วันเวลาปัจจุบัน 07 ส.ค. 2025, 23:31  



เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง




กลับไปยังกระทู้  [ 102 โพสต์ ]  ไปที่หน้า ย้อนกลับ  1, 2, 3, 4, 5, 6, 7  ต่อไป  Bookmark and Share
เจ้าของ ข้อความ
โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 17 ม.ค. 2014, 09:59 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 13 ก.พ. 2010, 17:53
โพสต์: 4999

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


กรัชกาย เขียน:
asoka เขียน:


ในที่สุดก็เผยคำตอบที่ตั้งไว้ในใจออกมานะกรัชกาย วิเคราะห์ดูแล้วมีหลายชั้นจังเลย
ให้สังคมช่วยกันตัดสินก็แล้วกันนะครับ


อ้างคำพูด:
ให้สังคมช่วยกันตัดสินก็แล้วกัน


ควรพูดอย่างนี้ครับ คือ ให้ผู้ศึกษาพระพุทธศาสนาใช้ความเห็นต่างนี้ ไปศึกษาค้นคว้าเสียให้ตรงตามหลักพุทธศาสนา :b1:

ถ้าหากให้สังคมตัดสิน เอาแค่สามคน คือ โฮฮับ เมสซิ่ง กบนอกกะลา ตัดสิน เขาก็เห็นด้วยกับอโศกหมด กรัชกายคงอยู่อย่างโดดเดียวเดียวดาย หาคนเห็นด้วยไม่มี :b2: ไม่เชื่อลองทำโพลดูก็ได้ :b1: 100 มีถึง 5 % เปล่าไม่รู้ :b7:


ใครบอกล่ะ...มันต้องแยกแยะธรรม ถ้าเป็นเรื่องธรรมที่เป็นโลกียะ(ตำราเรียนปุถุชน)
เห็นด้วยกับกรัชกาย เพราะที่กรัชกายเอามาโพส ส่วนใหญ่เป็นบทความของหลวงพ่อปยุต
หลวงพ่อปยุตท่านสอนธรรมะที่เป็นการศึกษา...ท่านไม่ใช่อรหันต์ เป็นเพียงปราชญ์ทางวิชาการ
พี่โฮไม่ได้ไปปรามาสท่าน แต่ดูจากธรรมะที่ท่านสอน

แต่กับโสกะไม่เห็นด้วยเลย ซักกาติด โสกะเอาพุทธพจน์มายำซะเละ
มิหน่ำซ้ำยังเอาพุทธพจน์ มาทำให้เป็นคำสาปแช่ง เหมือนปีศาจคาบคัมภีร์

ยิ่งถ้าเป็นเรื่องปริยัติไม่ว่าจะเป็นพระธรรมวินัย หรือเป็นเรื่องการใช้ภาษาไทยง่ายๆ
โสกะยังไม่เข้าใจ เห็นใช้คำพูดมั่วๆอยู่บ่อยๆ
ที่สำคัญไม่สมองคิดหาเหตุผล โสกะเวลาจนตรอกจะมีอยู่สองอย่าง....
สาปแช่งกับกล่าวหาอีกฝ่ายไม่ได้ปฏิบัติ.....แค่นี้ก็บ่งบอกถึงสติปัญญาแล้ว
:b32:

ส่วนบิกทู่นั้น .....เรื่องธรรมะไม่มีราคาพอให้พูดถึง :b13:


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 17 ม.ค. 2014, 10:21 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 ต.ค. 2006, 12:36
โพสต์: 33766

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


คุณอโศกว่า
อ้างคำพูด:
ขันธ์ ๕ อยู่ใน กายใจ รูปนาม ของเรานี่แหละ


โฮฮับล่ะว่าไง ขันธ์ ๕ อยู่ที่ไหน :b10: :b14: :b1:

.....................................................
https://dhammachati.blogspot.com/


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 17 ม.ค. 2014, 10:24 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 ต.ค. 2006, 12:36
โพสต์: 33766

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


ชีวิตประกอบด้วยขันธ์ ๕ เท่านั้น ไม่มีสิ่งใดอื่นอีกนอกเหนือจากขันธ์ ๕ ไม่ว่าจะแฝงอยู่ในขันธ์ ๕ หรืออยู่ต่างหากจากขันธ์ ๕ ที่จะมาเป็นเจ้าของหรือควบคุมขันธ์ ๕ ให้ชีวิตดำเนินไป ในการพิจารณาเรื่องชีวิต เมื่อยกเอาขันธ์ ๕ ขึ้นเป็นตัวตั้งแล้ว ก็เป็นอันครอบถ้วนเพียงพอ

ชีวิตหรือขันธ์ ๕ เป็นกระบวนการที่ดำเนินไปตามกฎแห่งปฏิจจสมุปบาท คือมีอยู่ในรูปเป็นกระแสแห่งปัจจัยต่างๆ ที่สัพพันธ์เนื่องอาศัยสืบต่อกัน ไม่มีส่วนใดในกระแสคงที่อยู่ได้ มีแต่การเกิดขึ้นแล้วสลายตัวไป พร้อมกับที่เป็นปัจจัยให้มีการเกิดขึ้นแล้วสลายตัวต่อๆไปอีก ส่วนต่างๆสัมพันธ์กัน เนื่องอาศัยกัน เป็นปัจจัยแก่กัน จึงทำให้กระแสหรือกระบวนการนี้ดำเนินไปอย่างมีเหตุผล และคุมเป็นรูปร่างต่อเนื่องกัน


แต่ในกรณีของชีวิตมนุษย์ปุฟุชน ความฝืนกระแสจะเกิดขึ้น โดยที่จะมีความหลงผิดเกิดขึ้น และยึดเอารูปปรากฎของกระแส หรือส่วนใดส่วนหนึ่งของกระแส ว่าเป็นตัวตน และปรารถนาให้ตัวตนนั้นมีอยู่ หรือเป็นไปในรูปใดรูปหนึ่ง ในเวลาเดียวกัน ความเปลี่ยนแปลงหมุนเวียนที่เกิดขึ้นในกระแส ก็ขัดแย้งต่อความปรารถนา เป็นการบีบคั้น และเร่งเร้าให้เกิดความยึดอยากรุนแรงยิ่งขึ้น ความดิ้นรนหวงให้มีตัวตน ในรูปใดรูปหนึ่ง และให้ตัวตนนั้นเป็นไปอย่างใดอย่างหนึ่งก็ดี ให้คงที่เที่ยงแท้ถาวรอยู่ในรูปที่ต้องการก็ดี ก็ยิ่งรุนแรงขึ้น เมื่อไม่เป็นไปตามที่ยึดอยาก ความบีบคั้นก็ยิ่งแสดงผลเป็นความผิดหวัง ความทุกข์ความคับแค้นรุนแรงขึ้นตามกัน


พร้อมกันนั้น ความตระหนักรู้ในความจริงอย่างมัวๆ ว่าความเปลี่ยนแปลจะต้องเกิดขึ้นอย่างใดอย่างหนึ่งแน่นอน และตัวตนที่ตนยึดอยู่ อาจไม่มี หรืออาจสูญหายไปเสีย ก็ยิ่งฝังความยึดความอยากให้เหนี่ยวแน่นยิ่งขึ้น พร้อมกับความกลัว ความประหวั่นพรั่นพรึง ก็เข้าแฝงตัวร่วมอยู่ร่วมอยู่ด้วยอย่างลึกซึ้ง และสลับซับซ้อน ภาวะจิตเหล่านี้ ก็คือ
อวิชชา (ความไม่รู้ตามเป็นจริงหลงผิดว่ามีตัวตน)
ตัณหา (ความอยากให้ตัวตนที่หลงว่ามีนั้นได้เป็น หรือไม่เป็นต่างๆ)
อุปาทาน (ความยึดถือผูกตัวตนในความหลงผิดนั้นไว้กับสิ่งต่างๆ)

กิเลสเหล่านี้ แฝงลึกซับซ้อนอยู่ในจิตใจ และเป็นตัวคอยบังคับบัญชาพฤติกรรมทั้งหลายของบุคคลให้เป็นไปต่างๆ ตามอำนาจของมัน ทั้งโดยรู้ตัวและไม่รู้ตัว ตลอดจนเป็นตัวหล่อหลอมบุคลิกภาพ และมีบทบาทสำคัญในการชี้ชะตากรรมของบุคคลนั้นๆ กล่าวในวงกว้าง มันเป็นที่มาแห่งความทุกข์ของมนุษย์ปุถุชนทุกคน

.....................................................
https://dhammachati.blogspot.com/


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 17 ม.ค. 2014, 10:29 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 ต.ค. 2006, 12:36
โพสต์: 33766

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


ตามปกติ มนุษย์มีความโน้มเอียงที่จะยึดถืออยู่เสมอว่า ตัวตนที่แท้ของตนมีอยู่ในรูปใดรูปหนึ่ง บ้างก็ยึดเอาจิตเป็นตัวตน บ้างก็ยึดว่า มีสิ่งที่เป็นตัวตนอยู่ต่างหากแฝงซ้อนอยู่ในจิตนั้น ซึ่งเป็นเจ้าของ และเป็นตัวการที่คอยควบคุมบังคับบัญชากายและใจนั้นอีกชั้นหนึ่ง การแสดงขันธ์ ๕ นี้ มุ่งให้เห็นว่า สิ่งที่เรียกว่า "สัตว์" "บุคคล" "ตัวตน" เป็นต้นนั้น เมื่อแยกออกไปแล้ว ก็จะพบแต่ส่วนประกอบ ๕ ส่วนเหล่านี้เท่านั้น ไม่มีสิ่งอื่นเหลืออยู่ที่จะมาเป็นตัวตนต่างหากได้ และแม้ขันธ์ ๕ เหล่านี้ แต่ละอย่างก็มีอยู่เพียงในรูปที่สัมพันธ์เนื่องอาศัยกัน ไม่เป็นอิสระ ไม่มีโดยตัวของมันเอง ดังนั้น ขันธ์ ๕ แต่ละอย่างๆ นั้นก็ไม่ใช่ตัวตนอีกเช่นกัน


รวมความว่า หลักขันธ์ ๕ แสดงถึงความเป็นอนัตตา ให้เห็นว่าชีวิตเป็นการประชุมเข้าของส่วนประกอบต่างๆ หน่วยรวมของส่วนประกอบเหล่านี้ ก็ไม่ใช่ตัวตน ส่วนประกอบแต่ละอย่างๆนั้นเอง ก็ไม่ใช่ตัวตน และสิ่งที่เป็นตัวอยู่ต่างหากจากส่วนประกอบเหล่านี้ก็ไม่มี เมื่อมองเห็นเช่นนี้แล้ว ก็จะถอนความยึดมั่นถือมั่นในเรื่องตัวตนได้ ความเป็นอนัตตานี้ จะเห็นได้ชัดต่อเมื่อเข้าใจกระบวนการของขันธ์ ๕ ในวงจรแห่งปฏิจจสมุปบาท


อนึ่ง เมื่อมองเห็นว่า ขันธ์ ๕ มีอยู่อย่างสัมพันธ์และอาศัยซึ่งกันและกัน ก็จะไม่เกิดความเห็นผิดว่าขาดสูญ ที่เรียกว่า อุจเฉททิฏฐิ และความผิดว่าเที่ยง ที่เรียกว่า สัสสตทิฏฐิ เมื่อรู้ว่าสิ่งทั้งหลายไม่มีตัวตนและมีอยู่อย่างสัมพันธ์และอาศัยกันเช่น นี้แล้ว ก็จะเข้าใจหลักกรรมโดยถูกต้องว่าเป็นไปได้อย่างไร กระบวนแห่งสัมพันธ์และอาศัยกันของสิ่งเหล่านี้ มีคำอธิบายอยู่ในหลักปฏิจจสมุปบาทเช่นเดียวกัน


อีกประการหนึ่ง การมองสิ่งทั้งหลายโดยวิธีแยกส่วนประกอบออกไปอย่างวิธีขันธ์ ๕ นี้ เป็นการฝึกความคิด หรือสร้างนิสัยที่จะใช้ความคิดแบบวิเคราะห์ความจริง คือ เมื่อประสบหรือเข้าไปเกี่ยวข้องกับสิ่งต่างๆ ความคิดก็ไม่หยุดตันอึ้ง ยึดถือเฉพาะรูปลักษณะภายนอกเท่านั้น เป็นการสร้างนิสัยชอบสอบสวนสืบค้นหาความจริง และที่สำคัญยิ่งคือ ทำให้รู้จักมองสิ่งทั้งหลายตามสภาวะล้วนๆ ของมัน หรือตามแบบสภาววิสัย (objective) คือ มองเห็นสิ่งทั้งหลาย "ตามที่มันเป็น" ไม่นำเอาตัณหาอุปาทานเข้าไปจับ อันเป็นเหตุให้มองเห็นตามที่อยากหรือไม่อยากให้มันเป็น อย่างที่เรียกว่า สกวิสัย "subjective) คุณค่าอย่างหลังนี้ นับว่าเป็นการเข้าถึงจุดหมายที่ต้องการของพุทธธรรมและของหลักขันธ์ ๕ นี้ คือการไม่ยึดมั่นถือมั่น การไม่เข้าไปเกี่ยวข้องกับสิ่งทั้งหลายด้วยการใช้ตัณหาอุปาทาน แต่เข้าไปเกี่ยวข้องจัดการด้วยปัญญา

.....................................................
https://dhammachati.blogspot.com/


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 18 ม.ค. 2014, 05:17 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 ต.ค. 2006, 12:36
โพสต์: 33766

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


เงียบเลยกระทู้นี้ :b32:

.....................................................
https://dhammachati.blogspot.com/


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 18 ม.ค. 2014, 09:55 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 ต.ค. 2006, 12:36
โพสต์: 33766

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


กรัชกาย เขียน:
คุณอโศกว่า
อ้างคำพูด:
ขันธ์ ๕ อยู่ใน กายใจ รูปนาม ของเรานี่แหละ


โฮฮับล่ะว่าไง ขันธ์ ๕ อยู่ที่ไหน



อย่าคิดมานะขอรับ :b1: จะเล่าอะไรให้ฟัง พอดีนึกเรื่องขำๆได้ คือจะเปรียบเทียบให้ฟัง ระหว่างผู้เข้าใจหลักธรรมสองคน คือคุณอโศก กับ โฮฮับ เพื่อความเข้าใจง่าย เทียบตัวอย่าง ช่างซ่อมเครื่องยนต์ให้ฟัง

คุณอโศกเข้าใจว่า "ขันธ์ ๕ อยู่ใน กายใจ รูปนาม ของเรา" แสดงว่า ขันธ์ ๕ ซ่อนอยู่ในตัวในกายของเรา ถูกไหม เมื่อเข้าใจอยางนั้นแล้วเนี่ยะ ร่างกาย,หรือกาย,หรือรูป ก็จึงเหลือโด่อยู่อันหนึ่ง ถูกไหม...อย่างนี้ ภาษาช่างเขาแซวกัน ฝรั่งทำเกิน (คือ ลูกมือช่าง ถอดชิ้นส่วนรถออกแล้วไม่จำว่า อะไรอยู่ตรงไหน เวลาใส่เข้าที่จึงเหลืออีกชิ้นหนึ่ง..นายช่างมา จึงถามว่า อ้าว..ไอ้ เอ ทำไมมันเหลืออยู่ล่ะ ใส่เข้าที่มันซี่ ลูกน้องตอบว่า ฝรั่งทำเกิน ครับ) :b32:


ส่วนโฮฮับ เละยิ่งกว่าอโศก ดูตัวอย่างเดียวกัน คือ นายช่างถอดชิ้นส่วนของรถออกแล้ว สั่งให้ลูกน้องใส่เข้าที่ให้ถูกให้เรียบร้อย ....ลูกน้องรับคำ ครับผม แล้วถกเขมร จับนั่นยัดนี่ ยัดไปยัดมา ชิ้นไหนเข้าไม่ได้ตามที่ตัวต้องการ ก็ไปลากเอาหินเจียเจียออก แล้วยัดพรวดเข้าไปให้...เสร็จเข้าได้หมด เดินไปรายงานหัวหน้า ผมประกอบเรียบร้อยแล้วครับ นายช่างมาตรวจดู ร้องจ๊ากกกก เออ..มรึงนะมรึงของๆเขาดีๆแท้ๆ มรึงทำสะเจ๊งเลยย พูดแล้วก็เบิร์ดกะโหลกเข้าให้ที :b2:

ตัวอย่างนี้ เปรียบได้กับโฮฮับ คือหลักธรรมเขาเรียบร้อยถูกต้องดีๆอยู่แล้ว ตัวคิดไม่ออกได้แต่กลอกหน้า จึงจับยัดนั่นใส่นี่คนไปคนมา ฟาดสะเละ พูดให้เห็นภาพ ก็ว่า เละเป็นเต้าหู้ตกตึกใ่่บหยก คิกๆๆ

.....................................................
https://dhammachati.blogspot.com/


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 18 ม.ค. 2014, 12:29 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 13 ก.พ. 2010, 17:53
โพสต์: 4999

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


กรัชกาย เขียน:
กรัชกาย เขียน:
คุณอโศกว่า
อ้างคำพูด:
ขันธ์ ๕ อยู่ใน กายใจ รูปนาม ของเรานี่แหละ


โฮฮับล่ะว่าไง ขันธ์ ๕ อยู่ที่ไหน



อย่าคิดมานะขอรับ :b1: จะเล่าอะไรให้ฟัง พอดีนึกเรื่องขำๆได้ คือจะเปรียบเทียบให้ฟัง ระหว่างผู้เข้าใจหลักธรรมสองคน คือคุณอโศก กับ โฮฮับ เพื่อความเข้าใจง่าย เทียบตัวอย่าง ช่างซ่อมเครื่องยนต์ให้ฟัง

คุณอโศกเข้าใจว่า "ขันธ์ ๕ อยู่ใน กายใจ รูปนาม ของเรา" แสดงว่า ขันธ์ ๕ ซ่อนอยู่ในตัวในกายของเรา ถูกไหม เมื่อเข้าใจอยางนั้นแล้วเนี่ยะ ร่างกาย,หรือกาย,หรือรูป ก็จึงเหลือโด่อยู่อันหนึ่ง ถูกไหม...อย่างนี้ ภาษาช่างเขาแซวกัน ฝรั่งทำเกิน (คือ ลูกมือช่าง ถอดชิ้นส่วนรถออกแล้วไม่จำว่า อะไรอยู่ตรงไหน เวลาใส่เข้าที่จึงเหลืออีกชิ้นหนึ่ง..นายช่างมา จึงถามว่า อ้าว..ไอ้ เอ ทำไมมันเหลืออยู่ล่ะ ใส่เข้าที่มันซี่ ลูกน้องตอบว่า ฝรั่งทำเกิน ครับ) :b32:


ส่วนโฮฮับ เละยิ่งกว่าอโศก ดูตัวอย่างเดียวกัน คือ นายช่างถอดชิ้นส่วนของรถออกแล้ว สั่งให้ลูกน้องใส่เข้าที่ให้ถูกให้เรียบร้อย ....ลูกน้องรับคำ ครับผม แล้วถกเขมร จับนั่นยัดนี่ ยัดไปยัดมา ชิ้นไหนเข้าไม่ได้ตามที่ตัวต้องการ ก็ไปลากเอาหินเจียเจียออก แล้วยัดพรวดเข้าไปให้...เสร็จเข้าได้หมด เดินไปรายงานหัวหน้า ผมประกอบเรียบร้อยแล้วครับ นายช่างมาตรวจดู ร้องจ๊ากกกก เออ..มรึงนะมรึงของๆเขาดีๆแท้ๆ มรึงทำสะเจ๊งเลยย พูดแล้วก็เบิร์ดกะโหลกเข้าให้ที :b2:

ตัวอย่างนี้ เปรียบได้กับโฮฮับ คือหลักธรรมเขาเรียบร้อยถูกต้องดีๆอยู่แล้ว ตัวคิดไม่ออกได้แต่กลอกหน้า จึงจับยัดนั่นใส่นี่คนไปคนมา ฟาดสะเละ พูดให้เห็นภาพ ก็ว่า เละเป็นเต้าหู้ตกตึกใ่่บหยก คิกๆๆ


กรัชกายก็เหมือนเครื่องซีล็อกเก่าๆ ที่รอขายเป็นเศษเหล็ก :b32:


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 18 ม.ค. 2014, 13:03 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 ต.ค. 2006, 12:36
โพสต์: 33766

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


กรัชกาย เขียน:
กรัชกาย เขียน:
คุณอโศกว่า
อ้างคำพูด:
ขันธ์ ๕ อยู่ใน กายใจ รูปนาม ของเรานี่แหละ


โฮฮับล่ะว่าไง ขันธ์ ๕ อยู่ที่ไหน



อย่าคิดมานะขอรับ :b1: จะเล่าอะไรให้ฟัง พอดีนึกเรื่องขำๆได้ คือจะเปรียบเทียบให้ฟัง ระหว่างผู้เข้าใจหลักธรรมสองคน คือคุณอโศก กับ โฮฮับ เพื่อความเข้าใจง่าย เทียบตัวอย่าง ช่างซ่อมเครื่องยนต์ให้ฟัง

คุณอโศกเข้าใจว่า "ขันธ์ ๕ อยู่ใน กายใจ รูปนาม ของเรา" แสดงว่า ขันธ์ ๕ ซ่อนอยู่ในตัวในกายของเรา ถูกไหม เมื่อเข้าใจอยางนั้นแล้วเนี่ยะ ร่างกาย,หรือกาย,หรือรูป ก็จึงเหลือโด่อยู่อันหนึ่ง ถูกไหม...อย่างนี้ ภาษาช่างเขาแซวกัน ฝรั่งทำเกิน (คือ ลูกมือช่าง ถอดชิ้นส่วนรถออกแล้วไม่จำว่า อะไรอยู่ตรงไหน เวลาใส่เข้าที่จึงเหลืออีกชิ้นหนึ่ง..นายช่างมา จึงถามว่า อ้าว..ไอ้ เอ ทำไมมันเหลืออยู่ล่ะ ใส่เข้าที่มันซี่ ลูกน้องตอบว่า ฝรั่งทำเกิน ครับ) :b32:


ส่วนโฮฮับ เละยิ่งกว่าอโศก ดูตัวอย่างเดียวกัน คือ นายช่างถอดชิ้นส่วนของรถออกแล้ว สั่งให้ลูกน้องใส่เข้าที่ให้ถูกให้เรียบร้อย ....ลูกน้องรับคำ ครับผม แล้วถกเขมร จับนั่นยัดนี่ ยัดไปยัดมา ชิ้นไหนเข้าไม่ได้ตามที่ตัวต้องการ ก็ไปลากเอาหินเจียเจียออก แล้วยัดพรวดเข้าไปให้...เสร็จเข้าได้หมด เดินไปรายงานหัวหน้า ผมประกอบเรียบร้อยแล้วครับ นายช่างมาตรวจดู ร้องจ๊ากกกก เออ..มรึงนะมรึงของๆเขาดีๆแท้ๆ มรึงทำสะเจ๊งเลยย พูดแล้วก็เบิร์ดกะโหลกเข้าให้ที :b2:

ตัวอย่างนี้ เปรียบได้กับโฮฮับ คือหลักธรรมเขาเรียบร้อยถูกต้องดีๆอยู่แล้ว ตัวคิดไม่ออกได้แต่กลอกหน้า จึงจับยัดนั่นใส่นี่คนไปคนมา ฟาดสะเละ พูดให้เห็นภาพ ก็ว่า เละเป็นเต้าหู้ตกตึกใ่่บหยก คิกๆๆ



เสริมตัวอย่าง ฝรั่งทำเกินอีกหน่อย

....เมื่อพระพุทธศาสนาจำแนกชีวิตโดยความเป็นขันธ์ ได้ ๕ ขันธ์ลงตัวแล้วก็พอดีของท่าน แต่เราชาวพุทธปัจจุบันบางกลุ่มบางพวก เข้าใจผิดไปจัดกันใหม่ดังตัวอย่างนั้น มันก็เกินซี่ทีนี้

อ้าว...เมื่อเกินแล้ว พวกเขาทำยังงัยกันกับกาย,รูปร่าง,รูปธรรม ที่เหลือโด่เด่อยู่อีกอันหนึ่ง ตอบ ...เขาก็คิดกันต่ออีกว่า ร่างกายไม่ใช่เรา ไม่ใช่อัตตาตัวตนของเรา ไม่ใช่กู มันเป็นอนิจจัง ทุกขัง อนัตตา ไม่ควรยึดมั่นถือมั่น ซึ่งอันที่่จริงท่านจำแนกชีวิต (พูดในแง่ปรมัตถธรรม) ไม่ใช่สัตว์ บุคคล ตัวตนเราเขาอยู่แล้ว โดยความหมายสูงสุดเนี่ยะ มันไ่ม่ใช่อัตตา ตัวตนอยู่แล้ว มันเป็นขันธ์ เป็นอายตนะ เป็นธาตุ เป็นอินทรีย์ ของท่านมันพอดีแล้ว แต่ของเราเกิน เมื่อเกินก็คิดต่อ :b1:

ส่วนกลุ่มเข้าใจศาสนาอย่างโฮฮับ ฟุ้งไปใช้ประโยชน์ไม่ได้ ทิ้งอย่างเีดียว อุปมาก็เหมือนเล็บไก่ ใช้บริโภคไม่ได้ ต้องตัดทิ้งอย่างเดียว นี่พูดจริงๆนะ :b1: ทำเป็นเล่นไป :b32:

.....................................................
https://dhammachati.blogspot.com/


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 18 ม.ค. 2014, 13:10 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 13 ก.พ. 2010, 17:53
โพสต์: 4999

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


กรัชกาย เขียน:
กรัชกาย เขียน:
กรัชกาย เขียน:
คุณอโศกว่า
อ้างคำพูด:
ขันธ์ ๕ อยู่ใน กายใจ รูปนาม ของเรานี่แหละ


โฮฮับล่ะว่าไง ขันธ์ ๕ อยู่ที่ไหน



อย่าคิดมานะขอรับ :b1: จะเล่าอะไรให้ฟัง พอดีนึกเรื่องขำๆได้ คือจะเปรียบเทียบให้ฟัง ระหว่างผู้เข้าใจหลักธรรมสองคน คือคุณอโศก กับ โฮฮับ เพื่อความเข้าใจง่าย เทียบตัวอย่าง ช่างซ่อมเครื่องยนต์ให้ฟัง

คุณอโศกเข้าใจว่า "ขันธ์ ๕ อยู่ใน กายใจ รูปนาม ของเรา" แสดงว่า ขันธ์ ๕ ซ่อนอยู่ในตัวในกายของเรา ถูกไหม เมื่อเข้าใจอยางนั้นแล้วเนี่ยะ ร่างกาย,หรือกาย,หรือรูป ก็จึงเหลือโด่อยู่อันหนึ่ง ถูกไหม...อย่างนี้ ภาษาช่างเขาแซวกัน ฝรั่งทำเกิน (คือ ลูกมือช่าง ถอดชิ้นส่วนรถออกแล้วไม่จำว่า อะไรอยู่ตรงไหน เวลาใส่เข้าที่จึงเหลืออีกชิ้นหนึ่ง..นายช่างมา จึงถามว่า อ้าว..ไอ้ เอ ทำไมมันเหลืออยู่ล่ะ ใส่เข้าที่มันซี่ ลูกน้องตอบว่า ฝรั่งทำเกิน ครับ) :b32:


ส่วนโฮฮับ เละยิ่งกว่าอโศก ดูตัวอย่างเดียวกัน คือ นายช่างถอดชิ้นส่วนของรถออกแล้ว สั่งให้ลูกน้องใส่เข้าที่ให้ถูกให้เรียบร้อย ....ลูกน้องรับคำ ครับผม แล้วถกเขมร จับนั่นยัดนี่ ยัดไปยัดมา ชิ้นไหนเข้าไม่ได้ตามที่ตัวต้องการ ก็ไปลากเอาหินเจียเจียออก แล้วยัดพรวดเข้าไปให้...เสร็จเข้าได้หมด เดินไปรายงานหัวหน้า ผมประกอบเรียบร้อยแล้วครับ นายช่างมาตรวจดู ร้องจ๊ากกกก เออ..มรึงนะมรึงของๆเขาดีๆแท้ๆ มรึงทำสะเจ๊งเลยย พูดแล้วก็เบิร์ดกะโหลกเข้าให้ที :b2:

ตัวอย่างนี้ เปรียบได้กับโฮฮับ คือหลักธรรมเขาเรียบร้อยถูกต้องดีๆอยู่แล้ว ตัวคิดไม่ออกได้แต่กลอกหน้า จึงจับยัดนั่นใส่นี่คนไปคนมา ฟาดสะเละ พูดให้เห็นภาพ ก็ว่า เละเป็นเต้าหู้ตกตึกใ่่บหยก คิกๆๆ



เสริมตัวอย่าง ฝรั่งทำเกินอีกหน่อย

....เมื่อพระพุทธศาสนาจำแนกชีวิตโดยความเป็นขันธ์ ได้ ๕ ขันธ์ลงตัวแล้วก็พอดีของท่าน แต่เราชาวพุทธปัจจุบันบางกลุ่มบางพวก เข้าใจผิดไปจัดกันใหม่ดังตัวอย่างนั้น มันก็เกินซี่ทีนี้

อ้าว...เมื่อเกินแล้ว พวกเขาทำยังงัยกันกับกาย,รูปร่าง,รูปธรรม ที่เหลือโด่เด่อยู่อีกอันหนึ่ง ตอบ ...เขาก็คิดกันต่ออีกว่า ร่างกายไม่ใช่เรา ไม่ใช่อัตตาตัวตนของเรา ไม่ใช่กู มันเป็นอนิจจัง ทุกขัง อนัตตา ไม่ควรยึดมั่นถือมั่น ซึ่งอันที่่จริงท่านจำแนกชีวิต (พูดในแง่ปรมัตถธรรม) ไม่ใช่สัตว์ บุคคล ตัวตนเราเขาอยู่แล้ว โดยความหมายสูงสุดเนี่ยะ มันไ่ม่ใช่อัตตา ตัวตนอยู่แล้ว มันเป็นขันธ์ เป็นอายตนะ เป็นธาตุ เป็นอินทรีย์ ของท่านมันพอดีแล้ว แต่ของเราเกิน เมื่อเกินก็คิดต่อ :b1:

ส่วนกลุ่มเข้าใจศาสนาอย่างโฮฮับ ฟุ้งไปใช้ประโยชน์ไม่ได้ ทิ้งอย่างเีดียว อุปมาก็เหมือนเล็บไก่ ใช้บริโภคไม่ได้ ต้องตัดทิ้งอย่างเดียว นี่พูดจริงๆนะ :b1: ทำเป็นเล่นไป :b32:


ง่ายดี :b9:

เหมือนเครื่องซีล็อก ไม่ต้องคิดไม่ต้องเขียน ปรู๊ดเดียวเสร็จแล้ว :b32:


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 18 ม.ค. 2014, 13:15 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 ต.ค. 2006, 12:36
โพสต์: 33766

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


ถ้ายังไม่แข็งแรงพอ อย่าเพิ่งกระโดดไปเรื่องคำสอนไร้อัตตาตัวตน เอาคำสอนเรื่องชีวิตขั้นพื้นฐานก่อน
ขอนำคำสอนทางพระศาสนา เรื่องตัวตนสำหรับผู้เริ่มต้น ให้ดูเป็นตัวอย่าง



-อตฺตา หิ อตฺตโน นาโถ ตนแลเป็นที่ของตน

-อตฺตทีปา อตฺตสรณา จงมีตนเป็นเกาะ จงมีตนเป็นที่พึ่ง

-อตฺตานํ ทมยนฺติ ปณฺฑิตา บัณฑิตทั้งหลายย่อมฝึกตน

-สุทฺธิ อสุทฺธิ ปจฺจตฺตํ ความบริสุทธิ์ ไไม่บริสุทธิ์เป็นของเฉพาะตัว

-อตฺตานญฺจ ปิยํ ชญฺญา น นํ ปาเปน สํยุเช หากรู้ว่าตัวเป็นที่รัก ก็ไม่ควรเอาตัวนั้นไปเกลือกกลั้วกับความชั่ว

เรื่องตัวเรื่องตนนี้ พระพุทธศาสนาสอนไว้มากมาย ในระดับตัวตนสมมตินี่ ที่มันไม่มีนี่แหละ พระพุทธศาสนาพูดเต็มที่เลย ให้ใช้ ให้ปฏิบัติ ให้พัฒนามัน จะเป็นประโยชน์ดีเหลือเกิน ท่านไม่มาเที่ยวพูดยุ่งในระดับสมมติ ว่าไม่มีอัตตา

แต่ในระดับปรมัตถ์ ท่านให้รู้เท่าทันว่าอัตตามันไม่ใช่เป็นของจริง ถ้ามันมีขึ้นเมื่อไร เกิดยึดถือขึ้นเมื่อไร เป็นเกิดโทษทุกที ปัญหาจะมา

จึงบอกว่า อัตตาที่ไม่มีนั้น พัฒนาไปเถิด จะประสบสิ่งที่เลิศประเสริฐยิ่ง แต่อัตตามีเมื่อไร เกิดปัญหาทุกที

อัตตาที่ไม่มีนั้น ให้ใช้มันไปเถิดอย่างรู้กัน ส่วนอัตตาที่จะมีก็ให้รู้แจ้งรู้ทัน มันจะได้ไม่เกิดขึ้นมา
ยิ่งพัฒนาอัตตาที่ไม่มีขึ้นไป อัตตาที่จะมีก็ยิ่งไม่เกิดขึ้นมา อันนี้ก็ต้องตีให้แตกด้วย


เคยลงชีวิตมีสองด้าน ว่าด้านหนึ่ง สำหรับใช้ปฏิบัติต่อกัน อีกด้านหนึ่งสำหรับรู้เท่าทันไว้ที่
viewtopic.php?f=1&t=46821&start=270

.....................................................
https://dhammachati.blogspot.com/


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 18 ม.ค. 2014, 13:36 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 ต.ค. 2006, 12:36
โพสต์: 33766

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


โฮฮับ เขียน:

กรัชกาย เขียน:
กรัชกาย เขียน:
กรัชกาย เขียน:
คุณอโศกว่า
อ้างคำพูด:
ขันธ์ ๕ อยู่ใน กายใจ รูปนาม ของเรานี่แหละ


โฮฮับล่ะว่าไง ขันธ์ ๕ อยู่ที่ไหน



อย่าคิดมานะขอรับ :b1: จะเล่าอะไรให้ฟัง พอดีนึกเรื่องขำๆได้ คือจะเปรียบเทียบให้ฟัง ระหว่างผู้เข้าใจหลักธรรมสองคน คือคุณอโศก กับ โฮฮับ เพื่อความเข้าใจง่าย เทียบตัวอย่าง ช่างซ่อมเครื่องยนต์ให้ฟัง

คุณอโศกเข้าใจว่า "ขันธ์ ๕ อยู่ใน กายใจ รูปนาม ของเรา" แสดงว่า ขันธ์ ๕ ซ่อนอยู่ในตัวในกายของเรา ถูกไหม เมื่อเข้าใจอยางนั้นแล้วเนี่ยะ ร่างกาย,หรือกาย,หรือรูป ก็จึงเหลือโด่อยู่อันหนึ่ง ถูกไหม...อย่างนี้ ภาษาช่างเขาแซวกัน ฝรั่งทำเกิน (คือ ลูกมือช่าง ถอดชิ้นส่วนรถออกแล้วไม่จำว่า อะไรอยู่ตรงไหน เวลาใส่เข้าที่จึงเหลืออีกชิ้นหนึ่ง..นายช่างมา จึงถามว่า อ้าว..ไอ้ เอ ทำไมมันเหลืออยู่ล่ะ ใส่เข้าที่มันซี่ ลูกน้องตอบว่า ฝรั่งทำเกิน ครับ) :b32:


ส่วนโฮฮับ เละยิ่งกว่าอโศก ดูตัวอย่างเดียวกัน คือ นายช่างถอดชิ้นส่วนของรถออกแล้ว สั่งให้ลูกน้องใส่เข้าที่ให้ถูกให้เรียบร้อย ....ลูกน้องรับคำ ครับผม แล้วถกเขมร จับนั่นยัดนี่ ยัดไปยัดมา ชิ้นไหนเข้าไม่ได้ตามที่ตัวต้องการ ก็ไปลากเอาหินเจียเจียออก แล้วยัดพรวดเข้าไปให้...เสร็จเข้าได้หมด เดินไปรายงานหัวหน้า ผมประกอบเรียบร้อยแล้วครับ นายช่างมาตรวจดู ร้องจ๊ากกกก เออ..มรึงนะมรึงของๆเขาดีๆแท้ๆ มรึงทำสะเจ๊งเลยย พูดแล้วก็เบิร์ดกะโหลกเข้าให้ที :b2:

ตัวอย่างนี้ เปรียบได้กับโฮฮับ คือหลักธรรมเขาเรียบร้อยถูกต้องดีๆอยู่แล้ว ตัวคิดไม่ออกได้แต่กลอกหน้า จึงจับยัดนั่นใส่นี่คนไปคนมา ฟาดสะเละ พูดให้เห็นภาพ ก็ว่า เละเป็นเต้าหู้ตกตึกใ่่บหยก คิกๆๆ



เสริมตัวอย่าง ฝรั่งทำเกินอีกหน่อย

....เมื่อพระพุทธศาสนาจำแนกชีวิตโดยความเป็นขันธ์ ได้ ๕ ขันธ์ลงตัวแล้วก็พอดีของท่าน แต่เราชาวพุทธปัจจุบันบางกลุ่มบางพวก เข้าใจผิดไปจัดกันใหม่ดังตัวอย่างนั้น มันก็เกินซี่ทีนี้

อ้าว...เมื่อเกินแล้ว พวกเขาทำยังงัยกันกับกาย,รูปร่าง,รูปธรรม ที่เหลือโด่เด่อยู่อีกอันหนึ่ง ตอบ ...เขาก็คิดกันต่ออีกว่า ร่างกายไม่ใช่เรา ไม่ใช่อัตตาตัวตนของเรา ไม่ใช่กู มันเป็นอนิจจัง ทุกขัง อนัตตา ไม่ควรยึดมั่นถือมั่น ซึ่งอันที่่จริงท่านจำแนกชีวิต (พูดในแง่ปรมัตถธรรม) ไม่ใช่สัตว์ บุคคล ตัวตนเราเขาอยู่แล้ว โดยความหมายสูงสุดเนี่ยะ มันไ่ม่ใช่อัตตา ตัวตนอยู่แล้ว มันเป็นขันธ์ เป็นอายตนะ เป็นธาตุ เป็นอินทรีย์ ของท่านมันพอดีแล้ว แต่ของเราเกิน เมื่อเกินก็คิดต่อ :b1:

ส่วนกลุ่มเข้าใจศาสนาอย่างโฮฮับ ฟุ้งไปใช้ประโยชน์ไม่ได้ ทิ้งอย่างเีดียว อุปมาก็เหมือนเล็บไก่ ใช้บริโภคไม่ได้ ต้องตัดทิ้งอย่างเดียว นี่พูดจริงๆนะ :b1: ทำเป็นเล่นไป :b32:


ง่ายดี :b9:

เหมือนเครื่องซีล็อก ไม่ต้องคิดไม่ต้องเขียน ปรู๊ดเดียวเสร็จแล้ว :b32:


ปรู๊ดเดียวนั่นคนเป็นโรคอหิวาห์ ปรุ๊ดสองปรู๊ดไปเลย คิกๆๆ

ธรรมคือชีวิต ชีวิตคือธรรมะ พระพุทธเจ้าสอนเรื่องชีวิต (ธรรมะ) ไว้สองพันกว่าปีแล้ว ชีวิต (คน) สมัยพุทธกาลเป็นยังไง ปัจจุบันก็ยังเป็นยังงั้น แจกแจงออกไปก็มีจักขุ โสตะ ฆานะ ชิวหา กาย มโน มีกิเลส ตัณหา อุปาทาน ทุกยุคทุกสมัย เป็นของเก่า ไม่ใช่ของใหม่ จริงไม่จริง :b1: แล้วคำสอนเพื่อกำจัดกิเลส ตัณหา อุปาทาน พระองค์ก็วางไว้ให้แล้ว จริงไม่่จริง :b1:

.....................................................
https://dhammachati.blogspot.com/


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 19 ม.ค. 2014, 05:48 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 27 เม.ย. 2010, 08:10
โพสต์: 2830

แนวปฏิบัติ: ขันธ์5ด้วยการสังเกตุ รูป เวทนา สัญญา สังขาร วิญญาณ และอินทรีย์22
สิ่งที่ชื่นชอบ: พระสุตตันตปิฎก
อายุ: 0
ที่อยู่: ระยอง อุบลราชธานี

 ข้อมูลส่วนตัว


กรัชกาย เขียน:
เงียบเลยกระทู้นี้ :b32:


ขันธ์5 ไม่ได้อยู่ที่ใดที่หนึ่งครับ แต่การปรากฎขึ้นมาของธรรมนั้นเรียกขันธ์5 ขันธ์5 ปรากฎขึ้นเพราะกรรม และอาหาร ขันธ์5จึงไม่ได้อยู่ที่ไหน แต่ขันธ์5เที่ยวอาศัยอยู่เพราะมีเหตุ

.....................................................
อย่าท้อถอยต่อการปฏิบัติ อย่าปล่อยให้ความขุ่นเคืองเข้าแทรก สร้างพลังด้วยคำสอนของพระพุทธเจ้า รำลึกและตอบแทนพระคุณมารดา และบิดา มองโลกด้วยใจเป็นกลาง ระลึกเสมอว่าเรายังด้อยปัญญาหากยังไม่ได้ปัญญา


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 19 ม.ค. 2014, 08:38 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 ต.ค. 2006, 12:36
โพสต์: 33766

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


student เขียน:
กรัชกาย เขียน:
เงียบเลยกระทู้นี้ :b32:


ขันธ์5 ไม่ได้อยู่ที่ใดที่หนึ่งครับ แต่การปรากฎขึ้นมาของธรรมนั้นเรียกขันธ์5 ขันธ์5 ปรากฎขึ้นเพราะกรรม และอาหาร ขันธ์5จึงไม่ได้อยู่ที่ไหน แต่ขันธ์5เที่ยวอาศัยอยู่เพราะมีเหตุ


อ้างคำพูด:
ขันธ์5เที่ยวอาศัยอยู่เพราะมีเหตุ


เที่ยวอาศัยอยู่แถวไหนครับ :b10:

.....................................................
https://dhammachati.blogspot.com/


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 19 ม.ค. 2014, 10:30 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 8
สมาชิก ระดับ 8
ลงทะเบียนเมื่อ: 16 ก.พ. 2009, 20:42
โพสต์: 699


 ข้อมูลส่วนตัว


cool cool cool ขันธ์ 5 เป็นการอธิบายองค์ประกอบของชีวิต โดยอิงตามความเข้าใจของคนสมัยนั้นๆ. พอเราจะพยายามอธิบายโดยใส่แนวคิดปัจจุบันเข้าไป มันก็เลยงงๆ กลายเป็นมวลมหาวิวาทะไป

มันคล้ายๆ ว่า ชีวิตประกอบไปด้วย ดิน น้ำ ลม ไฟ, พอเอามาใส่ด้วยแนวคิดปัจจุบัน ก็เลยมีคำถามประหลาดๆ เช่น เลือดเป็นอะไร เป็นน้ำ? เป็นดิน?

ขันธ์ 5 ก็เหมือนกัน, ระบบประสาทเป็นอะไร เป็นรูป? เป็นวิญญาณ? เป็นสังขาร?
รู้สึกแต่ก่อน เราก็เคยลองพยายามจะจำแนกดูเหมือนกัน ก็รู้สึกโอเคดี :b32: :b32: :b32:

s004 เอาล่ะ บรรยายใหม่.
ถ้าจะผนวกเข้ากับแนวคิดปัจจุบัน. รูปขันธ์ก็คือร่างกาย, สสารต่างๆ ที่ประกอบกันขึ้นจนดูเป็นตัวตน. ระบบประสาท สมอง ก็คือรูปขันธ์
ส่วน เวทนา สัญญา สังขาร และวิญญาณ คือ กระบวนการทำงาน ของระบบประสาทและจิต

บางอย่างเป็นกลไกที่รูปขันธ์ก่อให้เกิด เช่น วิญญาณขันธ์, แต่ไม่ได้หมายความว่า ถ้าไม่มีรูปขันธ์แล้ว วิญญาณขันธ์จะไม่เกิด คือ ว่ากันในสภาพปกติ เช่น ดวงตาทำให้เกิดการมองเห็น, แต่เวลาเราฝัน เราก็เห็นภาพได้โดยไม่ต้องใช้ตา

บางอย่างก็เกิดขึ้นจากการรับ-ส่งกันเป็นทอดๆ ระหว่างรูปขันธ์และจิต (ปฏิฆะ) เช่น สังขารขันธ์

บางอย่างก็ถูกบังคับ (โดยลักษณะของชีวิต) ให้ใช้ที่รูปขันธ์เท่านั้น เช่น สัญญาขันธ์

เป็นต้นฮะ :b13: :b13: :b13: โอเชไหมฮะ


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 19 ม.ค. 2014, 12:59 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 ต.ค. 2006, 12:36
โพสต์: 33766

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


murano เขียน:
cool cool cool ขันธ์ 5 เป็นการอธิบายองค์ประกอบของชีวิต โดยอิงตามความเข้าใจของคนสมัยนั้นๆ. พอเราจะพยายามอธิบายโดยใส่แนวคิดปัจจุบันเข้าไป มันก็เลยงงๆ กลายเป็นมวลมหาวิวาทะไป

มันคล้ายๆ ว่า ชีวิตประกอบไปด้วย ดิน น้ำ ลม ไฟ, พอเอามาใส่ด้วยแนวคิดปัจจุบัน ก็เลยมีคำถามประหลาดๆ เช่น เลือดเป็นอะไร เป็นน้ำ? เป็นดิน?

ขันธ์ 5 ก็เหมือนกัน, ระบบประสาทเป็นอะไร เป็นรูป? เป็นวิญญาณ? เป็นสังขาร?
รู้สึกแต่ก่อน เราก็เคยลองพยายามจะจำแนกดูเหมือนกัน ก็รู้สึกโอเคดี :b32: :b32: :b32:

s004 เอาล่ะ บรรยายใหม่.
ถ้าจะผนวกเข้ากับแนวคิดปัจจุบัน. รูปขันธ์ก็คือร่างกาย, สสารต่างๆ ที่ประกอบกันขึ้นจนดูเป็นตัวตน. ระบบประสาท สมอง ก็คือรูปขันธ์
ส่วน เวทนา สัญญา สังขาร และวิญญาณ คือ กระบวนการทำงาน ของระบบประสาทและจิต

บางอย่างเป็นกลไกที่รูปขันธ์ก่อให้เกิด เช่น วิญญาณขันธ์, แต่ไม่ได้หมายความว่า ถ้าไม่มีรูปขันธ์แล้ว วิญญาณขันธ์จะไม่เกิด คือ ว่ากันในสภาพปกติ เช่น ดวงตาทำให้เกิดการมองเห็น, แต่เวลาเราฝัน เราก็เห็นภาพได้โดยไม่ต้องใช้ตา

บางอย่างก็เกิดขึ้นจากการรับ-ส่งกันเป็นทอดๆ ระหว่างรูปขันธ์และจิต (ปฏิฆะ) เช่น สังขารขันธ์

บางอย่างก็ถูกบังคับ (โดยลักษณะของชีวิต) ให้ใช้ที่รูปขันธ์เท่านั้น เช่น สัญญาขันธ์

เป็นต้นฮะ :b13: :b13: :b13: โอเชไหมฮะ



ลองงี้บ้างนะครับ ชีวิต พูดตามภาษาสมมติก็ว่า คนนี่แหละธรรมะ ซึ่งเป็นธรรมชาติหรือเป็นส่วนหนึ่งในธรรมชาติ อวัยวะทุกอย่างทำงานของมันเองตามธรรมดาของมัน ยังไม่ต้องจำแนกให้งง แต่ (เมื่อต้องการจะจำแนก ท่านก็จำแนกไว้หลายนัย เช่น จำแนกเป็นขันธ์ เป็นอายตนะ เป็นธาตุ เป็นอินทรีย์) พอรับได้มั้ย :b1:

.....................................................
https://dhammachati.blogspot.com/


แสดงโพสต์จาก:  เรียงตาม  
กลับไปยังกระทู้  [ 102 โพสต์ ]  ไปที่หน้า ย้อนกลับ  1, 2, 3, 4, 5, 6, 7  ต่อไป

เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง


 ผู้ใช้งานขณะนี้

่กำลังดูบอร์ดนี้: ไม่มีสมาชิก และ บุคคลทั่วไป 1 ท่าน


ท่าน ไม่สามารถ โพสต์กระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ตอบกระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แก้ไขโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ลบโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แนบไฟล์ในบอร์ดนี้ได้

ค้นหาสำหรับ:
ไปที่:  
Google
ทั่วไป เว็บธรรมจักร