วันเวลาปัจจุบัน 22 ก.ค. 2025, 01:58  



เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง




กลับไปยังกระทู้  [ 40 โพสต์ ]  ไปที่หน้า ย้อนกลับ  1, 2, 3  Bookmark and Share
เจ้าของ ข้อความ
โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 02 ก.พ. 2012, 03:38 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 13 ก.พ. 2010, 17:53
โพสต์: 4999

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


kitti123 เขียน:
Re: อุปทาน คือการยึดมั่นเราจะละการยึดมั่นอย่างไร
เมื่อผมเอามือจุ่มลงไปในน้ำพบว่ามันร้อนมาก ผมก็ชักมือขึ้นทันที ไม่รู้สึกว่าจะต้องกางตำราว่ามันร้อนอย่างไร ร้อนเท่าใด หรือไปถามใครว่า ชักมือออกทำอย่างไรแล้วค่อยชักมือออก....
เมื่อผมพบว่าขณะที่จิตผมยึดมั่นถือมั่นมันทุกข์ ผมก็วางการยึดมั่นถือมั่นนั่นลงทันที (ถ้าคำว่า วาง กับคำว่า ละ ให้ความหมายเหมือนกัน ผมก็ขอตอบคำถามแบบนี้ครับ)

การยกตัวอย่างแบบนี้คลาดเคลื่อนจากความเป็นจริงครับ
การเอานิ้วจุ่มลงในน้ำร้อน แล้วรีบชักมือออก
การเอามือออกทันที ไม่ได้หมายความว่าบุคคลนั้นเห็นทุกข์
เพียงแต่ผัสสะที่เกิดจากน้ำร้อน ทำให้เกิด เวทนาทางกายขึ้น
จนทำให้เกิดกายสังขาร การชักมือออกทันทีนี่แหล่ะเขาเรียก
การปรุงแต่ง โดยหลักของปฏิจจฯ มีรูปนาม ย่อมต้องมีผัสสะ
มีผัสสะย่อมต้องมี เวทนา มีตัณหา อุปทาน ภพชาติและทุกช์

การปล่อยวาง ไม่ใช่สักแต่ว่าพูดว่าปล่อยวาง
เราจะปล่อยวางทุกช์ได้ย่อมต้องรู้ทุกข์ก่อน
วิธีการปล่อยวางทุกข์ก็คือการทำสติปัสฐานสี่
โดยมีสัมมาทิฐิเป็นประธาน

เมื่อเรารู้ทุกข์แล้ว เราจะดับทุกข์ได้ด้วยการทำสติปัสฐานไล่ตั้งแต่กาย เวทนา จิตและธรรม
การทำสติปัสฐานสี่ ทำให้เห็นว่า ทุกข์ที่เกิดมันเกิดจาก กระบวนการขันธ์ห้า มันไม่ใช่เรา
อุปาทานที่หลงไปยึด เหตุมาจากผัสสะไม่ใช่เรา


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 02 ก.พ. 2012, 08:40 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 27 เม.ย. 2010, 08:10
โพสต์: 2830

แนวปฏิบัติ: ขันธ์5ด้วยการสังเกตุ รูป เวทนา สัญญา สังขาร วิญญาณ และอินทรีย์22
สิ่งที่ชื่นชอบ: พระสุตตันตปิฎก
อายุ: 0
ที่อยู่: ระยอง อุบลราชธานี

 ข้อมูลส่วนตัว


โฮฮับ เขียน:
kitti123 เขียน:
Re: อุปทาน คือการยึดมั่นเราจะละการยึดมั่นอย่างไร
เมื่อผมเอามือจุ่มลงไปในน้ำพบว่ามันร้อนมาก ผมก็ชักมือขึ้นทันที ไม่รู้สึกว่าจะต้องกางตำราว่ามันร้อนอย่างไร ร้อนเท่าใด หรือไปถามใครว่า ชักมือออกทำอย่างไรแล้วค่อยชักมือออก....
เมื่อผมพบว่าขณะที่จิตผมยึดมั่นถือมั่นมันทุกข์ ผมก็วางการยึดมั่นถือมั่นนั่นลงทันที (ถ้าคำว่า วาง กับคำว่า ละ ให้ความหมายเหมือนกัน ผมก็ขอตอบคำถามแบบนี้ครับ)

การยกตัวอย่างแบบนี้คลาดเคลื่อนจากความเป็นจริงครับ
การเอานิ้วจุ่มลงในน้ำร้อน แล้วรีบชักมือออก
การเอามือออกทันที ไม่ได้หมายความว่าบุคคลนั้นเห็นทุกข์
เพียงแต่ผัสสะที่เกิดจากน้ำร้อน ทำให้เกิด เวทนาทางกายขึ้น
จนทำให้เกิดกายสังขาร การชักมือออกทันทีนี่แหล่ะเขาเรียก
การปรุงแต่ง โดยหลักของปฏิจจฯ มีรูปนาม ย่อมต้องมีผัสสะ
มีผัสสะย่อมต้องมี เวทนา มีตัณหา อุปทาน ภพชาติและทุกช์

การปล่อยวาง ไม่ใช่สักแต่ว่าพูดว่าปล่อยวาง
เราจะปล่อยวางทุกช์ได้ย่อมต้องรู้ทุกข์ก่อน
วิธีการปล่อยวางทุกข์ก็คือการทำสติปัสฐานสี่
โดยมีสัมมาทิฐิเป็นประธาน

เมื่อเรารู้ทุกข์แล้ว เราจะดับทุกข์ได้ด้วยการทำสติปัสฐานไล่ตั้งแต่กาย เวทนา จิตและธรรม
การทำสติปัสฐานสี่ ทำให้เห็นว่า ทุกข์ที่เกิดมันเกิดจาก กระบวนการขันธ์ห้า มันไม่ใช่เรา
อุปาทานที่หลงไปยึด เหตุมาจากผัสสะไม่ใช่เรา


เป็นคำตอบที่มีเหตุผลมากเลยครับ คิดตามได้อย่างชัดเจน สติปัสฐาน4จึงต้องเจริญให้มาก
อนุโมทนาครับ

.....................................................
อย่าท้อถอยต่อการปฏิบัติ อย่าปล่อยให้ความขุ่นเคืองเข้าแทรก สร้างพลังด้วยคำสอนของพระพุทธเจ้า รำลึกและตอบแทนพระคุณมารดา และบิดา มองโลกด้วยใจเป็นกลาง ระลึกเสมอว่าเรายังด้อยปัญญาหากยังไม่ได้ปัญญา


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 02 ก.พ. 2012, 10:23 
 
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 7
สมาชิก ระดับ 7
ลงทะเบียนเมื่อ: 03 ต.ค. 2011, 15:47
โพสต์: 539


 ข้อมูลส่วนตัว


อุปทาน คือการยึดมั่นเพื่อตอบสนองตัณหา
ตัณหา เกิดจาก โลภ โกรธ หลง

เมื่อมี โลภ โกรธ หลง ย่อมเกิดตัณหา เมื่อเกิดตัณหาอุปทานจึงตามมา เป็นเหตุปัจจัยต่อเนื่องกัน

โลภ โกรธ หลง เกิดจากความไม่รู้ หรือ อวิชชา คือ ไม่รู้ความเป็นจริงตามกฎไตรลักษณ์ เกิดขึ้น ตั้งอยู่ ดับไป


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 02 ก.พ. 2012, 11:11 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 2
สมาชิก ระดับ 2
ลงทะเบียนเมื่อ: 17 ธ.ค. 2010, 11:11
โพสต์: 94


 ข้อมูลส่วนตัว


วิริยะ เขียน:
ไม่เที่ยง เกิดดับ เขียน:
อุปทาน คือการยึดมั่นเราจะละการยึดมั่นในตัวเราได้อย่างไร อุปทานนั้นมีสาเหตุเกิดจากอะไร

อุปทานความยึดมั่นถือมั่น มีสาเหตุจากความไม่รู้ ความหลงผิด จะละ จะปล่อยวาง อุปทาน
ความยึดมั่นได้ ก็ต้อง เห็นโทษของสิ่งนั้นๆ หรือต้องรู้แจ้งเห็นจริง ตามความเป็นจริงของสิ่งนั้นๆ เช่น :

เราจับงูพิษใต้น้ำไม่ยอมปล่อย เพราะเข้าใจว่าเป็นปลาไหล ต่อเมื่อยกมือขึ้นเหนือน้ำ
นั่นละ "ทั้งรู้จริงเห็นจริง" ไม่ต้องบอกให้ละ ให้ปล่อย มันก็ละ ก็ปล่อยของมันเอง

ถ้าจะถามว่า "รู้จริงเห็นจริง" เป็นอย่างไร ให้ไปอ่านคำตอบของ คุณตุ๊กกี๊ "ว่าด้วยสมาธิเป็นเหตุเกิดปัญญา"
ถ้าไม่รู้ว่าใครคือ ตุ๊กกี๊ ให้ถามคุณ eragon_joe อิอิ .. :b13:

:b8: สาธุ


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 02 ก.พ. 2012, 11:30 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 29 ต.ค. 2009, 15:06
โพสต์: 7517

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


Kiss
ไม่เที่ยง เกิดดับ เขียน:
อุปทาน คือการยึดมั่นเราจะละการยึดมั่นในตัวเราได้อย่างไร อุปทานนั้นมีสาเหตุเกิดจากอะไร

:b12:
...ขอแสดงความคิดเห็นในฐานะที่เกิดมาพบพระพุทธศาสนาได้มีโอกาสได้ศึกษาและปฏิบัติธรรม...
...เป็นวิสัยปกติที่มนุษย์ทุกคนเกิดมาจากบรรพบุรุษของตนเอง...มีพ่อแม่...มีญาติพี่น้อง...มีสังคม...
...เริ่มจากสังคมครอบครัวหลากหลาย...สังคมชุมชน...สังคมเมือง...สังคมประเทศและต่างประเทศ...
...ตามสายตามนุษย์ทุกคน มีเชื้อชาติ เผ่าพันธุ์ รูปร่างหน้าตา ผิวพรรณ ความเป็นอยู่และชีวิตต่างกัน...
...มีการเจรจาติดต่อสื่อสารกัน มีการรวมตัวทำกิจกรรมต่างๆเป็นกลุ่มๆ มีการช่วยเหลือกันและกัน...
...มีทั้งความร่วมมือและความขัดแย้งกัน มีการทะเลาะเบาะแว้งกัน...มีการเอารัดเอาเปรียบกัน...
...มีการแข่งขันและแก่งแย่งชิงดีชิงเด่นกัน มีการประนีประนอมกัน...มีการดื่ม กิน หลับ นอน ขับถ่าย...
...มีการดำรงเผ่าพันธุ์ แต่งงาน มีลูก มีหลาน มีลูกพี่ลูกน้อง มีบริวาร มีผู้นำ มีผู้ตาม มีการเลียนแบบ...
...แต่ละคนมีอารมณ์ความรู้สึกนึกคิดที่แตกต่างกัน มีค่านิยม ความเชื่อ จารีตประเพณีตามสังคมตน...
...มนุษย์ทุกยุคทุกสมัย ทุกเชื้อชาติ ทุกเผ่าพันธุ์ มีการดำรงชีวิตในสิ่งแวดล้อมของตนดังที่กล่าวมา...
...โดยปกติมีการมองเห็น การได้ยิน การได้กลิ่น การลิ้มรส การรับสัมผัส การรับรู้อารมณ์เหมือนกัน...
...ซึ่งแต่ละคนรู้สึกนึกคิดไปตามอารณ์ความรู้สึกของตนอย่างมีส่วนร่วมตามสิ่งแวดล้อมที่ตนอยู่อาศัย...
...ในความหมายทางพระพุทธศาสนาทั้งหลายทั้งปวงที่กล่าวมาข้างต้นนี้แหละคืออุปาทานของตัวตน...
:b27:
...มนุษย์ที่ได้ศึกษาพระพุทธศาสนาเท่านั้นถึงจะเริ่มเรียนรู้ว่าการอุปาทานนั้นคือการเข้าใจผิดเพี้ยนไป...
...การประกาศพระศาสนาของพระพุทธเจ้าจึงเป็นที่มาของการพยายามสอนให้มนุษย์เริ่มเข้าใจถูก...
...ซึ่งยากลำบากเพราะไม่มีใครสามารถกะเกณฑ์หรือบังคับบัญชาให้แต่ละคนเชื่อและทำตามได้...
...นอกจากพระญาณหยั่งทราบของพระอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าทุกๆพระองค์ที่รู้ว่ายังมีผู้มีอุปนิสัย...
...ทรงวางพระพุทธศาสนาไว้ให้กับผู้ที่สนใจศึกษาและขยันหมั่นเพียรกระทำตามเพื่อแก้ไขตนเอง...
...พระธรรมคำสอนเป็นการแนะนำให้กระทำที่พิสูจน์ได้ด้วยการปฏิบัติด้วยตนเองเท่านั้น...ไม่มีวิธีอื่น...
...หลักใหญ่ๆที่สอนสำหรับนักบวชเมื่อเริ่มต้นปฏิบัติคือการพิจารณาร่างกาย(ผม ขน เล็บ ฟัน หนัง)...
...ตามความคิดของข้าพเจ้า...เราควรใช้การพิจารณาร่างกายเป็นอารมณ์เพื่อละอุปาทานขันธ์5ค่ะ...
...ข้าพเจ้าว่าการสวดมนต์ไหว้พระทำวัตรเช้าเย็นและสวดบทกายาคตาสติเป็นประจำน่าจะช่วยได้...
...ควรหมั่นคิดพิจารณาร่างกายตัวเองว่าเป็นของไม่สะอาดจนกว่าจะเบื่อหน่ายจนลด+ละอุปาทานได้...
:b6: :b9:
:b13:


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 02 ก.พ. 2012, 11:59 
 
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 2
สมาชิก ระดับ 2
ลงทะเบียนเมื่อ: 18 ธ.ค. 2010, 06:57
โพสต์: 50


 ข้อมูลส่วนตัว


วิริยะ เขียน:
เราจับงูพิษใต้น้ำไม่ยอมปล่อย เพราะเข้าใจว่าเป็นปลาไหล ต่อเมื่อยกมือขึ้นเหนือน้ำ
นั่นละ "ทั้งรู้จริงเห็นจริง" ไม่ต้องบอกให้ละ ให้ปล่อย มันก็ละ ก็ปล่อยของมันเอง

เพราะมีความเห็นผิด (มิจฉา)จึงไม่ยอมปล่อยวาง เมื่อมีความเห็นถูก(สัมมา) จึงปล่อยวางได้ง่าย
ขอโมทนา :b4:


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 02 ก.พ. 2012, 12:13 
 
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 7
สมาชิก ระดับ 7
ลงทะเบียนเมื่อ: 03 ต.ค. 2011, 15:47
โพสต์: 539


 ข้อมูลส่วนตัว


ชิดชัย เขียน:
วิริยะ เขียน:
เราจับงูพิษใต้น้ำไม่ยอมปล่อย เพราะเข้าใจว่าเป็นปลาไหล ต่อเมื่อยกมือขึ้นเหนือน้ำ
นั่นละ "ทั้งรู้จริงเห็นจริง" ไม่ต้องบอกให้ละ ให้ปล่อย มันก็ละ ก็ปล่อยของมันเอง

เพราะมีความเห็นผิด (มิจฉา)จึงไม่ยอมปล่อยวาง เมื่อมีความเห็นถูก(สัมมา) จึงปล่อยวางได้ง่าย
ขอโมทนา :b4:


สัมมาทิฐิ (ปัญญา) เกิดจากการวิปัสสนาภาวนาเห็นความจริงตามกฎไตรลักษณ์


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 02 ก.พ. 2012, 15:38 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 13 ก.พ. 2010, 17:53
โพสต์: 4999

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


ชิดชัย เขียน:
วิริยะ เขียน:
เราจับงูพิษใต้น้ำไม่ยอมปล่อย เพราะเข้าใจว่าเป็นปลาไหล ต่อเมื่อยกมือขึ้นเหนือน้ำ
นั่นละ "ทั้งรู้จริงเห็นจริง" ไม่ต้องบอกให้ละ ให้ปล่อย มันก็ละ ก็ปล่อยของมันเอง

เพราะมีความเห็นผิด (มิจฉา)จึงไม่ยอมปล่อยวาง เมื่อมีความเห็นถูก(สัมมา) จึงปล่อยวางได้ง่าย
ขอโมทนา :b4:

มันไม่เกี่ยวกับสัมมาทิฐิสักกาติ๊ด เห็นงูพิษนึกว่าปลาไหลจับไม่ยอมปล่อย
เป็นกายสังขารเกิดจากการปรุงแต่งของ โลภะ

พอเห็นเป็นงู พิษก็ปล่อย ปล่อยในที่นี้ไม่ใช่ปล่อยวาง มันเป็นการปล่อยมือ
เป็นกายสังขารเกิดจากการปรุงแต่งของโทสะ

การเห็นผิดเห็นถูกที่เรียกว่าสัมมาทิฐิ มันคือการเห็นสภาวะไตรลักษณ์

ไอ้ที่เห็นงูพิษเป็นปลาไหล เขาเรียกว่าเข้าใจผิด
ไม่ใช่เห็นผิด ยิ่งพูดยิ่งไปกันใหญ่จะตกขอบโลกแล้วครับ :b13:


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 02 ก.พ. 2012, 15:49 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 3
สมาชิก ระดับ 3
ลงทะเบียนเมื่อ: 20 ก.ค. 2010, 15:02
โพสต์: 146

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


ไม่เที่ยง เกิดดับ เขียน:
ชิดชัย เขียน:
วิริยะ เขียน:
เราจับงูพิษใต้น้ำไม่ยอมปล่อย เพราะเข้าใจว่าเป็นปลาไหล ต่อเมื่อยกมือขึ้นเหนือน้ำ
นั่นละ "ทั้งรู้จริงเห็นจริง" ไม่ต้องบอกให้ละ ให้ปล่อย มันก็ละ ก็ปล่อยของมันเอง

เพราะมีความเห็นผิด (มิจฉา)จึงไม่ยอมปล่อยวาง เมื่อมีความเห็นถูก(สัมมา) จึงปล่อยวางได้ง่าย
ขอโมทนา :b4:


สัมมาทิฐิ (ปัญญา) เกิดจากการวิปัสสนาภาวนาเห็นความจริงตามกฎไตรลักษณ์

ขอโมทนานะค่ะ สาธุ :b8:


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 02 ก.พ. 2012, 19:24 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 9
สมาชิก ระดับ 9
ลงทะเบียนเมื่อ: 01 ก.ค. 2011, 22:53
โพสต์: 705

แนวปฏิบัติ: รู้สึกตัว
อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


ไม่เที่ยง เกิดดับ เขียน:
อุปทาน คือการยึดมั่นเราจะละการยึดมั่นในตัวเราได้อย่างไร อุปทานนั้นมีสาเหตุเกิดจากอะไร


อุปทานเกิดจากการเห็นผิด เููข้าใจผิด หรือไม่รู้ จึงยึดมั่นนั่นนี่ตามเขาบอกบ้าง คิดเองบ้าง ว่าเป็นตัวเรา ของเรา

การละอุปทานในตัวเรา ของเรา คือการศึกษาให้เห็นถูก เข้าใจถูก ให้รู้จริง ตามวิชาการศึกษาที่เรียกว่า พุทธศาสนา ว่าสิ่งทั้งปวงเป็นอนัตตา ตามธรรมชาติอย่างไร

:b41: :b42: :b41:

.....................................................
"ธรรมะเป็นปัจจัตตัง ต้องทำเอง รู้เอง เห็นเอง เข้าใจเอง"


แสดงโพสต์จาก:  เรียงตาม  
กลับไปยังกระทู้  [ 40 โพสต์ ]  ไปที่หน้า ย้อนกลับ  1, 2, 3

เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง


 ผู้ใช้งานขณะนี้

่กำลังดูบอร์ดนี้: ไม่มีสมาชิก และ บุคคลทั่วไป 1 ท่าน


ท่าน ไม่สามารถ โพสต์กระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ตอบกระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แก้ไขโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ลบโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แนบไฟล์ในบอร์ดนี้ได้

ค้นหาสำหรับ:
ไปที่:  
Google
ทั่วไป เว็บธรรมจักร