วันเวลาปัจจุบัน 24 ก.ค. 2025, 20:14  



เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง




กลับไปยังกระทู้  [ 32 โพสต์ ]  ไปที่หน้า ย้อนกลับ  1, 2, 3  Bookmark and Share
เจ้าของ ข้อความ
โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 26 มิ.ย. 2018, 08:23 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 ต.ค. 2006, 12:36
โพสต์: 33766

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


Rosarin เขียน:
โลกสวย เขียน:
Rosarin เขียน:
กบนอกกะลา เขียน:
Rosarin เขียน:
rolleyes
เคยได้ยินไหมคะ
รู้อะไร...ไม่สู้...รู้วิชชา(วิชชาคือปัญญา)
รู้รักษา...ตัวรอด...เป็นยอดดี
ไม่มีใครช่วยใครได้
ฟังพระพุทธพจน์
แบบพุทธกาล
คือทางเอก
ทางเดียว
คือเริ่มที่สุตมยปัญญาคือรู้รักษาตัวรอดเป็นยอดดี
รู้อะไรไม่สู้รู้วิชชาเพราะปัญญาเกิดเองไม่ได้
แต่กิเลสเกิดตามคิดเอาเองตลอดเวลา
ทำอะไรได้ไหมแค่กะพริบตาไม่ทัน
ทุกอย่างที่ตนมีแล้วควรเริ่มฟังน๊า
เพราะคำตถาคตไม่เหมือนใคร
:b8: :b8: :b8:
https://youtu.be/2yjKRKdP1IA


ฟัง..ฟัง...ไป..ก็ยังดี..ได้ไปสวรรค์..

หากเห็นแต่.....ไม่มีอะไรเลย....ไม่มีอะไรเลย..บ่อยๆ..อาจฟลุ๊ค..ไปเป็นพรหมลูกฟัก..ซะ.เลย

:b12: :b12: :b12:

cool
คำสอนของพระพุทธเจ้าเป็นวิชชาคือปัญญารู้ชัดถึงความจริงที่กำลังมี
การฟังเป็นการละไม่รู้ขณะกำลังฟังโดยไม่มีตัวตนเข้าไปจัดการทำอะไร
ฟังเพื่อเข้าใจไม่ใช่ฟังไปสงสัยไปเพราะตอนกำลังเข้าใจนั้นที่สังขารขันธ์ปรุง
แต่งจิตให้เกิดโสภณเจตสิกดับโดยความเป็นอนัตตาตามเหตุตามปัจจัยที่ยังไม่ดับ
วิชาการทางโลกเป็นการเรียนเพื่อเอาเพิ่มเพื่อจดจำมากๆแล้วเอามาใช้หาเงินใช่ป่าว
แต่วิชชาของพระพุทธเจ้าเพื่อละไม่รู้ทีละน้อยค่อยๆเพิ่มความรอบรู้ทีละคำจนมากขึ้น
จนกว่าจะปัญญาตนเพิ่มและเข้าถึงความจริงบรรลุตามคือคิดตามจริงๆไม่ใช่บรรลุเองได้
วาจาสัจจะคือคำจริงของตถาคตต้องกำลังรู้ว่ากำลังมีที่กายใจตนและต้องใช้หูฟังใช้ตาดูเทียบคำสอน
ไม่ใช่ท่องจำคำได้แล้วจดจำคำได้แต่เป็นการทิ้งทุกอย่างที่เคยคิดพูดทำมาเพื่อฟังความจริงที่ตนกำลังมี
ทุกวิชาการทางโลกเป็นเดรัจฉานวิชาเพราะวิชชาคือปัญญาเพื่อเข้าใจสัจจธรรมรู้แล้วละตัวตนจนหลุดพ้น
:b39: :b39:


ค่อนข้างเว่อร์ไปมากแล้วหละค่ะ

พระพุทธองค์ สอน84000 พระธรรมขันธ์

ก็ไม่เคยสักครั้ง ที่กล่าวว่า ทุกวิชชาในโลก เป็นเดียรรัจฉานวิชชา
นี่มันคิดเรยเถิดเกินไปจากที่พระพุทธองค์สอนไปแล้วค่ะ

ที่ว่าวิชชา ทุกวิชชาในโลก เป็นเดียรัจฉานวิชชา
และมันก็จะทำให้พาดพิงไปใน วิชชาในศาสนาอื่นๆ ก็มีอีกมากมายหลายศาสนา

ดิรัจฉานวิชชา คือวิชชาที่ขวางพระนิพพาน

ไม่ใช่ฟังตามคำสอนพระพุทธองค์อย่างเดียว แล้วไปคิดตาม แค่นั้น แล้วจะบรรลุได้

ถ้าขาดเรื่องสังโยชน์สิบ ก็ไม่มีทางหรอกค่ะ

และวิชชาที่เป็นและประกอบด้วยสัมมาชีพ ก็ไม่ได้ขวางทางพระนิพพานค่ะ

และยิ่งหนักหนาสาหัสไปหนัก ยิ่งไม่รู้จักปฎิจจสมุบาทเอาเสียเรย

ที่ว่า ที่ไปคิดตามอยู่นั้น สังขารเหล่านั้นเกิดได้เพราะอะไร
นั่นไม่ใช่วิชชานะคะ


cool
โลกสวยเขียนสิคะ(ดิรัจฉานวิชชา คือวิชชาที่ขวางพระนิพพาน)
:b32:
วิชชา=ปัญญา แปลว่า ความเห็นถูกความเข้าใจถูกตามคำสอนอีกชื่อคือ สัมมาทิฏฐิ
กิเลส=อวิชชา แปลว่า ไม่รู้ เป็นอกุศลทุกชนิดนะคะ
ดิรัจฉาน แปลว่า ไปตามขวางของโลกนะคะ
โลก แปลว่า สิ่งที่เกิดดับ ขันธ์แปลว่าเกิดดับ
ยึดโลกและขันธ์เป็นตัวแล้วก็หาเงินมาเลี้ยงตัวใช่ไหมคะ
แต่เพศสูงสุดที่ถึงพระนิพพานแล้วต้องบวช
ต้องหาเงินด้วยหรือคะ/หรือแค่ออกบวชคะ
เพราะถ้าไม่บวชต้องสิ้นขันธ์เลยถูกไหมคะ
ทราบไหมคะว่าบวชแล้วทำแบบชาวบ้านไม่ได้
:b40: :b40:


คิดมั่วพันกันไปหมด กลายเป็นคนน่าสงสารจริงๆ

อ้างคำพูด:
ขันธ์แปลว่าเกิดดับ

ยึดโลกและขันธ์เป็นตัวแล้วก็หาเงินมาเลี้ยงตัวใช่ไหมคะ

แต่เพศสูงสุดที่ถึงพระนิพพานแล้วต้องบวช


ขันธ์ แปลว่า กอง,หมวด เช่น ขันธ์ ๕ แปลว่า ๕ กอง,๕ หมวด ตย. กองแห่งรูป กองแห่งเวทนา เป็นต้น

นิพพาน แปล ไม่มีตัณหา ออกไปจากตัณหา ไม่ต้องบวชก็ได้ เช่น อนาถบิณฑิกเศรษฐี, นางวิสาขา,หมอชีวก ฯลฯ บุคคลเหล่านี้เป็นอริยบุคคลชั้นโสดาบัน

นี่คือมิจฉาทิฏฐิตัวแม่อีกตัวหนึ่ง และนี่ก็คือโทษของการขาดการศึกษาที่ถูกต้อง เดามั่วซั้วแบบมวยวัดมวยทะเล เตะต่อยผิดบ้างถูกบ้าง ถ้าไม่ละทิฏฐินี้เสีย ฉิบหายแน่นอน (เมโลกสวยพูดไว้)

.....................................................
https://dhammachati.blogspot.com/


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 26 มิ.ย. 2018, 12:13 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
Moderators-1
Moderators-1
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 พ.ค. 2011, 14:20
โพสต์: 8586


 ข้อมูลส่วนตัว


คุณโรสน่าจะวางกระทู้ผิดเลยก๊อปมาวางให้

เหตุให้เกิด6แบ่งเป็น2ฝ่ายคือ
:b45:
เหตุแห่งกุศล3ได้แก่
1อโลภะ
2อโทสะ
3อโมหะ
สำหรับปุถุชนเกิดกุศล1ขณะจิตเมื่อสละทานได้
คือขณะทิ้งของหลุดจากมือส่วนก่อนและหลังมีอัตตา
ขณะทิ้งของหลุดจากมือคือกำลังสละได้เป็นสติแต่ไม่มีปัญญาเกิดร่วม
ปัญญาจะเกิดเมื่อเริ่มคิดตามคำสอนเพราะขณะไม่ฟังคิดตามสิ่งที่เห็นผิด
จะเริ่มคิดถูกตามคำสอนได้เมื่อกำลังใช้กาลามสูตร10ฟังพิจารณาไตร่ตรองทั้งสิ่งที่ถูกและผิด
เพราะคำสอนของพระพุทธเจ้าตรัสแสดงความจริงทั้งถูกและผิดไว้ละเอียดไม่ให้นำไปคิดเอาเอง
แต่ฟังให้เข้าใจถูกจึงละไม่รู้และเว้นการทำตามที่เคยทำผิดมาก่อนเพราะเห็นโทษภัยที่ติดการกระทำผิดๆ
การฟังพระพุทธพจน์ที่ตรงคำวาจาสัจจะจะมีสังขารขันธ์ตรงมรรคเกิดร่วมกัน5มรรคขึ้นไปต้องระลึกตาม
คือทำสุตมยปัญญาเป็นการเริ่มต้นสะสมเหตุแห่งกุศลที่ประกอบปัญญาสะสมรู้ตรงจริงตรงขณะของตน
:b45:
เหตุแห่งอกุศล3ได้แก่
1โลภะ
2โทสะ
3โมหะ
เกิดตลอดเวลาที่ไม่ได้กำลังคิดตามคำสอนแล้วทำไปตามเห็นผิดตามเคยชินขาดการฟังพระพุทธพจน์
และการฟังพระพุทธพจน์เพื่อเข้าใจนั้นแหละคือเหตุแห่งกุศลประกอบปัญญาขณะเข้าใจถูกตามได้

.....................................................
พระธรรมคำสอน บัญญัติ ตรัส ไว้ดีแล้ว ไม่ต้องลด ไม่ต้องเพิ่ม ไม่ต้องแก้ไข ใดๆ ทั้งสิ้น


แสดงโพสต์จาก:  เรียงตาม  
กลับไปยังกระทู้  [ 32 โพสต์ ]  ไปที่หน้า ย้อนกลับ  1, 2, 3

เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง


 ผู้ใช้งานขณะนี้

่กำลังดูบอร์ดนี้: ไม่มีสมาชิก และ บุคคลทั่วไป 1 ท่าน


ท่าน ไม่สามารถ โพสต์กระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ตอบกระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แก้ไขโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ลบโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แนบไฟล์ในบอร์ดนี้ได้

ค้นหาสำหรับ:
ไปที่:  
Google
ทั่วไป เว็บธรรมจักร