วันเวลาปัจจุบัน 28 ก.ค. 2025, 05:58  



เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง




กระทู้นี้ถูกล็อก คุณไม่สามารถแก้ไขข้อความ หรือ ตอบกลับในกระทู้นี้  [ 54 โพสต์ ]  ไปที่หน้า ย้อนกลับ  1, 2, 3, 4  Bookmark and Share
เจ้าของ ข้อความ
โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 02 พ.ค. 2011, 05:45 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 13 ก.พ. 2010, 17:53
โพสต์: 4999

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


deecup เขียน:
ตอบ คุณ โฮฮับ
หยาบไม่หยาบมันอยู่ที่กิเลสของคนจะไปปรุงแต่งมัน ผมยกคำสอนหลวงตาบัว เพราะท่านพูดมีเหตุผล และผมก็ยกพระไตรปิฎกเสริม คุณก็ไม่ได้เข้าใจอะไรเลย เอากิเลสนำทาง ถูไถไปเรื่อย

จะบอกอะไรให้ครับ ถ้าคุณกำลังพิจารณาคำพูดของใครสักคนอยู่
คุณต้องไปพิจารณาคนที่พูดคำพูดนั้นๆครับ
ผมไม่รู้ว่าคุณไปศึกษาพระธรรมจากสำนักไหนครับ การพิจารณาธรรมของคุณ
ถึงได้กลับตาลปัตรอย่างนี้

ที่คุณพูดถึงกิเลส มันต้องไปดูที่คนกระทำหรือคนพูดว่า สิ่งที่ได้กระทำลงไปมันเป็น
เพราะกิเลสพาไปหรือเปล่า แล้วเราจะรู้ได้อย่างไร เราก็ต้องไปพิจารณาถึงสาเหตุที่ทำให้
เกิดการกระทำหรือคำพูดนั้นขึ้นครับ ยกตัวอย่างให้ดูครับ
สมมุติมีพระอยู่2รูป สอนแตกต่างกัน อีกรูปบอกต้องทำสมาธิจึงจะไปนิพพานได้
แต่อีกรูปบอก สมาธิไม่จำเป็นมีหนทางไปนิพพานแบบลัดสั้น

ลูกศิษย์ของพระที่สอนสมาธินำความไปบอกอาจารย์ตน
พอได้ยินก็พูดออกมาว่า"โคตรพ่อ โคตรแม่มัน" (ขอโทษ)
การพิจารณามันอยู่ตรงที่คำว่า"โคตรพ่อ โคตรแม่" อันนี้เป็นการกระทำ
ส่วนสาเหตุที่ทำให้เกิดการกระทำก็คือ "คำที่ขัดแย้งกับตน"
พอบอกได้ว่า "คำขัดแย้งที่ได้ฟังมันเป็นสัญญา แล้วผู้ฟังนำไปปรุงแต่ง
จนออกมาเป็นคำพูดหรือการกระทำ แบบนี้มันเป็นกิเลสแถมเป็นอกุศลเสียด้วย

ถ้าเราเข้าใจเรื่องจิต เข้าใจการทำงานของจิต ย่อมต้องรู้ได้ว่า อันไหนเป็นการปรุงแต่ง
อันไหนเป็น สติ หวังว่าคงไม่ต้องอธิบายเรื่องสติให้จขกทฟังนะครับ
deecup เขียน:
งั้นผมบอกว่า คำว่า ตลกเนี่ย คือคำหยาบสำหรับผม ? คุณจะว่าไง พอคนเขาพูดกันเยอะขึ้นว่ามันเป็นคำหยาบ จิตใจมันก็ปรุงแต่งคำไปอีก จากตลก อาจเป็น จำอวด ถ้าจำอวด จิตใจปรุงแต่งว่าเป็นคำหยาบอีก ก็จะปรุงไปใช้คำไหม่ว่า ขำขัน แล้วถ้าคนฟังเขาเอากิเลสฟังอีกว่ามันหยาบอีก ก็ปรุงแต่งไปอีกเรื่อยๆ

ผมพูดมาตั้งยืดยาวคุณยังไม่เข้าใจ คำพูดเป็นการกระทำ
บัญญัติใดจะนำมาใช้ในสังคม มันต้องแสดงให้ผู้อื่นรู้เสียก่อน เมื่อรู้แล้วสิ่งที่รับรู้
ก็จะกลายเป็นความทรงจำหรือสัญญา เมื่อจิตจดจำสัญญาไว้แล้ว มันจะเป็น
กิเลสที่เป็นอกุศลหรือไม่ ก็ต้องไปดูกันที่ผัสสะที่รับมา

ที่ผมพูดให้คุณฟังเพื่อจะอธิบายว่า คำว่าหยาบหรือไม่หยาบ มันไม่ได้อยู่ที่สมมุติบัญญัติ
แต่มันอยู่ที่อาการของจิต ก่อนที่จะแสดงการกระทำในสมมุติบัญญัตินั้นๆ


สิ่งที่คุณอ้างขึ้นมามันคนละเรื่องคนละราว การอธิบายความของคุณ
ผมฟันธงเลยครับว่า คุณยังขาดความเข้าใจในเรื่องของธรรม
ที่อธิบายมาบอกได้ทันทีว่า ไปลอกไปจำเขามาโดยมันพิจารณาให้ดีเสียก่อน
เห็นว่าคล้ายๆกัน เลยเอามาพูดมาตอบ ผมบอกได้เลยครับว่า มันคนละเรื่องและวกวนครับ

คุณจขกทครับ คุณพอรู้สักนิดมั้ยครับว่า กิเลสของใครก็ของมัน
มันมีคนอยู่สองคน คนหนึ่งเป็นคนพูดและอีกคนหนึ่งเป็นคนฟัง
กิเลสมันก็ของใครของมัน คำพูดเดียวกัน ผู้พูดอาจมีหรือไม่มีกิเลสก็ได้
และผู้ฟังอาจมีหรือไม่มีก็ได้ เหตุปัจจัยมันไม่เหมือนกันสัญญาการปรุงแต่งก็ไม่เหมือนกัน
เพราะจิตมันคนละดวง

กับคำว่าตลกที่คุณยกมา คุณไม่ต้องไปสมมุติให้เป็นคำหยาบหรอก
มันขึ้นอยู่กับสัญญาของผู้ฟังว่าไปจดจำอะไรมา ตัวอย่างคุณไปบอกว่า
อาจารย์ที่สอนธรรมะว่าสอนได้ตลกดี ถ้าอาจารย์คนนั้นไปจดจำเรื่องราว
ของพวกตลกคาเฟ่ แสดงตลกอยู่ตามที่อโคจร ไอ้คำกล่าวของคุณที่ว่าตลก
มันก็จะกลายเป็นคำหยาบของผู้ฟังทันทีครับ


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 02 พ.ค. 2011, 09:11 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 13 ก.พ. 2010, 17:53
โพสต์: 4999

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


deecup เขียน:
ผมถึงบอกไง ว่ามันอยู่ที่เจตนา เหมือนคำว่า HEE คนคิดคำนี้คนแรก ในตอนนั้นมันอาจไม่หยาบ แต่คนเอาใช้ด่าทอกัน จากนั้นก็กลายเป็นคนหยาบ แล้วก็เปลี่ยนจาก HEE เรียกไหม่เป็นอัยวะเพศหญิง แล้วถ้าคนบอกว่าหยาบอีก ก็ปรุงแต่งคำไปอีก ว่าเป็น ทวารเบาหญิง สรุปแล้วมันก็คือ คำเดียวกันหมด แล้วอยู่ที่ว่าคนนั้นจะใช้คำนี้ไปทางใหน

คุณเข้าใจถึงคำว่า"เจตนา"ดีแค่ไหน ผมพูดถึงมูลเหตุของการกระทำให้ฟังแต่แรก
คุณยังไม่เข้าใจเลย ดันเอาคำว่าเจตนามาตอกย้ำปัญญาตัวเองให้อ่อนด้อยปอีก

จะบอกให้ จะได้เอาไปสำเหนียกครับว่า เจตนาคือการตั้งใจทำอะไรสักอย่าง ให้สำร็จผล
และเจตนามันต้องมีเหตุชักจูงใจ ให้กระทำอย่างนั้นครับ คำมันจะหยาบไม่หยาบเขาดูกันที่เจตนา
ถูกแล้วครับ ก็ไอ้ตัวเจตนานี้แหล่ะมันมีมูลเหตุชักจูง ที่ชี้ให้รู้ว่าหยาบหรือไม่หยาบ

แล้วเราจะรู้ได้อย่างไรว่าเจตนาไม่เจตนาจะพูดคำหยาบ
มันก็ต้องดูจากความเป็นตามธรรมชาติ อย่างเช่นพูดว่า
ผู้หญิงมีอวัยวะเพศที่เรียกว่า h.. อันนี้ไม่หยาบครับ
แต่ถ้าพูดว่าผู้ชายคนนั้นหน้าเหมือนh..นี้แหล่ะหยาบ เพราะมันผิดหลักความจริง
มันก็เหมือนกับพระไปเทียวพูดบอกว่า โคตรพ่อ โคตรแม่มัน อันนี้ก็หยาบ
เพราะพ่อแม่ของอีกฝ่ายไม่ได้มายุ่งเกี่ยวด้วย


deecup เขียน:
เหมือนคำว่าควายอะ หยาบมะ แต่พอคนเอาไปใช้ด่าคนอื่นมากๆเข้า ก็เหมือนโดนจิตวิทยาหมู่ว่าเป็นคำหยาบ แล้วก็ปรุงแต่งคำไปอีกตามกิเลสมันชอบ ว่าเป็นกระบือ แล้วพอกิเลสถูไถอีกว่าเป็นคำหยาบ ก็ปรุงแต่งเป็นคำไหม่ว่า ฉงน
มันถูไถไปเรื่อยๆจริงๆ เอากิเลสจับอย่างเดียวเลย เอาให้มันถูกใจกิเลสในตนให้ได้ ว่างั้น

อันนี้มันก็เป็นประเด็นที่ผมตอบไปแล้ว แต่ที่ต้องแยกออกมาตอบ
ก็เพียงจะชี้ให้เห็นว่า บัญญัติที่ว่าปัญญามันเป็นอย่างไร ทำแบบไหนเรียกว่าปัญญา
และการทำแบบไหนเรียกว่า ไร้ปัญญา
การกระทำชนิดนกแก้วนกขุนทองเป็นแบบไหน
การฟังการอ่านโดยไม่ใช้ปัญญาคิดตามสภาพมันก็ออกมาดังที่เห็นนี้แล

ที่สำคัญการไปก็อปปี้ คำของคนอื่นมาโดยขาดความเข้าใจ
โดยหลงไปว่า คนอื่นจะมองว่าตัวเองมีความรู้มาก ผลมันก็เป็นแบบที่เห็น


deecup เขียน:
ถ้ายังไม่เข้าใจอีก ก็ตามใจ ระวังกลายเป็น เถรใบลานเปล่า ธรรมะนะถ้ามองผิวเผิน เขาก็สำเร็จกันไปหมดแล้ว มันมีตื้นลึก หนาบาง บางคนจกลงไปได้แค่นี้ก็ว่า ธรรมะมีแค่นี้

ตลกดีนี้ครับ มาพูดว่าคนอื่นไม่รู้ตื่น ลึกหนาบาง ผมเห็นคุณพูดเป็นนกแก้ว
นกขุนทองจับใจความไม่ได้ ยังมากล้าพูดอีกว่า คนอื่นไม่รู้ตื่นลึกหนาบาง

มาพูดอยู่ได้กับไอ้สมมุติบัญญัติ อาการของจิตเป็นอย่างไรยังไม่รู้เลย
แถมยังมีหน้ามาคนอื่นเป็นเถรใบลานเปล่า มันน่าหัวร่อครับ :b13:


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 02 พ.ค. 2011, 18:38 
 
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 5
สมาชิก ระดับ 5
ลงทะเบียนเมื่อ: 30 ม.ค. 2011, 17:26
โพสต์: 353


 ข้อมูลส่วนตัว


จะบอกอะไรให้ครับ ถ้าคุณกำลังพิจารณาคำพูดของใครสักคนอยู่
คุณต้องไปพิจารณาคนที่พูดคำพูดนั้นๆครับ
ผมไม่รู้ว่าคุณไปศึกษาพระธรรมจากสำนักไหนครับ การพิจารณาธรรมของคุณ
ถึงได้กลับตาลปัตรอย่างนี้


เอางี้นะโฮ ถ้าจะกอดหลักการก็กอดไปนะ ผมถามสั้นๆหลวงตาบัวท่านพูดถึงอวัยะเพศหญิง ว่า HEE หยาบไหม ?


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 02 พ.ค. 2011, 18:45 
 
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 5
สมาชิก ระดับ 5
ลงทะเบียนเมื่อ: 30 ม.ค. 2011, 17:26
โพสต์: 353


 ข้อมูลส่วนตัว


โฮ พูดว่า พระไปพูด โครตพ่อ โครตแม่มัน = ว่าหยาบ

แต่หลวงตาบัวท่านเคยเทศน์ บทนึง เทศน์ไปถึง โครตพ่อ โครตแม่ ด้วยนะ โฮ


1. ดูไม่ได้นะแต่งเนื้อแต่งตัวมานี่ อย่าเข้ามา เข้ามาแบบนี้ แบบศีลแบบธรรมมีทำไมไม่มาศึกษา เอามาทำไมพวกเปรตพวกผี พวกนรกอเวจี พวกส้วมพวกถาน แต่งจิ๊กโก๋จิ๊กเก๋มาอวดกัน กิเลสส้วมถานมันของวิเศษอะไร แต่งนี้แต่งแบบส้วมแบบถาน แบบสกปรกโสมม จิตใจมันเลวจิตใจมันต่ำทราม หาความดิบความดีมีวี่แววประจำใจไม่มีเลย กิริยาจึงดูไม่ได้เข้าใจไหมล่ะ มันเป็นอย่างนั้นนะเวลานี้ เพราะฉะนั้นเราจึงบอก อย่าเอามานะ อย่าเอาอะไรมาให้หลวงตาบัวกิน แต่งตัวแบบนี้มา จะเอามาอวดหลวงตาบัว กูจะฟาดใส่โคตรพ่อโคตรแม่มึง ใส่หน้าผากมันเข้าใจไหมล่ะ กูไม่กินกูไม่ตาย อดกูก็อดได้สบายเลย เคยอดเคยอิ่มมา ขอให้ธรรมชุ่มใจ อย่าได้อิ่มด้วยมูม ๆ มาม ๆ แบบส้วมแบบถานอย่างนี้เลย

http://board.palungjit.com/f8/%E0%B8%AB ... 77842.html


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 03 พ.ค. 2011, 01:12 
 
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 4
สมาชิก ระดับ 4
ลงทะเบียนเมื่อ: 11 มี.ค. 2011, 11:05
โพสต์: 223


 ข้อมูลส่วนตัว


:b8: ขอบคุณท่านเจ้าของกระทู้ครับ
ที่ทำให้ผมได้เข้าไปดูก่อนที่คลิปเหล่านั้นจะถูกลบ
ผมดูตั้งแต่แรกจนเกือบร้อยคลิปในคืนนั้น

ผมเห็นทุกข์ของพวกเขาเหล่านั้น บางคนบอกว่าไปรักษาที่ไหนก็ไม่หายจึงมา
เห็นเมตตาจิตของแม่ชี
ทำให้หันกลับมาสำรวจตนเอง ทำให้สำนึกและระวังมากขึ้น

ขอบคุณแม่ชี ธรรมรักษาครับ :b8:


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 03 พ.ค. 2011, 03:42 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 13 ก.พ. 2010, 17:53
โพสต์: 4999

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


deecup เขียน:
จะบอกอะไรให้ครับ ถ้าคุณกำลังพิจารณาคำพูดของใครสักคนอยู่
คุณต้องไปพิจารณาคนที่พูดคำพูดนั้นๆครับ
ผมไม่รู้ว่าคุณไปศึกษาพระธรรมจากสำนักไหนครับ การพิจารณาธรรมของคุณ
ถึงได้กลับตาลปัตรอย่างนี้


เอางี้นะโฮ ถ้าจะกอดหลักการก็กอดไปนะ ผมถามสั้นๆหลวงตาบัวท่านพูดถึงอวัยะเพศหญิง ว่า HEE หยาบไหม ?

มันจะหลักการ หลักกูอะไร เรี่องง่ายแค่นี้ยังไม่เข้า ถามจริงรู้จักคำว่า "กรรมใครกรรมมัน" มั้ย
ใครกำลังแสดงอาการทางกาย เราก็ต้องไปดูอาการทางจิตของคนนั้นซิ

มันตลกมั้ยล่ะ จะพิจารณาคำพูดคนว่า หยาบไม่หยาบ
คุณดันมาพิจารณาคนฟัง มันต้องพิจารณาที่คนพูดถึงจะถูก
ผมว่าสมองคุณกลับซีกกันแน่ๆ


ส่วนประโยคสุดท้ายของคุณ ผมว่าได้อธิบายไปแล้วนะ
พูดอีกครั้งก็ได้ ไม่ว่าจะหลวงตาหรือปุถุชนอุจจาระเหม็นแบบผม
ถ้ามีอาการของจิตตามที่ผมได้อธิบายไป มันหยาบ

คุณจขกทครับ ขอร้องทำตัวให้เป็นชาวพุทธที่ดีหน่อย
คุณคิดว่า การกระทำของคุณมันดี มันแน่แล้วหรือ
อย่าทำตัวเป็น มาเฟียที่อาศัยบารมีคนอื่นเลยครับ
ดูแล้วมันไร้ค่าไร้ราคา คุณรู้หรือเปล่าว่ากำลังเป็นเด็กวัยรุ่นที่
ชอบกร่าง พอมีเรื่องกับชาวบ้านก็จะบอกว่า"เอ็งรู้มั้ย ข้าลูกใคร"

ถ้าไม่เข้าใจจะบอกให้ครับว่า การที่คุณเอาหลวงตาบัวมาอ้าง
คุณคิดว่ามันจะเป็นผลดีกลับหลวงตาหรือ
ก็รู้ๆอยู่ว่ากำลังเถียงกับคนอื่นอยู่ นี่กะเอาหลวงตาเป็นโล่กำบัง
ชะโงกหน้ามาด่าที่ไปหลบหลังหลวงตาที ลูกผู้ชายจริงๆครับ


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 03 พ.ค. 2011, 04:11 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 13 ก.พ. 2010, 17:53
โพสต์: 4999

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


deecup เขียน:
โฮ พูดว่า พระไปพูด โครตพ่อ โครตแม่มัน = ว่าหยาบ
แต่หลวงตาบัวท่านเคยเทศน์ บทนึง เทศน์ไปถึง โครตพ่อ โครตแม่ ด้วยนะ โฮ

แล้วยังไงจะใครพูด ใครฟังมันแปลกตรงไหน ถามจริงโดนคุณทักษาสวนไป
ยังไม่รู้สึกรู้สาอีกหรือครับ สมัยนี้แหล่ะน้า ลูกมันชอบทำตัวเกเร ชอบทำความเสื่อมเสียไปถึงพ่อ
แบบนี้ยังพอทำเนา แต่ไอ้ประเภททำผิดแล้วอ้าง พ่อสั่งให้ทำนี่ซิมันน่าประชาฑัณจริงๆ

ถามหน่อยที่คุณอ้างหลวงตามาเนี้ย คุณกำลังจะสื่อว่า
ทุกอย่างที่คุณทำ ถ้าชาวบ้านเขามองว่าไม่ดีมันผิด
คุณจะบอกว่าไม่ผิดเพราะ หลวงตาก็ทำใช่มั้ย


ไม่รู้จะสรรหาคำอะไรมาประนามคุณดี ปัญญาไม่มีก็ต้องอยู่เฉยๆ
อย่าดึงครูบาอาจารย์ลงมาแปดเปื้อน กะอีแค่อยากโชว์เพาว์

ผมว่าจะอธิบายในสิ่งที่คุณอ้าง เพื่อคุณจะได้ฉลาดขึ้น
แต่ผมมาเปลี่ยนใจ ก็เพราะคุณไปดึงเอาครูบาอาจารย์ลงมาเกลือกกลั้ว
เล่นใส่ชื่อหลวงตาบัวซะหรา ผมเกรงใจลูกศิษย์ดีๆของหลวงตาครับ


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 03 พ.ค. 2011, 08:27 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 ต.ค. 2006, 12:36
โพสต์: 33766

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


5 พฤษภาคม 2554 เชิญร่วมงานกับแม่ชีทศพร ที่วัดพิชยญาติการาม กรุงเทพฯ

http://www.alittlebuddha.com/

.....................................................
https://dhammachati.blogspot.com/


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 03 พ.ค. 2011, 08:50 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 5
สมาชิก ระดับ 5
ลงทะเบียนเมื่อ: 08 เม.ย. 2011, 01:57
โพสต์: 324

แนวปฏิบัติ: อริยสัจ4
อายุ: 27
ที่อยู่: USA

 ข้อมูลส่วนตัว


ขอรับแนวคิดของคุณชาติสยามไปพิจารณาต่อครับ :b41:

.....................................................
ทุกสิ่งที่เกิดขึ้นคือความจริง การฝืนความจริงทำให้เกิดทุกข์ การเห็นและยอมตามความจริงทำให้หายทุกข์

คนที่รู้ธรรมะ มักจะชอบเอาชนะผู้อื่น แต่คนเข้าใจธรรมะ มักจะเอาชนะใจตนเอง

สัพเพ ธัมมา อะนัตตาติ ยะทา ปัญญายะ ปัสสะติ
เมื่อใดบุคคลเห็นด้วยปัญญาว่า, ธรรมทั้งปวงเป็นอนัตตา

อะถะ นิพพินทะติ ทุกเข เอสะ มัคโค วิสุทธิยา
เมื่อนั้น ย่อมเหนื่อยหน่ายในสิ่งที่เป็นทุกข์ ที่ตนหลง,
นั่นแหละเป็นทางแห่งพระนิพพานอันเป็นธรรมหมดจด

.....ติลักขณาทิคาถา.....


แสดงโพสต์จาก:  เรียงตาม  
กระทู้นี้ถูกล็อก คุณไม่สามารถแก้ไขข้อความ หรือ ตอบกลับในกระทู้นี้  [ 54 โพสต์ ]  ไปที่หน้า ย้อนกลับ  1, 2, 3, 4

เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง


 ผู้ใช้งานขณะนี้

่กำลังดูบอร์ดนี้: ไม่มีสมาชิก และ บุคคลทั่วไป 1 ท่าน


ท่าน ไม่สามารถ โพสต์กระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ตอบกระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แก้ไขโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ลบโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แนบไฟล์ในบอร์ดนี้ได้

ค้นหาสำหรับ:
ไปที่:  
Google
ทั่วไป เว็บธรรมจักร