วันเวลาปัจจุบัน 30 ก.ค. 2025, 12:24  



เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง




กลับไปยังกระทู้  [ 70 โพสต์ ]  ไปที่หน้า ย้อนกลับ  1, 2, 3, 4, 5  ต่อไป  Bookmark and Share
เจ้าของ ข้อความ
โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 20 ก.ค. 2009, 23:24 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
Moderators-2
Moderators-2
ลงทะเบียนเมื่อ: 29 พ.ค. 2008, 14:14
โพสต์: 3832

อายุ: 12
ที่อยู่: กทม.

 ข้อมูลส่วนตัว


คุณผู้ไม่รู้ครับ

มีเจ้าชายองค์หนึ่ง ครองเมืองฝ่ายพระมารดาของพระพุทธเจ้า
แค้นตระกุลของพระพุทธเจ้ามากมายเหลือคณานับ
ยกทัพมาหวังจะล้างโคตรศากยวงศ์ (ตระกุลของพระพุทธเจ้า) ถึงสองครั้ง

พระพุทธเจ้าเสด็จมาห้ามได้สองครั้ง
ครั้งที่สาม ไม่ใช่ว่าไม่ทรงทราบ
ทรงทราบแต่ทรงวางเฉย

ครัง้ที่สามนี้โคตรของพระพุทธเจ้าไม่เหลือสักคนเดียว ทั้งเด็กทั้งผู้ใหญ่ชายหญิง ไม่เหลือเลย
แผ่นดินที่ป็นพระราชอาณาจักรของพระพุทธเจ้านี้หายสาบสูญไปเลยจากประวัติศาสตร์
เพราะถูกทำลายชนิดที่ฟื้นฟูไม่ได้ สำนวนว่าราบเป้นหน้ากลอง


คำถามคือ ทำไมทรงวางเฉยในครั้งที่สาม?

พระพุทธเจ้ารู้ทัง้รู้ว่าจะเกิดสิ่งเหล่านี้ขึ้น ทำไม่ทรงห้ามอีก พระพุทธเจ้าไม่มีเมตตาหรือ?


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 20 ก.ค. 2009, 23:41 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 1
สมาชิก ระดับ 1
ลงทะเบียนเมื่อ: 17 ก.ค. 2009, 01:54
โพสต์: 30

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


ชาติสยาม เขียน:
คุณผู้ไม่รู้ครับ

มีเจ้าชายองค์หนึ่ง ครองเมืองฝ่ายพระมารดาของพระพุทธเจ้า
แค้นตระกุลของพระพุทธเจ้ามากมายเหลือคณานับ
ยกทัพมาหวังจะล้างโคตรศากยวงศ์ (ตระกุลของพระพุทธเจ้า) ถึงสองครั้ง

พระพุทธเจ้าเสด็จมาห้ามได้สองครั้ง
ครั้งที่สาม ไม่ใช่ว่าไม่ทรงทราบ
ทรงทราบแต่ทรงวางเฉย

ครัง้ที่สามนี้โคตรของพระพุทธเจ้าไม่เหลือสักคนเดียว ทั้งเด็กทั้งผู้ใหญ่ชายหญิง ไม่เหลือเลย
แผ่นดินที่ป็นพระราชอาณาจักรของพระพุทธเจ้านี้หายสาบสูญไปเลยจากประวัติศาสตร์
เพราะถูกทำลายชนิดที่ฟื้นฟูไม่ได้ สำนวนว่าราบเป้นหน้ากลอง


คำถามคือ ทำไมทรงวางเฉยในครั้งที่สาม?

พระพุทธเจ้ารู้ทัง้รู้ว่าจะเกิดสิ่งเหล่านี้ขึ้น ทำไม่ทรงห้ามอีก พระพุทธเจ้าไม่มีเมตตาหรือ?



:b8: คาราวะท่าน ชาติสยาม ครับ :b8:

:b8: ...ข้าพเจ้ามีความยินดีเป็นอย่างยิ่ง ที่ได้ทราบว่าอย่างน้อยที่สุดยังมีผู้เข้าใจข้าพเจ้า ขอบพระคุณครับ...อุเบกขาที่ท่านชาติสยามส่งมาให้ ข้าพเจ้ายินดีน้อมรับไว้เป็นอย่างยิ่ง... :b8:

.....................................................
..." นิพพาน " ไม่ใช่สิ่งที่ถูกค้นพบบนฟูก หากแต่เป็นป่าเขาที่เต็มไปด้วยอันตรายและอสรพิษ...

..." หลักธรรม " ไม่ใช่สิ่งที่ถูกค้นพบในผับหรือสถานเริงรมย์ หากแต่เป็นสองข้างถนนที่เต็มไปด้วยซากศพ และผู้คนที่เกิด-แก่-เจ็บ-ตาย...


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 21 ก.ค. 2009, 01:57 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
Moderators-1
Moderators-1
ลงทะเบียนเมื่อ: 31 พ.ค. 2009, 02:41
โพสต์: 5636

แนวปฏิบัติ: พอง ยุบ
ชื่อเล่น: เจ
อายุ: 0
ที่อยู่: USA

 ข้อมูลส่วนตัว www


ดิฉันก็ขอเลือกข้อ ข.ข้อเดิม ถึงจะ
มีเหตุผลอะไรอีกมากมาย ก็ต้องเลือกข้อเดิมค่ะ คุณผู้ไม่รุ้ ก็
อย่างที่คุณบัวศกลให้ความเห็น คือถ้าไม่เห็นก็แล้วไป แต่ถ้าเห็น
ต่อหน้าต่อตาอย่างไรก็ต้องช่วยลูกนกแน่นอน เรื่องที่จะมีเวรกรรม
กับงูนั้น ปล่อยไปตามวิถื แต่ถ้าไม่ช่วยลูกนกซิค่ะจะรู้สึกผิดไปตลอด
ชีวิตนี้ ถ้าตามหลักศาสนาแล้ว เราก็คงมีอะไรร่วมกันมาถึงต้องมาเจอ
เหตุการณ์นี้ มันคงไม่ใช่เหตุบังเอิญหรอกค่ะ
ยกเว้นถ้าเจองูกำลังสู้กับนกอินทรีย์ซิค่ะ ดิฉันอาจจะหยุดดูสักพัก
แล้วก็เดินจากไป ปล่อยให้เป็นเรื่องของ"สัตว์โลกย่อมเป็นไปตามกรรม"
บารมีดิฉันคงไม่แก่กล้าพอที่จะเห็นอะไรที่ลึกซึ้งไปกว่า หลักธรรม
ธรรมดาๆของปัจจุบันค่ะ ขอให้เจริญในธรรม โมทนา mellow

.....................................................
"มิควรหวังร่มเงาจากก้อนเมฆ"


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 21 ก.ค. 2009, 02:12 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 02 ก.ค. 2006, 22:20
โพสต์: 5976

โฮมเพจ: http://walaiblog.blogspot.com/
แนวปฏิบัติ: กายคตาสติ
อายุ: 0
ที่อยู่: สมุทรปราการ

 ข้อมูลส่วนตัว


ผู้ไม่รู้ เขียน:
walaiporn เขียน:

ก็ว่ากันไปตามความคิดของแต่ละคนอ่ะนะ ...

ไม่มีใครถูกหรือผิดหรอกค่ะ :b16:

มีแต่ถูกใจกับไม่ถูกใจเท่านั้นเอง ... :b13:



:b8: คาราวะท่านผู้เจริญครับ :b8:

...สิ่งที่ท่านกล่าวยังไม่ถูกต้องซะทีเดียว...พิจารณาดีๆ จะพบว่าโจทย์ที่ข้าพเจ้าตั้งขึ้นมานี้ หากมองผ่านๆจะเห็นว่าเป็นคำถามปลายปิดธรรมดาๆ ( ก , ข , ค , ง )...แต่ถ้าคิดให้ถี่ถ้วน จะพบว่าเป็นคำถามแบบปลายเปิดให้แสดงองค์ความรู้หรือเหตุผลครับ...และคำถามแบบนี้ ไม่ได้ทดสอบแค่องค์ความรู้เพียงอย่างเดียวเท่านั้น แต่ยังสามารถบ่งบอกถึงความเป็น"ตัวตน" ของบุคคลแต่ละคนได้อย่างยอดเยี่ยมเลยนะครับ...



หรือคะ .. คุณอาจจะมองแบบนั้น :b1:

แต่คนอื่นมองแบบอื่นๆก็ไม่เห็นจะผิดตรงไหนนี่คะ ...

อะไรคือถูกหรือผิดคะ ... เพียงแค่เรามองว่าเขาเห็นไม่ตรงกับเราแล้วเขานั้นจะต้องผิด

อันนี้มันก็ไม่ถูกต้องนะคะ .. คุณว่าจริงไหม?

ถ้าจะดูตัวตนของแต่ละคน .. แนะนำนะคะ เข้าไปอ่านทุกกระทู้เลยค่ะ ..

นั่นแหละตัวตนของแต่ละคนที่เขาเข้ามาตอบกระทู้กัน ..

แต่จะใช่ทั้งหมดหรือไม่นั้น .. อันนี้ตอบแทนไม่ได้ค่ะ :b16:

.....................................................
มิจฉาปณิหิตจิต จิตที่ตั้งไว้ผิด ย่อมตามพิชิตตัวเอง

สัตว์โลกย่อมเป็นไปตามกรรม ตามการกระทำของแต่ละคน (ตามความเป็นจริง)


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 21 ก.ค. 2009, 02:24 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 1
สมาชิก ระดับ 1
ลงทะเบียนเมื่อ: 17 ก.ค. 2009, 01:54
โพสต์: 30

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


taktay เขียน:
ดิฉันก็ขอเลือกข้อ ข.ข้อเดิม ถึงจะ
มีเหตุผลอะไรอีกมากมาย ก็ต้องเลือกข้อเดิมค่ะ คุณผู้ไม่รุ้ ก็
อย่างที่คุณบัวศกลให้ความเห็น คือถ้าไม่เห็นก็แล้วไป แต่ถ้าเห็น
ต่อหน้าต่อตาอย่างไรก็ต้องช่วยลูกนกแน่นอน เรื่องที่จะมีเวรกรรม
กับงูนั้น ปล่อยไปตามวิถื แต่ถ้าไม่ช่วยลูกนกซิค่ะจะรู้สึกผิดไปตลอด
ชีวิตนี้ ถ้าตามหลักศาสนาแล้ว เราก็คงมีอะไรร่วมกันมาถึงต้องมาเจอ
เหตุการณ์นี้ มันคงไม่ใช่เหตุบังเอิญหรอกค่ะ
ยกเว้นถ้าเจองูกำลังสู้กับนกอินทรีย์ซิค่ะ ดิฉันอาจจะหยุดดูสักพัก
แล้วก็เดินจากไป ปล่อยให้เป็นเรื่องของ"สัตว์โลกย่อมเป็นไปตามกรรม"
บารมีดิฉันคงไม่แก่กล้าพอที่จะเห็นอะไรที่ลึกซึ้งไปกว่า หลักธรรม
ธรรมดาๆของปัจจุบันค่ะ ขอให้เจริญในธรรม โมทนา mellow



:b8: คาราวะท่าน Taktay ครับ :b8:

...ปัจจุบันข้าพเจ้ากำลังฝึกจิตให้นิ่ง ไม่ยินดียินร้าย (ต้องกลับมาเริ่มต้นฝึกจากศูนย์ใหม่อีกครั้ง) คำถามที่ข้าพเจ้าตั้งขึ้นมา เพื่อต้องการคำชี้แนะ เพราะยังมีอีกมากที่ข้าพเจ้าต้องการคำชี้แนะในเรื่องต่างๆ..แต่ไม่ต้องการมีปัญหากับท่านใด เนื่องจากเวลาเหลือน้อยลงทุกทีแล้ว (อายุเฉลี่ยของคนไทยปัจจุบัน น่าจะอยู่ที่ 75 - 85 ปี...แต่เส้นทางมันไกลเหลือเกิน มีเวลาให้เดินน้อยมาก)...

...คำถามตอนนี้ก็คือ ทำอย่างไรจึงจะได้คุยเฉพาะกลุ่มที่เลือกข้อ ข. ครับ (ไม่ว่าจะมีกี่ท่านก็ตาม และ ไม่ว่าท่านจะเลือกข้อ ข. ด้วยเหตุผลใดก็ตาม)...เอาแบบไม่ต้องเปิดเผย เพราะถ้าเปิดเผยก็จะเกิดประเด็นปัญหา..ซึ่งข้าพเจ้า " ไม่ต้องการเสียเวลาไปกับปัญหา " ...ตามที่แจ้งละครับ...เวลามันเหลือน้อยลงทุกทีๆ...จะต้องทำอย่างไรได้บ้างครับ??? (ท่านอมิตพุทธอยู่หรือเปล่าครับ..มีข้อเสนอแนะอะไรมั๊ยครับ)...

.....................................................
..." นิพพาน " ไม่ใช่สิ่งที่ถูกค้นพบบนฟูก หากแต่เป็นป่าเขาที่เต็มไปด้วยอันตรายและอสรพิษ...

..." หลักธรรม " ไม่ใช่สิ่งที่ถูกค้นพบในผับหรือสถานเริงรมย์ หากแต่เป็นสองข้างถนนที่เต็มไปด้วยซากศพ และผู้คนที่เกิด-แก่-เจ็บ-ตาย...


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 21 ก.ค. 2009, 02:40 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 1
สมาชิก ระดับ 1
ลงทะเบียนเมื่อ: 17 ก.ค. 2009, 01:54
โพสต์: 30

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


walaiporn เขียน:
ผู้ไม่รู้ เขียน:
walaiporn เขียน:

ก็ว่ากันไปตามความคิดของแต่ละคนอ่ะนะ ...

ไม่มีใครถูกหรือผิดหรอกค่ะ :b16:

มีแต่ถูกใจกับไม่ถูกใจเท่านั้นเอง ... :b13:



:b8: คาราวะท่านผู้เจริญครับ :b8:

...สิ่งที่ท่านกล่าวยังไม่ถูกต้องซะทีเดียว...พิจารณาดีๆ จะพบว่าโจทย์ที่ข้าพเจ้าตั้งขึ้นมานี้ หากมองผ่านๆจะเห็นว่าเป็นคำถามปลายปิดธรรมดาๆ ( ก , ข , ค , ง )...แต่ถ้าคิดให้ถี่ถ้วน จะพบว่าเป็นคำถามแบบปลายเปิดให้แสดงองค์ความรู้หรือเหตุผลครับ...และคำถามแบบนี้ ไม่ได้ทดสอบแค่องค์ความรู้เพียงอย่างเดียวเท่านั้น แต่ยังสามารถบ่งบอกถึงความเป็น"ตัวตน" ของบุคคลแต่ละคนได้อย่างยอดเยี่ยมเลยนะครับ...



หรือคะ .. คุณอาจจะมองแบบนั้น :b1:

แต่คนอื่นมองแบบอื่นๆก็ไม่เห็นจะผิดตรงไหนนี่คะ ...

อะไรคือถูกหรือผิดคะ ... เพียงแค่เรามองว่าเขาเห็นไม่ตรงกับเราแล้วเขานั้นจะต้องผิด

อันนี้มันก็ไม่ถูกต้องนะคะ .. คุณว่าจริงไหม?

ถ้าจะดูตัวตนของแต่ละคน .. แนะนำนะคะ เข้าไปอ่านทุกกระทู้เลยค่ะ ..

นั่นแหละตัวตนของแต่ละคนที่เขาเข้ามาตอบกระทู้กัน ..

แต่จะใช่ทั้งหมดหรือไม่นั้น .. อันนี้ตอบแทนไม่ได้ค่ะ :b16:



:b8: ขอคาราวะท่าน Walaiporn ครับ :b8:

...ต้องเรียนตามนี้นะครับ ในศาสนาพุทธของเรา มีปัญหาเกี่ยวกับเรื่องของความเข้าใจ และการตีความมาตั้ง 2,552 ปีแล้วครับ จึงทำให้เกิดบุคคลสองกลุ่ม คือ กลุ่มของบุคคลที่บรรลุธรรม จบสิ้นการเวียนว่ายตายเกิด (เพราะเข้าใจอะไรๆต่างๆได้ถูกต้อง) กับ กลุ่มที่ต้องเวียนว่ายตายเกิด (เพราะเข้าใจอะไรๆต่างๆได้ไม่ถูกต้องครับ)...

...และในศาสนาพุทธของเรา (เฉพาะกลุ่มที่เข้าใจอะไรๆต่างๆได้ถูกต้อง) ก่อนที่จะมีการบรรลุธรรมเกิดขึ้น จะต้อง "ผ่านแบบทดสอบ" ด้วยกันทุกๆท่านครับ..ซึ่งเราไม่อาจรู้ได้เลยว่า แบบทดสอบที่ตัวของเราต้องเผชิญนั้น จะเป็นไปในรูปแบบใด (...มีหลักฐานบันทึกไว้ในพระไตรปิฏกส่วนหนึ่ง...และบางส่วน ถูกบันทึกโดยพระนิพพานทั้งหลาย ไม่ว่าจะเป็นหลวงปู่มั่น หลวงปู่ขาว หลวงปู่แหวน หลวงพ่อเกษม(สุสานไตรลักษณ์) ฯลฯ...) ตรงนี้ท่านต้องใช้เวลาค้นคว้ามากสักหน่อยก็จะพบเองครับ...

...ส่วนโจทย์ที่ข้าพเจ้าตั้งขึ้นมานั้น ได้ช่วยข้าพเจ้าให้สามารถ Classify กลั่นกรองอะไรๆบางสิ่งบางอย่างได้ครับ...

:b8: ขออนุโมทนาให้ท่านสมหวังและเจริญในธรรมยิ่งๆขึ้นไปนะครับ :b8:

.....................................................
..." นิพพาน " ไม่ใช่สิ่งที่ถูกค้นพบบนฟูก หากแต่เป็นป่าเขาที่เต็มไปด้วยอันตรายและอสรพิษ...

..." หลักธรรม " ไม่ใช่สิ่งที่ถูกค้นพบในผับหรือสถานเริงรมย์ หากแต่เป็นสองข้างถนนที่เต็มไปด้วยซากศพ และผู้คนที่เกิด-แก่-เจ็บ-ตาย...


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 21 ก.ค. 2009, 03:38 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
Moderators-2
Moderators-2
ลงทะเบียนเมื่อ: 08 ม.ค. 2009, 02:20
โพสต์: 1387

ที่อยู่: สัพพะโลก

 ข้อมูลส่วนตัว


ผู้ไม่รู้ เขียน:
...ปัจจุบันข้าพเจ้ากำลังฝึกจิตให้นิ่ง ไม่ยินดียินร้าย (ต้องกลับมาเริ่มต้นฝึกจากศูนย์ใหม่อีกครั้ง)

ทำไมผลจึงเป็นเช่นนี้ละครับ พอบอกได้ไหม ตอบตามความเป็นจริงนะครับ
เป็นเพราะกระทู้นี้หรือเปล่า... :b8:

.....................................................
ผู้มีจิตเมตตาจะไม่มีศัตรู ผู้มีสติปัญญาจะไม่เกิดทุกข์.


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 21 ก.ค. 2009, 05:57 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 3
สมาชิก ระดับ 3
ลงทะเบียนเมื่อ: 10 ม.ค. 2009, 11:50
โพสต์: 147

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


ผู้ไม่รู้ เขียน:
ขอถามท่านว่า เรื่องโจทย์คำถามที่ข้าพเจ้าได้ตั้งขึ้นมานั้น..." มีอิทธิฤทธิ์ปาฏิหาริย์ อยู่ตรงไหน??? " ...เมื่อท่านตอบโจทย์ที่ข้าพเจ้าตั้งขึ้นมาไม่ได้เหมือนกับท่านอมิตพุทธ ท่านก็คือ " ผู้ไม่รู้ " เหมือนกันกับข้าพเจ้า ก็ไม่ควรจะพาลผู้อื่นนะท่าน...เราคือผู้ปฏิบัติธรรม อะไรที่เรารู้จริงรู้แจ้ง..ก็บอกว่าเรารู้..อะไรที่เราไม่รู้ ก็บอกออกไปตามความจริงว่าเราไม่รู้..ก็เท่านั้น..ไม่ใช่เรื่องที่น่าอายหรอกท่าน..กลับได้ความรู้จากผู้อื่นที่เขารู้มากกว่าเรา หรือมาสะกิดต่อมความรู้ที่หลงลืมไปของเรา แบบเดียวกับที่ท่านอมิตพุทธได้ชี้ทางให้ข้าพเจ้านั่นงัย...กลับจะเป็นประโยชน์ต่อตัวเราซะอีก...จริงมั๊ยท่านผู้เจริญ


ท่านผู้ไม่รู้ครับ สาเหตุที่ผมตอบกระทู้ท่านมาเรื่อยๆด้วยอารมณ์เบิกบาน เพราะคิดไปว่ากำลังอยู่ใน
สภาพของการเล่นตลกคาเฟ่ ท่านเคยดูไหมครับที่เป็นมุขยิงคำถาม โดยให้ผู้ถามมีถาดไว้
ในมือ ผู้ถามจะถามคำถาม เมื่อได้รับคำตอบก็จะบอกว่าผิดแล้วเอาถาดฟาดหัวผู้ตอบ ดูๆแล้วก็
เหมือนกระทู้นี้ยังไงยังงั้นเลย
. ผมจะไม่รู้สึกโกรธถ้าโดนท่านเอาถาดฟาดหัว แต่มาไม่พอใจที่ท่านว่าผม "พาลบุคคลอื่น"
การที่ผมกล่าวถึงท่าน ก็เพราะเกี่ยวข้องในสาระที่ ท่านผู้ไม่รู้อ้าง แล้วผมก็มีมรรยาทพอที่จะไม่เอ่ย
ชื่อท่าน แต่ท่านผู้ไม่รู้ กลับนำมาเชื่อมโยงเหมือนมีจุดประสงค์ ให้ท่านผู้นี้บาดหมางกับผม ซึ่ง
การกระทำนี้เป็นการเสียมรรยาทในการสนทนาธรรม อีกทั้งท่านยังนำชื่อครูบาอาจารย์ที่ผมเคารพ
มาเอ๋ยอ้างเพื่อเพิ่มความน่าเชื่อถือให้กับตัวเอง ท่านอาจจะได้ความน่าเชื่อถือ แต่ท่านทราบไมว่า
อาจมีผลกระทบถึงครูบาอาจารย์ที่นำมากล่าวอ้าง เพราะธรรมที่เรากำลังถกกันอยู่คือธรรมของพระ
พุทธเจ้า ซึ่งเป็นสิ่งที่เรากำลังถกกันอยู่
. แล้วเรื่องอิทธิฤทธิ์นะเป็นแค่การเปรียบเทียบ ให้รู้ว่าคำตอบของท่านนั้นเหนือความคาด
หมายจริงๆ
แล้วการที่ท่านบอกว่า ไม่ใช่เรื่องน่าอายใช่ครับผมก็ว่าไม่ใช่เรื่องน่าอาย ผมจึง
หาเหตุผลมาหักล้างกับเหตุผลของท่านไง แต่ท่านก็ไม่ยอมรับ ประโยคที่ว่าไม่น่าอายควรใช้กับใคร
ครับ(ท่านรู้ตัวไหมครับว่าท่านกำลังเข้าสู่สภาวะความโกรธแล้ว)
. ผมรู้สึกขำแต่ขำไม่ออกจริงๆ ที่ท่านบอกว่าท่านกับผมคือผู้ไม่รู้ แล้วบอกว่าอีกท่านคือผู้รู้
คำพูดของท่าน เหมือนกับว่า ท่านเป็นผู้อ่อนน้อมถ่อมตนให้เกียรติผู้อื่น แต่การแสดงออกของ
ท่านมันไม่ใช่ ท่านแสดงออกเหมือนท่านมีภูมิมากกว่าใครๆ สามารถชี้ว่าคำตอบของใครถูก ของ
คนไหนใช้ได้ คนไหนใช้ไม่ได้ ผมว่าท่านจะทำตัวเป็นครูแล้ว ให้นักเรียนตอบคำถามมากกว่า
แล้วใช้อำนาจตัดสินว่า คนไหนถูกคนไหนผิด ใครสูงส่งใครต่ำเตี้ย ผมอยากรู้จริงๆว่า อารมณ์ของ
ท่านขณะที่กล่าวว่า "ท่านเป็นผู้ไม่รู้"อารมณ์ของท่านจะเป็นอย่างไร
. ต้องขอโทษนะครับถ้ามีคำรุนแรงตัวหนังสือและประโยคพาไป รับรองได้ไม่มีความโกรธเลย
ครับ :b8:


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 21 ก.ค. 2009, 10:49 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 1
สมาชิก ระดับ 1
ลงทะเบียนเมื่อ: 17 ก.ค. 2009, 01:54
โพสต์: 30

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


TAKSA เขียน:
ผู้ไม่รู้ เขียน:
ขอถามท่านว่า เรื่องโจทย์คำถามที่ข้าพเจ้าได้ตั้งขึ้นมานั้น..." มีอิทธิฤทธิ์ปาฏิหาริย์ อยู่ตรงไหน??? " ...เมื่อท่านตอบโจทย์ที่ข้าพเจ้าตั้งขึ้นมาไม่ได้เหมือนกับท่านอมิตพุทธ ท่านก็คือ " ผู้ไม่รู้ " เหมือนกันกับข้าพเจ้า ก็ไม่ควรจะพาลผู้อื่นนะท่าน...เราคือผู้ปฏิบัติธรรม อะไรที่เรารู้จริงรู้แจ้ง..ก็บอกว่าเรารู้..อะไรที่เราไม่รู้ ก็บอกออกไปตามความจริงว่าเราไม่รู้..ก็เท่านั้น..ไม่ใช่เรื่องที่น่าอายหรอกท่าน..กลับได้ความรู้จากผู้อื่นที่เขารู้มากกว่าเรา หรือมาสะกิดต่อมความรู้ที่หลงลืมไปของเรา แบบเดียวกับที่ท่านอมิตพุทธได้ชี้ทางให้ข้าพเจ้านั่นงัย...กลับจะเป็นประโยชน์ต่อตัวเราซะอีก...จริงมั๊ยท่านผู้เจริญ


ท่านผู้ไม่รู้ครับ สาเหตุที่ผมตอบกระทู้ท่านมาเรื่อยๆด้วยอารมณ์เบิกบาน เพราะคิดไปว่ากำลังอยู่ใน
สภาพของการเล่นตลกคาเฟ่ ท่านเคยดูไหมครับที่เป็นมุขยิงคำถาม โดยให้ผู้ถามมีถาดไว้
ในมือ ผู้ถามจะถามคำถาม เมื่อได้รับคำตอบก็จะบอกว่าผิดแล้วเอาถาดฟาดหัวผู้ตอบ ดูๆแล้วก็
เหมือนกระทู้นี้ยังไงยังงั้นเลย
. ผมจะไม่รู้สึกโกรธถ้าโดนท่านเอาถาดฟาดหัว แต่มาไม่พอใจที่ท่านว่าผม "พาลบุคคลอื่น"
การที่ผมกล่าวถึงท่าน ก็เพราะเกี่ยวข้องในสาระที่ ท่านผู้ไม่รู้อ้าง แล้วผมก็มีมรรยาทพอที่จะไม่เอ่ย
ชื่อท่าน แต่ท่านผู้ไม่รู้ กลับนำมาเชื่อมโยงเหมือนมีจุดประสงค์ ให้ท่านผู้นี้บาดหมางกับผม ซึ่ง
การกระทำนี้เป็นการเสียมรรยาทในการสนทนาธรรม อีกทั้งท่านยังนำชื่อครูบาอาจารย์ที่ผมเคารพ
มาเอ๋ยอ้างเพื่อเพิ่มความน่าเชื่อถือให้กับตัวเอง ท่านอาจจะได้ความน่าเชื่อถือ แต่ท่านทราบไมว่า
อาจมีผลกระทบถึงครูบาอาจารย์ที่นำมากล่าวอ้าง เพราะธรรมที่เรากำลังถกกันอยู่คือธรรมของพระ
พุทธเจ้า ซึ่งเป็นสิ่งที่เรากำลังถกกันอยู่
. แล้วเรื่องอิทธิฤทธิ์นะเป็นแค่การเปรียบเทียบ ให้รู้ว่าคำตอบของท่านนั้นเหนือความคาด
หมายจริงๆ
แล้วการที่ท่านบอกว่า ไม่ใช่เรื่องน่าอายใช่ครับผมก็ว่าไม่ใช่เรื่องน่าอาย ผมจึง
หาเหตุผลมาหักล้างกับเหตุผลของท่านไง แต่ท่านก็ไม่ยอมรับ ประโยคที่ว่าไม่น่าอายควรใช้กับใคร
ครับ(ท่านรู้ตัวไหมครับว่าท่านกำลังเข้าสู่สภาวะความโกรธแล้ว)
. ผมรู้สึกขำแต่ขำไม่ออกจริงๆ ที่ท่านบอกว่าท่านกับผมคือผู้ไม่รู้ แล้วบอกว่าอีกท่านคือผู้รู้
คำพูดของท่าน เหมือนกับว่า ท่านเป็นผู้อ่อนน้อมถ่อมตนให้เกียรติผู้อื่น แต่การแสดงออกของ
ท่านมันไม่ใช่ ท่านแสดงออกเหมือนท่านมีภูมิมากกว่าใครๆ สามารถชี้ว่าคำตอบของใครถูก ของ
คนไหนใช้ได้ คนไหนใช้ไม่ได้ ผมว่าท่านจะทำตัวเป็นครูแล้ว ให้นักเรียนตอบคำถามมากกว่า
แล้วใช้อำนาจตัดสินว่า คนไหนถูกคนไหนผิด ใครสูงส่งใครต่ำเตี้ย ผมอยากรู้จริงๆว่า อารมณ์ของ
ท่านขณะที่กล่าวว่า "ท่านเป็นผู้ไม่รู้"อารมณ์ของท่านจะเป็นอย่างไร
. ต้องขอโทษนะครับถ้ามีคำรุนแรงตัวหนังสือและประโยคพาไป รับรองได้ไม่มีความโกรธเลย
ครับ :b8:



:b8: สาธุ..คาราวะท่าน Taksa ครับ :b8:

...สิ่งที่ข้าพเจ้าเขียนมาทั้งหมดนั้นไม่ผิดหรอกครับ หากท่านศึกษาต่อไปเรื่อยๆแล้วจะเข้าใจเอง และถ้าจะให้ดี ท่านควรศึกษาให้รอบด้านด้วย ก็จะเป็นประโยชน์ต่อตัวท่านเองเป็นอย่างมาก...และที่ท่านกับข้าพเจ้าได้สนทนาธรรมกันมาจนถึงบัดนี้ สิ่งที่ข้าพเจ้าเขียนไว้ไม่ได้โออวดคุณวิเศษใดๆ ในเมื่อเป็นการสนทนาธรรม ก็ต้องมีการซักถาม เมื่อมีการซักถาม ก็ต้องมีการแสดงเหตุผล เมื่อมีการแสดงเหตุ จะถือว่าการแสดงเหตุผลนั้นเป็นการโอ้อวดได้อย่างไร? ท่านต้องระวังจิตของท่านไม่ให้เหมือนกับ "งู" ตามโจทย์ที่ข้าพเจ้าได้ยกขึ้นมา และข้าพเจ้าก็ต้องระวังในสิ่งนี้เช่นเดียวกัน...

:b8: ...ขอความเจริญในธรรมจงมีแด่ท่านครับ... :b8:

.....................................................
..." นิพพาน " ไม่ใช่สิ่งที่ถูกค้นพบบนฟูก หากแต่เป็นป่าเขาที่เต็มไปด้วยอันตรายและอสรพิษ...

..." หลักธรรม " ไม่ใช่สิ่งที่ถูกค้นพบในผับหรือสถานเริงรมย์ หากแต่เป็นสองข้างถนนที่เต็มไปด้วยซากศพ และผู้คนที่เกิด-แก่-เจ็บ-ตาย...


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 21 ก.ค. 2009, 11:09 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 1
สมาชิก ระดับ 1
ลงทะเบียนเมื่อ: 17 ก.ค. 2009, 01:54
โพสต์: 30

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


อมิตาพุทธ เขียน:
ผู้ไม่รู้ เขียน:
...ปัจจุบันข้าพเจ้ากำลังฝึกจิตให้นิ่ง ไม่ยินดียินร้าย (ต้องกลับมาเริ่มต้นฝึกจากศูนย์ใหม่อีกครั้ง)

ทำไมผลจึงเป็นเช่นนี้ละครับ พอบอกได้ไหม ตอบตามความเป็นจริงนะครับ
เป็นเพราะกระทู้นี้หรือเปล่า... :b8:



:b8: คาราวะท่านอมิตาพุทธครับ :b8:

...ขอตอบตามความเป็นจริงว่า ก่อนที่ข้าพเจ้าจะมาตั้งกระทู้และสมัครสมชิกของเว๊ปนี้ ข้าพเจ้าได้ปฏิบัติผิดพลาดบางอย่างมาก่อน และการที่ปฏิบัติผิดพลาดนั้นทำให้ถึงทางตัน ทุกอย่างจึงต้องกลับมาเริ่มต้นที่ศูนย์ใหม่(กลับมาเริ่มที่ทำจิตให้นิ่งไม่ยินดียินร้าย) จะกลับไปถามท่านผู้เป็นพระอุปัชฌาย์เดิมก็ไม่ได้ (ไม่ขอแสดงเหตุผลครับ) ดังนั้น ข้าพเจ้าจึงต้องมองหาท่านผู้เจริญท่านอื่น (ใครก็ได้ที่ปรุโปร่งแตกฉานในธรรมมะ เพื่อจะได้ขอคำแนะนำที่เป็นประโยชน์จากท่านผู้นั้น) จนข้าพเจ้าได้มีวาสนามาพบกับท่านอมิตาพุทธนี่แหละครับ...

...ที่จริง โจทย์คำถามที่ข้าพเจ้าได้ตั้งขึ้นมานี้ สามารถกลั่นกรองบางอย่างได้ดีทีเดียว เป็นเสมือนการโยนหินถามทาง แต่โจทย์ข้อต่อไปนั้นเป็นของจริงครับ อยากถามและอยากได้คำแนะนำจากท่านมาก แต่เท่าที่สังเกตดูคร่าวๆ โจทย์ข้อต่อไปไม่สมควรตั้งแบบเปิดเผย เพราะจะไม่เกิดประโยชน์กับตัวของข้าพเจ้าใดๆเลย(รวมทั้งผู้อื่นด้วย) ข้าพเจ้าสมควรทำอย่างไรดีครับ...ส่งเมล์ถามท่านโดยตรงไม่ทราบว่าท่านอมิตาพุทธจะสดวกหรือไม่ครับ...

.....................................................
..." นิพพาน " ไม่ใช่สิ่งที่ถูกค้นพบบนฟูก หากแต่เป็นป่าเขาที่เต็มไปด้วยอันตรายและอสรพิษ...

..." หลักธรรม " ไม่ใช่สิ่งที่ถูกค้นพบในผับหรือสถานเริงรมย์ หากแต่เป็นสองข้างถนนที่เต็มไปด้วยซากศพ และผู้คนที่เกิด-แก่-เจ็บ-ตาย...


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 21 ก.ค. 2009, 12:02 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
Moderators-2
Moderators-2
ลงทะเบียนเมื่อ: 29 พ.ค. 2008, 14:14
โพสต์: 3832

อายุ: 12
ที่อยู่: กทม.

 ข้อมูลส่วนตัว


เอ่อ รู้สึกจะเข้าใจผมผิดสองครั้งแล้วนะครับ

ผมไม่ได้ส่งอุเบกขาอะไรให้นะครับ

ผมถามว่า ทำไมพระพทุธเจ้าเลือก ก.
หลังจากเลือก ข. ค. ของคุณไปสองครั้งแล้ว

ทำไมพระพุทธเจ้าไม่สงสารญาติของพระองค์หรือ ทำไมไม่ช่วยให้รอดพ้นจากการถูกล้างโคตรคราวนั้น


เข้าใจหรือยัง


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 21 ก.ค. 2009, 12:36 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 1
สมาชิก ระดับ 1
ลงทะเบียนเมื่อ: 17 ก.ค. 2009, 01:54
โพสต์: 30

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


ชาติสยาม เขียน:
เอ่อ รู้สึกจะเข้าใจผมผิดสองครั้งแล้วนะครับ

ผมไม่ได้ส่งอุเบกขาอะไรให้นะครับ

ผมถามว่า ทำไมพระพทุธเจ้าเลือก ก.
หลังจากเลือก ข. ค. ของคุณไปสองครั้งแล้ว

ทำไมพระพุทธเจ้าไม่สงสารญาติของพระองค์หรือ ทำไมไม่ช่วยให้รอดพ้นจากการถูกล้างโคตรคราวนั้น


เข้าใจหรือยัง



:b8: คาราวะท่านชาติสยามครับ :b8:

...ที่ข้าพเจ้าไม่ตอบคำถามของท่าน เพราะทราบว่าท่านไม่สามารถรับคำตอบได้ครับ..แต่ถ้าท่านจะให้ข้าพเจ้าตอบจริง ข้าพเจ้าคงต้องตอบว่า...

...เพราะพระองค์ทราบความเป็นมาบางอย่างในหนหลัง เกี่ยวกับ "กรณี" พระญาติของพระองค์ และทรงทราบซึ่งเป็นมูลเหตุที่ทำให้พระองค์ทรงห้ามปรามแล้ว แต่หาได้มีผู้ใดเชื่อฟังไม่...ซึ่งมูลเหตุนั้น ก็คือ "วิบากกรรม" ซึ่งพระญาติของพระองค์ได้เคยประกอบไว้ในอดีตชาติครับ...

...และกรณีที่ท่านชาติสยามได้ยกมานี้ เป็นคนล่ะเรื่องกับ "กรณี" ที่ข้าพเจ้าได้ตั้งโจทย์คำถามขึ้นมา ดังนั้น "อุเบกขา" จึงไม่ใช่คำตอบในกรณีคำถามของข้าพเจ้าแน่นอน เปรียบเสมือนยารักษาโรค ที่ใช้ได้เฉพาะโรคเฉพาะกรณีเท่านั้น เช่น ยารักษาโรคเรื้อน ก็ใช้ได้เฉพาะรักษาโรคเรื้อน จะนำมารักษาโรคหัวใจหรือโรคเบาหวานไม่ได้ครับ...

...ท่านคงต้องครุ่นคิดหาเหตุผลเอาเองแล้วครับ ว่าทำไมข้าพเจ้าจึงต้องตอบท่านเช่นนี้ หากยังไม่เข้าใจ ท่านคงต้องกลับไปที่จุดเริ่มต้นใหม่เช่นเดียวกันกับข้าพเจ้า...ไปเริ่มที่ "ศีล" ก่อน..เลิกก่อกวน-เลิกริษยา..จากนั้นก็ไปต่อที่สมาธิ..แล้ว "ปัญญา" ก็จะเกิดขึ้นมาเองครับ...

:b8: ...ขอท่านได้เจริญในธรรมนะครับ... :b8:

.....................................................
..." นิพพาน " ไม่ใช่สิ่งที่ถูกค้นพบบนฟูก หากแต่เป็นป่าเขาที่เต็มไปด้วยอันตรายและอสรพิษ...

..." หลักธรรม " ไม่ใช่สิ่งที่ถูกค้นพบในผับหรือสถานเริงรมย์ หากแต่เป็นสองข้างถนนที่เต็มไปด้วยซากศพ และผู้คนที่เกิด-แก่-เจ็บ-ตาย...


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 21 ก.ค. 2009, 12:50 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
Moderators-2
Moderators-2
ลงทะเบียนเมื่อ: 29 พ.ค. 2008, 14:14
โพสต์: 3832

อายุ: 12
ที่อยู่: กทม.

 ข้อมูลส่วนตัว


ไอ ซี

ผมรู้แล้วว่าคุณเข้าใจว่า เมตตา กรุณา มุทตา คือสิง่ที่ต้องเพียรทำไปอย่างไม่มีที่สิ้นสุด
ต้องยอมเจ็บ ยอมแบกรับอะไรทั้งหลาย

ส่วนอุเบกขา คุณก้สงวนไว้เฉพาะผู้มีกัมมวิปากญารณ

เป้นอันว่า ธรรมหมวดนี้ แยกกันเด็ดขาดไปอย่างนี้
มีทิฐิอย่างนี้ น่ากลัวนะ

ส่วนที่ว่าผมอิจจฉานี่ ขอโทษทีเถอะ
ผมมีมานะต่างหากครับ แบบว่า หยันๆ
อิจฉานี่หมายถึงเขาได้ดีกว่า แล้วอยากดีเท่าเขาอะไรอย่างนั้น
แต่คุณไม่มีิอะไรให้ผมอยากได้เลยครับ เพราะฉะนั้น ใช้คำผิด


ไม่อยากจะพูดเหมือนกันว่า
สมมุติคำถามขึ้นมาทำไม ทำไมไม่พิจารณาของจริง เรื่องจริง
สมมุติมา คนเขาก้สมมุติต่อไปได้ว่ามีบริบทอย่างนั้นอย่างนี้

พอเขาสมมุติบ้าง ก้บอกว่าไม่ได้ ไม่ถูก
ต้องสมมุติในแบบที่คุณพอใจ ถึงจะยอมรับ อะไรอย่างนั้น
ตลกจะตายไปนะ ไม่อยากพูด


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 21 ก.ค. 2009, 13:00 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
อาสาสมัคร
อาสาสมัคร
ลงทะเบียนเมื่อ: 10 ก.ค. 2009, 20:44
โพสต์: 341

ที่อยู่: ภาคตระวันออก

 ข้อมูลส่วนตัว


ถ้ามองอย่างธรรมชาติมนุษย์เรานั้นปกติมีจิตใจเมตตาอยู่แล้วแต่ธรรมชาติของสัตว์นั้นก็มองหาอาหารที่ตนต้องการเลี้ยงชีวิตให้อยู่รอดไปวันๆหนึ่งในขณะที่ยังมีชีวิตอยู่แต่ธรรมชาติถ้าไม่เบียดเบียนซึ่งกันและกันก็อยู่ได้โดยด้วยตัวเองครับ..แต่งูที่กำลังจะกินนกตัวนี้ส่วนตัวผมเองนะก็เคยเจอเหตุการแบบนี้หลายครั้งครั้งหนึ่งไปเที่ยวภาคเหนือกำลังนอนหลับอยู่แต่หน้าห้องติดกับสวนเจ้ากาแฟสุนักที่อยู่แถวนั้นเจอเจ้ากบตัวหนึ่งมันเดินอยู่ในสวนสนามหญ้าเป็นเหตุให้สุนักนึกสนุกอยากกัดเจ้ากบตัวนี้เล่นจนขามันจะขาดจากกันเรามองธรรมแบบธรรมชาตเราต้องช่วยชีวิตเจ้ากบเพื่อความพ้นทุกข์ของสรรพสัตว์ทั้งหลายให้อยู่กันแบบปกติสุขครับ..... ดังเช่นนกกับงูนี้หากเราช่วยเหลือมันไม่ให้ถูกกินชีวิตมันก็ยังดำเนินอยู่แบบปกติสุขครับ


(ท่านกัลญาณมิตรผู้ตั้งคำถามครับผม)ทุกๆชีวิตย่อมหวงแหนชีวิตของตนฉันใด...เจ้านกก็คงต้องการชีวิตให้อยู่รอดจากการให้งูกินชีวิตของตนเป็นแน่แท้ครับ



:b42: ขอท่านเจ้าของโจทย์พึงเจริญในธรรมเถิดครับ :b42:

:b39: เทพบุตร :b42:

.....................................................
การให้ธรรมะเป็นทานชนะการให้ท้งปวง


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 21 ก.ค. 2009, 14:01 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
Moderators-2
Moderators-2
ลงทะเบียนเมื่อ: 08 ม.ค. 2009, 02:20
โพสต์: 1387

ที่อยู่: สัพพะโลก

 ข้อมูลส่วนตัว


สวัสดีครับ ท่านผู้ไม่รู้ :b8:
.........................................................................
........................................................................
เห็นท่านมาอนุโมทนา แสดงว่าได้อ่านข้อความของข้าพเจ้าแล้ว
ขออนุญาต ลบออกนะครับ :b1: ......................
.......................................................................

.....................................................
ผู้มีจิตเมตตาจะไม่มีศัตรู ผู้มีสติปัญญาจะไม่เกิดทุกข์.


แสดงโพสต์จาก:  เรียงตาม  
กลับไปยังกระทู้  [ 70 โพสต์ ]  ไปที่หน้า ย้อนกลับ  1, 2, 3, 4, 5  ต่อไป

เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง


 ผู้ใช้งานขณะนี้

่กำลังดูบอร์ดนี้: ไม่มีสมาชิก และ บุคคลทั่วไป 1 ท่าน


ท่าน ไม่สามารถ โพสต์กระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ตอบกระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แก้ไขโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ลบโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แนบไฟล์ในบอร์ดนี้ได้

ค้นหาสำหรับ:
ไปที่:  
Google
ทั่วไป เว็บธรรมจักร