วันเวลาปัจจุบัน 03 ส.ค. 2025, 05:55  



เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง




กลับไปยังกระทู้  [ 85 โพสต์ ]  ไปที่หน้า ย้อนกลับ  1, 2, 3, 4, 5, 6  ต่อไป  Bookmark and Share
เจ้าของ ข้อความ
โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 17 ต.ค. 2018, 01:30 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 29 ต.ค. 2009, 15:06
โพสต์: 7520

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


:b12:
ตถาคตตรัสแสดงพระธรรม45พรรษาเทศนาให้ฟังตามปกติเป็นปกติ
เวลาตัวเองไปวัดไปนั่งฟังเทศนาเนี่ยต้องนั่งฟังจริงๆใช่ไหมถูกไหม
ก็เพียรฟังให้เข้าใจสิคะคำตถาคตถ้าง่ายๆแค่อ่านท่องจำได้
ไม่บรรลุอรหันต์กันหมดโลกแล้วหรือคะ555สุตมยปัญญา
คือปัจจุบันขณะบรรลุอรหันต์ก็ปัจจุบันขณะของตถาคต
ตนเองน่ะตรงกับคำไหนต้องรู้ตามปัญญาตถาคตว่า
ตนตรงกับคำสัจจะไหนเดี๋ยวนี้ค่ะตามการสะสมเป็น
ผู้ตรงต่อความจริงที่ตนเองกำลังมีไม่ใช่ไปจำคำ
ที่เป็นปัญญาตถาคตเอามาครอบครองรู้ป่าว
มันไม่ใช่ปัญญาเจตสิกของตนเองไงคะ
เพราะจิต+เจตสิก+รูปเกิดดับทีละ1ขณะจิต6ทางอายตนะมันเกิดดับสลับกัน
เกิดและดับไปทีละ1ขณะจิตไม่พร้อมกันด้วยแม้สักขณะเดียวไม่ซ้ำเก่าเลยด้วยค่ะ
เมื่อไหร่จะเริ่มฟังเวลาไม่คอยใครตายทุกขณะค่ะส่วนผู้ที่ถึงนิพพานแล้วไม่มีการเกิดดับของจิตไงคะ555
:b32: :b32:


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 17 ต.ค. 2018, 04:34 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 11 มี.ค. 2018, 02:56
โพสต์: 2166

โฮมเพจ: maybe
แนวปฏิบัติ: สติปัฎฐาน
งานอดิเรก: กีฬา
สิ่งที่ชื่นชอบ: แบรนด์เเนม
ชื่อเล่น: เม
อายุ: 22
ที่อยู่: Bangkok Thailand

 ข้อมูลส่วนตัว


Rosarin เขียน:
กรัชกาย เขียน:
"ทางสายเอก" คนชอบพูดๆกัน ไม่ว่าที่นี่หรือที่ไหนๆ บาลีเป็น เอกมคฺโค แปลว่า ทางสายเดียว,มรรคาเอก,ทางสายเอก (เอกะ. หนึ่ง, เดียว) อะไรว่ากันไป :b16:

รูปภาพ

เห็นชอบพูดกันเลยจัดให้ พูดๆสะก่อนจะละโลกนี้ไป ตายแล้วจะไม่ได้พูด :b32: ยังหายใจเข้า-ออกอยู่จะได้ทำกันหรือไม่, ทำทำถูกไหม ทำแล้วถึงจุดหมายปลายทางหรือไม่ หรือทำแล้วเข้ารกเข้าพงกันไป (อยากพูดตรงๆอีกประโยคหนึ่ง แต่กลัวว่าจะแรงไปเลยเก็บไว้ในใจ) :b32: เป็นอีกขั้นหนึ่งตอนหนึ่ง

มีคนร้องอ๋อแน่ๆ :b35:

:b12:
ยังอีกยังไม่เข้าใจกันอีกบอกว่า
ไปนั่งเดาสภาพธรรมเองโดยไม่ฟัง
มันเดาส่งเดชไปเองขาดพึ่งคำตถาคต
ต้องมีปรโตโฆสะกล่าวคำสัจจะให้คิดถูกตาม
เดี๋ยวนี้เป็นปัจจุบันขณะตามปกติเป็นปกติเข้าใจไหมคะ
จิรกาลภาวนากล่าวตรงสัจจะเพื่อเข้าใจถูกตามและถ่ายทอดได้ตรงตามคำตถาคต
ทุกคำในพระไตรปิฎกมีแล้วที่กายใจตนเองยังไม่ทำอะไรก็กำลังเกิดดับตามเหตุตามปัจจัยไม่มีใครเลือกทำ
:b32: :b32: :b32: :b32: :b32:


แน้ๆๆ คุณยายโรสคะ

เห็นพูดปกติๆๆๆๆๆๆ มาซ้ำๆ บ่อยๆ
แต่ไม่เข้าใจว่า

ปกติแบบ ของคุณยายนั่นแหละคือความผิดปกติค่ะ
ไม่ใช่ความปกติ ไม่ควรแก่การงานเรยหละค่ะ

เพราะ คุณยายโรส ไม่ได้เรียนพระอภิธรรม ไม่ได้ศึกษาพระไตรปิฎก และไม่ได้ปฎิบัติ
จำแค่คำยูทูปมาพูด

ก็เรยเข้าใจผิดๆๆ ไม่เข้าใจ ปกติ ความปกติที่เต็มไปด้วยความโลภอยากฟังแบบนั้น
ตั้งใจอยากฟังแต่ยูทูป น่ะไม่ปกติหรอกค่ะ

ฟังมาเจ็ดปี ไม่ได้อะไรเรย เพราะฟังด้วยปกติ ที่ไม่เป็นปกติ ไงคะ

คุณยายโรส จึงไม่รู้ว่า

การตั้งกายไว้ในจิต หรือตั้งจิตลงไว้ที่กาย
ลงสู่สุขสัญญาและลหุสัญญาในกาย
ย่อมเบากว่าปกติ อ่อนกว่า
ปกติ ควรแก่การงานกว่าปกติ และผุดผ่องกว่าปกติ
จึงต้องมีบาทฐานในสมาธิด้วยค่ะ
และนี่คือความปกติ ที่ควรค่า ค่ะ



เม แนะนำนะคะ ว่า คุณยายโรส ทำปกติที่ควรค่า แบบนี้ให้ได้เสียก่อนนะคะ
แล้วไปเรียนพระธรรมให้เป็นเรื่องเป็นราวเสียก่อนนะคะ




โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 17 ต.ค. 2018, 05:11 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 29 ต.ค. 2009, 15:06
โพสต์: 7520

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


โลกสวย เขียน:
Rosarin เขียน:
กรัชกาย เขียน:
"ทางสายเอก" คนชอบพูดๆกัน ไม่ว่าที่นี่หรือที่ไหนๆ บาลีเป็น เอกมคฺโค แปลว่า ทางสายเดียว,มรรคาเอก,ทางสายเอก (เอกะ. หนึ่ง, เดียว) อะไรว่ากันไป :b16:

รูปภาพ

เห็นชอบพูดกันเลยจัดให้ พูดๆสะก่อนจะละโลกนี้ไป ตายแล้วจะไม่ได้พูด :b32: ยังหายใจเข้า-ออกอยู่จะได้ทำกันหรือไม่, ทำทำถูกไหม ทำแล้วถึงจุดหมายปลายทางหรือไม่ หรือทำแล้วเข้ารกเข้าพงกันไป (อยากพูดตรงๆอีกประโยคหนึ่ง แต่กลัวว่าจะแรงไปเลยเก็บไว้ในใจ) :b32: เป็นอีกขั้นหนึ่งตอนหนึ่ง

มีคนร้องอ๋อแน่ๆ :b35:

:b12:
ยังอีกยังไม่เข้าใจกันอีกบอกว่า
ไปนั่งเดาสภาพธรรมเองโดยไม่ฟัง
มันเดาส่งเดชไปเองขาดพึ่งคำตถาคต
ต้องมีปรโตโฆสะกล่าวคำสัจจะให้คิดถูกตาม
เดี๋ยวนี้เป็นปัจจุบันขณะตามปกติเป็นปกติเข้าใจไหมคะ
จิรกาลภาวนากล่าวตรงสัจจะเพื่อเข้าใจถูกตามและถ่ายทอดได้ตรงตามคำตถาคต
ทุกคำในพระไตรปิฎกมีแล้วที่กายใจตนเองยังไม่ทำอะไรก็กำลังเกิดดับตามเหตุตามปัจจัยไม่มีใครเลือกทำ
:b32: :b32: :b32: :b32: :b32:


แน้ๆๆ คุณยายโรสคะ

เห็นพูดปกติๆๆๆๆๆๆ มาซ้ำๆ บ่อยๆ
แต่ไม่เข้าใจว่า

ปกติแบบ ของคุณยายนั่นแหละคือความผิดปกติค่ะ
ไม่ใช่ความปกติ ไม่ควรแก่การงานเรยหละค่ะ

เพราะ คุณยายโรส ไม่ได้เรียนพระอภิธรรม ไม่ได้ศึกษาพระไตรปิฎก และไม่ได้ปฎิบัติ
จำแค่คำยูทูปมาพูด

ก็เรยเข้าใจผิดๆๆ ไม่เข้าใจ ปกติ ความปกติที่เต็มไปด้วยความโลภอยากฟังแบบนั้น
ตั้งใจอยากฟังแต่ยูทูป น่ะไม่ปกติหรอกค่ะ

ฟังมาเจ็ดปี ไม่ได้อะไรเรย เพราะฟังด้วยปกติ ที่ไม่เป็นปกติ ไงคะ

คุณยายโรส จึงไม่รู้ว่า

การตั้งกายไว้ในจิต หรือตั้งจิตลงไว้ที่กาย
ลงสู่สุขสัญญาและลหุสัญญาในกาย
ย่อมเบากว่าปกติ อ่อนกว่า
ปกติ ควรแก่การงานกว่าปกติ และผุดผ่องกว่าปกติ
จึงต้องมีบาทฐานในสมาธิด้วยค่ะ
และนี่คือความปกติ ที่ควรค่า ค่ะ



เม แนะนำนะคะ ว่า คุณยายโรส ทำปกติที่ควรค่า แบบนี้ให้ได้เสียก่อนนะคะ
แล้วไปเรียนพระธรรมให้เป็นเรื่องเป็นราวเสียก่อนนะคะ



:b12:
รู้สึกว่าจะแสดงความฉลาดน้อยเสียเหลือเกินไงคะ
ไม่มีเรื่องอิทธิฤทธิ์ปาฏิหาริย์ไงคะฟังใช้หูฟังเงี่ยโสตลงสดับ
และใช้ตาดูโลกตามปกติอยากเป็นแบบพระอาจารย์2ดาบสก็ตามใจ
ตายไปก่อนไม่ได้ฟังความจริงตามคำสอนที่งดงามลึกซึ้งไงชวนคนฟังธรรมยากที่สุดในโลกเลยค่ะ555
:b32: :b32: :b32:


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 17 ต.ค. 2018, 05:22 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 11 มี.ค. 2018, 02:56
โพสต์: 2166

โฮมเพจ: maybe
แนวปฏิบัติ: สติปัฎฐาน
งานอดิเรก: กีฬา
สิ่งที่ชื่นชอบ: แบรนด์เเนม
ชื่อเล่น: เม
อายุ: 22
ที่อยู่: Bangkok Thailand

 ข้อมูลส่วนตัว


Rosarin เขียน:
โลกสวย เขียน:
Rosarin เขียน:
กรัชกาย เขียน:
"ทางสายเอก" คนชอบพูดๆกัน ไม่ว่าที่นี่หรือที่ไหนๆ บาลีเป็น เอกมคฺโค แปลว่า ทางสายเดียว,มรรคาเอก,ทางสายเอก (เอกะ. หนึ่ง, เดียว) อะไรว่ากันไป :b16:

รูปภาพ

เห็นชอบพูดกันเลยจัดให้ พูดๆสะก่อนจะละโลกนี้ไป ตายแล้วจะไม่ได้พูด :b32: ยังหายใจเข้า-ออกอยู่จะได้ทำกันหรือไม่, ทำทำถูกไหม ทำแล้วถึงจุดหมายปลายทางหรือไม่ หรือทำแล้วเข้ารกเข้าพงกันไป (อยากพูดตรงๆอีกประโยคหนึ่ง แต่กลัวว่าจะแรงไปเลยเก็บไว้ในใจ) :b32: เป็นอีกขั้นหนึ่งตอนหนึ่ง

มีคนร้องอ๋อแน่ๆ :b35:

:b12:
ยังอีกยังไม่เข้าใจกันอีกบอกว่า
ไปนั่งเดาสภาพธรรมเองโดยไม่ฟัง
มันเดาส่งเดชไปเองขาดพึ่งคำตถาคต
ต้องมีปรโตโฆสะกล่าวคำสัจจะให้คิดถูกตาม
เดี๋ยวนี้เป็นปัจจุบันขณะตามปกติเป็นปกติเข้าใจไหมคะ
จิรกาลภาวนากล่าวตรงสัจจะเพื่อเข้าใจถูกตามและถ่ายทอดได้ตรงตามคำตถาคต
ทุกคำในพระไตรปิฎกมีแล้วที่กายใจตนเองยังไม่ทำอะไรก็กำลังเกิดดับตามเหตุตามปัจจัยไม่มีใครเลือกทำ
:b32: :b32: :b32: :b32: :b32:


แน้ๆๆ คุณยายโรสคะ

เห็นพูดปกติๆๆๆๆๆๆ มาซ้ำๆ บ่อยๆ
แต่ไม่เข้าใจว่า

ปกติแบบ ของคุณยายนั่นแหละคือความผิดปกติค่ะ
ไม่ใช่ความปกติ ไม่ควรแก่การงานเรยหละค่ะ

เพราะ คุณยายโรส ไม่ได้เรียนพระอภิธรรม ไม่ได้ศึกษาพระไตรปิฎก และไม่ได้ปฎิบัติ
จำแค่คำยูทูปมาพูด

ก็เรยเข้าใจผิดๆๆ ไม่เข้าใจ ปกติ ความปกติที่เต็มไปด้วยความโลภอยากฟังแบบนั้น
ตั้งใจอยากฟังแต่ยูทูป น่ะไม่ปกติหรอกค่ะ

ฟังมาเจ็ดปี ไม่ได้อะไรเรย เพราะฟังด้วยปกติ ที่ไม่เป็นปกติ ไงคะ

คุณยายโรส จึงไม่รู้ว่า

การตั้งกายไว้ในจิต หรือตั้งจิตลงไว้ที่กาย
ลงสู่สุขสัญญาและลหุสัญญาในกาย
ย่อมเบากว่าปกติ อ่อนกว่า
ปกติ ควรแก่การงานกว่าปกติ และผุดผ่องกว่าปกติ
จึงต้องมีบาทฐานในสมาธิด้วยค่ะ
และนี่คือความปกติ ที่ควรค่า ค่ะ



เม แนะนำนะคะ ว่า คุณยายโรส ทำปกติที่ควรค่า แบบนี้ให้ได้เสียก่อนนะคะ
แล้วไปเรียนพระธรรมให้เป็นเรื่องเป็นราวเสียก่อนนะคะ



:b12:
รู้สึกว่าจะแสดงความฉลาดน้อยเสียเหลือเกินไงคะ
ไม่มีเรื่องอิทธิฤทธิ์ปาฏิหาริย์ไงคะฟังใช้หูฟังเงี่ยโสตลงสดับ
และใช้ตาดูโลกตามปกติอยากเป็นแบบพระอาจารย์2ดาบสก็ตามใจ
ตายไปก่อนไม่ได้ฟังความจริงตามคำสอนที่งดงามลึกซึ้งไงชวนคนฟังธรรมยากที่สุดในโลกเลยค่ะ555
:b32: :b32: :b32:


แน้ๆๆ

เพราะคุณยายโรส ไม่ได้เรียนพระอภิธรรม ทำกัมฐานไม่เป็น
เรยไม่รู้จัก ว่าพระพุทธองค์กล่าวถึงบาทฐานของสมาธิ ในมหาสติปัฎฐาน
ว่า ทำให้ปกติ ยิ่งกว่าปกติ ควรแก่การงาน

ไม่ใช่เพื่อหวัง อิทธปาฎิหารย์

แต่สามารถทำความปกติ ยิ่งกว่าปกติของคุณยาย ที่โลภะไปอยากฟังแต่ยูทูป นะคะ

คริคริ

และแถมจะบอกให้นะคะ ว่าพระพุทธเจ้า ต้องสำเร็จด้วยพระองค์เอง
พระอาจารย์ดาบส ไม่สอน ให้ไปต่อยอดเอาเอง
ไม่งั้น อดเป็นพระพุทธเจ้าค่ะ

ท่านดาบส ท่านเรยไม่สอนต่อให้ไงคะ

คริคริ



โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 17 ต.ค. 2018, 05:37 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 29 ต.ค. 2009, 15:06
โพสต์: 7520

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


โลกสวย เขียน:
Rosarin เขียน:
โลกสวย เขียน:
Rosarin เขียน:
กรัชกาย เขียน:
"ทางสายเอก" คนชอบพูดๆกัน ไม่ว่าที่นี่หรือที่ไหนๆ บาลีเป็น เอกมคฺโค แปลว่า ทางสายเดียว,มรรคาเอก,ทางสายเอก (เอกะ. หนึ่ง, เดียว) อะไรว่ากันไป :b16:

รูปภาพ

เห็นชอบพูดกันเลยจัดให้ พูดๆสะก่อนจะละโลกนี้ไป ตายแล้วจะไม่ได้พูด :b32: ยังหายใจเข้า-ออกอยู่จะได้ทำกันหรือไม่, ทำทำถูกไหม ทำแล้วถึงจุดหมายปลายทางหรือไม่ หรือทำแล้วเข้ารกเข้าพงกันไป (อยากพูดตรงๆอีกประโยคหนึ่ง แต่กลัวว่าจะแรงไปเลยเก็บไว้ในใจ) :b32: เป็นอีกขั้นหนึ่งตอนหนึ่ง

มีคนร้องอ๋อแน่ๆ :b35:

:b12:
ยังอีกยังไม่เข้าใจกันอีกบอกว่า
ไปนั่งเดาสภาพธรรมเองโดยไม่ฟัง
มันเดาส่งเดชไปเองขาดพึ่งคำตถาคต
ต้องมีปรโตโฆสะกล่าวคำสัจจะให้คิดถูกตาม
เดี๋ยวนี้เป็นปัจจุบันขณะตามปกติเป็นปกติเข้าใจไหมคะ
จิรกาลภาวนากล่าวตรงสัจจะเพื่อเข้าใจถูกตามและถ่ายทอดได้ตรงตามคำตถาคต
ทุกคำในพระไตรปิฎกมีแล้วที่กายใจตนเองยังไม่ทำอะไรก็กำลังเกิดดับตามเหตุตามปัจจัยไม่มีใครเลือกทำ
:b32: :b32: :b32: :b32: :b32:


แน้ๆๆ คุณยายโรสคะ

เห็นพูดปกติๆๆๆๆๆๆ มาซ้ำๆ บ่อยๆ
แต่ไม่เข้าใจว่า

ปกติแบบ ของคุณยายนั่นแหละคือความผิดปกติค่ะ
ไม่ใช่ความปกติ ไม่ควรแก่การงานเรยหละค่ะ

เพราะ คุณยายโรส ไม่ได้เรียนพระอภิธรรม ไม่ได้ศึกษาพระไตรปิฎก และไม่ได้ปฎิบัติ
จำแค่คำยูทูปมาพูด

ก็เรยเข้าใจผิดๆๆ ไม่เข้าใจ ปกติ ความปกติที่เต็มไปด้วยความโลภอยากฟังแบบนั้น
ตั้งใจอยากฟังแต่ยูทูป น่ะไม่ปกติหรอกค่ะ

ฟังมาเจ็ดปี ไม่ได้อะไรเรย เพราะฟังด้วยปกติ ที่ไม่เป็นปกติ ไงคะ

คุณยายโรส จึงไม่รู้ว่า

การตั้งกายไว้ในจิต หรือตั้งจิตลงไว้ที่กาย
ลงสู่สุขสัญญาและลหุสัญญาในกาย
ย่อมเบากว่าปกติ อ่อนกว่า
ปกติ ควรแก่การงานกว่าปกติ และผุดผ่องกว่าปกติ
จึงต้องมีบาทฐานในสมาธิด้วยค่ะ
และนี่คือความปกติ ที่ควรค่า ค่ะ



เม แนะนำนะคะ ว่า คุณยายโรส ทำปกติที่ควรค่า แบบนี้ให้ได้เสียก่อนนะคะ
แล้วไปเรียนพระธรรมให้เป็นเรื่องเป็นราวเสียก่อนนะคะ



:b12:
รู้สึกว่าจะแสดงความฉลาดน้อยเสียเหลือเกินไงคะ
ไม่มีเรื่องอิทธิฤทธิ์ปาฏิหาริย์ไงคะฟังใช้หูฟังเงี่ยโสตลงสดับ
และใช้ตาดูโลกตามปกติอยากเป็นแบบพระอาจารย์2ดาบสก็ตามใจ
ตายไปก่อนไม่ได้ฟังความจริงตามคำสอนที่งดงามลึกซึ้งไงชวนคนฟังธรรมยากที่สุดในโลกเลยค่ะ555
:b32: :b32: :b32:


แน้ๆๆ

เพราะคุณยายโรส ไม่ได้เรียนพระอภิธรรม ทำกัมฐานไม่เป็น
เรยไม่รู้จัก ว่าพระพุทธองค์กล่าวถึงบาทฐานของสมาธิ ในมหาสติปัฎฐาน
ว่า ทำให้ปกติ ยิ่งกว่าปกติ ควรแก่การงาน

ไม่ใช่เพื่อหวัง อิทธปาฎิหารย์

แต่สามารถทำความปกติ ยิ่งกว่าปกติของคุณยาย ที่โลภะไปอยากฟังแต่ยูทูป นะคะ

คริคริ

และแถมจะบอกให้นะคะ ว่าพระพุทธเจ้า ต้องสำเร็จด้วยพระองค์เอง
พระอาจารย์ดาบส ไม่สอน ให้ไปต่อยอดเอาเอง
ไม่งั้น อดเป็นพระพุทธเจ้าค่ะ

ท่านดาบส ท่านเรยไม่สอนต่อให้ไงคะ

คริคริ


:b32:
พระพุทธเจ้าแสดงความจริงให้ทุกคนฟังเพื่อไตร่ตรองถูกตามคำของพระองค์
โดยละเอียดทั้งสิ่งที่ถูกและผิดไม่ให้ไปนั่งคิดด้นเดาเอาเองโดยไม่พึ่งพระองค์
ทุกท่านต้องพิจารณาค่ะถ้าท่านยังไม่เคยฟังมีแต่ทำตามเขาบอกตามกาลามสูตร10
แสดงว่าท่านไม่ใช้ปัญญาของตัวท่านเองฟังเพื่อไตร่ตรองก็คือยังไม่พึ่งพระรัตนตรัยค่ะ
เพราะพระรัตนตรัยสูงสุดคือพระพุทธเจ้าและพระองค์ยกคำสอนขึ้นแทนศาสดาไม่ใช่ตัวบุคคล
ท่านต้องใช้กาลามสูตร10ฟังแล้วไตร่ตรองทุกคำเพื่อความเข้าใจถูกรู้แจ้งชัดชีวิตนี้ทำตามคนอื่นมาเยอะ
พึ่งตาและหูตนเองและฟังความจริงตามคำสอนด้วยตนเองบ้างหรือยังฝากคนอื่นไปฟังธรรมแทนไม่ได้น๊า
:b12:
:b20: :b20:


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 17 ต.ค. 2018, 05:43 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 11 มี.ค. 2018, 02:56
โพสต์: 2166

โฮมเพจ: maybe
แนวปฏิบัติ: สติปัฎฐาน
งานอดิเรก: กีฬา
สิ่งที่ชื่นชอบ: แบรนด์เเนม
ชื่อเล่น: เม
อายุ: 22
ที่อยู่: Bangkok Thailand

 ข้อมูลส่วนตัว


Rosarin เขียน:
โลกสวย เขียน:
Rosarin เขียน:
โลกสวย เขียน:
Rosarin เขียน:
กรัชกาย เขียน:
"ทางสายเอก" คนชอบพูดๆกัน ไม่ว่าที่นี่หรือที่ไหนๆ บาลีเป็น เอกมคฺโค แปลว่า ทางสายเดียว,มรรคาเอก,ทางสายเอก (เอกะ. หนึ่ง, เดียว) อะไรว่ากันไป :b16:

รูปภาพ

เห็นชอบพูดกันเลยจัดให้ พูดๆสะก่อนจะละโลกนี้ไป ตายแล้วจะไม่ได้พูด :b32: ยังหายใจเข้า-ออกอยู่จะได้ทำกันหรือไม่, ทำทำถูกไหม ทำแล้วถึงจุดหมายปลายทางหรือไม่ หรือทำแล้วเข้ารกเข้าพงกันไป (อยากพูดตรงๆอีกประโยคหนึ่ง แต่กลัวว่าจะแรงไปเลยเก็บไว้ในใจ) :b32: เป็นอีกขั้นหนึ่งตอนหนึ่ง

มีคนร้องอ๋อแน่ๆ :b35:

:b12:
ยังอีกยังไม่เข้าใจกันอีกบอกว่า
ไปนั่งเดาสภาพธรรมเองโดยไม่ฟัง
มันเดาส่งเดชไปเองขาดพึ่งคำตถาคต
ต้องมีปรโตโฆสะกล่าวคำสัจจะให้คิดถูกตาม
เดี๋ยวนี้เป็นปัจจุบันขณะตามปกติเป็นปกติเข้าใจไหมคะ
จิรกาลภาวนากล่าวตรงสัจจะเพื่อเข้าใจถูกตามและถ่ายทอดได้ตรงตามคำตถาคต
ทุกคำในพระไตรปิฎกมีแล้วที่กายใจตนเองยังไม่ทำอะไรก็กำลังเกิดดับตามเหตุตามปัจจัยไม่มีใครเลือกทำ
:b32: :b32: :b32: :b32: :b32:


แน้ๆๆ คุณยายโรสคะ

เห็นพูดปกติๆๆๆๆๆๆ มาซ้ำๆ บ่อยๆ
แต่ไม่เข้าใจว่า

ปกติแบบ ของคุณยายนั่นแหละคือความผิดปกติค่ะ
ไม่ใช่ความปกติ ไม่ควรแก่การงานเรยหละค่ะ

เพราะ คุณยายโรส ไม่ได้เรียนพระอภิธรรม ไม่ได้ศึกษาพระไตรปิฎก และไม่ได้ปฎิบัติ
จำแค่คำยูทูปมาพูด

ก็เรยเข้าใจผิดๆๆ ไม่เข้าใจ ปกติ ความปกติที่เต็มไปด้วยความโลภอยากฟังแบบนั้น
ตั้งใจอยากฟังแต่ยูทูป น่ะไม่ปกติหรอกค่ะ

ฟังมาเจ็ดปี ไม่ได้อะไรเรย เพราะฟังด้วยปกติ ที่ไม่เป็นปกติ ไงคะ

คุณยายโรส จึงไม่รู้ว่า

การตั้งกายไว้ในจิต หรือตั้งจิตลงไว้ที่กาย
ลงสู่สุขสัญญาและลหุสัญญาในกาย
ย่อมเบากว่าปกติ อ่อนกว่า
ปกติ ควรแก่การงานกว่าปกติ และผุดผ่องกว่าปกติ
จึงต้องมีบาทฐานในสมาธิด้วยค่ะ
และนี่คือความปกติ ที่ควรค่า ค่ะ



เม แนะนำนะคะ ว่า คุณยายโรส ทำปกติที่ควรค่า แบบนี้ให้ได้เสียก่อนนะคะ
แล้วไปเรียนพระธรรมให้เป็นเรื่องเป็นราวเสียก่อนนะคะ



:b12:
รู้สึกว่าจะแสดงความฉลาดน้อยเสียเหลือเกินไงคะ
ไม่มีเรื่องอิทธิฤทธิ์ปาฏิหาริย์ไงคะฟังใช้หูฟังเงี่ยโสตลงสดับ
และใช้ตาดูโลกตามปกติอยากเป็นแบบพระอาจารย์2ดาบสก็ตามใจ
ตายไปก่อนไม่ได้ฟังความจริงตามคำสอนที่งดงามลึกซึ้งไงชวนคนฟังธรรมยากที่สุดในโลกเลยค่ะ555
:b32: :b32: :b32:


แน้ๆๆ

เพราะคุณยายโรส ไม่ได้เรียนพระอภิธรรม ทำกัมฐานไม่เป็น
เรยไม่รู้จัก ว่าพระพุทธองค์กล่าวถึงบาทฐานของสมาธิ ในมหาสติปัฎฐาน
ว่า ทำให้ปกติ ยิ่งกว่าปกติ ควรแก่การงาน

ไม่ใช่เพื่อหวัง อิทธปาฎิหารย์

แต่สามารถทำความปกติ ยิ่งกว่าปกติของคุณยาย ที่โลภะไปอยากฟังแต่ยูทูป นะคะ

คริคริ

และแถมจะบอกให้นะคะ ว่าพระพุทธเจ้า ต้องสำเร็จด้วยพระองค์เอง
พระอาจารย์ดาบส ไม่สอน ให้ไปต่อยอดเอาเอง
ไม่งั้น อดเป็นพระพุทธเจ้าค่ะ

ท่านดาบส ท่านเรยไม่สอนต่อให้ไงคะ

คริคริ


:b32:
พระพุทธเจ้าแสดงความจริงให้ทุกคนฟังเพื่อไตร่ตรองถูกตามคำของพระองค์
โดยละเอียดทั้งสิ่งที่ถูกและผิดไม่ให้ไปนั่งคิดด้นเดาเอาเองโดยไม่พึ่งพระองค์
ทุกท่านต้องพิจารณาค่ะถ้าท่านยังไม่เคยฟังมีแต่ทำตามเขาบอกตามกาลามสูตร10
แสดงว่าท่านไม่ใช้ปัญญาของตัวท่านเองฟังเพื่อไตร่ตรองก็คือยังไม่พ่งพระรัตนตรัยค่ะ
เพราะพระรัตนตรัยสูงสุดคือพระพุทธเจ้าและพระองค์ยกคำสอนขึ้นแทนศาสดาไม่ใช่ตัวบุคคล
ท่านต้องใช้กสลามสูตร10ฟังแล้วไตร่ตรองทุกคำเพื่อความเข้าใจถูกรู้แจ้งชัดชีวิตนี้ทำตามคนอื่นมาเยอะ
พึ่งตาและหูตนเองและฟังความจริงตามคำสอนด้วยตนเองบ้างหรือยังฝากคนอื่นไปฟังธรรมแทนไม่ได้น๊า
:b12:
:b20: :b20:



แน้ๆๆ
คุณยายโรส ไม่ได้เรียนปริยัติ ไม่ได้เรียนพระอภิธรรม ไม่ได้อ่านพระสูตรจนจบ

เรยไม่รู้ว่า กาลามะสูตร10 นี่นะ เค้าเรียกว่า เกสตปุตสูตร

ไม่มีคนใดเรยในเมืองกาลามะ บรรลุธรรมได้ และไม่รู้จักทางสายเอกเรย
ได้แต่นับถือพระพุทธองค์ เป็นสรณะ

ไม่ได้เอายูทูป เป็นสรณะค่ะ


คริคริ


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 17 ต.ค. 2018, 16:48 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 11 มี.ค. 2018, 02:56
โพสต์: 2166

โฮมเพจ: maybe
แนวปฏิบัติ: สติปัฎฐาน
งานอดิเรก: กีฬา
สิ่งที่ชื่นชอบ: แบรนด์เเนม
ชื่อเล่น: เม
อายุ: 22
ที่อยู่: Bangkok Thailand

 ข้อมูลส่วนตัว


"เมื่อใดสอบสวนจนรู้ได้ด้วยตนเองว่า ธรรมเหล่านั้นเป็นอกุศลหรือมีโทษเมื่อนั้นพึงละเสีย และเมื่อใดสอบสวนจนรู้ได้ด้วยตนเองว่า ธรรมเหล่านั้นเป็นกุศลหรือไม่มีโทษ เมื่อนั้นพึงถือปฏิบัติ"

ข้อความสำคัญ ในเกสปุตตสูตร


เห็นคุณยายโรส ชอบอ้างกาละมสูตรหนักหนา
แต่ไม่ อ่านให้จบครบถ้วน ไม่รู้ความหมาย ในข้อความสำคัญ

ข้อความนี้ แสดงนัยยะ อีกด้าน ต่อ ผู้คนที่ยังคิดใช้กาลามะสูตรอยู่ด้วยซ้ำ

ว่า สอบสวนลงพระธรรม พระวินัย พระปริยัติในพระไตรปิฎกไม่ได้
ไม่มีปัญญาพอ ที่จะแยกแยะได้ว่า
พระธรรม ที่พระพุทธองค์ทรงแสดง นั้น ในพระไตรปิฎกทั้งหมด
ไม่มีโทษ เป็นกุศลทั้งหมด เป็นปรมัตถ์ธรรมทั้งหมด ไม่มีโทษ และควรถือปฎิบัติ อย่างยิ่งค่ะ

และที่สำคัญ ในพระไตรปิฎก ได้ทรงแสดงวิธีปฎิบัติไว้ต่างๆนาๆครบถ้วน ทุกด้าน
ไม่ใช่แค่วิธีเดียว ของคนกลุ่มเดียวค่ะ
คนกลุ่มเดียว มันไม่ใช่สาธารณะค่ะ ขอเข้าใจไว้ด้วยนะคุณยายโรส
ว่า คนกลุ่มเดียว ไม่ใช่สาธารณะค่ะ อย่างที่คุณยาย คิดผิดๆๆ เข้าใจผิดๆๆ

ซึ่งหลังจากที่พระพุทธองค์ทรงแสดงเกสปุตตสูตร จบลง
ให้รู้ว่า ไม่มีชาวกาลามะ คนใดแม้นสักคนเดียวที่หลงเหลือ
ที่ยังใช้กาละมะสูตรอีก ในพระธรรมที่พระพุทธองค์ทรงแสดงไว้ดีแล้ว

แต่ในเมืองไทย หลายกลุ่มหลายลัทธิ

ยังมี คนที่ใช้กาลามะสูตร ต่อพระปริยัติ ที่พระพุทธองค์ได้ทรงแสดงไว้ในพระไตรปิฎก
อย่างล้นหลาม มากหน้าหลายตา

หนึ่งในนั้น คือ คุณยายโรสน่ะเองค่ะ


เมก็ขอ แนะนำนะคะ ให้หัดเรียนพระอภิธรรม พระปริยัติให้เป็นเรื่องเป็นราว ก่อนนะคะ

บ๊ายบายนะคะ จุ๊ฟๆๆ


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 18 ต.ค. 2018, 09:04 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 ต.ค. 2006, 12:36
โพสต์: 33766

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


กรัชกาย เขียน:
ดูทางสายเอก

สติปัฏฐานในฐานะสัมมาสติ


สติปัฏฐาน (สติ+ปัฏฐาน) แปลว่า ที่ตั้งของสติบ้าง การที่สติเข้าไปตั้งอยู่ คือมีสติกำกับอยู่บ้าง ฯลฯ ว่าโดยหลักการก็ คือ การใช้สติ หรือวิธีปฏิบัติเพื่อใช้สติให้บังเกิดผลดีที่สุด ดังความแห่งพุทธพจน์ในมหาสติปัฏฐานสูตรว่า

"ภิกษุทั้งหลาย ทางนี้เป็นมรรคาเอก เพื่อความบริสุทธิ์ของสัตว์ทั้งหลาย เพื่อข้ามพ้นโสกะ และปริเทวะ เพื่อความอัสดงแห่งทุกข์และโทมนัส เพื่อบรรลุโลกุตรมรรค เพื่อกระทำให้แจ้ง ซึ่งนิพพาน นี้คือสติปัฏฐาน ๔" (ที.ม.10/273/245 ฯลฯ)



เอาตอนท้ายๆให้ดูก่อง

อันว่า การปฏิบัติธรรมตามแนวสติปัฏฐานเนี่ยนะ ถ้าผู้ปฏิบัติทำถูกถ้วนมาแต่ต้นจนถึงระดับที่พอรู้เข้าใจแก้ปัญหาเองได้ รู้จักปรับอินทรีย์ได้เองแล้ว ผู้นั้น เหมือนคนมีจิตแพทย์ประจำตัวเลยทีเดียว

ตรงข้ามถ้าทำไม่ถูกไม่ต้องแล้ว ผู้นั้นก็ต้องไปพบจิตแพทย์ประจำแล้วแต่หมอนัด :b32: ไม่เชื่ออย่าลบหลู่


อ้างคำพูด:
อาจพูดสรุปได้แนวหนึ่งว่า การเจริญสติปัฏฐาน คือการเป็นอยู่ด้วยสติสัมปชัญญะ ซึ่งทำให้ภาพตัวตนที่จิตอวิชชาปั้นแต่ง ไม่มีช่องที่จะแทรกตัวเข้ามาในความคิดแล้วก่อปัญหาขึ้นได้

การปฏิบัติตามแนวสติปัฏฐานนี้ นักศึกษาฝ่ายตะวันตกบางท่าน นำไปเปรียบเทียบกับวิธีการแบบจิต วิเคราะห์ ของจิตแพทย์ (Psychiatrist) สมัยปัจจุบัน และประเมินคุณค่าว่า สติ ปัฏฐานได้ผลดีกว่า และใช้ประโยชน์ได้กว้างขวางกว่า เพราะทุกคนสามารถปฏิบัติได้เอง และ ใช้ในยามปรกติเพื่อความมีสุขภาพจิตที่ดีได้ด้วย

.....................................................
https://dhammachati.blogspot.com/


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 18 ต.ค. 2018, 13:44 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 11 มี.ค. 2018, 02:56
โพสต์: 2166

โฮมเพจ: maybe
แนวปฏิบัติ: สติปัฎฐาน
งานอดิเรก: กีฬา
สิ่งที่ชื่นชอบ: แบรนด์เเนม
ชื่อเล่น: เม
อายุ: 22
ที่อยู่: Bangkok Thailand

 ข้อมูลส่วนตัว


กรัชกาย เขียน:
กรัชกาย เขียน:
ดูทางสายเอก

สติปัฏฐานในฐานะสัมมาสติ


สติปัฏฐาน (สติ+ปัฏฐาน) แปลว่า ที่ตั้งของสติบ้าง การที่สติเข้าไปตั้งอยู่ คือมีสติกำกับอยู่บ้าง ฯลฯ ว่าโดยหลักการก็ คือ การใช้สติ หรือวิธีปฏิบัติเพื่อใช้สติให้บังเกิดผลดีที่สุด ดังความแห่งพุทธพจน์ในมหาสติปัฏฐานสูตรว่า

"ภิกษุทั้งหลาย ทางนี้เป็นมรรคาเอก เพื่อความบริสุทธิ์ของสัตว์ทั้งหลาย เพื่อข้ามพ้นโสกะ และปริเทวะ เพื่อความอัสดงแห่งทุกข์และโทมนัส เพื่อบรรลุโลกุตรมรรค เพื่อกระทำให้แจ้ง ซึ่งนิพพาน นี้คือสติปัฏฐาน ๔" (ที.ม.10/273/245 ฯลฯ)



เอาตอนท้ายๆให้ดูก่อง

อันว่า การปฏิบัติธรรมตามแนวสติปัฏฐานเนี่ยนะ ถ้าผู้ปฏิบัติทำถูกถ้วนมาแต่ต้นจนถึงระดับที่พอรู้เข้าใจแก้ปัญหาเองได้ รู้จักปรับอินทรีย์ได้เองแล้ว ผู้นั้น เหมือนคนมีจิตแพทย์ประจำตัวเลยทีเดียว

ตรงข้ามถ้าทำไม่ถูกไม่ต้องแล้ว ผู้นั้นก็ต้องไปพบจิตแพทย์ประจำแล้วแต่หมอนัด :b32: ไม่เชื่ออย่าลบหลู่


อ้างคำพูด:
อาจพูดสรุปได้แนวหนึ่งว่า การเจริญสติปัฏฐาน คือการเป็นอยู่ด้วยสติสัมปชัญญะ ซึ่งทำให้ภาพตัวตนที่จิตอวิชชาปั้นแต่ง ไม่มีช่องที่จะแทรกตัวเข้ามาในความคิดแล้วก่อปัญหาขึ้นได้

การปฏิบัติตามแนวสติปัฏฐานนี้ นักศึกษาฝ่ายตะวันตกบางท่าน นำไปเปรียบเทียบกับวิธีการแบบจิต วิเคราะห์ ของจิตแพทย์ (Psychiatrist) สมัยปัจจุบัน และประเมินคุณค่าว่า สติ ปัฏฐานได้ผลดีกว่า และใช้ประโยชน์ได้กว้างขวางกว่า เพราะทุกคนสามารถปฏิบัติได้เอง และ ใช้ในยามปรกติเพื่อความมีสุขภาพจิตที่ดีได้ด้วย


นั่นแน้ คุณลุงกรัชกาย เพราะคุณลุงไม่ได้เรียนพระปริยัติ จากบรมครูแพทย์ คือพระพุทธองค์

ไปเอาข้อความ เหมือนหมอรู้จักแต่โรค ไม่รู้จักยา
เรยจ่ายยาถูกๆ คิดราคาแพงๆ เลี้ยงไข้

เพราะไม่รู้ว่า

สติในสติปัฎฐานนี่ เอกสารกำกับยา ต้องกำหนดว่า เป็นสัมมาสติในกุศลชวนะ ค่ะ

อันนี้จึงรักษาหายเร็วไวค่ะ



โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 20 ต.ค. 2018, 06:10 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 ต.ค. 2006, 12:36
โพสต์: 33766

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


จิต, จิตต์ ธรรมชาติที่รู้อารมณ์, สภาพที่นึกคิด, ความคิด, ใจ

อ้างคำพูด:
Rosarin
จิตเป็นจิตเป็นธัมมะไม่ใช่เรา ไม่ใช่คน ไม่ใช่สัตว์ แต่เป็นสิ่งที่กำลังปรากฏว่ามีแล้ว

หลงยึดถือจิตว่าเป็นตัวตนเป็นความเห็นผิดตามบาลีใช้คำว่ามิจฉาทิฏฐิ

จะเกิดสัมมาทิฏฐิตามได้ตอนกำลังคิดตามคำสอนตรงสัจจะที่กำลังมี

ถ้าไม่มีจิตอะไรบนโลกนี้ก็มีไม่ได้แต่พอมีจิตก็เป็นเรามีตัวตนขึ้นมา

จะไม่รู้ความจริงตอนที่กำลังคิดถูกตามได้แสดงว่ามัวแต่คิดเอง

viewtopic.php?f=1&t=56647&p=428529#p428529




สติปัฏฐาน ๔ (ว่าตามหลัก) ได้แก่

๑.กายานุปัสสนาสติปัฏฐาน

๒.เวทนานุปัสสนาสติปัฏฐาน

๓.จิตตานุปัสสนาสติปัฏฐาน

๔.ธัมมานุปัสสนาสติปัฏฐาน

ทั้งคุณโรส ทั้งพี่เมโลกสวย ซึ่งยังตามหาจิต ยังไม่รู้จักความรู้สึกนึกคิดละก็ การปฏิบัติธรรมแนวสติปัฏฐาน ก็มีอันเป็นหมัน ชาตินี้คงไม่มีลูกสืบสกุล คิกๆๆ

มิใช่แกล้งพูดแกล้งว่านะว่า ธรรมะคุณโรสเป็นธรรมะในจินตนาการ ดูที่คิดสิ

อ้างคำพูด:
จิตเป็นจิต เป็นธัมมะ ไม่ใช่เรา ไม่ใช่คน ไม่ใช่สัตว์ แต่เป็นสิ่งที่กำลังปรากฏว่ามีแล้ว


จิตเป็นจิต เป็นนั่น ไม่ใช่นั่นไม่ใช่นี่ แต่เป็นสิ่งที่กำลังปรากฎว่ามีแล้ว อะไรของคุณโรสสิ่งที่ปรากฏว่ามีแล้ว คิกๆๆ

ถึงบอกไงว่า ภาษาพระภาษาทางธรรมเป็นภาษาบาลี เพราะฉะนั้น การศึกษาพุทธธรรม ผู้ศึกษาพื้นฐานเบื้องต้นเลย ต้องมีความรู้ภาษาของเขาบ้าง ไม่ยังงั้นแล้วจะวัตถุเดาอย่างคุณโรสนี่

จิต ศัพท์ก็บอกว่า ความคิด เป็นความรู้สึกนึกคิด คิดนั่นคิดนี่ นี่แหละจิต ถามตัวเองสิแต่ละวันๆ คิดเรื่องอะไรบ้าง อิอิ
อ้าวทีนี้ จะโยงให้ถึงศัพท์ที่มักพูดกันบ่อยเหมือนกัน คือ จินตามยปัญญา จินตะ จินตา นี่ก็ความคิด รากศัพท์อันเดียวกัน

.....................................................
https://dhammachati.blogspot.com/


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 20 ต.ค. 2018, 08:18 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 ต.ค. 2006, 12:36
โพสต์: 33766

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


กรัชกาย เขียน:
ดูทางสายเอก

สติปัฏฐานในฐานะสัมมาสติ


สติปัฏฐาน (สติ+ปัฏฐาน) แปลว่า ที่ตั้งของสติบ้าง การที่สติเข้าไปตั้งอยู่ คือมีสติกำกับอยู่บ้าง ฯลฯ ว่าโดยหลักการก็ คือ การใช้สติ หรือวิธีปฏิบัติเพื่อใช้สติให้บังเกิดผลดีที่สุด ดังความแห่งพุทธพจน์ในมหาสติปัฏฐานสูตรว่า

"ภิกษุทั้งหลาย ทางนี้เป็นมรรคาเอก เพื่อความบริสุทธิ์ของสัตว์ทั้งหลาย เพื่อข้ามพ้นโสกะ และปริเทวะ เพื่อความอัสดงแห่งทุกข์และโทมนัส เพื่อบรรลุโลกุตรมรรค เพื่อกระทำให้แจ้ง ซึ่งนิพพาน นี้คือสติปัฏฐาน ๔" (ที.ม.10/273/245 ฯลฯ)


จับมาเรียงต่อกันสะ

การเจริญสติปัฏฐาน ๔ นี้ เป็นวิธีปฏิบัติธรรมที่นิยมกันมาก และยกย่องนับถือกันอย่างสูง ถือว่ามีพร้อมทั้งสมถะและวิปัสสนาในตัว ผู้ปฏิบัติอาจเจริญสมถะจนได้ฌาน อย่างที่จะกล่าวถึงในเรื่องสัมมาสมาธิอันเป็นองค์มรรคข้อที่ ๘ ก่อนแล้ว จึงเจริญวิปัสสนาตามแนวสติปัฏฐานไปจนถึงที่สุดก็ได้ หรือจะอาศัยสมาธิเพียงขั้นต้นๆ เท่าที่จำเป็นมาประกอบ เจริญวิปัสสนาเป็นตัวนำตามแนวสติปัฏฐานนี้ ไปจนถึงที่สุดก็ได้

.....................................................
https://dhammachati.blogspot.com/


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 20 ต.ค. 2018, 08:49 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 ต.ค. 2006, 12:36
โพสต์: 33766

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


นี่ก็พูดกันบ่อย วางให้เห็นเพื่อจะได้ถกเถียงกันต่อไป

อารมณ์ เครื่องยึดหน่วงของจิต, สิ่งที่จิตยึดหน่วง, สิ่งที่ถูกรู้หรือถูกรับรู้ ได้แก่ อายตนะภายนอก ๖ คือ รูป เสียง กลิ่น รส โผฏฐัพพะ และธัมมารมณ์

อนิฏฐารมณ์ อารมณ์ที่ไม่น่าปรารถนา, สิ่งที่คนไม่อยากได้ไม่อยากพบ แสดงในแง่ตรงข้ามกับกามคุณ ๕ ได้แก่ รูป เสียง กลิ่น รส โผฏฐัพพะ ที่ไม่น่ารักใคร่ ไม่น่าชอบใจ
แสดงในแง่โลกธรรม ได้แก่ ความเสื่อมลาภ ความเสื่อมยศ การนินทา และความทุกข์ ตรงข้ามกับ อิฏฐารมณ์

อิฏฐารมณ์ “อารมณ์ที่น่าปรารถนา” สิ่งที่คนอยากได้อยากพบ แสดงในแง่กามคุณ ๕ ได้แก่ รูป เสียง กลิ่น รส โผฏฐัพพะ ที่น่ารักใคร่ น่าชอบใจ
แสดงในแง่โลกธรรม ได้แก่ ลาภ ยศ สรรเสริญ และความสุข


คนเราก็ประสบพบเห็นกันอยู่ทุกวี่วัน แต่ก็มองข้ามไปเสีย คิดเขวไปเสียว่าไม่ใช่ธรรมะ :b13:

.....................................................
https://dhammachati.blogspot.com/


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 20 ต.ค. 2018, 09:00 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 ต.ค. 2006, 12:36
โพสต์: 33766

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


โลกธรรมเต็มชุดเลย ทั้งอิฏฐารมณ์ ทั้งอนิษฐารมณ์ เรียกว่าธรรมะได้หมด


โลกธรรม ธรรมที่มีประจำโลก, ธรรมดาของโลก, ธรรมที่ครอบงำสัตว์โลกและสัตวโลกก็เป็นไปตามมัน มี ๘ อย่าง คือ มีลาภ ไม่มีลาภ มียศ ไม่มียศ นินทา สรรเสริญ สุข ทุกข์

.....................................................
https://dhammachati.blogspot.com/


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 20 ต.ค. 2018, 19:20 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 ต.ค. 2006, 12:36
โพสต์: 33766

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


คุณโรสว่าไว้ที่กระทู้อื่น แต่จับมาไว้ที่ กท.นี้ เพราะเรื่องที่คุณโรสพูด "รู้ทันปัจจุบันขณะ" ซึ่งเข้ากับหัวข้อนี้

อ้างคำพูด:
Rosarin

ความจริงรู้ทันเป็นปัจจุบันขณะ ไม่รู้คือไม่มีปัญญาตรง 1 สัจจะเดี๋ยวนี้เลย


อ้างคำพูด:
กรัชกาย
ปัจจุบันขณะมาอีกแว้ว ไหนบอก ปัจจุบัน,อดีต, อนาคต ชัดๆสิ จากไหนถึงไหน เป็นอดีต จากไหนถึงไหน เป็นอนาคต แค่ไหนเป็นปัจจุบัน

viewtopic.php?f=1&t=56649&p=428555#p428555



อันที่จริงคำพูดคุณโรสดังกล่าว ออกแนวๆวิธีปฏิบัติตามหลักสติปัฏฐาน ซึ่งไปจำจากใครมาไม่ทราบได้ ดังนั้น จะนำหลักสั้นๆให้ดู เพื่อนำไปเทียบกับการปฏิบัติทางจิต (สงสัยไม่เข้าใจถามได้) ดังนี้

สติปัฏฐาน เพ่งถึงการตั้งสติระลึกรู้เต็มตื่นอยู่กับสิ่งที่กำลังเกิดขึ้น กำลังเป็นไปอยู่ กำลังรับรู้ หรือกำลังกระทำในปัจจุบันทันทุกๆขณะ

เมื่อว่าถึง การปฏิบัติทางจิต ปัจจุบัน หมายถึง ขณะเดียวที่กำลังเกิดขึ้นเป็นอยู่

ในความหมายที่ลึกลงไปนี้ เป็นอยู่ในปัจจุบัน หรืออยู่กับปัจจุบัน หมายถึง มีสติทันอยู่กับสิ่งที่รับรู้ เกี่ยวข้อง หรือต้องทำในเวลานั้นๆ แต่ละขณะ ทุกๆขณะ ถ้าจิตรับรู้สิ่งใดแล้ว เกิดความชอบใจหรือไม่ชอบใจขึ้น ก็ติดข้องวนเวียนอยู่กับภาพของสิ่งนั้นที่สร้างซ้อนขึ้นในใจ เป็นอัน ตกไปในอดีต (เรียกว่า “ตกอดีต”) ตามไม่ทันของจริง หลุดหลงพลาดไปจากขณะปัจจุบันแล้ว หรือถ้า
จิต หลุดลอยจากขณะปัจจุบัน คิดฝันไปตามความรู้สึกที่เกาะเกี่ยวกับภาพเลยไปข้างหน้าของสิ่งที่ยังไม่มา ก็เป็นอันฟุ้งไปในอนาคต

ฯลฯ

.....................................................
https://dhammachati.blogspot.com/


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 20 ต.ค. 2018, 19:46 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 ต.ค. 2006, 12:36
โพสต์: 33766

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


จงกรม เดินไปมาโดยมีสติกำกับ


รูปภาพ


นี่คือการฝึกสติปัฏฐาน (กายานุปัสสนาสติปัฏฐาน) ก้าวเท้าซ้ายขณะหนึ่ง ก้าวเท้าขวาขณะหนึ่ง โยคีต้องตามดูรู้ทันทุกขณะที่ก้าวเดินไปแต่ละขณะๆ (แต่ละก้าวๆ) ช้าเร็วไม่ใช่ปัญหา ถ้ารู้เท่ารู้ทัน (ความคิดขณะที่เดินก็รู้ทัน กำหนดความคิดด้วย วิบ คิดหนอ อิอิ พูดให้คนเถียงหน่อย)

เลิกจากตรงนี้แล้ว ไปทำงานทำการอื่นๆก็ทำนองนั้น คือ คุมจิตให้รับรู้อยู่กับสิ่งที่กำลังทำในขณะนั้นๆ

.....................................................
https://dhammachati.blogspot.com/


แสดงโพสต์จาก:  เรียงตาม  
กลับไปยังกระทู้  [ 85 โพสต์ ]  ไปที่หน้า ย้อนกลับ  1, 2, 3, 4, 5, 6  ต่อไป

เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง


 ผู้ใช้งานขณะนี้

่กำลังดูบอร์ดนี้: Google [Bot] และ บุคคลทั่วไป 1 ท่าน


ท่าน ไม่สามารถ โพสต์กระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ตอบกระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แก้ไขโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ลบโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แนบไฟล์ในบอร์ดนี้ได้

ค้นหาสำหรับ:
ไปที่:  
Google
ทั่วไป เว็บธรรมจักร