วันเวลาปัจจุบัน 17 ก.ค. 2025, 03:04  



เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง




กลับไปยังกระทู้  [ 152 โพสต์ ]  ไปที่หน้า ย้อนกลับ  1, 2, 3, 4, 5, 6 ... 11  ต่อไป  Bookmark and Share
เจ้าของ ข้อความ
โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 23 มิ.ย. 2011, 18:02 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 18 ก.ค. 2009, 09:26
โพสต์: 1517

แนวปฏิบัติ: วิปัสสนาภาวนา
อายุ: 39
ที่อยู่: ลำพูน

 ข้อมูลส่วนตัว


Rosarin เขียน:
rolleyes
...การสนทนาธรรมเป็นไปเพื่อให้ผู้อ่านมีการพิจารณาไตร่ตรองให้เกิดความเข้าใจ...
...ที่แสดงความคิดนี่ก็เป็นธรรมะ...ไม่ใช่การเอาชนะ...คัดค้าน...หรือขัดแย้งกัน...

ธรรมะ คือ ความจริง เพราะฉะนั้น การเสวนาธรรม คือ การแสดงความจริง

ที่ยกมาแสดง ไม่ได้เป็นการยกวาทะ แต่การที่คน ๒ คนแสดงสัจจะอย่างใดอย่างหนึ่งต่างกัน เช่นประเด็นนี้ นิพพานแล้วมีจิตเหลืออยู่หรือไม่ ก็เพราะได้ยินได้ฟังมาต่างกัน ส่วนความใหนจะเป็นความจริงนั้น นอกจากผู้ที่มีเฉลยในมือแล้ว นอกนั้นจะมีใครรู้ได้ ... ก็คงมีแต่คำเขาว่า เมื่อหยุดอยู่ที่คำเขาว่า ก็คงไม่มีใครสนใจว่า พระพุทธเจ้าได้ว่าไว้อย่างไร

ก็เอาเป็นว่า ที่ผมได้ยินได้ฟังได้ศึกษามา การดับขันธ์ปรินิพพาน คือการดับอวิชชาจนไม่มีส่วนเหลือ ไม่ผุด ไม่เกิด ไม่งอกไม่เงยอีกต่อไป ไม่มีอวิชชา ก็ไม่มีสังขาร ไม่มีสังขารก็ไม่มีวิญญาณ ไม่มีวิญญานก็ไม่มีนามรูปฯ ดับหมดไม่มีเหลือ

.....................................................
"ธรรมและวินัยอันใด เราแสดงแล้ว บัญญัติแล้วแก่พวกเธอ ธรรมและวินัยอันนั้น จักเป็นศาสดาของพวกเธอ โดยกาลล่วงไปแห่งเรา..."
"... ไม่เที่ยง เกิดดับ ..."


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 23 มิ.ย. 2011, 20:58 
 
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 25 เม.ย. 2009, 02:43
โพสต์: 12232


 ข้อมูลส่วนตัว


เรามันอยู่ในโลกวัฏฏวน...มีธาตุ 4 ขันธ์ 5 จนชิน...

จะพ้นจากโลก...ก็ให้เห็นจริงเพื่อละ...ความเห็นผิดว่า...ธาตุ 4 ขันธ์ 5 นี้เป็นเรา...เราไม่มีในธาตุ 4 ขันธ์ 5 นี้...เท่านั้น

เพราะสิ่งนี้มันเหนียวแน่นที่สุด....ลองพิจารณาดูเถอะ....การกระทำทุก ๆ ชนิดในชีวิตประจำวัน..มีเป้าหมายเพื่อหล่อเลี้ยงร่างกายนี้....ปกป้องร่างกายนี้...เท่านั้น...

ลาภ..ยศ..สรรเสริฐ..ก็เพื่อมัน
กิเลสทั้งหลายเกิดขึ้นมีได้..ก็เพราะมัน

ทั้งนี้..เพราะความหลงผิด...คิดว่านี้คือเรา...แค่นี้...นี่แหละ..สักกายทิฏฐิ...ศูนย์รวมของการเกิด

จึงเป็นที่มาของการพิจารณาว่า...เราไม่มีในร่างกายนี้..ร่างกายนี้ไม่มีในเรา

แต่..เมื่อไม่เกิดแล้ว.....เรายังจะมีอยู่อีกมั้ย???..เราผู้ที่รู้ความรู้สึก....ว่านี้..นิพพานนี้เป็นบรมสุขจริง ๆ ...นิพพานนี้...สูญจากกิเลสจริง ๆ ..นะ...มีมั้ย??

ถามว่า...พวกเราถึงจุดที่ใกล้พอที่จะถกเรื่องนี้กันแล้วหรือ???

อนาคามี..กันก่อนแล้วค่อยมาถกในหัวข้อนี้ใหม่...ดีมั้ย???

แต่ถ้าจะให้ดับแล้วเป็น 0 ไปเฉยๆ....กระผมก็ไม่ขอเอาด้วย....สู้ไปเป็นเทวดา..หรือไม่ก็พรหม..ไม่ดีกว่าหรือ??? :b12: :b12:


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 23 มิ.ย. 2011, 21:21 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 18 ก.ค. 2009, 09:26
โพสต์: 1517

แนวปฏิบัติ: วิปัสสนาภาวนา
อายุ: 39
ที่อยู่: ลำพูน

 ข้อมูลส่วนตัว


กบนอกกะลา เขียน:
ถามว่า...พวกเราถึงจุดที่ใกล้พอที่จะถกเรื่องนี้กันแล้วหรือ???

อนาคามี..กันก่อนแล้วค่อยมาถกในหัวข้อนี้ใหม่...ดีมั้ย???

แต่ถ้าจะให้ดับแล้วเป็น 0 ไปเฉยๆ....กระผมก็ไม่ขอเอาด้วย....สู้ไปเป็นเทวดา..หรือไม่ก็พรหม..ไม่ดีกว่าหรือ??? :b12: :b12:
นิพพาน คือจุดมุ่งหมายของการเกิดมาในชาตินี้ ถ้าไม่ได้บำเพ็ญมาเพื่อนิพพานจริงๆ แล้ว ไม่ได้เกิดมาเจอศาสนาพุทธได้ง่ายๆ หรอก ถ้าชาตินี้ ไม่ได้มรรคผลนิพพาน ตายไปแล้วเกิดจำความได้ว่า ต้องลำบากกันขนาดใหนกว่าจะได้มาเกิดชาตินี้ ถึงตอนนั้นก็ทำอะไรไม่ได้แล้ว ... เสียชาติเกิดชาตินี้ ไม่ใช่เสียชาติเดียว กว่าจะได้เกิดมาเป็นคนอีก จะได้พบพุทธศาสนาอีกเมือใหร่ก็ยังไม่รู้เลย ไม่รู้ต้องเกิดมาอีกกี่ชาติ

.....................................................
"ธรรมและวินัยอันใด เราแสดงแล้ว บัญญัติแล้วแก่พวกเธอ ธรรมและวินัยอันนั้น จักเป็นศาสดาของพวกเธอ โดยกาลล่วงไปแห่งเรา..."
"... ไม่เที่ยง เกิดดับ ..."


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 23 มิ.ย. 2011, 21:27 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 25 ก.พ. 2011, 19:56
โพสต์: 1798


 ข้อมูลส่วนตัว


ดังนั้นจะดีที่สุดก็ ต้องถกอยู่ในกรอบของคำพระพุทธเจ้า
ซึ่งพระองค์ตรัสไว้ว่าจิตดวงหนึ่งเกิดขึ้นดวงหนึ่งดับไป ตลอดทั้งวัน และคืน
พระพุทธเจ้ายังตรัสต่อไปว่า

ภิกษุทั้งหลาย อริยสาวกผู้ได้สดับ ย่อมมนสิการปฏิจจสมุปบาทนั้นแหละโดยแยบคาย ในกายและจิตนั้นว่า ‘เพราะเหตุนี้ เมื่อสิ่งนี้มี สิ่งนี้จึงมี เพราะสิ่งนี้เกิดขึ้นสิ่งนี้จึงเกิดขึ้น เพราะสิ่งนี้ไม่มี สิ่งนี้จึงไม่มี เพราะสิ่งนี้ดับ สิ่งนี้จึงดับ คือ เพราะอวิชชาเป็นปัจจัย สังขารจึงมี เพราะสังขารเป็นปัจจัย วิญญาณจึงมี ฯลฯ ความเกิดขึ้นแห่งกองทุกข์ทั้งมวลนี้ มีได้ด้วยประการฉะนี้


พระอนาคามีก็ยังยึดว่านิพพานเป็นเราอยู่
พระอรหันตสาวก เป็นอรหันต์ก็จริงแต่ปัญญาก็ยังไม่สู้พระพุทธเจ้า


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 23 มิ.ย. 2011, 21:45 
 
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 25 เม.ย. 2009, 02:43
โพสต์: 12232


 ข้อมูลส่วนตัว


Supareak Mulpong เขียน:
นิพพาน คือจุดมุ่งหมายของการเกิดมาในชาตินี้ ถ้าไม่ได้บำเพ็ญมาเพื่อนิพพานจริงๆ แล้ว ไม่ได้เกิดมาเจอศาสนาพุทธได้ง่ายๆ หรอก ถ้าชาตินี้ ไม่ได้มรรคผลนิพพาน ตายไปแล้วเกิดจำความได้ว่า ต้องลำบากกันขนาดใหนกว่าจะได้มาเกิดชาตินี้ ถึงตอนนั้นก็ทำอะไรไม่ได้แล้ว ... เสียชาติเกิดชาตินี้ ไม่ใช่เสียชาติเดียว กว่าจะได้เกิดมาเป็นคนอีก จะได้พบพุทธศาสนาอีกเมือใหร่ก็ยังไม่รู้เลย ไม่รู้ต้องเกิดมาอีกกี่ชาติ


กระผมรู้แล้วว่า...เกิดมาเพื่อสิ่งนี้.... :b12:

แต่ถ้าใครอยากได้..ความดับแล้วเป็น ศูนย์...กระผมไม่เอาด้วย..จะเอาแบบพระพุทธเจ้าเท่านั้น

แล้วท่านซุปฯ..เชื่อว่านิพพานแล้วศูนย์...คือไม่มีอะไรทั้งนั้น..บรมสุขก็ไม่มีอะไรไปรู้...กิเลสมีหรือไม่มีก็ไม่มีอะไรไปรู้...

ท่านซุปฯ เชื่อแบบไหน?? :b13: :b13:

ท่าน Flame...ด้วยอีกท่าน..ก็ได้ :b13: :b13:


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 23 มิ.ย. 2011, 21:55 
 
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 25 เม.ย. 2009, 02:43
โพสต์: 12232


 ข้อมูลส่วนตัว


ความจริง..พระพุทธเจ้าไม่ได้สอนอะไรให้ยาก....

แต่ที่ปัจจุบันดูเป็นเรื่องยาก..เพราะเราชอบทำให้ยาก

พอทำให้ง่าย ๆ เราดูเป็นของไร้ค่าไป...

แม้จะมีตัวอย่างในสมัยพุทธกาล...พระองค์เทศน์จบ...คนเขาก็บรรลุธรรมขั้นนั้นขั้นนี้..เป็นแถว

คนปัจจุบัน...ดูแล้วก็งง...พาลให้คิดว่า..บุญเก่าเขาเยอะกว่าเรา...

แท้แล้ว..กิเลสนั้นเองที่พูด..ซึ่งเราเองก็ไม่รู้ตัว :b32: :b32:


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 23 มิ.ย. 2011, 22:13 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 25 ก.พ. 2011, 19:56
โพสต์: 1798


 ข้อมูลส่วนตัว


กบนอกกะลา เขียน:
Supareak Mulpong เขียน:
นิพพาน คือจุดมุ่งหมายของการเกิดมาในชาตินี้ ถ้าไม่ได้บำเพ็ญมาเพื่อนิพพานจริงๆ แล้ว ไม่ได้เกิดมาเจอศาสนาพุทธได้ง่ายๆ หรอก ถ้าชาตินี้ ไม่ได้มรรคผลนิพพาน ตายไปแล้วเกิดจำความได้ว่า ต้องลำบากกันขนาดใหนกว่าจะได้มาเกิดชาตินี้ ถึงตอนนั้นก็ทำอะไรไม่ได้แล้ว ... เสียชาติเกิดชาตินี้ ไม่ใช่เสียชาติเดียว กว่าจะได้เกิดมาเป็นคนอีก จะได้พบพุทธศาสนาอีกเมือใหร่ก็ยังไม่รู้เลย ไม่รู้ต้องเกิดมาอีกกี่ชาติ


กระผมรู้แล้วว่า...เกิดมาเพื่อสิ่งนี้.... :b12:

แต่ถ้าใครอยากได้..ความดับแล้วเป็น ศูนย์...กระผมไม่เอาด้วย..จะเอาแบบพระพุทธเจ้าเท่านั้น

แล้วท่านซุปฯ..เชื่อว่านิพพานแล้วศูนย์...คือไม่มีอะไรทั้งนั้น..บรมสุขก็ไม่มีอะไรไปรู้...กิเลสมีหรือไม่มีก็ไม่มีอะไรไปรู้...

ท่านซุปฯ เชื่อแบบไหน?? :b13: :b13:

ท่าน Flame...ด้วยอีกท่าน..ก็ได้ :b13: :b13:



จุดมุ่งหมายของการประพฤติพรหมจรรย์ก็คือการหลุดพ้นจากภพ หรือพระนิพพาน อันเกษมจากโยคะ

นิพพานนั้นคืออะไร

เท่าที่ผมได้ศึกษาพุทธวจนะมา สรุปได้ว่า นิพพาน คือ สุญญาตา(ศูนยตา) นั่นเอง
คุณกบเคยได้ยินคำนี้หรือไม่ ความว่างที่ไม่อาจเติมเต็ม แต่ก็ไม่ได้ว่างขาดสูญ
ความว่างที่อาจเติมเต็ม เป็นความสุดโต่ง
ความว่างที่ขาดสูญ ก็เป็นความสุดโต่ง

ศาสนาพุทธ จะไม่ไปข้องเกี่ยวกับความเห็นที่สุดโต่งเหล่านั้น

นิพพานเป็นอสังขตะ ไม่มีความเกิดปรากฏ ไม่มีความเสื่อมปรากฏ แต่ดำรงอยู่


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 23 มิ.ย. 2011, 22:26 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 18 ก.ค. 2009, 09:26
โพสต์: 1517

แนวปฏิบัติ: วิปัสสนาภาวนา
อายุ: 39
ที่อยู่: ลำพูน

 ข้อมูลส่วนตัว


นิพพาน ไม่ใช่สภาวะที่ขาดสูญ แต่การอธิบายสภาวะของนิพพานนั้น คงจะเกินวิสัยของเราที่ยังประกอบด้วยขันธ์ ๕ อยู่

.....................................................
"ธรรมและวินัยอันใด เราแสดงแล้ว บัญญัติแล้วแก่พวกเธอ ธรรมและวินัยอันนั้น จักเป็นศาสดาของพวกเธอ โดยกาลล่วงไปแห่งเรา..."
"... ไม่เที่ยง เกิดดับ ..."


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 23 มิ.ย. 2011, 22:31 
 
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 25 เม.ย. 2009, 02:43
โพสต์: 12232


 ข้อมูลส่วนตัว


อ้างคำพูด:
คุณกบเคยได้ยินคำนี้หรือไม่ ความว่างที่ไม่อาจเติมเต็ม แต่ก็ไม่ได้ว่างขาดสูญ

ความว่าง..ในที่ที่ไม่มีมิติ...ความมี..ในที่ที่ไม่มีมิติ

ย่อมไม่รู้ได้...จากที่ที่มีมิติ

ละขันธ์ 5 ออกไปจากใจได้เมื่อไร...เดียวก็ได้รู้เอง


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 23 มิ.ย. 2011, 22:55 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 18 ก.ค. 2009, 09:26
โพสต์: 1517

แนวปฏิบัติ: วิปัสสนาภาวนา
อายุ: 39
ที่อยู่: ลำพูน

 ข้อมูลส่วนตัว


กบนอกกะลา เขียน:
ความจริง..พระพุทธเจ้าไม่ได้สอนอะไรให้ยาก....

แต่ที่ปัจจุบันดูเป็นเรื่องยาก..เพราะเราชอบทำให้ยาก

พอทำให้ง่าย ๆ เราดูเป็นของไร้ค่าไป...

แม้จะมีตัวอย่างในสมัยพุทธกาล...พระองค์เทศน์จบ...คนเขาก็บรรลุธรรมขั้นนั้นขั้นนี้..เป็นแถว

คนปัจจุบัน...ดูแล้วก็งง...พาลให้คิดว่า..บุญเก่าเขาเยอะกว่าเรา...

แท้แล้ว..กิเลสนั้นเองที่พูด..ซึ่งเราเองก็ไม่รู้ตัว :b32: :b32:
ก็มีแต่พวกนักปราชญ์ราชบัณฑิตทั้งหลายนั่นแหละ ที่ชอบทำเรื่องง่ายให้เป็นเรื่องยาก

คำสอนของพระสัมมาสัมพุทธเจ้า จริงๆ แล้วง่าย ปฏิบัติก็ง่ายๆ ... แต่การเข้าถึงคำสอนที่ถูกต้องครบถ้วนเป็นเรื่องยากที่สุด

.....................................................
"ธรรมและวินัยอันใด เราแสดงแล้ว บัญญัติแล้วแก่พวกเธอ ธรรมและวินัยอันนั้น จักเป็นศาสดาของพวกเธอ โดยกาลล่วงไปแห่งเรา..."
"... ไม่เที่ยง เกิดดับ ..."


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 23 มิ.ย. 2011, 23:07 
 
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 25 เม.ย. 2009, 02:43
โพสต์: 12232


 ข้อมูลส่วนตัว


ธรรมครบถ้วนอยู่ที่นี้แล้ว...สูงวาหนาศอก


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 23 มิ.ย. 2011, 23:08 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 25 ก.พ. 2011, 19:56
โพสต์: 1798


 ข้อมูลส่วนตัว


อ้างคำพูด:
มีตัวอย่างในสมัยพุทธกาล...พระองค์เทศน์จบ...คนเขาก็บรรลุธรรมขั้นนั้นขั้นนี้..เป็นแถว



อนุโมทนา


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 23 มิ.ย. 2011, 23:26 
 
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 25 เม.ย. 2009, 02:43
โพสต์: 12232


 ข้อมูลส่วนตัว


FLAME เขียน:
ดังนั้นจะดีที่สุดก็ ต้องถกอยู่ในกรอบของคำพระพุทธเจ้า
ซึ่งพระองค์ตรัสไว้ว่าจิตดวงหนึ่งเกิดขึ้นดวงหนึ่งดับไป ตลอดทั้งวัน และคืน
พระพุทธเจ้ายังตรัสต่อไปว่า
........


คำพระพุทธเจ้า....เทอดใว้เหนือหัว :b8: :b8: :b8:

แต่ปัญญาที่ไปวินิจวิเคราะห์นี้ซี...

เมื่อยังไม่ใช่ปัญญาอย่างผู้รู้แจ้ง....คิดได้อย่างไร..ก็ยังต้องเก็บเอาใว้ก่อน....อย่าด่วนไปยึด


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 23 มิ.ย. 2011, 23:33 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 25 ก.พ. 2011, 19:56
โพสต์: 1798


 ข้อมูลส่วนตัว


ไม่มีอะไรเป็นเราของเรา ปัญญานี้ก็ไม่ใช่เรา มีเหตุปัจจัยให้เกิดขึ้น

พระพุทธเจ้าตรัสไว้ชอบแล้ว


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 23 มิ.ย. 2011, 23:43 
 
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 25 เม.ย. 2009, 02:43
โพสต์: 12232


 ข้อมูลส่วนตัว


โลกธาตุนี้..ไม่มีอะไรเป็นของเรา..แม้ร่างกายนี้ก็ยังไม่ใช่


แสดงโพสต์จาก:  เรียงตาม  
กลับไปยังกระทู้  [ 152 โพสต์ ]  ไปที่หน้า ย้อนกลับ  1, 2, 3, 4, 5, 6 ... 11  ต่อไป

เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง


 ผู้ใช้งานขณะนี้

่กำลังดูบอร์ดนี้: ไม่มีสมาชิก และ บุคคลทั่วไป 1 ท่าน


ท่าน ไม่สามารถ โพสต์กระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ตอบกระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แก้ไขโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ลบโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แนบไฟล์ในบอร์ดนี้ได้

ค้นหาสำหรับ:
ไปที่:  
Google
ทั่วไป เว็บธรรมจักร