูแลมนุษย์

บาปคือเชื้อที่ฝั่งตนอยู่ในยีน มนุษย์

ยีนเป็นตัวกำหนดอาการแสดงออกของความผิดปกติ ของมนุษย์

เพราะยีน จะแสดงออกทั้งภาวะทางอารมณ์ ภาวะทางกายของมนุษย์

โรคที่แพทย์ ไม่รู้เรื่อง แพทย์ไม่รู้สาเหตุ.....

มะเร็งมาจากไหน ก็มาจากยีนตัวเอง

ยีนตัวเองมีความสกปรกมาก ก็ ไม่นาน มะเร็งถามหาแน่นอน

เป็นไปได้เหรอ ? .... ทำไมจะเป็นไม่ได้ เพราะร่างกายมนุษย์ คือ แหล่งแสดงผลให้เกิดเป็นรูปธรรม
มีนิ้ว มีอวัยวะ มีตา จมูก ได้เป็นรูปธรรม ก็เกิดจากยีน

แก้ไขทั้งนามธรรมและรูปธรรมคือ ต้องไปแก้ไขที่ยีนตนเอง

ถามว่าไปแก้โดยแพทย์ได้ไหม ...... มีในอนาคต นักวิทยาศาสตร์จะไปแก้ไขที่ยีน
แต่ผลปรากฎว่า รูปร่างเปลี่ยนแปลงไปด้วย กลายเป็น มนุษย์หัวโต ตัวสีเทาจากอนาคต
นึกว่าตนเองฉลาดรอดแล้ว ... เก่งแล้ว แก้ไขได้ทุกอย่าง

กาย และใจ เพียงพอแล้ว

เพราะคำว่ามนุษย์ ไม่ใช่เพียงมิติที่เธอรู้ขณะนี้เพียงมิติเดียว

มีมิติมากอยู่...มนุษย์บางมิติไม่จำเป็นต้องมีปากหรือวาจาพูด ...ไม่มีวาจาก็รู้ได้

ทำไม...วาจามาจาก ใจ...จะใจจริงหรือไม่ใช่ใจจริง ก็มาจากส่วนลึก...ผ่านมายังกาย ปากคือเป็นส่วนหนึ่งของกายหรือไม่

....หากปากไม่ใช่..ต่อไปก็คงจะลากเอารูก้น
มาระมัดระวังด้วยเพราะ ผายลมแล้วทำให้
ผู้อื่นเดือดร้อน.....

แล้วตาล่ะ..ต้องระวังไหม....???
มองในสิ่งควรมอง มองในสิ่งไม่ควรมอง
แล้วสายตากับวาจา ...แตกต่างกันไหม?
เกิดจากอวัยวะ ที่เป็นส่วนหนึ่งของกายที่เป็นรูทวารไหม???

รูทวารมีกี่รูทวาร???

แล้วเธอรู้รึเปล่า..นามธรรมแบบไหนทำให้เกิดมะเร็ง...แล้วจะทำลายนามธรรมแบบนั้นอย่างไร...

อย่าบอกนะว่า..กำหนดเตโชธาตุเผา

ใครหมอ...ใครคนไข้?...

เราคุยกันเพื่อเพิ่มความรู้....ถ้าไม่เพื่อความรู้...ก็ไม่รู้จะคุยไปทำไม...

ไม่รู้..ก็ม่ายรู้..ก็แค่นั้น..

นามธรรม เชื่อมโยงกับรูปธรรม

ตอบไปแล้ว กลับไปอ่านสัก 100 รอบ

มีคำตอบแล้ว

ไม่เข้าใจก็อ่านอีก 1000 รอบ

ยังอีก ก็10000 รอบ

ยังอีก ก็ไปรีเซ็ตใหม่