วันเวลาปัจจุบัน 22 ส.ค. 2025, 23:49  



เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง




กลับไปยังกระทู้  [ 38 โพสต์ ]  ไปที่หน้า ย้อนกลับ  1, 2, 3  Bookmark and Share
เจ้าของ ข้อความ
โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 19 มิ.ย. 2012, 00:24 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 4
สมาชิก ระดับ 4
ลงทะเบียนเมื่อ: 15 ก.ย. 2010, 21:59
โพสต์: 234

สิ่งที่ชื่นชอบ: ในตัวเอง
อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


คนเราเกิดมามีกายมีใจ เพื่ออะไร เป็นคำถามที่เกิดมาแล้วต้องหาคำตอบเอาเอง

แต่ที่แน่ การได้เกิดมาเป็นมนุษย์เป็นความยาก ชนิดหนึ่ง เป็นความโชคดีอย่างหนึ่ง
และเป็นโอกาสอันประเสริฐทางเดียว ที่บุคคลจะใช้ความเป็นมนุษย์ของตนให้เกิดประโยชน์สูงสุด
เพื่อถึงอมตะธรรมได้ ถึงแม้ว่าการเกิดทุกคราวจะเป็นทุกข์ร่ำไปก็ตาม

onion


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 19 มิ.ย. 2012, 07:22 
 
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 18 ก.ย. 2011, 21:51
โพสต์: 4941


 ข้อมูลส่วนตัว


ขณะจิต เขียน:
ขอถามว่าเราเกิดมามีกาย-ใจเพื่ออะไรกันหนอ เพราะเมื่อคิดได้ก็มีกาย-ใจนี้แล้ว กาย-ใจไม่เที่ยงไม่ถาวร เกิดมาไม่นานก็หายไป แล้วจะมีทำไมกัน :b23:

:b12:
เราเกิดมามี กาย--ใจ นี้ มิได้เพื่ออะไร แต่....เป็นความจำใจที่จะต้องเกิดมา ด้วยอำนาจแห่งผลกรรมเก่าที่เราสร้างสมไว้
:b20:
ป่วยประโยชน์อันใดที่จะมาร่ำรำพันว่า "กาย-ใจไม่เที่ยงไม่ถาวร เกิดมาไม่นานก็หายไป แล้วจะมีทำไมกัน "
"พึงควรหันมาตั้งหน้าค้นหาความจริง.....ให้ถึงสิ่งที่เป็นเหตุและปัจจัยให้ต้องเกิด จึงจะเป็นความคิดเห็นอันเลิศและทรงคุณ"

:b12: :b12: :b12: :b12:


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 26 มิ.ย. 2012, 23:19 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 9
สมาชิก ระดับ 9
ลงทะเบียนเมื่อ: 01 ก.ค. 2011, 22:53
โพสต์: 705

แนวปฏิบัติ: รู้สึกตัว
อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


Onion_no แม้ยังตอบตัวเองยังไม่ได้ทั้งหมดว่าเกิดมาทำไม แต่ก็ค่อนข้างเชื่ออย่างที่เขาว่าเรายังต้องเกิดมาเพราะเหตุ เรายังไม่หมดเหตุ

แล้วอะไรคือเหตุ

แม้นว่าอวิชชา(คือความไม่รู้)คือเหตุแล้วเราจะเติมวิชชาให้บริบูรณ์ได้อย่างไร

แล้ววิชชาสามคืออะไร วานตอบ s006

.....................................................
"ธรรมะเป็นปัจจัตตัง ต้องทำเอง รู้เอง เห็นเอง เข้าใจเอง"


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 27 มิ.ย. 2012, 06:58 
 
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 25 เม.ย. 2009, 02:43
โพสต์: 12232


 ข้อมูลส่วนตัว


ได้วิชา แรกในวิชชาสาม.....ก็รู้ได้แล้วว่า.....เราตั้งใจมาเกิดเพื่ออะไร

พวกที่เอ่อละเห่ยลอยตามปัจจัยมาเกิด...ไม่น่าจะฟลุ้คคิดอยากจะหมดกิเลส..เข้านิพพาน

ความคิดยากเข้านิพพาน...จึงไม่ใช่ความคิด..ฟลุ้ค ๆ..แบบไม่มีเหตุมีปัจจัย
:b8: :b8:


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 27 มิ.ย. 2012, 07:09 
 
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 03 ธ.ค. 2011, 21:40
โพสต์: 952


 ข้อมูลส่วนตัว


ขณะจิต เขียน:
Onion_no แม้ยังตอบตัวเองยังไม่ได้ทั้งหมดว่าเกิดมาทำไม แต่ก็ค่อนข้างเชื่ออย่างที่เขาว่าเรายังต้องเกิดมาเพราะเหตุ เรายังไม่หมดเหตุ

แล้วอะไรคือเหตุ

แม้นว่าอวิชชา(คือความไม่รู้)คือเหตุแล้วเราจะเติมวิชชาให้บริบูรณ์ได้อย่างไร

แล้ววิชชาสามคืออะไร วานตอบ s006



มาคอยฟัง วิชชาสาม ครับ แต่กรุณาอย่า ใช้ วาน ตอบนะครับ เอา ปาก ตอบ หรือ มือ ตอบ ก็ยังดี กว่าครับ :b12: :b12: :b12:


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 27 มิ.ย. 2012, 15:55 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 9
สมาชิก ระดับ 9
ลงทะเบียนเมื่อ: 01 ก.ค. 2011, 22:53
โพสต์: 705

แนวปฏิบัติ: รู้สึกตัว
อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


ฝึกจิต เขียน:
ขณะจิต เขียน:
แล้ววิชชาสามคืออะไร วานตอบ s006



มาคอยฟัง วิชชาสาม ครับ แต่กรุณาอย่า ใช้ วาน ตอบนะครับ เอา ปาก ตอบ หรือ มือ ตอบ ก็ยังดี กว่าครับ :b12: :b12: :b12:


แบบว่า :b31: พอดียังไม่มีใครตอบเลยวานพี่ google ช่วยตอบได้ความว่า

ญาณ3 ได้แก่ วิชชา3
คำว่า ญาณ ในความหมายเฉพาะ หมายถึง พระปรีชาหยั่งรู้ของพระพุทธเจ้า ความรู้แจ้งที่พระพุทธเจ้าตรัสรู้ เรียกเต็มว่า โพธิญาณ หรือ สัมมาสัมโพธิญาณ มี 3 อย่าง หรือที่เรียกว่าวิชชา3 คือ

บุพเพนิวาสานุสสติญาณ ความรู้เป็นเหตุให้ระลึกถึงขันธ์ที่เกิดในอดีตได้ คือ ระลึกชาติได้

จุตูปปาญาณ ความรู้ในจุติและอุบัติของสัตว์โลกได้ เรียกว่า ทิพพจักขุญาณ หรือ ทิพยจักษุญาณ บ้าง

อาสวักขยญาณ ความรู้ในการกำจัดอาสวกิเลสให้สิ้นไป

เลยอยากทราบว่า อาสวักขยญาณ ความรู้ในการกำจัดอาสวกิเลสให้สิ้นไป นี้มีแบบรู้ที่ละเรื่องแล้วค่อยกำจัดกิเลสไปทีละเรื่องใหม

หรือรู้แบบตูมเดียวกำจัดกิเลสเด็ดขาดหมดสิ้นไปเลย :b10:

.....................................................
"ธรรมะเป็นปัจจัตตัง ต้องทำเอง รู้เอง เห็นเอง เข้าใจเอง"


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 27 มิ.ย. 2012, 21:19 
 
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 25 เม.ย. 2009, 02:43
โพสต์: 12232


 ข้อมูลส่วนตัว


ขณะจิต เขียน:
เลยอยากทราบว่า อาสวักขยญาณ ความรู้ในการกำจัดอาสวกิเลสให้สิ้นไป นี้มีแบบรู้ที่ละเรื่องแล้วค่อยกำจัดกิเลสไปทีละเรื่องใหม

หรือรู้แบบตูมเดียวกำจัดกิเลสเด็ดขาดหมดสิ้นไปเลย :b10:


ก็เคยนั่งคิดเรื่องนี้..เล่น ๆ ..อยู่เหมือนกัน

เลยนึกไปถึงว่า...คนเรามีจริต อยู่ 4 อย่าง...อรหันต์ก็มีได้ถึง 4 ประเภท..

ก็แสดงให้เห็นแล้วว่า...บารมีที่สังสมมาของแต่ละท่าน...ย่อมมีความแตกต่างกัน

มีดคมน้อย..คนตัดกำลังน้อย....ก็คงต้องตัดไปทีละเส้น..ทีละเส้น

มีดคมน้อย..แต่คนตัดกำลังมาก....ก็คงตัดทีได้คราวละหลาย ๆ ...เส้น

มีดคมมาก...คนตัดมีกำลังน้อย...ก็คงตัดทีได้คราวละหลาย ๆ ...เส้น..เหมือนกัน

หากมีดทั้งคม..คนตัดก็กำลังมาก....ตัดทีเดียวก็คงขาด...ทั้งหมด

คิดเล่น ๆ ..นะ


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 28 มิ.ย. 2012, 01:50 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 5
สมาชิก ระดับ 5
ลงทะเบียนเมื่อ: 08 เม.ย. 2011, 01:57
โพสต์: 324

แนวปฏิบัติ: อริยสัจ4
อายุ: 27
ที่อยู่: USA

 ข้อมูลส่วนตัว


จริต 4 มีอะไรบ้างครับคุณกบ ผมอยากศีกษาดู

ขอบคุณครับ

.....................................................
ทุกสิ่งที่เกิดขึ้นคือความจริง การฝืนความจริงทำให้เกิดทุกข์ การเห็นและยอมตามความจริงทำให้หายทุกข์

คนที่รู้ธรรมะ มักจะชอบเอาชนะผู้อื่น แต่คนเข้าใจธรรมะ มักจะเอาชนะใจตนเอง

สัพเพ ธัมมา อะนัตตาติ ยะทา ปัญญายะ ปัสสะติ
เมื่อใดบุคคลเห็นด้วยปัญญาว่า, ธรรมทั้งปวงเป็นอนัตตา

อะถะ นิพพินทะติ ทุกเข เอสะ มัคโค วิสุทธิยา
เมื่อนั้น ย่อมเหนื่อยหน่ายในสิ่งที่เป็นทุกข์ ที่ตนหลง,
นั่นแหละเป็นทางแห่งพระนิพพานอันเป็นธรรมหมดจด

.....ติลักขณาทิคาถา.....


แสดงโพสต์จาก:  เรียงตาม  
กลับไปยังกระทู้  [ 38 โพสต์ ]  ไปที่หน้า ย้อนกลับ  1, 2, 3

เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง


 ผู้ใช้งานขณะนี้

่กำลังดูบอร์ดนี้: ไม่มีสมาชิก และ บุคคลทั่วไป 1 ท่าน


ท่าน ไม่สามารถ โพสต์กระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ตอบกระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แก้ไขโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ลบโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แนบไฟล์ในบอร์ดนี้ได้

ค้นหาสำหรับ:
ไปที่:  
Google
ทั่วไป เว็บธรรมจักร