วันเวลาปัจจุบัน 21 ก.ค. 2025, 22:48  



เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง




กลับไปยังกระทู้  [ 45 โพสต์ ]  ไปที่หน้า ย้อนกลับ  1, 2, 3  Bookmark and Share
เจ้าของ ข้อความ
โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 28 ก.ย. 2012, 09:05 
 
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 25 เม.ย. 2009, 02:43
โพสต์: 12232


 ข้อมูลส่วนตัว


อยู่...หรือ...หย่า....ก็ปล่อยให้เป็นเรื่องเขา....เหตุปัจจัยเป็นเรื่องเจ้าของเขาเอง....เราอย่าไปทำกรรมเพิ่มกับเขา..เพราะเราไม่รู้อดีต...ไม่รู้อนาคต...ของเขา...

บางที...การเจอเรื่องแย่..แย่...ทางโลก....อาจทำให้เขาเข้าใจทุกข์ได้ดีจนตัดสินใจมาทางธรรมเต็มตัวก็ได้...ใครจะรู้...นี้แหละ..เพราะเราไม่รู้อนาคตของเขา...

เราจึงควรบอกให้เขาทำแต่กุศลอย่างเดียว...


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 28 ก.ย. 2012, 09:11 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 27 มิ.ย. 2012, 14:54
โพสต์: 2805


 ข้อมูลส่วนตัว


กบนอกกะลา เขียน:
อยู่...หรือ...หย่า....ก็ปล่อยให้เป็นเรื่องเขา....เหตุปัจจัยเป็นเรื่องเจ้าของเขาเอง....เราอย่าไปทำกรรมเพิ่มกับเขา..เพราะรำม่รู้อดีต...ไม่รู้อนาคต...ของเขา...

บางที...การเจอเรื่องแย่..แย่...ทางโลก....อาจทำให้เขาเข้าใจทุกข์ได้ดีจนตัดสินใจมาทางธรรมเต็มตัวก็ได้...ใครจะรู้...นี้แหละ..เพราะเราไม่รู้อนาคตของเขา...

เราจึงควรบอกให้เขาทำแต่กุศลอย่างเดียว...
โชคดีแล้วล่ะที่เขาเจอทุกข์นะ การแนะนำของเราก็แค่เป็นฐานข้อมูลจากประสบการณ์จริงที่พิสูจน์ได้เท่านั้นเองว่า มันไม่ยากหรอกทุกอย่างมันมีทางออกเสมอ เขาปรึกษามาเราก็ให้คำแนะนำชัดเจน มันมีวิธีเท่านั้น

.....................................................
อย่าลืมทำกิจในอริยสัจ
เราจะเดินให้สุดทาง http://www.thaidhamma.net


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 28 ก.ย. 2012, 16:24 
 
ออฟไลน์
สมาชิกใหม่
สมาชิกใหม่
ลงทะเบียนเมื่อ: 13 ก.ย. 2012, 15:17
โพสต์: 7


 ข้อมูลส่วนตัว


โฮฮับ เขียน:
joomw1975 เขียน:
ขอบคุณมากค่ะสำหรับคำแนะนำดีๆ เป็นคำแนะนำที่เข้าใจง่าย......แต่อาจจะทำยาก แต่ดิฉันก็จะพยายามทำให้ได้ค่ะ

ทุกวันนี้ดิฉันก็พยายามไม่ตอบโต้เขา พยายามอดทนฟังเขาพูด พูดดีบ้าง พูดไม่ดีบ้าง ส่วนใหญ่จะพูดคำหยาบคาย .....สาเหตุที่เป็นแบบนี้ก็เป็นเพราะว่าสามีดิฉันเขาติดเบียร์ ต้องดื่มเบียร์ตอนเย็นทุกวัน วันละขวด (หยุดวันอาทิตย์) พอเริ่มดื่มเขาก็จะเริ่มพูดเยอะส่วนใหญ่ก็จะพูดไม่ดี.....เริ่มหาเรื่องดิฉัน ....และสุดท้ายดิฉันก็ทนไม่ไหว....เหมือนกับว่ายิ่งเราเงียบเขาก็ยิ่งพูดเยอะ อาจจะเริ่มเมา.....พูดจนเราทนไม่ไหวก็มีการตอบโต้ไปจนทะเลาะกันเกือบทุกวัน....ดิฉันก็บอกเขาว่าเวลาไม่กินเบียร์ไม่เห็นจะพูดอะไรขนาดนี้เลย พอเริ่มกินเบียร์ก็เริ่มเอานั่นเอานี่มาพูด เขาก็บอกว่าเขาไม่เมา

ดิฉันกับสามีทะเลาะกันเกือบทุกวัน เมื่อวานก็ยังทะเลาะกันต่อหน้าลูกเหมือนเดิม ไม่รู้อะไรกันนักหนา.....
แต่วันนี้ดิฉันจะเริ่มต้นใหม่....ทำตามคำแนะนำที่.....พี่ๆ น้องๆ เพื่อน แนะนำ.....บางท่านอาจจะตำหนิดิฉันบ้างที่เอาเรื่องในครอบครัวมาเล่าให้ชาวบ้านเขาฟัง ก็ไม่เป็นไรค่ะ เพราะคนเราถ้ามันหาทางออกให้ตัวเองไม่ได้ มันก็ต้องให้คนอื่นเขาช่วยคิดบ้าง อาจจะมีทางออกที่ดีกว่าคนที่มีปัญหาที่มืดแปดด้านจริงๆ....

ก็เป็นซะแบบนี่ไง เขาบอกธรรมให้รู้ เขาสอนให้มองดูที่สาเหตุที่ทำให้เกิดปัญหา
ไอ้ที่สอนว่า "ไฟในอย่านำออก ไฟนอกอย่านำเข้า" มันหมายถึงให้เราแก้แก้ปัญหา
ที่ตัวเราและแก้ด้วยตัวเราเอง เรื่องของผัวเมียอย่าไปฟังคนอื่นให้มากกว่า
คนที่สอนไม่ใช่เป็นตัวเรา ที่สำคัญไม่ใช่เป็นผัวเรา ไปฟังคนอื่นมากๆ
แทนที่จะช่วยแก้ปัญหา มันกลับไปสร้างปัญหา เห็นมั้ยตัวเองก็บอกว่ามันทำยาก
ปัญหาของเรามันง่ายนิดเดียว ไม่จำเป็นต้องไปปรึกษาคนอื่นเลย
เราแก้ของเราได้ เพียงแต่เราไม่อยากที่จะแก้ไง เข้าตำราพูดง่ายทำยาก


ที่บอกไฟในอย่านำออก ควรจะรู้ได้แล้วว่า ตัวเองก็รู้ว่าปัญหาต้องแก้อย่างไร
เพียงแต่ไม่อยากแก้ มันเหมือนได้อย่างเสียอย่าง มันต้องเลือกเอาอย่างใดอย่างหนึ่งครับว่า
จะเอาอย่างไหน ไม่ใช่จะเอาแต่สุขทุกข์ไม่เอา แบบนี้มันไม่มีในโลก

สรุปก็คือ การมาถามเรื่องผัวมันก็แค่ ฉันไม่ต้องการแก้ปัญหา
แต่ฉันเพียงแค่มาระบายความในใจ ไอ้ประเภทเอาเรื่องในมุ้งมาเล่าสู่กันฟัง
ผัวตัวเองแท้ๆย่อมต้องรู้นิสัยดีกว่าคนอื่น ดันมาถามชาวบ้าน
ไอ้ชาวบ้านแต่ละคนก็รู้ดีกันเหลือเกิน

ผัวเขาเป็นคนอย่างไรก็ไม่รู้ ฟังความข้างเดียว สอนกันใหญ่
ใครผิดใครถูกก็ไม่รู้ ซึ่งอันที่จริงเรื่องของผัวเมียถ้าไม่โดนฉุดมา
มันย่อมไม่มีใครผิดใครถูกอยู่แล้ว

ฉะนั้นถ้าเรายังอยู่ในฐานะเป็นผัวเมีย เป็นครอบครัว มีลูกมีเต้า
ก็อย่าเอาเรื่องของผัวมาเล่าทำนองปรึกษาคนอื่น ผัวตัวเองแท้ๆ

แต่ต่อเมื่อตกลงใจจะอย่าขาดจากผัว จึงจะสามารถ
มาปรึกษาคนอื่นได้ แต่มันเป็นเรื่องทางกฎหมาย


ทำตัวเองให้ดีเสียก่อน ที่เล่ามาเห็นแต่ผัวอย่างโน้น ผัวอย่างนี่
บอกให้ไปหาสาเหตุที่ตัวเองว่า เป็นเป็นเหตุให้ผัวเป็นอย่างนั้นหรือเปล่า...
ดันไม่พอใจเสียนี่


"เรื่องไฟนอกอย่านำเข้า"ก็เหมือนกัน ความหมายก็คือเอาเรื่องมาเล่า
ถ้ามีคนเขาสอนให้อย่ากับผัวซะ บางที่เรื่องมันไม่ถึงขนาดนั้น แล้วคุณไปเชื่อเขา
ทำแบบที่เข้าบอก นี่ความหมายมันอยู่ตรงนี่ ผัวตัวเองอยากอย่าก็อย่าเอง
ไม่ต้องมาให้คนอื่นเขาบอกให้อย่าเข้าใจมั้ย



ทำตัวเองให้ดีเสียก่อน ที่เล่ามาเห็นแต่ผัวอย่างโน้น ผัวอย่างนี่
บอกให้ไปหาสาเหตุที่ตัวเองว่า เป็นเป็นเหตุให้ผัวเป็นอย่างนั้นหรือเปล่า...
ดันไม่พอใจเสียนี่[/b]

หาแล้วค่ะ.....ตัวดิฉันเองไม่มีพฤติกรรม หรือการกระทำใดๆ จริงๆ ที่จะทำให้เขาคิดว่าดิฉันจะมีชู้....มีแต่เขาคิดไปเองอย่างที่เล่าให้ฟังตั้งแต่แรก.....

และนี่คือตัวอย่างเหตุการจริงที่เกิดขึ้นไม่นานมานี้เป็นวันแม่พอดี.....ดิฉันกับสามีและลูกก็ไปทานก๋วยเตี๋ยวแถวๆ บ้านตอนเที่ยง....ในร้านก็มีคนมากันเกือบ 10 คน มีอยู่หนึ่งครอบครัวมาด้วยกัน มีลุงผู้ชาย(น่าจะรุ่นราวคราวเดียวกับพ่อดิฉัน) มีน้าผู้หญิง(น่าจะรุ่นน้องแม่ดิฉัน) มีผู้หญิง 1 คน น่าจะเป็นลูกสาวของทั้ง 2 คนนี้ และเด็กผู้ชายประมาณ 1 ขวบกว่าน่าจะเป็นหลาน.....ดิฉันก็มองอย่างมีความสุขที่เห็นเขามาด้วยกันเป็นครอบครัว.....หลังจากกินเสร็จก็กลับบ้าน.....ดิฉันให้คุณ โฮฮับ ทายสิว่าจะเกิดอะไรขึ้นต่อไป

เฉลย.....พอกลับถึงบ้านก็ไม่มีอะไร ดิฉันก็พาลูกไปอาบน้ำนอนตอนประมาณบ่าย 2 โมง พอลูกหลับดิฉันก็ออกมาจากห้อง....เห็นเขานอนดูโทรทัศน์เงียบๆ ดิฉันก็ไปล้างจาน ล้างห้องน้ำ ทำนั่นทำนี่ไปเลื่อย ไปอาบน้ำเตรียมตัวออกไปซื้อกลับข้าวเย็น....เขาก็ดูโทรทัศน์เหมือนเดิม ไม่พูดไม่จา จน 5 โมงเย็นกว่าลูกก็ตื่น ดิฉันก็ถามเขาว่าไม่เตรียมตัวออกไปซื้อกับข้าวหรือไง เขาก็ไม่พูด ทำหน้าเหมือนไม่พอใจซึ่งดิฉันก็คิดว่ามันไม่ปกติ ดิฉันก็ถามเขาเป็นอะไรไม่พูดไม่จา.....เขาก็ตอบกลับมาว่า ไม่รู้หรือไงทำอะไรไว้.....ดิฉันก็ถามต่อ แล้วเขาไปทำอะไรให้ตัวเองไม่พอใจล่ะ เขาก็บอกว่าไม่รู้หรือไง ดิฉันก็บอกไม่รู้หรอก ไม่บอกแล้วจะรู้ได้อย่างไง มีอะไรก็พูดมาเลยไม่ต้องมาให้นั่งทายใจ (ถึงตอนนี้ดิฉันเองก็ยังไม่รู้) เขาก็เลยบอกว่าที่ร้านก๋วยเตี๋ยว เห็นดิฉันมองไอ้ผู้ชายคนนั้นแล้วก็ยิ้ม (ดิฉันก็คิดผู้ชายคนไหน เพราะในร้านก็มีผู้ชายหลายคน จำได้ว่าไม่ได้มองใครแล้วยิ้มให้เพราะไม่รู้จัก) ดิฉันก็ถามใครคนไหน เขาก็บอกว่า ก็ไอ้แก่ที่มากับลูกกับเมียไง.....ดิฉันก็ถึงบางอ้อ.....ลุงผู้ชายที่รุ่นราวคราวเดียวกับพ่อดิฉันเนี่ยนะ.....เขาหาว่าดิฉันมองไอ้แก่นั่นแล้วก็ยิ้มให้.......ดิฉันก็มาคิดทบทวนเหตุการดู ดิฉันก็อ๋อ ก็บอกเขาว่า ดิฉันไม่ได้ยิ้มให้ลุงคนนั้น ดิฉันเห็นเขามาเป็นครอบครัวดูมีความสุขดี มีพ่อแม่ลูกยังไม่หลานอีก และดูลุงกับน้าผู้หญิงเขาก็รักหลานมาก ทั้งที่มีหลานไม่น่ารักเท่าไหร่ ตัวก็ดำ ผมก็หยิก ไม่เห็นเหมือนแม่เลย แม่ตัวขาวเชียว สงสัยจะเหมือนตา เพราะลุงคนนั้นตัวดำ ตอนที่อยู่ที่ร้านดิฉันก็คิดประมาณนี้แล้วก็แอบอมยิ้ม......แต่สามีกลับคิดว่าดิฉันสนใจลุงคนนั้น พูดให้เขาฟังก็ไม่เชื่อ เชื่อแต่ความคิดของตัวเองเหมือนเดิม สุดท้ายก็ทะเลาะกันไปเหมือนเดิม......ซึ่งเป็นแบบนี้บ่อยๆ ทั้งที่อยู่ด้วยกัน

จากเหตุการนี้คุณโฮฮับคิดเห็นอย่างไร......เป็นสาเหตุที่ตัวดิฉันเองหรือเปล่าคะ


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 28 ก.ย. 2012, 17:04 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 07 มิ.ย. 2011, 10:18
โพสต์: 590

โฮมเพจ: www.bhuddhakhun.blogspot.com
อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว www


joomw1975 เขียน:
หาแล้วค่ะ.....ตัวดิฉันเองไม่มีพฤติกรรม หรือการกระทำใดๆ จริงๆ ที่จะทำให้เขาคิดว่าดิฉันจะมีชู้....มีแต่เขาคิดไปเองอย่างที่เล่าให้ฟังตั้งแต่แรก.....

และนี่คือตัวอย่างเหตุการจริงที่เกิดขึ้นไม่นานมานี้เป็นวันแม่พอดี.....ดิฉันกับสามีและลูกก็ไปทานก๋วยเตี๋ยวแถวๆ บ้านตอนเที่ยง....ในร้านก็มีคนมากันเกือบ 10 คน มีอยู่หนึ่งครอบครัวมาด้วยกัน มีลุงผู้ชาย(น่าจะรุ่นราวคราวเดียวกับพ่อดิฉัน) มีน้าผู้หญิง(น่าจะรุ่นน้องแม่ดิฉัน) มีผู้หญิง 1 คน น่าจะเป็นลูกสาวของทั้ง 2 คนนี้ และเด็กผู้ชายประมาณ 1 ขวบกว่าน่าจะเป็นหลาน.....ดิฉันก็มองอย่างมีความสุขที่เห็นเขามาด้วยกันเป็นครอบครัว.....หลังจากกินเสร็จก็กลับบ้าน.....ดิฉันให้คุณ โฮฮับ ทายสิว่าจะเกิดอะไรขึ้นต่อไป

เฉลย.....พอกลับถึงบ้านก็ไม่มีอะไร ดิฉันก็พาลูกไปอาบน้ำนอนตอนประมาณบ่าย 2 โมง พอลูกหลับดิฉันก็ออกมาจากห้อง....เห็นเขานอนดูโทรทัศน์เงียบๆ ดิฉันก็ไปล้างจาน ล้างห้องน้ำ ทำนั่นทำนี่ไปเลื่อย ไปอาบน้ำเตรียมตัวออกไปซื้อกลับข้าวเย็น....เขาก็ดูโทรทัศน์เหมือนเดิม ไม่พูดไม่จา จน 5 โมงเย็นกว่าลูกก็ตื่น ดิฉันก็ถามเขาว่าไม่เตรียมตัวออกไปซื้อกับข้าวหรือไง เขาก็ไม่พูด ทำหน้าเหมือนไม่พอใจซึ่งดิฉันก็คิดว่ามันไม่ปกติ ดิฉันก็ถามเขาเป็นอะไรไม่พูดไม่จา.....เขาก็ตอบกลับมาว่า ไม่รู้หรือไงทำอะไรไว้.....ดิฉันก็ถามต่อ แล้วเขาไปทำอะไรให้ตัวเองไม่พอใจล่ะ เขาก็บอกว่าไม่รู้หรือไง ดิฉันก็บอกไม่รู้หรอก ไม่บอกแล้วจะรู้ได้อย่างไง มีอะไรก็พูดมาเลยไม่ต้องมาให้นั่งทายใจ (ถึงตอนนี้ดิฉันเองก็ยังไม่รู้) เขาก็เลยบอกว่าที่ร้านก๋วยเตี๋ยว เห็นดิฉันมองไอ้ผู้ชายคนนั้นแล้วก็ยิ้ม (ดิฉันก็คิดผู้ชายคนไหน เพราะในร้านก็มีผู้ชายหลายคน จำได้ว่าไม่ได้มองใครแล้วยิ้มให้เพราะไม่รู้จัก) ดิฉันก็ถามใครคนไหน เขาก็บอกว่า ก็ไอ้แก่ที่มากับลูกกับเมียไง.....ดิฉันก็ถึงบางอ้อ.....ลุงผู้ชายที่รุ่นราวคราวเดียวกับพ่อดิฉันเนี่ยนะ.....เขาหาว่าดิฉันมองไอ้แก่นั่นแล้วก็ยิ้มให้.......ดิฉันก็มาคิดทบทวนเหตุการดู ดิฉันก็อ๋อ ก็บอกเขาว่า ดิฉันไม่ได้ยิ้มให้ลุงคนนั้น ดิฉันเห็นเขามาเป็นครอบครัวดูมีความสุขดี มีพ่อแม่ลูกยังไม่หลานอีก และดูลุงกับน้าผู้หญิงเขาก็รักหลานมาก ทั้งที่มีหลานไม่น่ารักเท่าไหร่ ตัวก็ดำ ผมก็หยิก ไม่เห็นเหมือนแม่เลย แม่ตัวขาวเชียว สงสัยจะเหมือนตา เพราะลุงคนนั้นตัวดำ ตอนที่อยู่ที่ร้านดิฉันก็คิดประมาณนี้แล้วก็แอบอมยิ้ม......แต่สามีกลับคิดว่าดิฉันสนใจลุงคนนั้น พูดให้เขาฟังก็ไม่เชื่อ เชื่อแต่ความคิดของตัวเองเหมือนเดิม สุดท้ายก็ทะเลาะกันไปเหมือนเดิม......ซึ่งเป็นแบบนี้บ่อยๆ ทั้งที่อยู่ด้วยกัน

จากเหตุการนี้คุณโฮฮับคิดเห็นอย่างไร......เป็นสาเหตุที่ตัวดิฉันเองหรือเปล่าคะ


อืมๆ เท่าที่อ่านๆมาก็พอจะเริ่มเดาได้เล็กน้อยนะ ดูคล้ายว่าคุณจะเป็น Working woman เกินไปหรือเปล่า สนใจแต่งาน กลับมาก็ทำแต่งานบ้าน จะว่าไปผู้หญิงประเภทนี้ถือว่าดีมากนะ รู้จักรับผิดชอบการบ้านการเรือน เป็นแม่ศรีเรือนสมัยนี้หายากนะ แต่เพราะเหตุนี้หรือเปล่าที่ทำให้สามีคิดว่าคุณไม่สนใจเขา การทำตัวเป็นแม่ศรีเรือนมันก็ดีนะ แต่ถ้าหากเจอสามี ขี้งอน งี่เง่า เอาแต่ใจ บางทีเขาอาจจะคิดว่าคุณไม่ยอมเอาอกเอาใจเขา ปล่อยปละละเลย ก็เป็นได้นะ คือประมาณเหมือนเด็กที่ชอบให้แม่โอ๋ คอยถามนั่นถามนี่ ลูกชอบอันนั้นมั๊ย ชอบอันนี้มั๊ย ลูกกินอันนั้นมั๊ย อันนี้มั๊ย ไปนั่น ไปนี่กับแม่มั๊ย ประมาณนี้หรือเปล่า แบบนี้คุณก็ลองคิดว่าเขาเป็นลูกเลยสิ่ ถ้าสามีเป็นแบบที่ผมพูดมา ก็ถือว่าน่าเห็นใจคุณนะ สามีประเภทนี้คงทำให้คุณเหนื่อยมากเลยล่ะ ลองทำเหมือนกับว่าเขาเป็นเด็กดูสิ่ ใกล้ชิดเขาหน่อย โอ๋เขาหน่อย ถ้าให้เดา ผมว่าสามีคุณเมื่อสมัยเด็กเขาคงเป็นเด็กที่ค่อนข้างขาดความอบอุ่นจากผู้เป็นแม่ พอโตขึ้นเขาอาจต้องการความรัก การเอาอกเอาใจจากผู้หญิง ใส่ใจ ตามใจ เพราะผู้หญิงเป็นเพศที่นุ่มนวล อ่อนละมุน เขาอาจต้องการตรงนี้หรือเปล่า พอเขาแข็งมาคุณก็ไปแข็งกลับเขาจึงนึกว่าคุณไม่สนใจ ทำให้พาลไปว่านอกใจบ้าง ไม่สนใจเขาบ้าง มีชู้บ้างล่ะ ที่จริงเขาอาจกำลังเรียกร้องความสนใจจากคุณอยู่ก็เป็นได้ ในใจจริงเขาอาจจะง้อคุณอยู่มากเลยนะ เขาอาจกำลังโหยหาความสุขที่ขาดหายไปในวัยเด็ก แต่ด้วความที่คุณเป็นคนแข็งๆและเป็น working woman ไง เขาจึงกลัวว่าคุณจะนอกใจอยู่เรื่อย ที่จริงเขาอาจกลัวว่าจะเสียคุณไปหรือเปล่าเขาจึงชอบพูดประชดประชันจับผิดคุณอยู่เรื่อย เหมือนเด็กไงที่กลัวว่าแม่จะรักน้องมากกว่า จึงเกิดความอิจฉาน้อง เลยพยายามร้องไห้บ้าง ทำอะไรแปลกๆบ้างต่างๆนานา เพื่อเรียกร้องความสนใจจากพ่อแม่ สามีคุณเป็นอย่างที่ผมพูดหรือเปล่า ผมเดาถูกมั้ย และอย่่าลืมอริยสัจ 4 นะ เพราะจะทำให้คุณมีสติในการมองปัญหาและใช้แก้ปัญหาได้ถูกทาง

.....................................................
รูปภาพ


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 28 ก.ย. 2012, 17:20 
 
ออฟไลน์
สมาชิกใหม่
สมาชิกใหม่
ลงทะเบียนเมื่อ: 13 ก.ย. 2012, 15:17
โพสต์: 7


 ข้อมูลส่วนตัว


พระบรมโพธิสัตว์สอนตนเองว่า ดูก่อนสุเมธบัณฑิต นับแต่นี้ไป ท่านพึงบำเพ็ญขันติบารมีให้เต็มเปี่ยม พึงเป็นผู้อดทน ได้ทั้งในความนับถือทั้งในความดูหมิ่น คนทั้งหลายทิ้งของสะอาดบ้างไม่สะอาดบ้างลงบนแผ่นดิน แผ่นดินย่อมไม่กระทำความชอบใจ ไม่กระทำความแค้นใจ มีแต่อดทนอดกลั้น ฉันใด แม้ท่านเมื่ออดทนได้ในความนับถือก็ดี ในความดูหมิ่นก็ดี จักเป็นพระพุทธเจ้าได้ ฉันนั้น

สุดท้ายนี้นับตั้งแต่บัดนี้เป็นต้นไป.....ดิฉันจะขอยึดหลักธรรม ขันติ คือความอดทน ในการใช้ชีวิตคู่ จะพยายามทำให้ดี ให้ได้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้ในแต่ละวันเพื่อลูก เพราะมีลูก.....เพราะเข้าใจแล้วว่าในชาตินี้ตัวเราเองไม่ได้เป็นเหตุ....แต่เป็นเหตุที่เกิดมาจากกรรมเมื่อชาติปางก่อน ดิฉันเชื่อเรื่องบาปกรรมดิฉันปฏิบัติตามคำสอนของพระพุทธเจ้า รักษาศีล 5 ให้มั่นคง.....ดิฉันจะ อดทน ค่ะ

ขอบคุณทุกท่านที่มีเมตตาค่ะ ที่สละเวลามาพิมพ์ข้อความ แนะนำสิ่งดีๆ ให้ดิฉันพ้นทุกข์ได้

ถ้ามีโอกาสดีๆ ดิฉันจะเข้ามาเล่าให้ฟังนะคะว่าดิฉันปฏิบัติธรรมได้เพียงใด

ขอบคุณทุกท่านมากค่ะ

ดิฉันขอจบกระทู้เพียงเท่านี้.....


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 28 ก.ย. 2012, 20:26 
 
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 11 ต.ค. 2010, 12:11
โพสต์: 5019


 ข้อมูลส่วนตัว


เมื่อได้ลองรักใครเข้าไปแล้ว นั่นคือ การประกาศความเป็นผู้แพ้ในทุกสงคราม

การก้าวเข้าสู่ความรัก นั่นคือ เราจะก้าวเข้าสู่สงครามที่เราไม่มีวันชนะ ...

ความรักเป็นสงครามที่แปลก ...
เมื่อใจไปตั้งไว้ที่เขาแล้ว ไม่ว่าเขาจะทำร้ายจิตใจเรา
หรือ เราทำร้ายจิตใจเขา
เราก็เจ็บ

การกระทำของเขา จะบ่งบอกอะไรบางอย่างเสมอ
เป็นกระจกที่สะท้อนภาพบางอย่าง
ที่ว่า...ทำไมภาพนั้นถึงสะท้อนสิ่งเหล่านั้นออกมา

:b45: :b45: :b45:


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 28 ก.ย. 2012, 20:41 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 27 มิ.ย. 2012, 14:54
โพสต์: 2805


 ข้อมูลส่วนตัว


eragon_joe เขียน:
เมื่อได้ลองรักใครเข้าไปแล้ว นั่นคือ การประกาศความเป็นผู้แพ้ในทุกสงคราม

การก้าวเข้าสู่ความรัก นั่นคือ เราจะก้าวเข้าสู่สงครามที่เราไม่มีวันชนะ ...

ความรักเป็นสงครามที่แปลก ...
เมื่อใจไปตั้งไว้ที่เขาแล้ว ไม่ว่าเขาจะทำร้ายจิตใจเรา
หรือ เราทำร้ายจิตใจเขา
เราก็เจ็บ

การกระทำของเขา จะบ่งบอกอะไรบางอย่างเสมอ
เป็นกระจกที่สะท้อนภาพบางอย่าง
ที่ว่า...ทำไมภาพนั้นถึงสะท้อนสิ่งเหล่านั้นออกมา

:b45: :b45: :b45:
เคยรักกับเขาเหรอถึงรู้นะ! :b17: มังกรน้อย อย่าได้ลองเลยนะถ้าไม่เคยจะบอกให้อิๆๆ :b13:

.....................................................
อย่าลืมทำกิจในอริยสัจ
เราจะเดินให้สุดทาง http://www.thaidhamma.net


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 28 ก.ย. 2012, 20:46 
 
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 11 ต.ค. 2010, 12:11
โพสต์: 5019


 ข้อมูลส่วนตัว


bigtoo เขียน:
เคยรักกับเขาเหรอถึงรู้นะ! :b17: มังกรน้อย อย่าได้ลองเลยนะถ้าไม่เคยจะบอกให้อิๆๆ :b13:


:b2: :b2: :b2:

...พี่บิ๊กดูถูก ...

:b9: :b9: :b9:

:b3: :b3: :b3:

หมดกัน พี่บิ๊กเล่นรู้ไส้รู้พุงเอกอนอย่างนี้
เอกอนม้วนเสื่อไปแอบอ่านหลังก้อนหินอย่างเดิมดีกวั่ะ
อิอิ ... อาย ...แหง่ว แหง่ว คนไม่มีแควน

จร้า....


:b3: :b3:


แก้ไขล่าสุดโดย eragon_joe เมื่อ 28 ก.ย. 2012, 20:55, แก้ไขแล้ว 1 ครั้ง

โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 28 ก.ย. 2012, 20:55 
 
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 25 เม.ย. 2009, 02:43
โพสต์: 12232


 ข้อมูลส่วนตัว


joomw1975 เขียน:
พระบรมโพธิสัตว์สอนตนเองว่า ดูก่อนสุเมธบัณฑิต นับแต่นี้ไป ท่านพึงบำเพ็ญขันติบารมีให้เต็มเปี่ยม พึงเป็นผู้อดทน ได้ทั้งในความนับถือทั้งในความดูหมิ่น คนทั้งหลายทิ้งของสะอาดบ้างไม่สะอาดบ้างลงบนแผ่นดิน แผ่นดินย่อมไม่กระทำความชอบใจ ไม่กระทำความแค้นใจ มีแต่อดทนอดกลั้น ฉันใด แม้ท่านเมื่ออดทนได้ในความนับถือก็ดี ในความดูหมิ่นก็ดี จักเป็นพระพุทธเจ้าได้ ฉันนั้น

สุดท้ายนี้นับตั้งแต่บัดนี้เป็นต้นไป.....ดิฉันจะขอยึดหลักธรรม ขันติ คือความอดทน ในการใช้ชีวิตคู่ จะพยายามทำให้ดี ให้ได้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้ในแต่ละวันเพื่อลูก เพราะมีลูก.....เพราะเข้าใจแล้วว่าในชาตินี้ตัวเราเองไม่ได้เป็นเหตุ....แต่เป็นเหตุที่เกิดมาจากกรรมเมื่อชาติปางก่อน ดิฉันเชื่อเรื่องบาปกรรมดิฉันปฏิบัติตามคำสอนของพระพุทธเจ้า รักษาศีล 5 ให้มั่นคง.....ดิฉันจะ อดทน ค่ะ

ขอบคุณทุกท่านที่มีเมตตาค่ะ ที่สละเวลามาพิมพ์ข้อความ แนะนำสิ่งดีๆ ให้ดิฉันพ้นทุกข์ได้

ถ้ามีโอกาสดีๆ ดิฉันจะเข้ามาเล่าให้ฟังนะคะว่าดิฉันปฏิบัติธรรมได้เพียงใด

ขอบคุณทุกท่านมากค่ะ

ดิฉันขอจบกระทู้เพียงเท่านี้.....


อย่าหวังว่าจะทำเพื่อใคร

เพราะถ้าตนเอง...ไม่ได้...ไม่มี...ความสุขความสงบ...ก่อนแล้ว...แล้วลูกหรือคนแวดล้อมภายนอกจะได้อะไรจากเรา?

จงทำดี...เพื่อรักษาใจของตน...แล้ว...ลูกเขาจะได้รับเป็นผลพลอยได้..ไปเอง

สู้...สู้.... rolleyes rolleyes


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 28 ก.ย. 2012, 20:59 
 
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 11 ต.ค. 2010, 12:11
โพสต์: 5019


 ข้อมูลส่วนตัว


bigtoo เขียน:
มังกรน้อย อย่าได้ลองเลยนะถ้าไม่เคยจะบอกให้อิๆๆ :b13:


จร้า...อิอิ...เชื่อฟังพี่บิ๊ก

:b20: :b4: :b4: :b20:

smiley


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 28 ก.ย. 2012, 21:48 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 27 มิ.ย. 2012, 14:54
โพสต์: 2805


 ข้อมูลส่วนตัว


eragon_joe เขียน:
bigtoo เขียน:
มังกรน้อย อย่าได้ลองเลยนะถ้าไม่เคยจะบอกให้อิๆๆ :b13:


จร้า...อิอิ...เชื่อฟังพี่บิ๊ก

:b20: :b4: :b4: :b20:

smiley
พี่บิ๊ก ไม่ดุหรอกนะเอกอน :b12:

.....................................................
อย่าลืมทำกิจในอริยสัจ
เราจะเดินให้สุดทาง http://www.thaidhamma.net


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 29 ก.ย. 2012, 01:38 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 2
สมาชิก ระดับ 2
ลงทะเบียนเมื่อ: 21 มิ.ย. 2011, 22:25
โพสต์: 59

แนวปฏิบัติ: รักษาศีลให้แน่นหนามั่นคง
ชื่อเล่น: Soduku
อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


อ้างคำพูด:
.....สาเหตุที่เป็นแบบนี้ก็เป็นเพราะว่าสามีดิฉันเขาติดเบียร์ ต้องดื่มเบียร์ตอนเย็นทุกวัน วันละขวด (หยุดวันอาทิตย์) พอเริ่มดื่มเขาก็จะเริ่มพูดเยอะส่วนใหญ่ก็จะพูดไม่ดี.....เริ่มหาเรื่องดิฉัน ....และสุดท้ายดิฉันก็ทนไม่ไหว....เหมือนกับว่ายิ่งเราเงียบเขาก็ยิ่งพูดเยอะ อาจจะเริ่มเมา.....พูดจนเราทนไม่ไหวก็มีการตอบโต้ไปจนทะเลาะกันเกือบทุกวัน....ดิฉันก็บอกเขาว่าเวลาไม่กินเบียร์ไม่เห็นจะพูดอะไรขนาดนี้เลย พอเริ่มกินเบียร์ก็เริ่มเอานั่นเอานี่มาพูด เขาก็บอกว่าเขาไม่เมา


เพิ่งเข้ามาอ่านเจอ รู้สึกเห็นใจเจ้าของกระทู้หากสาเหตุเป็นอย่างที่ขีดเส้นใต้ข้างต้น และถ้าคุณ Joomw บังเอิญได้กลับมาดูใหม่ผมก็อยากแนะนำให้คุณหาทางเกลี้ยกล่อมให้สามีไปหาแพทย์ (เท่าที่ทราบอาจมีอยู่ที่รพ.ศรีธัญญาแห่งหนึ่ง) ซึ่งเชี่ยวชาญดูแลเรื่องสมองผู้ที่อาจมีผลกระทบประสาทหลอนจากการดื่มแอลกอฮอล์และอาจเป็นต้นเหตุทางจิตที่ทำให้สามีคุณเกิดภาวะระแวงสงสัยเรื่องชู้สาวในตัวคุณจนดูผิดปกติทำให้เกิดการทะเลาะเบาะแว้งไม่สงบสุขก็ได้ และถ้าตรวจพบว่าเป็นต้นเหตุจริงทางการแพทย์ก็น่าจะมีหนทางเยียวยาแก้ไขให้เขาหายเป็นปกติได้ มีผู้เคยโพสต์ลงในสังคมonline ของผู้ที่ประสบปัญหาเรื่องครอบครัวที่มีสมาชิกในครอบครัวโดยเฉพาะสามีติดเหล้าเบียร์มากมายซึ่งบังเอิญไปอ่านเจอ โดยมีรายงานเรื่องการระแวงในคู่สมรสคล้ายกรณีของคุณโพสต์อยู่ที่ลำดับความเห็น 139 ของกระทู้ในเวปลิงค์นี้
http://www.vcharkarn.com/vcafe/38171

นี่เป็นเหตุแห่งทุกข์ที่พระพุทธองค์ได้กำหนดให้หนึ่งในศีลที่สำคัญของเราชาวพุทธก็คือการงดเว้นขาดจากการดื่มสุราเมรัย...เพราะดูจากกระทู้ที่มีผู้โพสต์ไว้มันสร้างปัญหาให้ครอบครัวได้มากมายทีเดียว ดังนั้นหากไม่อยากให้ครอบครัวและตนเองต้องตกนรกทั้งเป็นก็ไม่ควรที่ริอ่านข้องแวะในอบายมุขข้อนี้กันเลยก็จะเป็นบุญกุศลต่อตนเอง คนรอบข้าง รวมทั้งสังคมอย่างยิ่งทีเดียว :b8:


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 29 ก.ย. 2012, 02:38 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 13 ก.พ. 2010, 17:53
โพสต์: 4999

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


joomw1975 เขียน:
ทำตัวเองให้ดีเสียก่อน ที่เล่ามาเห็นแต่ผัวอย่างโน้น ผัวอย่างนี่
บอกให้ไปหาสาเหตุที่ตัวเองว่า เป็นเป็นเหตุให้ผัวเป็นอย่างนั้นหรือเปล่า...
ดันไม่พอใจเสียนี่[/b]

หาแล้วค่ะ.....ตัวดิฉันเองไม่มีพฤติกรรม หรือการกระทำใดๆ จริงๆ ที่จะทำให้เขาคิดว่าดิฉันจะมีชู้....มีแต่เขาคิดไปเองอย่างที่เล่าให้ฟังตั้งแต่แรก.....

และนี่คือตัวอย่างเหตุการจริงที่เกิดขึ้นไม่นานมานี้เป็นวันแม่พอดี.....ดิฉันกับสามีและลูกก็ไปทานก๋วยเตี๋ยวแถวๆ บ้านตอนเที่ยง....ในร้านก็มีคนมากันเกือบ 10 คน มีอยู่หนึ่งครอบครัวมาด้วยกัน มีลุงผู้ชาย(น่าจะรุ่นราวคราวเดียวกับพ่อดิฉัน) มีน้าผู้หญิง(น่าจะรุ่นน้องแม่ดิฉัน) มีผู้หญิง 1 คน น่าจะเป็นลูกสาวของทั้ง 2 คนนี้ และเด็กผู้ชายประมาณ 1 ขวบกว่าน่าจะเป็นหลาน.....ดิฉันก็มองอย่างมีความสุขที่เห็นเขามาด้วยกันเป็นครอบครัว.....หลังจากกินเสร็จก็กลับบ้าน.....ดิฉันให้คุณ โฮฮับ ทายสิว่าจะเกิดอะไรขึ้นต่อไป

เฉลย.....พอกลับถึงบ้านก็ไม่มีอะไร ดิฉันก็พาลูกไปอาบน้ำนอนตอนประมาณบ่าย 2 โมง พอลูกหลับดิฉันก็ออกมาจากห้อง....เห็นเขานอนดูโทรทัศน์เงียบๆ ดิฉันก็ไปล้างจาน ล้างห้องน้ำ ทำนั่นทำนี่ไปเลื่อย ไปอาบน้ำเตรียมตัวออกไปซื้อกลับข้าวเย็น....เขาก็ดูโทรทัศน์เหมือนเดิม ไม่พูดไม่จา จน 5 โมงเย็นกว่าลูกก็ตื่น ดิฉันก็ถามเขาว่าไม่เตรียมตัวออกไปซื้อกับข้าวหรือไง เขาก็ไม่พูด ทำหน้าเหมือนไม่พอใจซึ่งดิฉันก็คิดว่ามันไม่ปกติ ดิฉันก็ถามเขาเป็นอะไรไม่พูดไม่จา.....เขาก็ตอบกลับมาว่า ไม่รู้หรือไงทำอะไรไว้.....ดิฉันก็ถามต่อ แล้วเขาไปทำอะไรให้ตัวเองไม่พอใจล่ะ เขาก็บอกว่าไม่รู้หรือไง ดิฉันก็บอกไม่รู้หรอก ไม่บอกแล้วจะรู้ได้อย่างไง มีอะไรก็พูดมาเลยไม่ต้องมาให้นั่งทายใจ (ถึงตอนนี้ดิฉันเองก็ยังไม่รู้) เขาก็เลยบอกว่าที่ร้านก๋วยเตี๋ยว เห็นดิฉันมองไอ้ผู้ชายคนนั้นแล้วก็ยิ้ม (ดิฉันก็คิดผู้ชายคนไหน เพราะในร้านก็มีผู้ชายหลายคน จำได้ว่าไม่ได้มองใครแล้วยิ้มให้เพราะไม่รู้จัก) ดิฉันก็ถามใครคนไหน เขาก็บอกว่า ก็ไอ้แก่ที่มากับลูกกับเมียไง.....ดิฉันก็ถึงบางอ้อ.....ลุงผู้ชายที่รุ่นราวคราวเดียวกับพ่อดิฉันเนี่ยนะ.....เขาหาว่าดิฉันมองไอ้แก่นั่นแล้วก็ยิ้มให้.......ดิฉันก็มาคิดทบทวนเหตุการดู ดิฉันก็อ๋อ ก็บอกเขาว่า ดิฉันไม่ได้ยิ้มให้ลุงคนนั้น ดิฉันเห็นเขามาเป็นครอบครัวดูมีความสุขดี มีพ่อแม่ลูกยังไม่หลานอีก และดูลุงกับน้าผู้หญิงเขาก็รักหลานมาก ทั้งที่มีหลานไม่น่ารักเท่าไหร่ ตัวก็ดำ ผมก็หยิก ไม่เห็นเหมือนแม่เลย แม่ตัวขาวเชียว สงสัยจะเหมือนตา เพราะลุงคนนั้นตัวดำ ตอนที่อยู่ที่ร้านดิฉันก็คิดประมาณนี้แล้วก็แอบอมยิ้ม......แต่สามีกลับคิดว่าดิฉันสนใจลุงคนนั้น พูดให้เขาฟังก็ไม่เชื่อ เชื่อแต่ความคิดของตัวเองเหมือนเดิม สุดท้ายก็ทะเลาะกันไปเหมือนเดิม......ซึ่งเป็นแบบนี้บ่อยๆ ทั้งที่อยู่ด้วยกัน

จากเหตุการนี้คุณโฮฮับคิดเห็นอย่างไร......เป็นสาเหตุที่ตัวดิฉันเองหรือเปล่าคะ

มันเป็นคุณเองนั้นแหล่ะ สายตาสอดส่ายด้วยกิเลส มองอะไรแล้วก็เอาใจตัวเอง
ไปวิจารณ์คนอื่นเขา แทนที่จะมองแล้วให้มันผ่านเลยไป วิบากกรรมมันเลยย้อน
กลับมาเล่นงานคุณ นี่แหล่ะผลของการไม่สำรวจตัวเอง เที่ยวเพ่งโทษคนอื่น

ผมรู้แล้วว่าสามีคุณทำไมถึงเป็นคนแบบนี้ เป็นเพราะคุณพูดจาเชื่อถือไม่ได้
ปากอย่างใจอย่าง นี่ลงทุนเล่าเหตุการประจานตัวเองอีกแน่ะ....

ตอนแรกบอก มองครอบครัวตาลุงเหมือนกำลังชื่นชมว่า
ครอบครัวตาลุงมีความสุข ตัวเองมีความสุขตามไปด้วย
แต่ที่ไหนได้พอโดนผัวหาเรื่อง ดันวิจารณ์ครอบครัวตาลุงคนนั้น

ผมจะบอกคุณจุมโพไว้จะได้รู้ตัว ที่ผัวคุณไม่เชื่อคำพูดคุณเพราะอะไรรู้มั้ย
เป็นเพราะคำพูดคุณเชื่อถื่อไม่ได้ไง มันเหมือนกับการแก้ตัว คำพูดคุณที่พูดกับผัว
อาจเป็นเรื่องจริง แต่ผัวคุณไม่ได้เอาการกระทำตอนคุณ อธิบายความเป็นต้นเหตุ
ผัวคุณไปเอาตอนคุณ แสดงอาการในร้านอาหารเป็นต้นเหตุครับ


ในร้านอาหารคุณเสแสร้งแกล้งทำ ด้วยแสดงอาการชื่นชมครอบครัวตาลุง
ซึ่งมันไม่ใช่ความจริง คุณเพียงต้องการให้ชาวบ้านมองคุณในแง่ดีเท่านั้น
แต่คุณลืมนึกถึงสามีคุณไปว่า เขากำลังมองคุณอยู่เช่นกัน
คุณพอจะเข้าใจมั้ยว่า ชาวบ้านเขาไม่รู้ว่าคุณเสแสร้ง ไม่คิดว่าการที่คุณอมยิ้มนั้น
คุณกำลังวิพากในทำนองดูถูกครอบตาลุงอยู่ (กำลังว่ารูปร่างหน้าตาลุงกับหลาน)

คุณกับสามีอยู่บ้านเดียวกัน เขาย้อมรู้ดีว่านิสัยคุณเป็นอย่างไร
ไอ้อาการเสแสร้งของคุณ มันไม่ได้ส่งผลให้สามีคุณเป็นไปในทางเดียวกับชาวบ้านเขา
อาการที่คุณพยายามให้ชาวบ้านดูว่าคุณเป็นคนมีใจงดงาม มันกลับไปส่งผลให้
สามีมองคุณว่า....กำลังทอดสะพานให้ตาลุงคนนั้น


สรุปก็คือคุณจุมโพทำให้สามีและชาวบ้าน เชื่อสนิทใจในอาการที่แสดงออก
แต่ชาวบ้านและสามีเชื่อไปกันคนละทางแค่นั้น
พอกลับมาบ้านเล่าความในใจให้ผัวฟัง ผัวถึงไม่เชื่อไง
เป็นเพราะคุณ แสดงการเสแสร้งได้แนบเนียน จนใครๆก็หลงเชื่อ


ผมถึงได้แนะนำ ให้สำรวจตัวเองว่า มีจุดบกพร่องอะไรหรือเปล่า
บางที่เรานึกไม่ถึง บางครั้งเราโกหกไปโดยไม่รู้ตัว
หรือบางที่เราคิดว่าไม่เป็นไร เป็นเพราะเราเอาแต่ใจตัวเป็นใหญ่ ไม่มองชาวบ้านเขา

อย่างคุณชอบมองคนอื่นในแง่ร้าย ตัวเองดีเลิศไม่มีข้อติ
ถามหน่อยเมื่อไรจะเจอสาเหตุ ผลมันมาจากเหตุ
จะแก้ปัญหาต้องไปหาเหตุให้เจอ
อย่ามัวมาเอาแต่ผลเป็นใหญ่แล้วตีโพยตีพาย
เลิกซะที่ไอ้เรื่องเสแสร้ง ผัวไม่ได้เป็นผู้วิเศษ
ถึงจะได้ไปรู้ความในใจเราได้ ปากกับใจให้ตรงกัน
เรื่องง่ายๆไปทำให้ได้ซะก่อน


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 30 ก.ย. 2012, 10:30 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 4
สมาชิก ระดับ 4
ลงทะเบียนเมื่อ: 22 ธ.ค. 2009, 00:22
โพสต์: 223

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว








ตายแล้วไปไหน ภพภูมิ 4/8 http://www.youtube.com/watch?v=C4xe9YBV ... ure=relmfu

ตายแล้วไปไหน ภพภูมิ 5/8 http://www.youtube.com/watch?v=9V62qEka ... ure=relmfu

ตายแล้วไปไหน ภพภูมิ 6/8 http://www.youtube.com/watch?v=Tgxcjl2c ... ure=relmfu

ตายแล้วไปไหน ภพภูมิ 7/8 http://www.youtube.com/watch?v=3sbzydxP ... ure=relmfu

ตายแล้วไปไหน ภพภูมิ 8/8 http://www.youtube.com/watch?v=v4XYgwWK ... ure=relmfu


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 30 ก.ย. 2012, 21:55 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 9
สมาชิก ระดับ 9
ลงทะเบียนเมื่อ: 01 ก.ค. 2011, 22:53
โพสต์: 705

แนวปฏิบัติ: รู้สึกตัว
อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


:b9: เรื่องของเขาเราไม่รู้ ขอดูเฉยๆ

(แต่เอาใจช่วยนะ อยากให้ทุกคนมีความสุข อย่าได้ทุกข์กาย ทุกข์ใจเลย ดีที่สุ๊ด)

:b11:

.....................................................
"ธรรมะเป็นปัจจัตตัง ต้องทำเอง รู้เอง เห็นเอง เข้าใจเอง"


แสดงโพสต์จาก:  เรียงตาม  
กลับไปยังกระทู้  [ 45 โพสต์ ]  ไปที่หน้า ย้อนกลับ  1, 2, 3

เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง


 ผู้ใช้งานขณะนี้

่กำลังดูบอร์ดนี้: ไม่มีสมาชิก และ บุคคลทั่วไป 1 ท่าน


ท่าน ไม่สามารถ โพสต์กระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ตอบกระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แก้ไขโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ลบโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แนบไฟล์ในบอร์ดนี้ได้

ค้นหาสำหรับ:
ไปที่:  
Google
ทั่วไป เว็บธรรมจักร