วันเวลาปัจจุบัน 21 มิ.ย. 2025, 01:01  



เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง




กลับไปยังกระทู้  [ 40 โพสต์ ]  ไปที่หน้า ย้อนกลับ  1, 2, 3  Bookmark and Share
เจ้าของ ข้อความ
โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 17 พ.ย. 2011, 14:27 
 
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 7
สมาชิก ระดับ 7
ลงทะเบียนเมื่อ: 03 ต.ค. 2011, 15:47
โพสต์: 539


 ข้อมูลส่วนตัว


โฮฮับ เขียน:
ไม่เที่ยง เกิดดับ เขียน:
ไม่ใช่ศีล สมาธิ ปัญญา ครับ
ไตรสิกขาที่แท้จริง คือ อธิศีล อธิจิต อธิปัญญา นี่คือข้อศึกษาสำหรับอริยสงฆ์หรือผู้มีปัญญาแล้ว มีสัมมาทิฏฐิ ผ่านการวิปัสสนามาแล้ว มีความรู้ในการดับทุกข์ ปัญญาได้จากไหนก็ได้จากการเห็นความจริงว่าสรรพสิ่ง (เกิดขึ้น ตั้งอยู่ ดับไป) หรือ ไม่เที่ยง เกิดดับ
คนเข้าใจว่านี่คือ ศีล สมาธิ ปัญญา นี่ไม่ใช่แนวทางปฏิบัติให้ไปสู่ปัญญา แนวปฏิบัติให้ไปสู่ปัญญา คือ วิปัสสนาภาวนะเท่านั้นทำให้เกิดสัมมาทิฏทิ (เห็นชอบ) องค์ธรรมอื่นๆ ก็ตามมากลายเป็น มรรคมีองค์ 8 หรือ (ปัญญา ศีล สมาธิ ) นั้นเอง

ไตรสิกขา ปุถุชนหรือออริยะบุคคล สามารถศึกษาได้ครับ
แต่ถ้าเป็นขั้นตอนการปฏิบัติ ต้องแยกครับว่า ปุถุชนต้องปฏิบัติส่วนไหน
อริยะต้องปฏิบัติส่วนไหน


ถามหน่อยครับ ถ้าคุณว่า สัมมาทิฐิเป็นอธิปัญญาแล้ว ปัญญาวิมุตติเป็นปัญญาอะไรครับ


ไตรสิกขา สามารถศึกษาได้ทุกระดับแต่ปฏิบัิติคนละอย่าง
1. ปุถุชน หรือ ฆราวาส ต้องปฏิบัติเริ่มต้นอย่างนี้ก่อน ทาน ศีล วิปัสสนาภาวนา
2. อริยบุคคล (ฆราวาสที่มีสัมมาทิฏฐิแล้ว) รักษาศีล 5 ข้อบริสุทธิ์ ปัญญาได้จาการวิปัสสนา
3. อริยสงฆ์ (พระสงฆ์ที่มีสัมมาทิฏฐิแล้ว) ปัญญาได้จากการวิัปัสสนา เมื่อมีปัญญาแล้วก็
ศึกษาไตรสิกขา และปฏิบัติตามเพื่อนำไปสู่การหลุดพ้น
- อธิศีล ศีลใหญ่ หรือศีลยิ่ง รักษาศีล 227 ข้อ แต่ศีลที่ห้ามขาดตกบกพร่องเลย มี 4 ข้อ (ผมได้อธิบายไปแล้ว)
- อธิจิต จิตยิ่ง จิตที่มีศีลบ่มเพาะ มีอานิสงฆ์มาก
- อธิปัญญา ปัญญายิ่ง ปัญญาที่มีจิตบ่มเพาะ มีอานิสงฆ์มากนำไปสู่การหลุดพ้น หรือนิพพาน

ถาม สัมมาทิฐิเป็นอธิปัญญาแล้ว
ตอบ ปัญญาวิมุตติ คือปัญญาที่นำไปสู่การหลุดพ้น ปัญญาที่ยิ่งใหญ่สามารถดับเหตุแห่งทุกข์ได้ทั้งหมด ดับโลภะ โทสะ โมหะ ราคะ ดังนั้นก็คือ อธิปัญญานั้นเอง


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 17 พ.ย. 2011, 16:34 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 13 ก.พ. 2010, 17:53
โพสต์: 4999

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


ไม่เที่ยง เกิดดับ เขียน:
ไตรสิกขา สามารถศึกษาได้ทุกระดับแต่ปฏิบัิติคนละอย่าง
1. ปุถุชน หรือ ฆราวาส ต้องปฏิบัติเริ่มต้นอย่างนี้ก่อน ทาน ศีล วิปัสสนาภาวนา

มันไม่จำเป็นถ้าจุดมุ่งหมาย ให้ได้สัมมาปัญญามา เพื่อมุ่งตรงสู่นิพพาน
สิ่งสำคัญมันอยู่ที่ วิปัสนาภาวนา
ที่ปุถุชนทั่วไป ต้องทำทานและรักษาศีล ก็เพราะความไม่ประมาท
ถ้าชาตินี้ยังไม่ได้สัมมาปัญญา มันจะได้ไม่ตามติดไปเป็นวิบากในภพหน้า
ตัวอย่างเช่นองคุลีมาล ก่อนพบพระพุทธเจ้าก็ทำผิดศีลร้ายแรงมาตลอด
อย่าลืมครับว่าสัมมาปัญา คือการได้เห็นไตรลักษณ์ ผลของไตรลักษณ์
ไห้เราละเรื่องสักกายะทิฐิ(เข้าใจเรื่องสังโยชมั้ยครับ)
ไม่เที่ยง เกิดดับ เขียน:
2. อริยบุคคล (ฆราวาสที่มีสัมมาทิฏฐิแล้ว) รักษาศีล 5 ข้อบริสุทธิ์ ปัญญาได้จาการวิปัสสนา

อริยะบุคคลเมื่อได้สัมมาปัญญาแล้ว ละเรื่องศีลพรตปรามาสได้แล้ว
ความหมายก็คือ ละความยึดมั่นถือมั่นในศีล คิดได้ว่าศีลข้อห้ามไม่ได้ทำให้หลุดพ้น
แต่สิ่งที่อริยะบุคคลพึ่งปฏิบัติ ไม่ใช้ศีลข้อห้ามแต่เป็น สัมมาศีล ซึ่งเป็นศีลในเรื่อง
สัมมาวาจา สัมมาอาชีวะและสัมมากัมมันตะ
ไม่เที่ยง เกิดดับ เขียน:
3. อริยสงฆ์ (พระสงฆ์ที่มีสัมมาทิฏฐิแล้ว) ปัญญาได้จากการวิัปัสสนา เมื่อมีปัญญาแล้วก็
ศึกษาไตรสิกขา และปฏิบัติตามเพื่อนำไปสู่การหลุดพ้น
- อธิศีล ศีลใหญ่ หรือศีลยิ่ง รักษาศีล 227 ข้อ แต่ศีลที่ห้ามขาดตกบกพร่องเลย มี 4 ข้อ (ผมได้อธิบายไปแล้ว)

ที่ว่าอธิบายไปแล้ว แล้วมันใช่หรือครับ ถ้าคุณว่าอธิศีลคือการรักษาศีล227ข้อ
แล้วในสมัยพุทธกาล ภิกษุณีก่อนที่จะเป็นอรหันต์ ท่านถือศีล311ข้อ
ไอ้ศีล311ข้อเรียกว่าอะไรครับ มันมากกว่าศีลพระสงฆ์อีกนะครับ

เป็นเพราะคุณเข้าใจผิดในเรื่องศีลตั้งแต่ต้นนั้นเองครับ
ความหมายของอธิศีล คือการศึกษาในเรื่องของศีลทั้งหมด ไม่ว่าจะเป็น
ศีลข้อห้าม พระวินัยทั้งหมด และที่สำคัญศีลที่พระอริยะพึ่งปฏิบัติครับ
ไม่เที่ยง เกิดดับ เขียน:
- อธิจิต จิตยิ่ง จิตที่มีศีลบ่มเพาะ มีอานิสงฆ์มาก

อธิจิตคือการศึกษาเรื่องของจิต เจตสิก รูปนิพพาน ศึกษากระบวนการ
ของจิต การทำสติปัสฐานต่างและอีกมากมายฯ
และที่คุณบอกว่า "จิตที่มีศีลบ่มเพาะ"กรุณากลับไปดูข้อ1.
ไม่เที่ยง เกิดดับ เขียน:
- อธิปัญญา ปัญญายิ่ง ปัญญาที่มีจิตบ่มเพาะ มีอานิสงฆ์มากนำไปสู่การหลุดพ้น หรือนิพพาน
ถาม สัมมาทิฐิเป็นอธิปัญญาแล้ว
ตอบ ปัญญาวิมุตติ คือปัญญาที่นำไปสู่การหลุดพ้น ปัญญาที่ยิ่งใหญ่สามารถดับเหตุแห่งทุกข์ได้ทั้งหมด ดับโลภะ โทสะ โมหะ ราคะ ดังนั้นก็คือ อธิปัญญานั้นเอง

คุณนี่ไปได้เรื่อยๆนะครับ คุณว่า สัมมาทิฐิเป็นอธิปัญญา เป็นปัญญายิ่ง
ปัญญาวิมุตติเป็น ปัญญายิ่งกว่า สัมทิฐิอีกนะครับ

สรุปที่คุณเข้าใจมันผิดครับ ทั้งสัมมาทิฐิและปัญญาวิมุติ
มันเป็นสิ่งที่กล่าวไว้ใน อธิปัญญา เขามีไว้ให้ศึกษา
ความหมายของอธิปัญญาไม่ใช่ ลักษณะเฉพาะของปัญญา
มันมีความหมายถึงปัญญาทั้งหมดในธรรมชาติ


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 17 พ.ย. 2011, 16:55 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 13 ก.พ. 2010, 17:53
โพสต์: 4999

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


ไม่เที่ยง เกิดดับ เขียน:
3. อริยสงฆ์ (พระสงฆ์ที่มีสัมมาทิฏฐิแล้ว) ปัญญาได้จากการวิัปัสสนา เมื่อมีปัญญาแล้วก็
ศึกษาไตรสิกขา และปฏิบัติตามเพื่อนำไปสู่การหลุดพ้น
- อธิศีล ศีลใหญ่ หรือศีลยิ่ง รักษาศีล 227 ข้อ แต่ศีลที่ห้ามขาดตกบกพร่องเลย มี 4 ข้อ (ผมได้อธิบายไปแล้ว)
- อธิจิต จิตยิ่ง จิตที่มีศีลบ่มเพาะ มีอานิสงฆ์มาก
- อธิปัญญา ปัญญายิ่ง ปัญญาที่มีจิตบ่มเพาะ มีอานิสงฆ์มากนำไปสู่การหลุดพ้น หรือนิพพาน

เพิ่มเติมให้ครับ พระอริยะบุคคลหรือพระเสขะ สิ่งที่มาเกื้อหนุน แห่งอริยมรรคมีองค์แปด
มันไม่ใช่สิ่งที่คุณบอกแต่มันเป็น องค์ธรรมแห่งโพธิปักที่เหลือก็คือ
....สติปัสฐานสี่
....สัมมัปปธานสี่
....อิทธิบาทสี่
....อินทรีย์ห้า
....พละห้า
....โพชฌงค์เจ็ด

องค์ทั้งหมดล้วนเกื้อหนุน อริยะมรรคมีองค์๕แปด จนเกิดเป็น
ธรรมสามัคคี แต่ธรรมทุกบทต้องประกอบด้วยปัญญาครับ


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 17 พ.ย. 2011, 17:25 
 
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 7
สมาชิก ระดับ 7
ลงทะเบียนเมื่อ: 03 ต.ค. 2011, 15:47
โพสต์: 539


 ข้อมูลส่วนตัว


โฮฮับ เขียน:
ไม่เที่ยง เกิดดับ เขียน:
ไตรสิกขา สามารถศึกษาได้ทุกระดับแต่ปฏิบัิติคนละอย่าง
1. ปุถุชน หรือ ฆราวาส ต้องปฏิบัติเริ่มต้นอย่างนี้ก่อน ทาน ศีล วิปัสสนาภาวนา

มันไม่จำเป็นถ้าจุดมุ่งหมาย ให้ได้สัมมาปัญญามา เพื่อมุ่งตรงสู่นิพพาน
สิ่งสำคัญมันอยู่ที่ วิปัสนาภาวนา
ที่ปุถุชนทั่วไป ต้องทำทานและรักษาศีล ก็เพราะความไม่ประมาท
ถ้าชาตินี้ยังไม่ได้สัมมาปัญญา มันจะได้ไม่ตามติดไปเป็นวิบากในภพหน้า
ตัวอย่างเช่นองคุลีมาล ก่อนพบพระพุทธเจ้าก็ทำผิดศีลร้ายแรงมาตลอด
อย่าลืมครับว่าสัมมาปัญา คือการได้เห็นไตรลักษณ์ ผลของไตรลักษณ์
ไห้เราละเรื่องสักกายะทิฐิ(เข้าใจเรื่องสังโยชมั้ยครับ)
ไม่เที่ยง เกิดดับ เขียน:
2. อริยบุคคล (ฆราวาสที่มีสัมมาทิฏฐิแล้ว) รักษาศีล 5 ข้อบริสุทธิ์ ปัญญาได้จาการวิปัสสนา

อริยะบุคคลเมื่อได้สัมมาปัญญาแล้ว ละเรื่องศีลพรตปรามาสได้แล้ว
ความหมายก็คือ ละความยึดมั่นถือมั่นในศีล คิดได้ว่าศีลข้อห้ามไม่ได้ทำให้หลุดพ้น
แต่สิ่งที่อริยะบุคคลพึ่งปฏิบัติ ไม่ใช้ศีลข้อห้ามแต่เป็น สัมมาศีล ซึ่งเป็นศีลในเรื่อง
สัมมาวาจา สัมมาอาชีวะและสัมมากัมมันตะ
ไม่เที่ยง เกิดดับ เขียน:
3. อริยสงฆ์ (พระสงฆ์ที่มีสัมมาทิฏฐิแล้ว) ปัญญาได้จากการวิัปัสสนา เมื่อมีปัญญาแล้วก็
ศึกษาไตรสิกขา และปฏิบัติตามเพื่อนำไปสู่การหลุดพ้น
- อธิศีล ศีลใหญ่ หรือศีลยิ่ง รักษาศีล 227 ข้อ แต่ศีลที่ห้ามขาดตกบกพร่องเลย มี 4 ข้อ (ผมได้อธิบายไปแล้ว)

ที่ว่าอธิบายไปแล้ว แล้วมันใช่หรือครับ ถ้าคุณว่าอธิศีลคือการรักษาศีล227ข้อ
แล้วในสมัยพุทธกาล ภิกษุณีก่อนที่จะเป็นอรหันต์ ท่านถือศีล311ข้อ
ไอ้ศีล311ข้อเรียกว่าอะไรครับ มันมากกว่าศีลพระสงฆ์อีกนะครับ

เป็นเพราะคุณเข้าใจผิดในเรื่องศีลตั้งแต่ต้นนั้นเองครับ
ความหมายของอธิศีล คือการศึกษาในเรื่องของศีลทั้งหมด ไม่ว่าจะเป็น
ศีลข้อห้าม พระวินัยทั้งหมด และที่สำคัญศีลที่พระอริยะพึ่งปฏิบัติครับ
ไม่เที่ยง เกิดดับ เขียน:
- อธิจิต จิตยิ่ง จิตที่มีศีลบ่มเพาะ มีอานิสงฆ์มาก

อธิจิตคือการศึกษาเรื่องของจิต เจตสิก รูปนิพพาน ศึกษากระบวนการ
ของจิต การทำสติปัสฐานต่างและอีกมากมายฯ
และที่คุณบอกว่า "จิตที่มีศีลบ่มเพาะ"กรุณากลับไปดูข้อ1.
ไม่เที่ยง เกิดดับ เขียน:
- อธิปัญญา ปัญญายิ่ง ปัญญาที่มีจิตบ่มเพาะ มีอานิสงฆ์มากนำไปสู่การหลุดพ้น หรือนิพพาน
ถาม สัมมาทิฐิเป็นอธิปัญญาแล้ว
ตอบ ปัญญาวิมุตติ คือปัญญาที่นำไปสู่การหลุดพ้น ปัญญาที่ยิ่งใหญ่สามารถดับเหตุแห่งทุกข์ได้ทั้งหมด ดับโลภะ โทสะ โมหะ ราคะ ดังนั้นก็คือ อธิปัญญานั้นเอง

คุณนี่ไปได้เรื่อยๆนะครับ คุณว่า สัมมาทิฐิเป็นอธิปัญญา เป็นปัญญายิ่ง
ปัญญาวิมุตติเป็น ปัญญายิ่งกว่า สัมทิฐิอีกนะครับ

สรุปที่คุณเข้าใจมันผิดครับ ทั้งสัมมาทิฐิและปัญญาวิมุติ
มันเป็นสิ่งที่กล่าวไว้ใน อธิปัญญา เขามีไว้ให้ศึกษา
ความหมายของอธิปัญญาไม่ใช่ ลักษณะเฉพาะของปัญญา
มันมีความหมายถึงปัญญาทั้งหมดในธรรมชาติ



ขอบคุณที่ให้ความรู้เพิ่มเติม และชี้แนะทาง
ใช่ครับภิกษุณีก็ปฏิบัติไตรสิกขา อธิศีลของภิกษุณีก็คือ 311 ข้อ อธิศีล ของพระสงฆ์ก็คือ 277 ข้อ
ใช่ครับสัมมาทิฏฐิก็คือปัญญานิดๆ ครับ (แค่เห็นถูกต้อง)
ใช่ครับอธิปัญญา เป็นปัญญายิ่งกว่าสัมมาทิฏฐิ


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 18 พ.ย. 2011, 03:25 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 13 ก.พ. 2010, 17:53
โพสต์: 4999

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


ไม่เที่ยง เกิดดับ เขียน:

ขอบคุณที่ให้ความรู้เพิ่มเติม และชี้แนะทาง
ใช่ครับภิกษุณีก็ปฏิบัติไตรสิกขา อธิศีลของภิกษุณีก็คือ 311 ข้อ อธิศีล ของพระสงฆ์ก็คือ 277 ข้อ
ใช่ครับสัมมาทิฏฐิก็คือปัญญานิดๆ ครับ (แค่เห็นถูกต้อง)
ใช่ครับอธิปัญญา เป็นปัญญายิ่งกว่าสัมมาทิฏฐิ

ศีล311ข้อ ของภิกษุณี ศีล227ของภิกษุ เป็นรายละเอียดในอธิศีล
อธิศีล เป็นหลักใหญ่หลักหนึ่งในสามหลักของ ไตรสิกขา

ทั้งสัมมาทิฐิและสัมมาวิมุตติ เป็นรายละเอียดในอธิปัญญา
อธิปัญญา เป็นหลักใหญ่หลักหนึ่งของไตรสิกขา

สิ่งที่เก็บรวบรวมความรู้เรี่องศีล จิต และปัญญา เรียกว่า ไตรสิกขา


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 19 พ.ย. 2011, 09:34 
 
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 18 ก.ย. 2011, 21:51
โพสต์: 4941


 ข้อมูลส่วนตัว




b19.jpg
b19.jpg [ 47.45 KiB | เปิดดู 2979 ครั้ง ]
:b8:
อนุโมทนาสาธุกับความเห็นอันถูกต้องของคุณไม่เที่ยง เกิด ดับ ครับ

คุณเห็นถูกต้องตามธรรมแล้ว จงอย่าหวั่นไหวไปกับเหตุผลของผู้ที่พรำบอกว่า เอาศีลนำหน้า สมาธิ ปัญญาตามหลัง เพราะเขาอาจมีสติดี แต่ขาดสัมปชัญญะ คือปัญญารู้ตัว

ดูง่ายๆว่าแม่แต่เรื่องที่เขายกมาอ้างล้วนเป็นสุตตมยปัญญาฟังศึกษาจากตำราแล้วมาเล่าต่อ

แม้แต่เรื่องของศีล 5 ศีล 8 ศีล 10 ศีล 227 ข้อ ถ้าเขาไปเกิดอยู่เมืองนิโกร ไม่มีโอกาสได้ศึกษาเรียนร่ำเรื่องราวของพุทธศาสนา เรื่องศีลเรื่องธรรมมาก่อน เขาจะมาพูดเขียนได้จ้อยๆอย่างนี้หรือ

เขาไม่รู้ตัวว่าเขาได้ดูถูก ปัญญา ทั้งสุตต จินต และภาวนามยปัญญาไปโดยไม่รู้ตัว

จงเรียกคืน สัมปชัญญะมาสู่ตัวสู่ใจกันเถิด แล้วจึงจะได้เห็นถึงความลึกซึ้งที่พระพุทธองค์ทรงตรัสสอนเรื่องมรรคมีองค์ 8 โดยยกเอาปัญญามรรคมานำหน้า มีศีลมรรคและสมาธิมรรคมาเป็นกองหนุน

และจงอย่าลืมด้วยว่า พระสมณโคดมพุทธเจ้า ทรงเป็น ปัญญาธิกะพุทธเจ้า คือบรรลุธรรมโดยมีปัญญานำหน้า ดังนี้
เอวัง
cool
โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 20 พ.ย. 2011, 08:34 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 02 ก.ค. 2006, 22:20
โพสต์: 5976

โฮมเพจ: http://walaiblog.blogspot.com/
แนวปฏิบัติ: กายคตาสติ
อายุ: 0
ที่อยู่: สมุทรปราการ

 ข้อมูลส่วนตัว


asoka เขียน:
:b8:
อนุโมทนาสาธุกับความเห็นอันถูกต้องของคุณไม่เที่ยง เกิด ดับ ครับ

คุณเห็นถูกต้องตามธรรมแล้ว จงอย่าหวั่นไหวไปกับเหตุผลของผู้ที่พรำบอกว่า เอาศีลนำหน้า สมาธิ ปัญญาตามหลัง เพราะเขาอาจมีสติดี แต่ขาดสัมปชัญญะ คือปัญญารู้ตัว

ดูง่ายๆว่าแม่แต่เรื่องที่เขายกมาอ้างล้วนเป็นสุตตมยปัญญาฟังศึกษาจากตำราแล้วมาเล่าต่อ

แม้แต่เรื่องของศีล 5 ศีล 8 ศีล 10 ศีล 227 ข้อ ถ้าเขาไปเกิดอยู่เมืองนิโกร ไม่มีโอกาสได้ศึกษาเรียนร่ำเรื่องราวของพุทธศาสนา เรื่องศีลเรื่องธรรมมาก่อน เขาจะมาพูดเขียนได้จ้อยๆอย่างนี้หรือ

เขาไม่รู้ตัวว่าเขาได้ดูถูก ปัญญา ทั้งสุตต จินต และภาวนามยปัญญาไปโดยไม่รู้ตัว

จงเรียกคืน สัมปชัญญะมาสู่ตัวสู่ใจกันเถิด แล้วจึงจะได้เห็นถึงความลึกซึ้งที่พระพุทธองค์ทรงตรัสสอนเรื่องมรรคมีองค์ 8 โดยยกเอาปัญญามรรคมานำหน้า มีศีลมรรคและสมาธิมรรคมาเป็นกองหนุน

และจงอย่าลืมด้วยว่า พระสมณโคดมพุทธเจ้า ทรงเป็น ปัญญาธิกะพุทธเจ้า คือบรรลุธรรมโดยมีปัญญานำหน้า ดังนี้
เอวัง
cool




ถ้าให้ค่า จงยอมรับว่าให้ค่า

แม้กระทั่งการบรรลุธรรมของพระพุทธเจ้า ผู้อื่นจะรู้ดีกว่าพระพุทธองค์ไม่ได้

ไม่ควรมุ่งติติงผู้อื่น แล้วยกย่องตนเอง

คิดจะละสักกายะทิฏฐิ มุ่งติงติงผู้อื่น จะละได้อย่างไร?

"ตนดีกว่าเขา ตนเลวกว่าเขา เขาเราเสมอกัน" ทั้งหมดนี้เป็นสภาวะสักกายะทิฏฐิ


ต้นเหตุของการเกิดตัณหาคืออะไร?

อวิชชาคืออะไร?

ถ้าตอบว่า อวิชชา คือ ความไม่รู้

ถามต่อว่า ความไม่รู้อะไร?


ถามเฉพาะผู้ที่ชอบประกาศตัวเองว่าเป็นผู้มีสัมมาทิฏฐิ

.....................................................
มิจฉาปณิหิตจิต จิตที่ตั้งไว้ผิด ย่อมตามพิชิตตัวเอง

สัตว์โลกย่อมเป็นไปตามกรรม ตามการกระทำของแต่ละคน (ตามความเป็นจริง)


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 20 พ.ย. 2011, 19:36 
 
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 11 ต.ค. 2010, 12:11
โพสต์: 5013


 ข้อมูลส่วนตัว


s006 s006

อืมมมม .....


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 20 พ.ย. 2011, 21:46 
 
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 18 ก.ย. 2011, 21:51
โพสต์: 4941


 ข้อมูลส่วนตัว




a_sao.jpg
a_sao.jpg [ 21.52 KiB | เปิดดู 2944 ครั้ง ]
:b8:
อวิชชา คือ ความไม่รู้

ไม่รู้อะไร? ......ไม่รู้ธรรมตามความเป็นจริง

ธรรมตามความเป็นจริงเป็นอย่างไร? ......... ธรรมตามความเป็นจริงเป็น อนิจจัง......ทุกขัง....อนัตตา

เพราะไม่รู้จึงเห็นผิด ......... เห็นผิดคือเห็นว่า เป็น นิจจัง...........สุขขัง.........อัตตา

มีอัตตา ตัณหาจึงเกิด

หมดอัตตา ตัณหา เหตุทุกข์ก็ไม่เกิด

จุดกึ่งกลางเป้าหมายของการปฏิบัติธรรมคือ อัตตา หรือ สักกายทิฐิ ต้องเล็งและยิงตรงจุดกึ่งกลางเป้าอันนี้ จึงจะได้คะแนนเต็ม 10 หรือสำเร็จธรรม

เอวัง
:b1:
โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 20 พ.ย. 2011, 21:50 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 02 ก.ค. 2006, 22:20
โพสต์: 5976

โฮมเพจ: http://walaiblog.blogspot.com/
แนวปฏิบัติ: กายคตาสติ
อายุ: 0
ที่อยู่: สมุทรปราการ

 ข้อมูลส่วนตัว


นั่นไง :b32:

.....................................................
มิจฉาปณิหิตจิต จิตที่ตั้งไว้ผิด ย่อมตามพิชิตตัวเอง

สัตว์โลกย่อมเป็นไปตามกรรม ตามการกระทำของแต่ละคน (ตามความเป็นจริง)


แสดงโพสต์จาก:  เรียงตาม  
กลับไปยังกระทู้  [ 40 โพสต์ ]  ไปที่หน้า ย้อนกลับ  1, 2, 3

เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง


 ผู้ใช้งานขณะนี้

่กำลังดูบอร์ดนี้: ไม่มีสมาชิก และ บุคคลทั่วไป 1 ท่าน


ท่าน ไม่สามารถ โพสต์กระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ตอบกระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แก้ไขโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ลบโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แนบไฟล์ในบอร์ดนี้ได้

ค้นหาสำหรับ:
ไปที่:  
Google
ทั่วไป เว็บธรรมจักร