วันเวลาปัจจุบัน 23 มิ.ย. 2025, 01:44  



เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง




กลับไปยังกระทู้  [ 346 โพสต์ ]  ไปที่หน้า ย้อนกลับ  1 ... 13, 14, 15, 16, 17, 18, 19 ... 24  ต่อไป  Bookmark and Share
เจ้าของ ข้อความ
โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 11 เม.ย. 2014, 06:53 
 
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 18 ก.ย. 2011, 21:51
โพสต์: 4941


 ข้อมูลส่วนตัว




GEDC1775_resize.JPG
GEDC1775_resize.JPG [ 78.03 KiB | เปิดดู 2125 ครั้ง ]
กบนอกกะลา เขียน:
แต่..กลับไปแย้งความเห็นเดิม...ของตน..ซะเนี้ย

asoka เขียน:
:b4:
หยาบไปนะ ๆ คุณกบ

โดยธรรมมีความละเอียดอ่อนซ่อนลึกยิ่งกว่านั้น

ตัวกูของกูชั้นความเห็นผิดหรือสักกายทิฏฐิเป็นชั้นหยาบไม่หมดกาม
ราคะ ปฏิฆะได้

ชั้นที่จะเอาออกได้ต้องลึกละเอียดกว่านี้คือต้องทำลายความยึดผิด (มานะทิฏฐิ)ออกได้อีก 1/4 หรือ 25%

:b38:

อันเก่าผิด.....ก็ทิ้งมันไปซะ....เอาอันใหม่ที่ถูกนั้นแหละ..อโสกะ

:b34:
ละอันหยาบ คือสักกายทิฏฐิ ความเห็นผิด ให้ได้ก่อนนะกบนะ รางวัลที่ได้คือ โสดาปัตติผลหรือ สกิทาคามีผล

หลังจากนั้นจึงทำลายสิ่งที่ละเอียดไปเป็นส่วนๆจนหมด คือมานะทิฏฐิ ความยึดผิด ราวัลที่ได้คือ อนาคามีผล และอรหัตผล


อันเก่าผิด.....ก็ทิ้งมันไปซะ....เอาอันใหม่ที่ถูกนั้นแหละ กบ กะลา
:b16:
โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 11 เม.ย. 2014, 07:07 
 
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 25 เม.ย. 2009, 02:43
โพสต์: 12232


 ข้อมูลส่วนตัว


asoka เขียน:
:b43:
การตีความจากคำสอนของครูบาอาาจารย์นั้นต้องระมัดระวังให้ดี เพราะถ้าตีความผิดอาจเป็นการลบหลู่ครูบาอาจารย์โดยไม่รู้ตัว

"อรหันต์จริงๆ ทำลายสักกายทิฏฐิตัวเดียว"..........ความข้อนี้ถ้าว่าตามลำดับแห่งธรรมของสังโยชน์ 10 น่าจะไม่ใช่

แต่ถ้าว่าตามลำดับของเหตุและผลก็น่าจะใช่ เพราะการที่จะก้าวขึ้นไปถึงอรหัตมรรค อรหัตผลนั้น ต้องผ่านด่านแรก คือทำลายสักกายทิฏฐิ ทุกท่านทุกคน
:b55:


เคยว่าผม..ไม่ใช่...
ผมก็เลยถามอโสกะว่า..แล้วภาวนาอย่างไร....เพื่อละมานะทิฏฐิ...

กบนอกกะลา เขียน:

อโสกะ...ไม่รู้สึกอะไรบ้างหรอ..ว่า..สักกายทิฏฐิ...กับ..มานะ...มันละหม้ายคล้ายกัน
แค่..หยาบละเอียด..ต่างกันเท่านั้นเอง...
ไม่รู้สึกอะไรจริงๆรึ?


asoka เขียน:
:b4:
หยาบไปนะ ๆ คุณกบ

โดยธรรมมีความละเอียดอ่อนซ่อนลึกยิ่งกว่านั้น

ตัวกูของกูชั้นความเห็นผิดหรือสักกายทิฏฐิเป็นชั้นหยาบไม่หมดกาม
ราคะ ปฏิฆะได้

ชั้นที่จะเอาออกได้ต้องลึกละเอียดกว่านี้คือต้องทำลายความยึดผิด (มานะทิฏฐิ)ออกได้อีก 1/4 หรือ 25%
:b38:


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 11 เม.ย. 2014, 07:13 
 
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 18 ก.ย. 2011, 21:51
โพสต์: 4941


 ข้อมูลส่วนตัว


s006
ไม่เข้าใจการสื่อของกบ

สรุปว่า สองสามเรื่องในกระทู้ที่ผ่านมา เป็นวิธีกำจัด สักกายทิฏฐิและมานะทิฏฐิก็แล้วกัน ใครจะเข้าใจ ตีความอย่างไรก็เอาตามถนัดและเหตุปัจจัยของใครของมัน ไม่มีความจำเป็นต้องมาคะคานเอาผิดเอาถูก ฉันใช่ เธอไม่ใช่ ให้จนได้จนมี
wink


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 11 เม.ย. 2014, 07:36 
 
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 25 เม.ย. 2009, 02:43
โพสต์: 12232


 ข้อมูลส่วนตัว


asoka เขียน:
ละอันหยาบ คือสักกายทิฏฐิ ความเห็นผิด ให้ได้ก่อนนะกบนะ รางวัลที่ได้คือ โสดาปัตติผลหรือ สกิทาคามีผล

หลังจากนั้นจึงทำลายสิ่งที่ละเอียดไปเป็นส่วนๆจนหมด คือมานะทิฏฐิ ความยึดผิด ราวัลที่ได้คือ อนาคามีผล และอรหัตผล


[:


ตัวกูของกู...คือ..สักกายทิฏฐิ
สักกายทิฏฐิ..คือ..ตัวกูของกู

ละได้อย่างหยาบ..คือ..รู้สึกว่าร่างกายนี้มีความตาย..ต้องสลายเป้นที่สุดแน่ๆ...ตัวอย่างคือ..ลูกสาวช่างทอหูก
เป็นโสดาบัน
ละได้อย่างกลาง...คือ...รู้สึกว่า..รูปร่างกายนี้..เป็นอสุภะ...มีอาการ32 ...ไม่มีตรงไหนสวยงาม...นี้เป้นอนาคามี...
ละได้อย่างละเอียด....จะรู้สึกว่า....ร่างกายนี้เป้นแต่เพียงธาตุ4ขันธ์5 ...เราไม่มีในร่างกายนี้...ร่างกายนี้ไม่มีในเรา....จบ

ไหนลองเล่า...หยาบ..อะไรหยาบ..รู้สึกแบบไหนจึงหยาบ
ละอียด...อะไรละเอียด...รู้สึกแบบไหนจึงละเอียด....ตามที่อโสกะเข้าใจ..ตามที่ใครเขาบอก..มาหน่อยซิ

ไม่งั้น..ก็พูดแค่หยาบ..ละเอียด..ก็ไม่รู้เรื่องกัน...

และข้อความที่ผมว่ามาข้างต้น...ผมไม่ได้รู้เองหรอก...แต่ผมเห้นว่า..มีเหตุมีผล...ถ้าอโสกะว่าไม่มีเหตุมีผลไม่น่าเชื่อถือ...อโสกะก็ว่าหคุผลที่มันดีกว่านี้มาหน่อยซิ.....ถ้ามีเหตุผลดีกว่านี้..ผมก็พร้อมจะเปลี่ยน..

ว่างัยอเสกะ...รออ่านอยู่นะ...


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 11 เม.ย. 2014, 15:58 
 
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 18 ก.ย. 2011, 21:51
โพสต์: 4941


 ข้อมูลส่วนตัว


:b12:
ละอย่างหยาบ .......ละความเห็นผิดว่า กาย ใจ นี้ เป็นตัวกู ของกู

ละอย่างกลาง........ละความยึดถือในกาย

ละอย่างละเอียด.....ละความยึดถือในจิต


:b39: :b39: :b39:


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 11 เม.ย. 2014, 20:19 
 
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 25 เม.ย. 2009, 02:43
โพสต์: 12232


 ข้อมูลส่วนตัว


อโสกะ...รู้เรื่องราวของลูกสาวช่างทอหูก..มั้ย?....ท่านเป็นโสดาบันเพราะพิจารณาความตาย
ท่านวิสาขา...เป็นโสดาบัน..ตั้งกะ7 ขวบ...ถ้าหมดตัวกูของกู..แล้ว....มีรึ..จะทำมาหาเงินคงความร่ำรวยจนแก่เฒ่า...

คิดดูให้ดี..ดี....ยังไม่ต้องเชื่อผมก็ได้....เพราะคิดว่ส้ก่งกว่าผม..คงจะเชื่อผมลำบาก..แต่ให้พิจารณาให้ดี..ดี...ไม่เข้าใจใจตรงนี้...เข้าโสดาบันไม่ได้..เด้อเอ้า...อิอิ

asoka เขียน:
:b12:
ละอย่างหยาบ .......ละความเห็นผิดว่า กาย ใจ นี้ เป็นตัวกู ของกู

ละอย่างกลาง........ละความยึดถือในกาย

ละอย่างละเอียด.....ละความยึดถือในจิต


:b39: :b39: :b39:


เดียวได้ถาม..อย่างกรัชกาย..ซะหรอก

หยาบ...ละกาย..ใจ
กลาง...ละกาย
ละเอียด....ละจิต

งั้นรึ..อโสกะ
ไหนบอกมาซิ....กายใจ...กาย....จิต...มันเป็นยังงัย...เหมือนกัน..รึ..ต่างกัน.ยังงัย?


แก้ไขล่าสุดโดย กบนอกกะลา เมื่อ 11 เม.ย. 2014, 20:28, แก้ไขแล้ว 1 ครั้ง

โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 11 เม.ย. 2014, 20:24 
 
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 18 ก.ย. 2011, 21:51
โพสต์: 4941


 ข้อมูลส่วนตัว


กบนอกกะลา เขียน:
asoka เขียน:
:b12:
ละอย่างหยาบ .......ละความเห็นผิดว่า กาย ใจ นี้ เป็นตัวกู ของกู

ละอย่างกลาง........ละความยึดถือในกาย

ละอย่างละเอียด.....ละความยึดถือในจิต


:b39: :b39: :b39:


เดียวได้ถาม..อย่างกรัชกาย..ซะหรอก

หยาบ...ละกาย..ใจ
กลาง...ละกาย
ละเอียด....ละจิต

งั้นรึ..อโสกะ
ไหนบอกมาซิ....กายใจ...กาย....จิต...มันเป็นยังงัย...เหมือนกัน..รึ..ต่างกัน.ยังงัย?

tongue
ผิดจุดแล้วกบ

ละเห็นผิด

ละยึดกาย

ละยึดจิต
:b4:


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 11 เม.ย. 2014, 21:11 
 
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 25 เม.ย. 2009, 02:43
โพสต์: 12232


 ข้อมูลส่วนตัว


กบนอกกะลา เขียน:
อโสกะ...รู้เรื่องราวของลูกสาวช่างทอหูก..มั้ย?....ท่านเป็นโสดาบันเพราะพิจารณาความตาย
ท่านวิสาขา...เป็นโสดาบัน..ตั้งกะ7 ขวบ...ถ้าหมดตัวกูของกู..แล้ว....มีรึ..จะทำมาหาเงินคงความร่ำรวยจนแก่เฒ่า...

คิดดูให้ดี..ดี....ยังไม่ต้องเชื่อผมก็ได้....เพราะคิดว่ส้ก่งกว่าผม..คงจะเชื่อผมลำบาก..แต่ให้พิจารณาให้ดี..ดี...ไม่เข้าใจใจตรงนี้...เข้าโสดาบันไม่ได้..เด้อเอ้า...อิอิ


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 11 เม.ย. 2014, 21:54 
 
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 18 ก.ย. 2011, 21:51
โพสต์: 4941


 ข้อมูลส่วนตัว


กบนอกกะลา เขียน:
กบนอกกะลา เขียน:
อโสกะ...รู้เรื่องราวของลูกสาวช่างทอหูก..มั้ย?....ท่านเป็นโสดาบันเพราะพิจารณาความตาย
ท่านวิสาขา...เป็นโสดาบัน..ตั้งกะ7 ขวบ...ถ้าหมดตัวกูของกู..แล้ว....มีรึ..จะทำมาหาเงินคงความร่ำรวยจนแก่เฒ่า...

คิดดูให้ดี..ดี....ยังไม่ต้องเชื่อผมก็ได้....เพราะคิดว่ส้ก่งกว่าผม..คงจะเชื่อผมลำบาก..แต่ให้พิจารณาให้ดี..ดี...ไม่เข้าใจใจตรงนี้...เข้าโสดาบันไม่ได้..เด้อเอ้า...อิอิ

:b12:
กบไม่เข้าใจการทำงานโดยมี กู กับการทำงานโดยไร้ กู เจตนาในการทำมันต่างกันมากเลยนะ

มีกู จะทำงานด้วยตัณหา โลภะ โทสะ โมหะ

ไร้กู จะทำงานด้วยหน้าที่ เหตผล เมตตา กรุณา พรหมวิหารธรรม
:b48:


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 11 เม.ย. 2014, 22:23 
 
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 25 เม.ย. 2009, 02:43
โพสต์: 12232


 ข้อมูลส่วนตัว


โสดาบัน..ยังละกูเด็ดขาด..ยังไม่ได้หรอก...

ท่านวิสาขา...ร้องไห้ที่หลานสาวตาย....ก็มิเพราะว่า...หลานกู...ดอกรึ

ลูกสาวช่างทอหูก....ก็ยังรู้สึกว่า...กูตาย...อยู่เลย....


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 12 เม.ย. 2014, 10:32 
 
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 18 ก.ย. 2011, 21:51
โพสต์: 4941


 ข้อมูลส่วนตัว


กบนอกกะลา เขียน:
โสดาบัน..ยังละกูเด็ดขาด..ยังไม่ได้หรอก...

ท่านวิสาขา...ร้องไห้ที่หลานสาวตาย....ก็มิเพราะว่า...หลานกู...ดอกรึ

ลูกสาวช่างทอหูก....ก็ยังรู้สึกว่า...กูตาย...อยู่เลย....

s004
โสดาบันบุคคล ละความเห็นผิดว่าเป็นกูเป็นเรา หรือ สักกายะทิฏฐิ ได้โดยเด็ดขาดไม่กลับมาอีก ไม่ต้องสงสัย
onion onion
นางวิสาขาร้องให้ที่หลานสาวตาย มิใช่ร้องให้เพราะความว่า เป็นหลานของกู ตาย อย่างคนธรรมดาทั่วไป แต่ร้องให้ด้วยธรรมารมณ์ ที่เรียกว่า โสกะ ปริเทวะ ทุกขะ โทมนัสสะ อุปายาสะ อันเป็นธรรมชาติของจิตที่ยังมีกิเลสราคะเหลืออยู่

จิตของพระโสดาบันนั้น กลวง ว่างเปล่าจากความเป็นกูเป็นเรา เหมือนไม่มีผู้รับและปฏิกิริยาตอบโต้ อยู่ภายในจิต

อุปมาให้เห็นภาพ

เมื่อเป็นจิตปุถุชนนั้น เหมือนมือสองข้างซ้าย ขวา ที่มีนิ้วครบ 5 นิ้ว ปรบกัน ย่อมมีเสียงดังมาก มือขวาเปรียบเป็นเหตุ คือ กู ที่อยู่ในจิต มือซ้าย เปรียบเป็นปัจจัย คือ ผัสสะ ที่มากระทบทวารทั้ง 6

เมื่อทำลายสักกายะทิฏฐิได้แล้ว เปรียบเหมือน นิ้วหัวแม่มือและนิ้วชี้ขวา หายไป คงเหลือข้างเหตุอยู่เพียง 3 นิ้ว เมือ่ปรบกับปัจจัยที่มี 5 นิ้ว เท่าเดิม เสียงปรบจึงค่อยลงไป สองส่วน ดังเพียง 3 ส่วน

เมื่อทำราคะ ปฏิฆะให้เบาบางลงได้ (สกิทาคามีผล) เปรียบเหมือนนิ้วกลางมือขวาหายไป คงเหลือข้างเหตุเพียง 2 นิ้ว เสียงปรบมือก็จะยิ่งค่อยลงอีก

เมื่อละความยึดถือในกายได้ กามราคะ ปฏิฆะดับ(อนาคามีผล) เหมือนนิ้วนางขวาหายไป ข้างเหตุเหลือเพียงนิ้วเดียว เสียงปรบมือจึงดังค่อยมากแทบไม่ได้ยิน มานะทิฏฐิเหลือเพียงประมาณ 25 %

เมื่อละความยึดถือในจิตได้ สังโยชน์ 5 ตัวที่เหลือ ดับขาดสิ้นหมด (อรหัตผล) เหมือนนิ้วก้อยขวาและมือข้าง เหตุ หายไปหมดสิ้น

เหลือมือซ้ายคือปัจจัย หรือผัสสะ ปรบอยู่ข้างเดียว ย่อมไม่มีเสียงดัง สิ้นปฏิกิริยาโต้ตอบ เหลือแต่กิริยา อันเป็นไปตามกำลังแห่งเหตุปัจจัยที่เหลือ


:b44:
เล่าให้ฟังพร้อมอุปมาอุปมัยง่ายๆอย่างนี้ มิทราบว่า กบ จะเข้าใจไหมน้อ?
s006 s006


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 12 เม.ย. 2014, 12:49 
 
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 25 เม.ย. 2009, 02:43
โพสต์: 12232


 ข้อมูลส่วนตัว


:b9: :b9: :b9:


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 12 เม.ย. 2014, 12:59 
 
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 25 เม.ย. 2009, 02:43
โพสต์: 12232


 ข้อมูลส่วนตัว


asoka เขียน:
กบนอกกะลา เขียน:
โสดาบัน..ยังละกูเด็ดขาด..ยังไม่ได้หรอก...

ท่านวิสาขา...ร้องไห้ที่หลานสาวตาย....ก็มิเพราะว่า...หลานกู...ดอกรึ

ลูกสาวช่างทอหูก....ก็ยังรู้สึกว่า...กูตาย...อยู่เลย....

s004
โสดาบันบุคคล ละความเห็นผิดว่าเป็นกูเป็นเรา หรือ สักกายะทิฏฐิ ได้โดยเด็ดขาดไม่กลับมาอีก ไม่ต้องสงสัย
onion onion
นางวิสาขาร้องให้ที่หลานสาวตาย มิใช่ร้องให้เพราะความว่า เป็นหลานของกู ตาย อย่างคนธรรมดาทั่วไป แต่ร้องให้ด้วยธรรมารมณ์ ที่เรียกว่า โสกะ ปริเทวะ ทุกขะ โทมนัสสะ อุปายาสะ อันเป็นธรรมชาติของจิตที่ยังมีกิเลสราคะเหลืออยู่

[color=#400080]เล่าให้ฟังพร้อมอุปมาอุปมัยง่ายๆอย่างนี้ มิทราบว่า กบ จะเข้าใจไหมน้อ?

s006 s006


แล้วชาวบ้าน...ร้องไห้....แบบไหนครับ....ไม่ใช่เพราะธรรมารมณ์...ไม่เป็นโสกะ..ไม่เป็นปริเทวะ...ไม่เป็นทุกขะ...ไม่เป็นโทมมนัส....ไม่เป็นอุปายาส...ชาวบ้านร้องให้แบบไม่มีกิเลสรังัย?...อโสกะ..


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 12 เม.ย. 2014, 14:43 
 
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 18 ก.ย. 2011, 21:51
โพสต์: 4941


 ข้อมูลส่วนตัว


กบนอกกะลา เขียน:
asoka เขียน:
กบนอกกะลา เขียน:
โสดาบัน..ยังละกูเด็ดขาด..ยังไม่ได้หรอก...

ท่านวิสาขา...ร้องไห้ที่หลานสาวตาย....ก็มิเพราะว่า...หลานกู...ดอกรึ

ลูกสาวช่างทอหูก....ก็ยังรู้สึกว่า...กูตาย...อยู่เลย....

s004
โสดาบันบุคคล ละความเห็นผิดว่าเป็นกูเป็นเรา หรือ สักกายะทิฏฐิ ได้โดยเด็ดขาดไม่กลับมาอีก ไม่ต้องสงสัย
onion onion
นางวิสาขาร้องให้ที่หลานสาวตาย มิใช่ร้องให้เพราะความว่า เป็นหลานของกู ตาย อย่างคนธรรมดาทั่วไป แต่ร้องให้ด้วยธรรมารมณ์ ที่เรียกว่า โสกะ ปริเทวะ ทุกขะ โทมนัสสะ อุปายาสะ อันเป็นธรรมชาติของจิตที่ยังมีกิเลสราคะเหลืออยู่

[color=#400080]เล่าให้ฟังพร้อมอุปมาอุปมัยง่ายๆอย่างนี้ มิทราบว่า กบ จะเข้าใจไหมน้อ?

s006 s006


แล้วชาวบ้าน...ร้องไห้....แบบไหนครับ....ไม่ใช่เพราะธรรมารมณ์...ไม่เป็นโสกะ..ไม่เป็นปริเทวะ...ไม่เป็นทุกขะ...ไม่เป็นโทมมนัส....ไม่เป็นอุปายาส...ชาวบ้านร้องให้แบบไม่มีกิเลสรังัย?...อโสกะ..

:b12:
บอกมาขนาดนี้ยังไม่เข้าใจอีกนะกบ

ชาวบ้านเขาก็ร้องให้แบบใจมีกูเต็มๆนะซิ
:b13:


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 12 เม.ย. 2014, 17:52 
 
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 25 เม.ย. 2009, 02:43
โพสต์: 12232


 ข้อมูลส่วนตัว


แบบตัวกูเต็มๆ...นี้...ไม่มีธรรมารมณ์....ไม่มีโสกะ..ไม่มี..อุปายาส...รึงัย
จะขำไม่ออก....อยู่แล้วนะเนี้ย

อโสกะ..นี้ผิดปกติเอา..มาก..มาก...
เป็นอะไรรึเปล่า...


แสดงโพสต์จาก:  เรียงตาม  
กลับไปยังกระทู้  [ 346 โพสต์ ]  ไปที่หน้า ย้อนกลับ  1 ... 13, 14, 15, 16, 17, 18, 19 ... 24  ต่อไป

เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง


 ผู้ใช้งานขณะนี้

่กำลังดูบอร์ดนี้: Google [Bot] และ บุคคลทั่วไป 1 ท่าน


ท่าน ไม่สามารถ โพสต์กระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ตอบกระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แก้ไขโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ลบโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แนบไฟล์ในบอร์ดนี้ได้

ค้นหาสำหรับ:
ไปที่:  
Google
ทั่วไป เว็บธรรมจักร