วันเวลาปัจจุบัน 24 มิ.ย. 2025, 23:36  



เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง




กลับไปยังกระทู้  [ 49 โพสต์ ]  ไปที่หน้า ย้อนกลับ  1, 2, 3, 4  ต่อไป  Bookmark and Share
เจ้าของ ข้อความ
โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 15 เม.ย. 2011, 13:01 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 5
สมาชิก ระดับ 5
ลงทะเบียนเมื่อ: 08 เม.ย. 2011, 01:57
โพสต์: 324

แนวปฏิบัติ: อริยสัจ4
อายุ: 27
ที่อยู่: USA

 ข้อมูลส่วนตัว


เห็นด้วยกับคุณเสียงธรรมครับ :b16:

สำหรับผม นอกจากธรรมะจะเป็นธรรมชาติ และปรัชญาแล้ว ยังเป็นวิทยาศาสตร์ด้วยครับ

วิทยาศาสตร์จะเชื่อสิ่งที่พิสูจน์ให้เห็นจริงได้ และทำซ้ำแล้วได้ผลเดิม

ดังนั้นจิตวิทยาก็รวมอยู่ในธรรมะครับ

.....................................................
ทุกสิ่งที่เกิดขึ้นคือความจริง การฝืนความจริงทำให้เกิดทุกข์ การเห็นและยอมตามความจริงทำให้หายทุกข์

คนที่รู้ธรรมะ มักจะชอบเอาชนะผู้อื่น แต่คนเข้าใจธรรมะ มักจะเอาชนะใจตนเอง

สัพเพ ธัมมา อะนัตตาติ ยะทา ปัญญายะ ปัสสะติ
เมื่อใดบุคคลเห็นด้วยปัญญาว่า, ธรรมทั้งปวงเป็นอนัตตา

อะถะ นิพพินทะติ ทุกเข เอสะ มัคโค วิสุทธิยา
เมื่อนั้น ย่อมเหนื่อยหน่ายในสิ่งที่เป็นทุกข์ ที่ตนหลง,
นั่นแหละเป็นทางแห่งพระนิพพานอันเป็นธรรมหมดจด

.....ติลักขณาทิคาถา.....


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 15 เม.ย. 2011, 13:08 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 5
สมาชิก ระดับ 5
ลงทะเบียนเมื่อ: 07 มิ.ย. 2010, 15:59
โพสต์: 390

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


ปลีกวิเวก เขียน:
tongue
ขออนุญาตแสดงความคิดเห็นต่อหัวข้อกระทู้นะคะ :b37:
ความขัดแย้งมักเกิดจาก ความคิดเห็นที่แตกต่าง ถ้าเกิดมีคำว่าตัวเราของเราปรากฏขึ้นมาเมื่อไร ก็จะทำให้เรา
ใจคอคับแคบ ไม่อาจจะรักและเมตตาคนที่คิดไม่เหมือนกับเราได้อีกต่อไป
ถ้าเราพิจารณาให้ดีแล้ว ก็จะทราบได้ว่าพื้นฐานของความรู้และประสบการณ์การเรียนรู้ของแต่ละคนนั้นไม่เหมือนกัน
:b8:


ผมถึงได้บอกว่า หากเรารับข้อมูลใดๆ โดยการมีอคติอยู่ก่อน ใช้ความคิดของตนเป็นใหญ่ ไม่เรียนรู้ที่จะรับฟังเสียงของผู้อื่น ไม่เรียนรู้ที่จะนำความคิดที่แตกต่างของผู้อื่นมาพิจารณา เราก็จะไม่ได้รับอะไรเลยจากข้อมูลนั้น เพราะว่าทุกคนมีประสบการณ์การเรียนรู้ที่แตกต่างกัน มุมมองแง่คิดจึงแตกต่างกัน และหากเราเรียนรู้ที่จะรับฟังโดยไม่มีอคติใดๆแอบแฝงและยอมรับเอาความแตกต่างนั้นมาพิจารณาศึกษาเราก็จะกลายเป็นผู้ที่มีมุมมองกว้างไกล มีทัศนคติที่ดีต่อการดำเนินชีวิต รู้จักเข้าอกเข้าใจผู้อื่น ไม่ว่าใคร มาจากที่ไหน พื้นเพเป็นยังไงก็ตาม หากเรียนรู้ที่จะรับฟัง เรียนรู้ที่จะเข้าใจ เขาผู้นั้นย่อมได้ประโยชน์และเป็นผู้ที่มัคุณภาพของสังคมต่อไปครับ เรียกได้ว่าประโยน์ในความต่างไงครับ

.....................................................
บุรุษใดพึงเห็นแดน"โลก" เขาจักอยู่ในแดน"โลก"
บุรุษใดพึงเห็นแดน"สวรรค์" เขาจักอยู่ในแดน "สวรรค์"
บุรุษใดพึงเห็นแดน"นรก" เขาจักอยู่ในแดน"นรก"

บุรุษใดพึงเห็นแดนทั้งสาม เขาจักพึงสิ้นภพจบแดน...แล


แก้ไขล่าสุดโดย เสียงธรรม เมื่อ 17 เม.ย. 2011, 12:45, แก้ไขแล้ว 1 ครั้ง

โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 15 เม.ย. 2011, 13:18 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 13 ก.พ. 2010, 17:53
โพสต์: 4999

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


mes เขียน:
โธ่ ไอ้กุ้ย

มาจากสลัมไหนครับ สงสัยคุณพ่อ คุณแม่ไม่ได้สอนสมบัติผู้ดีให้
หรือว่าสอนให้เป็นแบบนี้

แป๊ะยู๋เขาฝากบอกครับว่า...
หลับอยุ่ เขียน:
กระโปรงต้องให้ นายเม็ด....นุ่ง (เจาะรูที่ก้นให้หางโผล่ออกมาด้วย) :b1:
แล้วผมก้ไม่ต้องพิจารณา ความอะไรมากมาย...จาก ตัวที่มีหางโผล่ ออกมาที่โดนพระสูตรลวกเข้าที่ใจเหมือนหนูติดกับดัก แล้วน้ำร้อนลวกฉันนั้น :b6:



โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 17 เม.ย. 2011, 14:02 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 5
สมาชิก ระดับ 5
ลงทะเบียนเมื่อ: 07 มิ.ย. 2010, 15:59
โพสต์: 390

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


คนธรรมดาๆ เขียน:
เห็นด้วยกับคุณเสียงธรรมครับ :b16:

สำหรับผม นอกจากธรรมะจะเป็นธรรมชาติ และปรัชญาแล้ว ยังเป็นวิทยาศาสตร์ด้วยครับ

วิทยาศาสตร์จะเชื่อสิ่งที่พิสูจน์ให้เห็นจริงได้ และทำซ้ำแล้วได้ผลเดิม

ดังนั้นจิตวิทยาก็รวมอยู่ในธรรมะครับ


พระพุทธเจ้าถึงได้สอนว่าจะเชื่อสิ่งใดก็ห้เชื่อด้วยเหตุและผล พิสูจน์ได้ cool

:b8: :b8: :b8:

.....................................................
บุรุษใดพึงเห็นแดน"โลก" เขาจักอยู่ในแดน"โลก"
บุรุษใดพึงเห็นแดน"สวรรค์" เขาจักอยู่ในแดน "สวรรค์"
บุรุษใดพึงเห็นแดน"นรก" เขาจักอยู่ในแดน"นรก"

บุรุษใดพึงเห็นแดนทั้งสาม เขาจักพึงสิ้นภพจบแดน...แล


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 17 เม.ย. 2011, 18:00 
 
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 25 เม.ย. 2009, 02:43
โพสต์: 12232


 ข้อมูลส่วนตัว


ปัญหาก็คือ...ใคร ๆ ก็ว่า..ตัวเองมีเหตุมีผล...ทั้งนั้น..

แล้วเหตุผลแบบไหน...จึงสมควรเรียกว่า...มีเหตุมีผล


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 17 เม.ย. 2011, 19:34 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 5
สมาชิก ระดับ 5
ลงทะเบียนเมื่อ: 07 มิ.ย. 2010, 15:59
โพสต์: 390

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


กบนอกกะลา เขียน:
ปัญหาก็คือ...ใคร ๆ ก็ว่า..ตัวเองมีเหตุมีผล...ทั้งนั้น..

แล้วเหตุผลแบบไหน...จึงสมควรเรียกว่า...มีเหตุมีผล


เหตผลแบ่งได้เป็น 2 อย่าง
1.เหตุผลคือ แง่คิดและมุมมองที่มีต่อโลกและวิธีการมองโลก (ทัศนคติ,วิสัยทัศน์)
2.เหตุผลคือ ความจริงที่ผ่านการพิสูจน์แล้ว เป็นที่ยอมรับของทุกคนแล้วว่าจริง


ในเมื่อทุกคนต่างก็บอกว่าตนเองมีเหตุผล เราก็นำเหตุผลของแต่ละคนมาพิจารณาดูครับ
ว่าอันไหนจริงและเป็นประโยชน์ต่อเราและเราสามารถนำมาปรับใช้ได้ ไม่จำเป็นที่เราต้อง
เชื่อทุกคนครับ เพราะทุกคนมองโลกต่างกัน

.....................................................
บุรุษใดพึงเห็นแดน"โลก" เขาจักอยู่ในแดน"โลก"
บุรุษใดพึงเห็นแดน"สวรรค์" เขาจักอยู่ในแดน "สวรรค์"
บุรุษใดพึงเห็นแดน"นรก" เขาจักอยู่ในแดน"นรก"

บุรุษใดพึงเห็นแดนทั้งสาม เขาจักพึงสิ้นภพจบแดน...แล


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 17 เม.ย. 2011, 19:47 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 09 มิ.ย. 2007, 21:13
โพสต์: 2631

อายุ: 0
ที่อยู่: กทม.

 ข้อมูลส่วนตัว


อ้างคำพูด:
มาจากสลัมไหนครับ สงสัยคุณพ่อ คุณแม่ไม่ได้สอนสมบัติผู้ดีให้
หรือว่าสอนให้เป็นแบบนี้


ลามปามไปถึงบุพการีไม่ใช่ธรรมะแล้ว

.....................................................
นิพพานที่นี่ เดี๋ยวนี้


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 17 เม.ย. 2011, 19:52 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 09 มิ.ย. 2007, 21:13
โพสต์: 2631

อายุ: 0
ที่อยู่: กทม.

 ข้อมูลส่วนตัว


เสียงธรรม เขียน:
mes เขียน:
พระธรรมไม่ใช่ปรัชญา

พระธรรมคือธรรมชาติ



พระธรรมคือธรรมชาติ คือสิ่งที่เราเรียนรู้ได้จากธรรมชาติ
ส่วนปรัชญา ก็คือสิ่งที่เราเรียนรู้ได้จากธรรมชาติ
ธรรมมะและปรัชญาคือสิ่งที่เราเรียนรู้ได้จากธรรมชาติทั้งสิ้น

สำหรับผมแล้ว ธรรมมะ คือ อภิมหาปรัชญา เลยล่ะครับ


อภิมหาปรัชญายังแค่ความคิด

แต่

นิพพาน

นั้น

หลุดพ้นจากทุกข์ด้วยการปฏิบัติตามอริยมรรคที่มีองค์แปด

หมายความว่า

การพันทุกข์ต้องปฏิบัติอย่างเดียว

จะแค่โต้เถียงทางความคิดอย่างเดียว

ไปไม่ถึงนิพพานครับ

.....................................................
นิพพานที่นี่ เดี๋ยวนี้


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 17 เม.ย. 2011, 20:32 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 5
สมาชิก ระดับ 5
ลงทะเบียนเมื่อ: 07 มิ.ย. 2010, 15:59
โพสต์: 390

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


mes เขียน:
เสียงธรรม เขียน:
mes เขียน:
พระธรรมไม่ใช่ปรัชญา

พระธรรมคือธรรมชาติ


พระธรรมคือธรรมชาติ คือสิ่งที่เราเรียนรู้ได้จากธรรมชาติ
ส่วนปรัชญา ก็คือสิ่งที่เราเรียนรู้ได้จากธรรมชาติ
ธรรมมะและปรัชญาคือสิ่งที่เราเรียนรู้ได้จากธรรมชาติทั้งสิ้น

สำหรับผมแล้ว ธรรมมะ คือ อภิมหาปรัชญา เลยล่ะครับ


อภิมหาปรัชญายังแค่ความคิด

แต่

นิพพาน

นั้น

หลุดพ้นจากทุกข์ด้วยการปฏิบัติตามอริยมรรคที่มีองค์แปด

หมายความว่า

การพันทุกข์ต้องปฏิบัติอย่างเดียว

จะแค่โต้เถียงทางความคิดอย่างเดียว

ไปไม่ถึงนิพพานครับ


:b8: :b8: :b8:

.....................................................
บุรุษใดพึงเห็นแดน"โลก" เขาจักอยู่ในแดน"โลก"
บุรุษใดพึงเห็นแดน"สวรรค์" เขาจักอยู่ในแดน "สวรรค์"
บุรุษใดพึงเห็นแดน"นรก" เขาจักอยู่ในแดน"นรก"

บุรุษใดพึงเห็นแดนทั้งสาม เขาจักพึงสิ้นภพจบแดน...แล


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 18 เม.ย. 2011, 05:38 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 1
สมาชิก ระดับ 1
ลงทะเบียนเมื่อ: 12 มี.ค. 2011, 15:59
โพสต์: 11


 ข้อมูลส่วนตัว


ขอบคุณจขกท ที่เปิดประเด็นนี้ค่ะ
ทำให้ได้ฝึกพิจารณาตนเองว่า
มีความรู้สึกอย่างไรขณะที่อ่าน
ยังติดกับการชอบ-ไม่ชอบ(รำคาญ)
หรือเปล่า
นับว่าเป็นอุบายอย่างหนึ่งในการฝึกตนนะคะ
:b4:


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 18 เม.ย. 2011, 06:17 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 13 ก.พ. 2010, 17:53
โพสต์: 4999

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


เสียงธรรม เขียน:
อ้างคำพูด:
ปัญหาก็คือ...ใคร ๆ ก็ว่า..ตัวเองมีเหตุมีผล...ทั้งนั้น..
แล้วเหตุผลแบบไหน...จึงสมควรเรียกว่า...มีเหตุมีผล


ความเห็นของคุณเสียงธรรมนี่แหล่ะเหตุผลของเหตุผล
ผมขอแสดงแง่คิดของผมต่อความเห็นนี้ครับว่า
เสียงธรรม เขียน:
1.เหตุผลคือ แง่คิดและมุมมองที่มีต่อโลกและวิธีการมองโลก (ทัศนคติ,วิสัยทัศน์)

แง่คิดและมุมมองของเราที่ว่ากันด้วยเหตุผล เราจะเอาแต่ใจเราเป็นตัวตั้งไม่ได้
เราต้องมองดูว่าผลที่ได้มานี้ มันมาจากเหตุอันใด แล้วก็พิจารณาดูครับว่า
มันเป็นไปในทางเดียวกันมั้ย ถ้าเราเห็นว่าเป็นไปในทางเดียวกันแล้ว เราก็ควร
จะหยุดการถกเถียงกันในประเด็นนั้น จึงจะเรียกว่า มีทัศนคติและวิสัยทัศน์ที่ดี
ขอยกตัวอย่าง
mes เขียน:
อ้างคำพูด:
มาจากสลัมไหนครับ สงสัยคุณพ่อ คุณแม่ไม่ได้สอนสมบัติผู้ดีให้
หรือว่าสอนให้เป็นแบบนี้

ลามปามไปถึงบุพการีไม่ใช่ธรรมะแล้ว

ตัวอย่างข้างบน บ่งบอกให้รู้ว่าเจ้าของความเห็น ขาดทัศนคติและวิสัยทัศน์
เจ้าของความเห็นนี้ ขาดวิสัยทัศน์เพราะยึดเอาคำตอบของอีกฝ่ายมาเป็นเหตุ
แต่ไม่มองไปให้ไกลกว่านี้ ถ้ามองแล้วจะเห็นว่า เหตุที่แท้จริงนั้นมันมาจากตัวเอง
นั้นก็คือ ตัวเองไปด่าเขาก่อนว่าไอ้กุ๊ย

เรื่องทัศนคติยิ่งแล้วใหญ๋ หาเหตุผลไม่ได้ มีทัศนคติที่เห็นแก่ตัว
ขาดวิจารณญาณในความคิด เรื่องของเรื่องเราต้องดูไปให้ตรงจุดที่การกระทำ

เราต้องยอมรับกันนะครับว่า ถ้าเราประพฤติตัวเป็นอันธพาล ด่าชาวบ้าน
ด้วยถ้อยคำหยาบไม่เป็นที่ยอมรับของสังคม เขาก็จะประนามว่า พวกไพร่ไม่มีสมบัติผู้ดี
และในความเป็นจริง เรื่องมรรยาทความประพฤติ ผู้ที่จะสอนเรานั้นก็คือบุพการี
หรือคุณพ่อคุณแม่ของเราเองหาใช่ใครคนอื่นไม่

ดูทีมาที่ไปกันครับ
mes เขียน:
ความเห็นต่างกัน เป็นเรื่องปกติ
คนสนทนาธรรมทุกคนเข้าใจและยอมรับ
แต่พวกตั้งใจก่อกวนเป็นต้นว่า
พยายามแสดงปมเด่นว่าตัวเองรู้มากกว่า คนอื่นพวกไม่รู้เรื่อง
อย่างนี้คงรับไม่ได้ครับ

ตลกดีครับ ชาวบ้านเขาไปก่อกวนอะไรหรือครับ
ช่วยสาธยายให้คนอื่นเขารู้หน่อย อย่าเอาความเห็นแก่ตัวของตนเป็นที่ตั้งซิครับ
ทำอย่างนี้ถึงอยู่กับเขาไม่ได้ ผมถามหน่อยครับกี่เว็บแล้วที่คุณไปมีปัญหากับเขา
คุณรับเขาไม่ได้หรือว่าเขาแบนคุณออกมากันครับ
เห็นเคยไปตีโพยตีพายในเว็บแอนตี้ว่าโดนเว็บโน้นเว็บนี้กลั่นแกล้ง
ตลกแกมสมเพทครับ ทำตัวเป็นเด็ก ไม่อายเขาหรือครับ
ถามหน่อยชีวิตอยู่ได้ด้วยการเล่นเว็บบอร์ดหรือครับ
ผมเคยไปเว็บลานธรรมสวนะมา ผู้ดูแลยังพูดถึงคุณเลยครับ

ที่บอกว่าพยายามแสดงปมเด่น มีเรื่องนิพพานอรหันต์เข้าไปเกี่ยวด้วยมั้ยครับ
เห็นคุณแสดงความเห็นนิพพานเป็นอย่างโน้นอย่างนี้ อันนี้เป็นอวดปมเด่นหรือเปล่าครับ
การแสดงความเห็นในสิ่งที่ไกลเกินตัวผู้ฟังแบบนี้ มันแสดงอาการรู้มากกว่าคนอื่นหรือเปล่า

คนอื่นเขาแสดงความเห็นเรื่องธรรมตามวิจารญาณของตน
แต่ไอ้ประเภทอ้างพระพุทธเจ้า อ้างพระไตรปิฎกขึ้นมาลอย
แบบนี้มันก่อกวนชาวบ้านเขาหรือเปล่าครับ

ที่สำคัญกับประโยคคำกล่าวในส่วนล่างของคูณที่ว่า
"นิพพานที่นี่เดี๋ยวนี้ " คุณคิดว่าชาวบ้านเขาจะรับได้มั้ย
ที่พยายามแสดงอะไรเลยเถิด คงคิดว่าเด่นเสียเต็มประดามั้ง

ต้องขอน้อมรับคำประจาน
ไม่เป็นไรครับ
ด่าประจานไปเถอะไม่มีใครหยุดยั้งคุณได้หรอก
เอากันให้สุดๆไปเลยครับ
ผมถือว่าเป็นความซวยของผมเอง
ทั้งที่ผมยังไม่ได้เอยชื่อใครเลย

คุณก็รู้จักเพลาๆบ้างซิครับ กระทู้ดีๆแบบนี้
อย่าชักใบให้เรือเสียได้มั้ยครับ ไฟกำลังจะดับ
ก็อย่าเติมเชื้อซิครับ
โธ่ ไอ้กุ้ย


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 18 เม.ย. 2011, 06:34 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 13 ก.พ. 2010, 17:53
โพสต์: 4999

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


เสียงธรรม เขียน:
2.เหตุผลคือ ความจริงที่ผ่านการพิสูจน์แล้ว เป็นที่ยอมรับของทุกคนแล้วว่าจริง

ในส่วนของผม ผมว่าผมมีเหตุพอที่จะเอามาให้เป็นผลครับ
ไม่เหมือนพวกอันธพาลบางคน ที่เที่ยวบอกชาวบ้านเขาก่อกวน
แค่เขาไม่เห็นด้วยกับการมาคุยกันเรื่องไกลตัวเช่นนิพพานเป็นต้น
หรือไม่ก็แสดงอาการที่ดูเหมือนว่า เก่งกาจในทางธรรม
แต่ที่ไหนได้พอเขาเอาเหตุผล ในสิ่งที่ตัวแสดงออกมาวิเคราะห์ก็หาว่า เขาประจาน
ถึงกับแสดงอาการน่ารังเกียจ ขาดเหตุขาดผล
เสียงธรรม เขียน:
ในเมื่อทุกคนต่างก็บอกว่าตนเองมีเหตุผล เราก็นำเหตุผลของแต่ละคนมาพิจารณาดูครับ
ว่าอันไหนจริงและเป็นประโยชน์ต่อเราและเราสามารถนำมาปรับใช้ได้ ไม่จำเป็นที่เราต้อง
เชื่อทุกคนครับ เพราะทุกคนมองโลกต่างกัน

ผมขอเน้นความเห็นนี้ให้ คุณเม็ดแกดูจะได้สำเหนียกครับว่า
ผู้ที่จะสอนเราให้เป็นคนดีคนชั่วได้ และถือเป็นอาจารย์คนแรกก็คือ พ่อ แม่บุพการีครับ
แล้วกับการที่ผมบอกว่า คุณพ่อ คุณแม่ไม่ได้สอนหรือสอน มันผิดหรือขาดเหตุผลตรงไหนครับ


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 18 เม.ย. 2011, 06:35 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 09 มิ.ย. 2007, 21:13
โพสต์: 2631

อายุ: 0
ที่อยู่: กทม.

 ข้อมูลส่วนตัว


อ้างคำพูด:
เราต้องยอมรับกันนะครับว่า ถ้าเราประพฤติตัวเป็นอันธพาล ด่าชาวบ้าน
ด้วยถ้อยคำหยาบไม่เป็นที่ยอมรับของสังคม เขาก็จะประนามว่า พวกไพร่ไม่มีสมบัติผู้ดี
และในความเป็นจริง เรื่องมรรยาทความประพฤติ ผู้ที่จะสอนเรานั้นก็คือบุพการี
หรือคุณพ่อคุณแม่ของเราเองหาใช่ใครคนอื่นไม่
ดูทีมาที่ไปกันครับ


เอาไว้สอนกาสรโฮฮับเอง

ที่ว่ามาตัวเองทั้งนั้น

โง่แล้งอวดฉลาด

.....................................................
นิพพานที่นี่ เดี๋ยวนี้


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 18 เม.ย. 2011, 06:38 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 09 มิ.ย. 2007, 21:13
โพสต์: 2631

อายุ: 0
ที่อยู่: กทม.

 ข้อมูลส่วนตัว


อ้างคำพูด:
ผมขอเน้นความเห็นนี้ให้ คุณเม็ดแกดูจะได้สำเหนียกครับว่า
ผู้ที่จะสอนเราให้เป็นคนดีคนชั่วได้ และถือเป็นอาจารย์คนแรกก็คือ พ่อ แม่บุพการีครับ
แล้วกับการที่ผมบอกว่า คุณพ่อ คุณแม่ไม่ได้สอนหรือสอน มันผิดหรือขาดเหตุผลตรงไหนครับ


แสดงว่าบุพการีของกาสรโฮฮับไม่ได้สั่งสอน หรือสั่งสอนโฮฮับมาไม่ดี ชิมิ

.....................................................
นิพพานที่นี่ เดี๋ยวนี้


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 18 เม.ย. 2011, 09:19 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 10 พ.ย. 2009, 10:41
โพสต์: 4463

อายุ: 0
ที่อยู่: วัฏสงสาร

 ข้อมูลส่วนตัว


กบนอกกะลา เขียน:
ปัญหาก็คือ...ใคร ๆ ก็ว่า..ตัวเองมีเหตุมีผล...ทั้งนั้น..

แล้วเหตุผลแบบไหน...จึงสมควรเรียกว่า...มีเหตุมีผล


กบ เอ๋ย ยังจำ คำว่า เหมือน อะไรลวกเข้าที่ใจได้ไหม

ตอนนี้ ไม่โผล่แต่หางแล้ว แต่ โผล่ออกมาทั้งตัวเลยทีเดียว :b1:


แสดงโพสต์จาก:  เรียงตาม  
กลับไปยังกระทู้  [ 49 โพสต์ ]  ไปที่หน้า ย้อนกลับ  1, 2, 3, 4  ต่อไป

เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง


 ผู้ใช้งานขณะนี้

่กำลังดูบอร์ดนี้: ไม่มีสมาชิก และ บุคคลทั่วไป 1 ท่าน


ท่าน ไม่สามารถ โพสต์กระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ตอบกระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แก้ไขโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ลบโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แนบไฟล์ในบอร์ดนี้ได้

ค้นหาสำหรับ:
ไปที่:  
Google
ทั่วไป เว็บธรรมจักร