วันเวลาปัจจุบัน 24 ก.ค. 2025, 00:19  



เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง




กลับไปยังกระทู้  [ 64 โพสต์ ]  ไปที่หน้า ย้อนกลับ  1, 2, 3, 4, 5  ต่อไป  Bookmark and Share
เจ้าของ ข้อความ
โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 02 ม.ค. 2010, 01:59 
 
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 25 เม.ย. 2009, 02:43
โพสต์: 12232


 ข้อมูลส่วนตัว


panejon เขียน:
ขอบพระคุณครับ

คุณกบนอกกะลาครับ ธรรมะบันเทิงมีอยู่หรือ แต่บันเทิงในธรรมผมยอมรับว่ามี
การศึกษาก่อนรู้ก่อนเป็นการหลงทางผมไม่ทราบมาก่อนว่าเป็นการหลงทาง
ผมคิดว่าเป็นเรื่องที่ดี แสดงว่าผมเข้าใจผิดใช่ใหมครับ


ผมไม่เคยบอกว่า..ศึกษาก่อนรู้ก่อนเป็นการหลงทาง..นะครับ

สำนวนเดิมเขาว่า...หลงทางเสียเวลา...
ผมก็ต่อไปอีกว่า...หลงสัญญาโคตะระเสียเวลาเลย..

คือ..สัญญาเป็นความจำ..หากจำได้แล้วคิดว่าเรารู้แล้วจากการจำ..นี้เรียกว่า..หลงสัญญาคือคิดไปว่าการจำได้นี้เป็นปัญญา..ครับ

อ้างคำพูด:
แล้วจิตไม่ควรที่ศึกษาก่อนแล้วผมต้องศึกษาอะไรก่อนครับ

ไปเห็นมันเข้าแล้วหรืองัยครับจึงอยากไปศึกษามัน..

ทุกข์..สิครับ..ที่ต้องพิจารณาให้ใจมันยอมรับก่อนว่า..ทุกข์จริง ๆ นะ..แรก ๆ ก็พิจารณาทุกข์หยาบ ๆ ของร่างกายคนนี้ก่อนละ..เห็นได้ง่ายดี...ต่อ ๆ ไปเมื่อใจอ่อนนุ่มดีแล้วก็จะเริ่มเห็นทุกข์ที่ละเอียดขึ้นตามกำลังใจของผู้ปฎิบัติ

อ้างคำพูด:
จริงๆแล้วผมก็อยากถามการเข้าถึงพระนิพพาน แต่ผมไม่กล้า
ผมคิดว่าเป็นการใฝ่สูงเกินไป


พระนิพพานเป็นของสูง..จริง ๆ ครับ..แต่ไม่สูงเกินไปกว่า..มนุษย์จะทำได้

อ้างคำพูด:
ผมก็เคยได้อ่านได้ยินมาว่าการที่จะเข้าถึงนิพพานต้องว่างจากกิเลสทั้งมวน
อย่างหมดจด จิตต้องบริสุทธ์ขาวสะอาด ไร้ซึ่งกิเลสที่จะมาเกาะติดโดยสิ้นเชิง
จิตไร้การปรุงแต่งใดทั้งสิ้น นอกเหนือสิ่งใดๆทั้งมวนทั้งเหตุและผล ไร้ซึ่งอุปทาน
ทั้งหลาย และอื่นๆอีกมากมาย ผมเลยคิดจุดเริ่มต้นผมจะเริ่มที่จิต
แต่ถ้าเป็นการเริ่มต้นที่ผิดผมต้องเริ่มต้นที่ใหนดีครับทุกๆท่าน


ต้องวางนั้น..วางนี้..ต้องทำนั้นทำนี้..นี้มันก็เปรียบเหมือนกับแปลนบ้าน..จุดสูงสุดของบ้านก็คือหลังคา..จะสร้างบ้านสักหลังเรามาทำหลังคาก่อนเลยนี้..มันจะได้บ้านมั้ยหนอ? บ้านมันก็ต้องเริ่มจากฐานก่อน..เช่นไร..นิพพานก็มีสัมมาทิฎฐิเป็นฐาน..เช่นนั้น..ทิฎฐิที่เห็นทุกข์..ว่าเป็นทุกข์..เห็นสมุทัย..ว่าเป็นสมุทัย..เห็นนิโรธมีอยู่..แล้วอยากออกจากทุกข์..ทิฎฐิจึงเป็นสัมมา..เรียกสัมมาทิฏฐิ


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 02 ม.ค. 2010, 11:45 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 17 พ.ค. 2009, 09:34
โพสต์: 1478

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


กบนอกกะลา เขียน:
ต้องวางนั้น..วางนี้..ต้องทำนั้นทำนี้..นี้มันก็เปรียบเหมือนกับแปลนบ้าน..จุดสูงสุดของบ้านก็คือหลังคา..จะสร้างบ้านสักหลังเรามาทำหลังคาก่อนเลยนี้..มันจะได้บ้านมั้ยหนอ? บ้านมันก็ต้องเริ่มจากฐานก่อน..เช่นไร..นิพพานก็มีสัมมาทิฎฐิเป็นฐาน..เช่นนั้น..ทิฎฐิที่เห็นทุกข์..ว่าเป็นทุกข์..เห็นสมุทัย..ว่าเป็นสมุทัย..เห็นนิโรธมีอยู่..แล้วอยากออกจากทุกข์..ทิฎฐิจึงเป็นสัมมา..เรียกสัมมาทิฏฐิ


:b32: :b9:

พักจากเรื่องลู่ กะ ลาน มาสร้างบ้านแล้ว พี่ชายเรา... :b32: :b32:

รูปภาพ

สวัสดี ปีใหม่...เจ้าค่ะ...


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 02 ม.ค. 2010, 16:43 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 7
สมาชิก ระดับ 7
ลงทะเบียนเมื่อ: 20 พ.ย. 2009, 16:20
โพสต์: 537

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


panejon เขียน:
ขอขอบพระคุณทุกท่านที่ชี้แนะแนวทางการปฏิบัติทั้งหลาย


หลังปีใหม่ประมาณวันที่ 6-7ม.ค. 53 ผมจะได้ติดตามพระอาจารย์ที่วัดใกล้บ้าน
ไปปฏิบัติธรรม ผมจะนำความรู้ที่ได้จากทุกท่านน้อมปฏิบัติ
พระอาจารย์ท่านว่าถ้าต้องการศึกษาธรรมต้องเข้าปฏิบัติกันเลย
ไปในที่นี้เป็นการไปธุดงค์ของพระอาจารย์ผมเป็นผู้ติดตาม
ไปแถวประเทศเพื่อนบ้าน (เขมร) ไม่รู้ว่าผมจะไหวใหม
อย่างไรก็ช่วยเป็นกำลังใจให้ผมหน่อยนะครับ


อนุโมทนาสาธุครับ :b8:
ขอให้เจริญในธรรมครับ


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 02 ม.ค. 2010, 17:31 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 7
สมาชิก ระดับ 7
ลงทะเบียนเมื่อ: 20 พ.ย. 2009, 16:20
โพสต์: 537

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


yodchaw เขียน:
จิต คือ รู้ การรับรู้ หรือวิญญาณขันธ์


มหาราชันย์ เขียน:
จิตคือ วิญญาณขันธ์ เรียกวิญญาณขันธ์ว่า ธรรมที่เป็นจิต
จิตเกิดร่วมเกิดพร้อมกับ เจตสิกธรรม 3 หลอมรวมเป็นเนื้อเดียวกัน เจตสิกธรรม 3 ได้แก่ เวทนาขันธ์ สัญญาขันธ์ และสังขารขันธ์

เวลาเราพูดถึงจิต จะหมายถึงนามขันธ์ 4 ที่รวมกันนี้ คือเวทนาขันธ์ สัญญาขันธ์ สังขารขันธ์ และวิญญาณขันธ์ รวมเรียกว่าจิตครับ


พระพุทธเจ้าทั้งปวง และ สัตวโลกทั้งสิ้นไม่ได้เป็นอะไรเลยนอกจากเพียง จิตหนึ่ง
นอกจาก จิตหนึ่ง แล้วมิได้มีอะไรตั้งอยู่เลย
จิตหนึ่ง ซึ่งปราศจากการตั้งต้นนี้ เป็นสิ่งที่มิได้เกิดขึ้นและไม่อาจถูกทำลายได้เลย
(…ธรรมเทศนาของหลวงปู่ดูลย์)


จากที่หลวงปู่ดุลย์เทศน์เรื่องจิตคือพุทธะ ท่านบอกว่าจิตเป็นสิ่งที่ไม่ได้เกิดขึ้นและไม่อาจถูกทำลายได้(คือไม่ดับไป) เห็นได้ชัดว่าจิตเป็นสิ่งที่ไม่เกิดไม่ดับ
แล้ววิญญาณขันธ์(ตัวรู้)จะเป็นจิตได้อย่างไร เพราะวิญญาณขันธ์และนามขันธ์ทั้งหมดล้วนไม่เที่ยง
เป็นสิ่งที่เกิดดับทั้งสิ้น
นามขันธ์ที่ว่านั้นไม่ใช่จิตแต่อย่างใด แต่เป็นสิ่งที่เนื่องมาจากจิตเท่านั้น


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 02 ม.ค. 2010, 17:37 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 7
สมาชิก ระดับ 7
ลงทะเบียนเมื่อ: 05 พ.ย. 2009, 17:20
โพสต์: 532

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


ขออนุโมทนาด้วยกับ คุณPanejon ถูกแล้วขอรับ
หากขยายไปมากอาจคลาดเคลื่อนขอให้โหลดฟังเองดีกว่า
ไม่ติดธุระอะไรมากมาย ก็ขอเชิญไปศึกษาที่วัดร่มโพธิธรรม จะได้ฟังเฉพาะหน้าเลย และปัจจุบันนี้ก็มีการขอขมากรรม ขอ อโหสิกรรมด้วยโดยมีท่านหลวงพ่อเป็นประธาน จะแจ่มแจ้งธรรม โดยง่ายขึ้น และท่านแสดงธรรมธรรมก็จะตรงต่อภาวะจิตของผู้ฟังเลย ตอนนี้ก็ขอให้ฟังธรรมบ่อย หรือสนทนาธรรมตามด้านล่างนี้ (คัดลอกทั้งหมดไปวาง)
http://audio.palungjit.com/f29/สัจธรรม-ธรรมะบรรลุฉับพลัน-3964.html
โหลดมาฟัง เริ่มที่ตอนท่านสนทนากับพระจากสวนโมกข์ นะขอรับ ฟังบ่อยทุกวันได้ก็ดีเลย ธรรมมะที่ไร้รองรอย ไม่อาจจะเอาตัวดำเนินการที่จะเข้าถึงได้ หรือปฏิบัติตามได้ อาศัยฟังตามที่กล่าวแสดงสะท้อนให้ ดับตาม ปลงตาม วางตาม ว่างตาม ไม่อะไรกับอะไรตาม ฟังเป็นหลัก ที่โหลดมาฟังแล้วตอนนี้ 300-400 เรื่องแล้วเป็นอย่างต่ำ แต่ธรรมท่านฟังมากน้อย ไม่เกี่ยวอาจฟังครั้งเดียวแค่ประโยค ก็แจ่มแจ้งเลยก็มี


แก้ไขล่าสุดโดย yodchaw เมื่อ 02 ม.ค. 2010, 17:42, แก้ไขแล้ว 1 ครั้ง

โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 02 ม.ค. 2010, 19:07 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 3
สมาชิก ระดับ 3
ลงทะเบียนเมื่อ: 29 ธ.ค. 2009, 22:46
โพสต์: 167

แนวปฏิบัติ: buddhism
อายุ: 0
ที่อยู่: nontaburi

 ข้อมูลส่วนตัว


:b53: [quote="panejon"]
1) จิตคืออะไร หน้าที่ของจิตทำอะไร?
2) จิตเดิมแท้เป็นแบบใหน อย่างไรเรียกว่าจิตเดิมแท้?
3) จิตจะมีได้เฉพาะชน,กลุ่มหรือว่าทุกสิ่ง?

แนะนำลองไปเรียนอย่างเป็นระบบ เช่นเรียนพระอภิธรรม ที่วัดมหาธาตุ วัดระฆัง
tongue
อนุโมทนาด้วยครับ

จิต คิด รู้อารมณ์
จิต เก็บ อารมณ์
จิต ก่อ วิบาก
จิต ทำให้ สัพพสิ่ง วิจิตรพิศดาร


จิตเดิม ในเถรวาท มีใช้น้อย ถ้าจะให้ความหมาย มักหมายถึงแค่ภวังคจิต จิตที่ทำหน้าที่รักษาภพ จิตนี้มักเกิดมากตอนนอนหลับ ที่จิตยังไม่ขึ้นสู่วิถีจิต

คติเรื่องจิตเดิม เป็น คติของนิกายมหายานบางนิกาย ที่อยู่ในกลุ่มของจิตอมตวาที (จิตเที่ยงแท้ จริงแท้) นิกายใหญ่ๆในกลุ่มนี้ เช่น นิกายจิตอมตวาท , นิกายวิชาญาณวาท , นิกายโยคาจาร , นิกายธรรมลักษณะ(ฮวบเซี่ยงจง)ซึ่งพระถังซำจั๋งอยู่ในนิกายนี้
คติของเถรวาทไม่มีเรื่องจิตเดิม เพราะจิต เกิดๆดับๆติดต่อไปอย่างรวดเร็วมานานกว่านานแต่ไหนแต่ไรแล้ว ไม่มีจุดเริ่มต้น ไม่มีจุดสิ้นสุด นอกจากชำระกิเลสหมดสิ้นจนถึงจริมกจิตสุดท้ายเท่านั้น
(กลุ่มนิกายจิตอมตวาทเป็นนิกายที่เกิดขึ้นในสมัยราชวงศ์คุปตะ ได้รับอิทธิพลจากศาสนาฮินดูมาก คำสอนของกลุ่มนิกายนี้ ถือว่าจักรภพมีพื้นฐานจากสมบูรณภาพ ภาวะอันเป็นแก่นเดิมของโลกเป็นความจริงแท้ เป็น นิตยัม สุขัม ศานตัม คำสอนเกี่ยวกับไตรลักษณ์ อนิจจัง ทุกขัง อนัตตา เป็นเพียงอุบายธรรมเท่านั้น เชื่อว่าสัตว์ทั้งหลายมีพุทธภาวะอยู่ในจิตทั้งหมดเพราะมาจากความจริงแท้อย่างเดียวกัน เพียงแต่ถูกกิเลสตัณหาห่อหุ้มไว้เท่านั้น)

มีบางท่าน มักอ้างบาลีนี้ ว่าเป็นที่มาของคำจิตเดิม (ที่จริงคำว่าเดิม เติมใส่เอง )
ปภสฺสรมิทํ ภิกฺขเว จิตฺตํ ตญฺจ โข อาคนฺตุเกหิ อุปกิเลเสหิ อุปกิลิฏฐํ. "
" ภิกษุทั้งหลาย จิตนี้ประภัสสร ผ่องใส ก็จิตนี้แล เศร้าหมองแล้ว เพราะถูกอุปกิเลสทั้งหลายที่จรมา


ค่อย ๆ ศึกษาไปครับ

ขออนุญาตแนะนำในการศึกษาธรรมะ พุทธพจน์

พระพุทธเจ้าเป็นวิภัชชวาที คือ ตรัสในแต่ละเรื่องมีการจำแนก ตามความเหมาะสม ตามเหตุ ผล อุปนิสัยบุคคลที่จะบรรลุ เวลา สถานการณ์

จุดประสงค์ คือ เพื่อให้ผู้ฟังในขณะนั้น ๆ ได้เข้าใจและพ้นทุกข์
เรื่องทำนองเดียวกัน
บางที่ตรัสแบบหนึ่ง
บางที่ตรัสแบบหนึ่ง
แต่ไม่มีขัดกันครับ
ต้องดูเหตุการณ์ สถานการณ์ ตรัสให้ใคร เพื่ออะไร
พระพุทธองค์ เหมือนหมอยาผู้ชำนาญในการประกอบยารักษาโรค
ยามีหลากหลาย
แต่ จุดประสงค์เดียว คือให้หายจากโรค

ธรรมะ มีหลากหลาย
แต่จุดประสงค์เดียว คือ เพื่อละปล่อยวาง พ้นทุกข์

อนุโมทนา เป็นกำลังใจให้ครับ
:b35: :b35: :b35: :b35:


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 02 ม.ค. 2010, 20:15 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 1
สมาชิก ระดับ 1
ลงทะเบียนเมื่อ: 22 ธ.ค. 2009, 18:24
โพสต์: 38

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


ขอบพระคุณทุกท่านครับที่แนะนำแนวทาง
สำหรับจิตนั้นผมยังไม่เห็นหรอกครับ เพราะยังไม่เห็นผมจึง
อยากที่จะศึกษาดู ต้องเริ่มศึกษาทุกข์ก่อน ผมว่าทุกวันนี้ผมก็ทุกข์
จะแย่อยู่แล้ว ทุกข์กายไม่เท่าไหร่แต่ทุกข์ใจนี่สิครับ ต้องศึกษาทุกข์อีกผม
ไม่แย่ไปกว่านี้หรือครับ


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 02 ม.ค. 2010, 20:16 
 
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 25 เม.ย. 2009, 02:43
โพสต์: 12232


 ข้อมูลส่วนตัว


เอรากอน เขียน:
:b32: :b9:

พักจากเรื่องลู่ กะ ลาน มาสร้างบ้านแล้ว พี่ชายเรา... :b32: :b32:

รูปภาพ

สวัสดี ปีใหม่...เจ้าค่ะ...


สวัสดี ปีใหม่..เช่นกันครับ

ขอให้มีความสุขตลอดปี..นะครับ

กำลังสร้างบ้าน..จริง ๆ นั้นแหละครับ :b12: :b12:


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 02 ม.ค. 2010, 20:24 
 
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 25 เม.ย. 2009, 02:43
โพสต์: 12232


 ข้อมูลส่วนตัว


panejon เขียน:

ผมว่าทุกวันนี้ผมก็ทุกข์
จะแย่อยู่แล้ว ทุกข์กายไม่เท่าไหร่แต่ทุกข์ใจนี่สิครับ ต้องศึกษาทุกข์อีกผม
ไม่แย่ไปกว่านี้หรือครับ


:b12: :b12:

เห็นทุกข์..(จริง ๆ )..ไม่ได้แย่..นะครับ.. :b12: :b12:
กลับเป็นสิ่งประเสริฐแรกสุด..ของพระพุทธศาสนา..เลยละครับ

ทุกข์..ต้องกำหนดรู้..

ให้..รู้จักทุกข์..จนอยากจะออกจากทุกข์นะครับ..ไม่ได้ให้อยู่กับทุกข์
:b1: :b1:


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 02 ม.ค. 2010, 21:15 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 17 ส.ค. 2009, 20:26
โพสต์: 1589

แนวปฏิบัติ: อรหัตตมัคค
สิ่งที่ชื่นชอบ: พระไตรปิฎก
อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


พงพัน เขียน:
พระพุทธเจ้าทั้งปวง และ สัตวโลกทั้งสิ้นไม่ได้เป็นอะไรเลยนอกจากเพียง จิตหนึ่ง
นอกจาก จิตหนึ่ง แล้วมิได้มีอะไรตั้งอยู่เลย
จิตหนึ่ง ซึ่งปราศจากการตั้งต้นนี้ เป็นสิ่งที่มิได้เกิดขึ้นและไม่อาจถูกทำลายได้เลย
(…ธรรมเทศนาของหลวงปู่ดูลย์)

จากที่หลวงปู่ดุลย์เทศน์เรื่องจิตคือพุทธะ ท่านบอกว่าจิตเป็นสิ่งที่ไม่ได้เกิดขึ้นและไม่อาจถูกทำลายได้(คือไม่ดับไป) เห็นได้ชัดว่าจิตเป็นสิ่งที่ไม่เกิดไม่ดับ
แล้ววิญญาณขันธ์(ตัวรู้)จะเป็นจิตได้อย่างไร เพราะวิญญาณขันธ์และนามขันธ์ทั้งหมดล้วนไม่เที่ยง
เป็นสิ่งที่เกิดดับทั้งสิ้น
นามขันธ์ที่ว่านั้นไม่ใช่จิตแต่อย่างใด แต่เป็นสิ่งที่เนื่องมาจากจิตเท่านั้น




พระศาสดาพระสมณะโคดมสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงสั่งสอนอย่างนี้ครับ
คำสอนของคุณพงพัน เป็นคำสอนที่คัดค้านคำสอนของพระศาสดาพระสมณะโคดมสัมมาสัมพุทธเจ้าครับ



พระไตรปิฎก เล่มที่ ๓๔ พระอภิธรรมปิฎก เล่มที่ ๑ ธรรมสังคณีปกรณ์



[๙๔๒] ธรรมมีอารมณ์ เป็นไฉน?
กุศลในภูมิ ๔ อกุศล วิบากในภูมิ ๔ กิริยาอัพยากฤตในภูมิ ๓ สภาวธรรมเหล่านี้ ชื่อว่า ธรรมมีอารมณ์.


ธรรมไม่มีอารมณ์ เป็นไฉน?
รูป และนิพพาน สภาวธรรมเหล่านี้ชื่อว่า ธรรมไม่มีอารมณ์.




[๙๔๓] ธรรมเป็นจิต เป็นไฉน?
จักขุวิญญาณ โสตวิญญาณ ฆานวิญญาณ ชิวหาวิญญาณ กายวิญญาณ มโนธาตุ
มโนวิญญาณธาตุ สภาวธรรมเหล่านี้ชื่อว่า ธรรมเป็นจิต.




ธรรมไม่เป็นจิต เป็นไฉน?
เวทนาขันธ์ สัญญาขันธ์ สังขารขันธ์ รูป และนิพพาน สภาวธรรมเหล่านี้ชื่อว่า ธรรมไม่เป็นจิต.



[๙๔๔] เจตสิกธรรม เป็นไฉน?
เวทนาขันธ์ สัญญาขันธ์ สังขารขันธ์ สภาวธรรมเหล่านี้ชื่อว่า เจตสิกธรรม.



อเจตสิกธรรม เป็นไฉน?
จิต รูป และนิพพาน สภาวธรรมเหล่านี้ชื่อว่า อเจตสิกธรรม.



เจริญในธรรมครับ


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 03 ม.ค. 2010, 15:27 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 7
สมาชิก ระดับ 7
ลงทะเบียนเมื่อ: 20 พ.ย. 2009, 16:20
โพสต์: 537

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


มหาราชันย์ เขียน:
พระไตรปิฎก เล่มที่ ๓๔ พระอภิธรรมปิฎก เล่มที่ ๑ ธรรมสังคณีปกรณ์

[๙๔๓] ธรรมเป็นจิต เป็นไฉน?
จักขุวิญญาณ โสตวิญญาณ ฆานวิญญาณ ชิวหาวิญญาณ กายวิญญาณ มโนธาตุ
มโนวิญญาณธาตุ สภาวธรรมเหล่านี้ชื่อว่า ธรรมเป็นจิต.


ธรรมไม่เป็นจิต เป็นไฉน?
เวทนาขันธ์ สัญญาขันธ์ สังขารขันธ์ รูป และนิพพาน สภาวธรรมเหล่านี้ชื่อว่า ธรรมไม่เป็นจิต.



ถ้าอย่างนั้นเราคงจะพูดกันคนละประเด็นแล้วล่ะครับ
ที่คุณมหาราชันย์อ้างถึงประไตรปิฎกนั้นเป็นเรื่องธรรมเป็นจิต ธรรมไม่เป็นจิต
ส่วนที่ผมกล่าวนั้นเป็นเรื่องจิตเดิมแท้
อยากจะให้ลองนำพระไตรปิฎกว่าด้วยเรื่องที่เกี่ยวกับการอธิบายเรื่องจิตโดยตรงมาลองให้อ่านบ้างครับ

เหมือนที่หลวงปู่ดุลย์ท่านพูดถึงเรื่องจิตส่งออกนอก จิตเห็นจิต อันนี้ว่าด้วยเรื่องตัวรู้หรือวิญญาณขันธ์
แต่ที่ท่านเทศน์เรื่องจิตเดิมแท้นั้น ไม่ได้มีส่วนใดเกี่ยวข้องกับวิญญาณขันธ์เลยแม้แต่นิดเดียว



“แม้ในขณะที่จิตทำหน้าที่สร้างสิ่งต่างๆ ขึ้นมาในฐานะที่ตอบสนองต่อกฎแห่งความเป็นเหตุและผลของกันและกันนั้น มันก็ยังเป็นสิ่งที่เรารู้สึกไม่ได้โดยทางอายตนะ ตา หู จมูก ลิ้น กาย และมโนทวาร อยู่นั่นเอง”

“จิตนั้น โดยตัวมันเอง ก็ไม่ใช่ จิต แต่ถึงกระนั้น มันก็ยังไม่ใช่มิใช่จิต การที่กล่าวว่า จิตนั้นมิใช่จิต ดังนี้นั่นแหละ ย่อมหมายถึง สิ่งบางสิ่งซึ่งมีอยู่จริง สิ่งนี้มันอยู่เหนือคำพูด ขอจงเลิกละการคิดและการอธิบายเสียให้หมดสิ้นเมื่อนั้น เราอาจกล่าวได้ว่า คลองแห่งคำพูดก็ได้ตัดถูกตัดขาดไปแล้ว และพฤติของจิต ก็ถูกเพิกถอนขึ้นสิ้นเชิงแล้ว”
(ธรรมเทศนาเรื่องจิตคือพุทธะ หลวงปู่ดุลย์ อตุโล)


ถ้าจิตคือวิญญาณขันธ์ ทำไมท่านไม่บอกเลยล่ะครับว่าจิตก็คือวิญญาณขันธ์
แต่นี่ท่านเทศน์ถึงจิตเดิมแท้ ที่เข้าใจได้ยาก และอยู่เหนือคำพูดอีกตะหาก
เพราะฉนั้นผู้ที่เข้าใจเรื่องจิตจริงๆก็ไม่ได้เข้าใจกันโดยสัญญา จากการอธิบายของใคร แต่ต้องเข้าใจด้วยการรู้เอง แจ้งเอง
จึงไม่สามารถอธิบายให้กับผู้ที่ยังไม่เคยเห็น ผู้ที่สงสัย ให้เข้าใจอย่างถ่องแท้ได้

เพราะฉนั้นคิดว่าอย่าพยายามอธิบายเรื่องจิตกันเลยครับ
มาแนะนำหรืออธิบายแนวทางที่จะไปสู่การแจ้งเรื่องจิตหรือพระนิพพานผมคิดว่าน่าจะดีกว่านะครับ


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 03 ม.ค. 2010, 21:55 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 17 ส.ค. 2009, 20:26
โพสต์: 1589

แนวปฏิบัติ: อรหัตตมัคค
สิ่งที่ชื่นชอบ: พระไตรปิฎก
อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


พงพัน เขียน:
ถ้าอย่างนั้นเราคงจะพูดกันคนละประเด็นแล้วล่ะครับ



พงพัน เขียน:
แต่ที่ท่านเทศน์เรื่องจิตเดิมแท้นั้น ไม่ได้มีส่วนใดเกี่ยวข้องกับวิญญาณขันธ์เลยแม้แต่นิดเดียว



พงพัน เขียน:
“จิตนั้น โดยตัวมันเอง ก็ไม่ใช่ จิต แต่ถึงกระนั้น มันก็ยังไม่ใช่มิใช่จิต การที่กล่าวว่า จิตนั้นมิใช่จิต ดังนี้นั่นแหละ ย่อมหมายถึง สิ่งบางสิ่งซึ่งมีอยู่จริง สิ่งนี้มันอยู่เหนือคำพูด ขอจงเลิกละการคิดและการอธิบายเสียให้หมดสิ้นเมื่อนั้น เราอาจกล่าวได้ว่า คลองแห่งคำพูดก็ได้ตัดถูกตัดขาดไปแล้ว และพฤติของจิต ก็ถูกเพิกถอนขึ้นสิ้นเชิงแล้ว”
(ธรรมเทศนาเรื่องจิตคือพุทธะ หลวงปู่ดุลย์ อตุโล)




สวัสดีครับคุณพงพัน


ถ้ามนุษย์มีสิ่งใดสิ่งหนึ่งภายนอกขันธ์ 5 อีก
ผมว่าเราอยู่กันคนละศาสนาด้วยครับ ไม่ใช่แค่คนละประเด็นแน่
เพราะผมมีแต่กายกับจิต คือมีขันธ์ 5 แค่นั้นเองครับ



เมื่ออยู่กันคนละศาสนาคงสนทนาต่อไปไม่รู้เรื่องหรอกครับ




สวัสดีครับ


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 03 ม.ค. 2010, 23:40 
 
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 25 เม.ย. 2009, 02:43
โพสต์: 12232


 ข้อมูลส่วนตัว


มหาราชันย์ เขียน:

สวัสดีครับคุณพงพัน


ถ้ามนุษย์มีสิ่งใดสิ่งหนึ่งภายนอกขันธ์ 5 อีก
ผมว่าเราอยู่กันคนละศาสนาด้วยครับ ไม่ใช่แค่คนละประเด็นแน่
เพราะผมมีแต่กายกับจิต คือมีขันธ์ 5 แค่นั้นเองครับ

เมื่ออยู่กันคนละศาสนาคงสนทนาต่อไปไม่รู้เรื่องหรอกครับ


สวัสดีครับ


อย่าลืมเจ้า..อวิชชา..นะคุณมหาราชันย์..

มันอยู่นอกขันธ์ 5 ..

ขันธ์ 5 ..นะมัน..จิ๊บ ๆ ..คนฆ่าตัวตาย..มันก็ไม่เอาขันธ์ นี้เหมือนกันนะ..แต่มันก็ยังเกิดได้อีกนะ :b12: :b12:


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 04 ม.ค. 2010, 00:04 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 17 ส.ค. 2009, 20:26
โพสต์: 1589

แนวปฏิบัติ: อรหัตตมัคค
สิ่งที่ชื่นชอบ: พระไตรปิฎก
อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


กบนอกกะลา เขียน:
อย่าลืมเจ้า..อวิชชา..นะคุณมหาราชันย์..

มันอยู่นอกขันธ์ 5 ..

ขันธ์ 5 ..นะมัน..จิ๊บ ๆ ..คนฆ่าตัวตาย..มันก็ไม่เอาขันธ์ นี้เหมือนกันนะ..แต่มันก็ยังเกิดได้อีกนะ




สวัสดีครับคุณกบนอกกะลา


แล้วอวิชชานี่แขวนอยู่ตรงมุมไหนของวัฏฏะละครับ


ผมเห็นตายแล้วเกิดใหม่มีขันธ์ 5 ใหม่ ก็มีอวิชชาติดหนึบของใครของมันอยู่อีกเหมือนเดิม




คุณกบ ฯ เข้าใจคิดมุขเหมือนกันนะครับ


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 04 ม.ค. 2010, 03:25 
 
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 25 เม.ย. 2009, 02:43
โพสต์: 12232


 ข้อมูลส่วนตัว


มันแขวนที่ใจผม..ใจคุณ..นั้นแหละครับ :b8: :b8:


แก้ไขล่าสุดโดย กบนอกกะลา เมื่อ 04 ม.ค. 2010, 03:27, แก้ไขแล้ว 1 ครั้ง

แสดงโพสต์จาก:  เรียงตาม  
กลับไปยังกระทู้  [ 64 โพสต์ ]  ไปที่หน้า ย้อนกลับ  1, 2, 3, 4, 5  ต่อไป

เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง


 ผู้ใช้งานขณะนี้

่กำลังดูบอร์ดนี้: Google [Bot] และ บุคคลทั่วไป 1 ท่าน


ท่าน ไม่สามารถ โพสต์กระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ตอบกระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แก้ไขโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ลบโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แนบไฟล์ในบอร์ดนี้ได้

ค้นหาสำหรับ:
ไปที่:  
Google
ทั่วไป เว็บธรรมจักร