วันเวลาปัจจุบัน 26 ก.ค. 2025, 08:55  



เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง




กลับไปยังกระทู้  [ 55 โพสต์ ]  ไปที่หน้า ย้อนกลับ  1, 2, 3, 4  Bookmark and Share
เจ้าของ ข้อความ
โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 30 ม.ค. 2012, 21:17 
 
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 03 ธ.ค. 2011, 21:40
โพสต์: 952


 ข้อมูลส่วนตัว


เช่นนั้น เขียน:
ฝึกจิต เขียน:
ขอความกรุณาผู้รู้ทุกท่านแนะนำหน่อยครับ
ที่ว่า จิตก็ไม่ใช่เรา คือยังไง งง (จิตก็เป็นอนัตตา พอจะเข้าใจ) แล้วเราเป็นอะไร หรือถ้าใครบอกว่า เราเป็นสภาวธรรม ช่วยอธิบายต่อด้วยนะครับ
และอีก1คำถาม แล้วจิต เกิดจากอะไรครับ หลวงปูดุลย์บอกว่าเกิดจาก รูป และนาม แต่ผมไม่เข้าใจ
ขอบพระคุณครับ


สวัสดี "ฝีกจิต"

ธาตุ ที่มีอย่างหนึ่ง เป็นธรรมชาติ ที่ รู้ ....มีสมมติบัญญัติเรียกกันว่า มโนวิญญาณธาตุ หรือ สมัยนี้เรียกกันว่า "จิต"

ธรรมชาติที่รู้ นั้นจะปรากฏ เมื่อมีวัตถุ หรือสิ่งที่รู้ ...ก็มีสมมติบัญญัติเรียกว่า อารมณ์

จึงมีการสอนกันให้เข้าใจว่า "จิต เป็นธรรมชาติรู้อารมณ์"

ธรรมชาติ ที่รู้ นี้มีอาการรู้ มากมาย เรียกง่ายๆ เป็น เวทนา สัญญา สังขาร

....."เรา" เกิดขึ้นได้อย่างไร...
เพราะธรรมชาติที่รู้นี้ ไปรู้ปรุง และเกิดความยึดเอา ถือเอาอารมณ์ขึ้นมา ภวะ หรือภพจึงเกิดขึ้นเป็นความมีเรา เป็นเรา และ(อารมณ์)ของเรา ขึ้นมา
ดังนั้น จิต กับ "เรา" จึงไม่เหมือนกัน และเราเรียกอาการของจิตที่รู้ปรุงแบบนี้ว่ามีอวิชชาเป็นปัจจัย

อารมณ์ ของจิต จึงเป็นได้ ทั้งรูป และหรือ ทั้งนาม....

หวังว่าคงเข้าใจ

เจริญธรรม

เริ่มกระจ่างแล้วครับ แต่ กรรมเก่าเข้ามาตอนไหนครับ กรรมเป็นตัวบอกว่าต้องเป็นคนหรือสัตว์ใช่มั้ย ตายแล้วเหลือจิตที่ปรุงแต่งอีกใช่มั้ย กรรมมามีผลต่อจิตที่เหลือจากการตายได้อย่างไร และหากเราปล่อยวางได้ทุกสรรพสิ่ง ก็จะเหลือจิต ที่เป็นสภาพอย่างไรครับ จิตที่ว่างๆหรือป่าวครับ ที่ไปนิพพาน

ผมกำลังวนรอบวัฎจักร ว่าเส้นทางเป็นเช่นไรครับ
ขอบคุณความรู้อันนี้มากครับ :b8:


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 30 ม.ค. 2012, 22:08 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 14 ก.ค. 2008, 21:56
โพสต์: 3925

ชื่อเล่น: เช่นนั้น
อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


ฝึกจิต เขียน:
เริ่มกระจ่างแล้วครับ แต่ กรรมเก่าเข้ามาตอนไหนครับ กรรมเป็นตัวบอกว่าต้องเป็นคนหรือสัตว์ใช่มั้ย ตายแล้วเหลือจิตที่ปรุงแต่งอีกใช่มั้ย กรรมมามีผลต่อจิตที่เหลือจากการตายได้อย่างไร และหากเราปล่อยวางได้ทุกสรรพสิ่ง ก็จะเหลือจิต ที่เป็นสภาพอย่างไรครับ จิตที่ว่างๆหรือป่าวครับ ที่ไปนิพพาน

ผมกำลังวนรอบวัฎจักร ว่าเส้นทางเป็นเช่นไรครับ
ขอบคุณความรู้อันนี้มากครับ :b8:

สัตว์นรก เปรต คน เทวดา มาร พรหม .....ทั้งหมดนี้ เรียกว่า "สัตว์" แม้พระพุทธองค์ก่อนตรัสรู้ ก็ยังเรียกว่า "สัตว์" เพราะ "สัตว์" ยังมีเหตุปัจจัยอยู่จึง ติดข้องอยู่ในภพ การติดข้องอยู่อย่างนี้ เรียกว่า วัฏฏะ
ไม่เรียกว่า "จิต" มีการมาการไป มีแต่สัตว์ คือผู้ที่ยังมีเหตุปัจจัยประกอบอยู่จึงมีการมาการไป

สัตว์ที่มีการมาการไป ในวัฏฏะสงสาร มีวิบากกรรมแห่งกรรม ติดตัวไป คืออายตนะ 6 ครบบ้างไม่ครบบ้าง สมบูรณ์บ้างไม่สมบูรณ์บ้าง ดีบ้าง เลวบ้าง ก็สืบจาก เหตุที่ได้กระทำไว้ ซึ่งก็คือกรรม

กรรม เริ่มจากเจตนาที่ประกอบกรรม กรรมดีก็ตาม กรรมชั่วก็ตาม เริ่มจากเจตนาทั้งสิ้น และให้ผลเป็นวิบากกรรมทั้งหลายทั้งปวง อันแต่งสัตว์ นั้นให้ไป....ซึ่งวิบากแห่งกรรม จะปรากฏตามกาล ใกล้บ้าง ไกลบ้าง หรือปัจจุบันบ้าง หรือในเวลาถัดออกไปอีกบ้าง ...สัตว์ นั้นจะปรากฏเป็นคนดีมียศ เป็นสัตว์นรก เป็นเทวดา
เป็นพรหม ก็แล้วแต่กาลที่วิบากจะปรากฏ

เมื่อ "ฝีกจิต" ตั้งความปราถนา ที่จะบรรลุซึ่งนิพพาน จึงต้องดับกรรมให้ได้ เพื่อไม่ให้มีวิบากกรรมต่อไป
นั่นคือดับเหตุปัจจัยทั้งหลายอันจะทำให้ข้องกับภพ หรือวัฏฏะสงสาร
สภาพความเป็นสัตว์ ก็จะสิ้นสุดลง ธาตุรู้ ก็จะหยุดปรุงแต่ง ไม่มีการมาไม่มีการไป ในภพไหนๆ เพราะความสิ้นเหตุปัจจัย

มรรคมีองค์แปดเท่านั้น ที่จะเป็นเส้นทางสู่ความดับแห่งกรรม

เจริญธรรม

.....................................................
ธรรมะอันยิ่งใหญ่ ไม่อาจเอื้อนเอ่ย
บัญญัติ เป็นเพียงสิ่งต่ำต้อยแบกรับความยิ่งใหญ่


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 30 ม.ค. 2012, 22:42 
 
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 03 ธ.ค. 2011, 21:40
โพสต์: 952


 ข้อมูลส่วนตัว


เช่นนั้น เขียน:
ฝึกจิต เขียน:
เริ่มกระจ่างแล้วครับ แต่ กรรมเก่าเข้ามาตอนไหนครับ กรรมเป็นตัวบอกว่าต้องเป็นคนหรือสัตว์ใช่มั้ย ตายแล้วเหลือจิตที่ปรุงแต่งอีกใช่มั้ย กรรมมามีผลต่อจิตที่เหลือจากการตายได้อย่างไร และหากเราปล่อยวางได้ทุกสรรพสิ่ง ก็จะเหลือจิต ที่เป็นสภาพอย่างไรครับ จิตที่ว่างๆหรือป่าวครับ ที่ไปนิพพาน

ผมกำลังวนรอบวัฎจักร ว่าเส้นทางเป็นเช่นไรครับ
ขอบคุณความรู้อันนี้มากครับ :b8:

สัตว์นรก เปรต คน เทวดา มาร พรหม .....ทั้งหมดนี้ เรียกว่า "สัตว์" แม้พระพุทธองค์ก่อนตรัสรู้ ก็ยังเรียกว่า "สัตว์" เพราะ "สัตว์" ยังมีเหตุปัจจัยอยู่จึง ติดข้องอยู่ในภพ การติดข้องอยู่อย่างนี้ เรียกว่า วัฏฏะ
ไม่เรียกว่า "จิต" มีการมาการไป มีแต่สัตว์ คือผู้ที่ยังมีเหตุปัจจัยประกอบอยู่จึงมีการมาการไป

สัตว์ที่มีการมาการไป ในวัฏฏะสงสาร มีวิบากกรรมแห่งกรรม ติดตัวไป คืออายตนะ 6 ครบบ้างไม่ครบบ้าง สมบูรณ์บ้างไม่สมบูรณ์บ้าง ดีบ้าง เลวบ้าง ก็สืบจาก เหตุที่ได้กระทำไว้ ซึ่งก็คือกรรม

กรรม เริ่มจากเจตนาที่ประกอบกรรม กรรมดีก็ตาม กรรมชั่วก็ตาม เริ่มจากเจตนาทั้งสิ้น และให้ผลเป็นวิบากกรรมทั้งหลายทั้งปวง อันแต่งสัตว์ นั้นให้ไป....ซึ่งวิบากแห่งกรรม จะปรากฏตามกาล ใกล้บ้าง ไกลบ้าง หรือปัจจุบันบ้าง หรือในเวลาถัดออกไปอีกบ้าง ...สัตว์ นั้นจะปรากฏเป็นคนดีมียศ เป็นสัตว์นรก เป็นเทวดา
เป็นพรหม ก็แล้วแต่กาลที่วิบากจะปรากฏ

เมื่อ "ฝีกจิต" ตั้งความปราถนา ที่จะบรรลุซึ่งนิพพาน จึงต้องดับกรรมให้ได้ เพื่อไม่ให้มีวิบากกรรมต่อไป
นั่นคือดับเหตุปัจจัยทั้งหลายอันจะทำให้ข้องกับภพ หรือวัฏฏะสงสาร
สภาพความเป็นสัตว์ ก็จะสิ้นสุดลง ธาตุรู้ ก็จะหยุดปรุงแต่ง ไม่มีการมาไม่มีการไป ในภพไหนๆ เพราะความสิ้นเหตุปัจจัย

มรรคมีองค์แปดเท่านั้น ที่จะเป็นเส้นทางสู่ความดับแห่งกรรม

เจริญธรรม

:b8:


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 31 ม.ค. 2012, 01:00 
 
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 03 ธ.ค. 2011, 21:40
โพสต์: 952


 ข้อมูลส่วนตัว


เช่นนั้น เขียน:
ฝึกจิต เขียน:
ขอความกรุณาผู้รู้ทุกท่านแนะนำหน่อยครับ
ที่ว่า จิตก็ไม่ใช่เรา คือยังไง งง (จิตก็เป็นอนัตตา พอจะเข้าใจ) แล้วเราเป็นอะไร หรือถ้าใครบอกว่า เราเป็นสภาวธรรม ช่วยอธิบายต่อด้วยนะครับ
และอีก1คำถาม แล้วจิต เกิดจากอะไรครับ หลวงปูดุลย์บอกว่าเกิดจาก รูป และนาม แต่ผมไม่เข้าใจ
ขอบพระคุณครับ


สวัสดี "ฝีกจิต"

ธาตุ ที่มีอย่างหนึ่ง เป็นธรรมชาติ ที่ รู้ ....มีสมมติบัญญัติเรียกกันว่า มโนวิญญาณธาตุ หรือ สมัยนี้เรียกกันว่า "จิต"

ธรรมชาติที่รู้ นั้นจะปรากฏ เมื่อมีวัตถุ หรือสิ่งที่รู้ ...ก็มีสมมติบัญญัติเรียกว่า อารมณ์

จึงมีการสอนกันให้เข้าใจว่า "จิต เป็นธรรมชาติรู้อารมณ์"

ธรรมชาติ ที่รู้ นี้มีอาการรู้ มากมาย เรียกง่ายๆ เป็น เวทนา สัญญา สังขาร

....."เรา" เกิดขึ้นได้อย่างไร...
เพราะธรรมชาติที่รู้นี้ ไปรู้ปรุง และเกิดความยึดเอา ถือเอาอารมณ์ขึ้นมา ภวะ หรือภพจึงเกิดขึ้นเป็นความมีเรา เป็นเรา และ(อารมณ์)ของเรา ขึ้นมา
ดังนั้น จิต กับ "เรา" จึงไม่เหมือนกัน และเราเรียกอาการของจิตที่รู้ปรุงแบบนี้ว่ามีอวิชชาเป็นปัจจัย

อารมณ์ ของจิต จึงเป็นได้ ทั้งรูป และหรือ ทั้งนาม....

หวังว่าคงเข้าใจ

เจริญธรรม



วันนี้ได้สนทนาธรรมกับเพือนสนิทผม ที่ปฎิบัติ ทางสาย หลวงพ่อฤษีลิงดำมาพักใหญ่แล้ว ถึงเรื่องนี้ ท่านตอบคำถามนี้เป็นทิศทางเดียวกันกับท่านเลย และผมก็ลองพิจารณาตามสาย ปฏิจจสมุปบาท แล้วก็เป็นทิศทางเดียวกัน

หวังว่าท่านจะมาตอบคำถามในกระทู่้ต่างๆบ่อยๆนะครับท่าน
:b8:


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 01 ก.พ. 2012, 07:42 
 
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 5
สมาชิก ระดับ 5
ลงทะเบียนเมื่อ: 28 ธ.ค. 2011, 16:32
โพสต์: 324


 ข้อมูลส่วนตัว


ฝึกจิต เขียน:
ขอความกรุณาผู้รู้ทุกท่านแนะนำหน่อยครับ
ที่ว่า จิตก็ไม่ใช่เรา คือยังไง งง (จิตก็เป็นอนัตตา พอจะเข้าใจ) แล้วเราเป็นอะไร หรือถ้าใครบอกว่า เราเป็นสภาวธรรม ช่วยอธิบายต่อด้วยนะครับ
และอีก1คำถาม แล้วจิต เกิดจากอะไรครับ หลวงปูดุลย์บอกว่าเกิดจาก รูป และนาม แต่ผมไม่เข้าใจ

ขอบพระคุณครับ

สวัสดีครับพี่ฝึกจิต :b8:
ที่เราไม่เข้าใจนั้นถูกต้องแล้วครับ เพราะเรายังเข้าไปไม่ถึงมันยังไม่เห็นความรู้อันนั้น เพราะบุคคลที่รู้เห็นเข้าใจเรื่องนี้มีอยู่ประเภทเดียวครับ คือ พระอรหันต์
ขอบคุณครับ :b8:


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 01 ก.พ. 2012, 16:20 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 29 ต.ค. 2009, 15:06
โพสต์: 7520

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


tongue
ฝึกจิต เขียน:
ขอความกรุณาผู้รู้ทุกท่านแนะนำหน่อยครับ
ที่ว่า จิตก็ไม่ใช่เรา คือยังไง งง (จิตก็เป็นอนัตตา พอจะเข้าใจ) แล้วเราเป็นอะไร หรือถ้าใครบอกว่า เราเป็นสภาวธรรม ช่วยอธิบายต่อด้วยนะครับ
และอีก1คำถาม แล้วจิต เกิดจากอะไรครับ หลวงปูดุลย์บอกว่าเกิดจาก รูป และนาม แต่ผมไม่เข้าใจ
ขอบพระคุณครับ

:b8:
...ขอตอบเกี่ยวกับเราเป็นสภาวธรรมตามความเข้าใจของข้าพเจ้าค่ะ...
...ก็เราอย่างเช่นตัวข้าพเจ้าคือมนุษย์หรือคน 1 คนที่มีชีวิตประกอบด้วยร่างกายและจิตใจ...
...ถ้านึกคิดถึงตัวเราที่มีร่างกายและจิตใจตามหลักพระธรรมคำสอนของพระบรมศาสดา...
...ก็คือเป็นสภาวธรรมอันหนึ่งเทียบได้ว่า ร่างกายคือกายเป็นรูปธรรมที่มีตัวตนจับแตะต้องมองเห็นได้...
...จิตใจคือจิตเป็นนามธรรมที่เราไม่สามารถจะไปจับแตะต้องได้เพราะไม่มีรูปร่าง แต่รู้สึกนึกคิดได้...
...กายเป็นเพียงธาตุ4(ดิน น้ำ ลม ไฟ)มารวมตัวกันเป็นร่างกายที่มีอวัยวะต่างๆทำหน้าที่คงสภาพกาย...
...จิตเป็นอารมณ์ความรู้สึกนึกคิดเป็นสภาวธรรมของเวทนา สัญญา สังขาร วิญญาณ...
...มนุษย์เป็นสภาวธรรมที่เป็นองค์ประชุมของธาตุ4+ขันธ์5ค่ะ...
:b44: :b44:
:b55:


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 01 ก.พ. 2012, 16:31 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 29 ต.ค. 2009, 15:06
โพสต์: 7520

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


s002
...ในวันหนึ่งหนึ่งเราอยู่กับสภาวธรรมตลอดเวลาแต่ก็ไม่สามารถรู้ได้...
...เพราะเห็นภาพก็เป็นตัวเราเห็น ได้ยินเสียงก็คือตัวเราได้ยิน...
...ได้กลิ่น ลิ้มรส รับสัมผัสเย็น ร้อน อ่อน แข็ง ตึง ไหว...
...มีสุข-มีทุกข์ก็มีแต่เรารับรู้เพราะยังคิดและเข้าไม่ถึงสภาวธรรม...
...เมื่อไหร่ที่เห็นก็แปลความหมายสิ่งที่เห็นทันทีว่าเป็นคนชื่อนั้น...
...เป็นสัตว์ที่เรียกว่าหมู แมว ฯลฯ เป็นสิ่งของที่เรียกว่า ทีวี ตู้เย็น ฯลฯ...
...ทุกสิ่งทุกอย่างตั้งต้นที่ตัวเราเป็นศูนย์กลางแต่ส่งออกไปรับรู้ภายนอก...
...ซึ่งพระพุทธเจ้าสอนว่าให้ละความเป็นเราด้วยการปฏิบัติกรรมฐาน...
...ก็คือลดการส่งจิตออกไปรับรู้ภายนอก ให้ตรวจดูภายในจิตตนเอง...
...จะพบทุกสิ่งทุกอย่างที่พระพุทธเจ้าทรงบัญญัติไว้เป็นคำสอนในกายเราเอง...
...ทุกขณะในชีวิตประจำวันเป็นสภาวธรรมเกิดทางตา ทางหู ทางจมูก ทางลิ้น ทางกาย ทางใจ...
...เป็นสภาวะของจิตท่องเที่ยวผ่านทางอายตนะหกตามภพภูมิที่จิตแต่ละดวงเสวยชาติ ณ ปัจจุบัน...
:b8: :b8:
:b36:


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 01 ก.พ. 2012, 17:18 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 29 ต.ค. 2009, 15:06
โพสต์: 7520

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


onion
...ลองไปดูแผนผังภพภูมิดูนะคะ...จะแบ่งเป็น 3 โลก...
...สภาวธรรมของจิตท่องเที่ยวตามภพภูมิต่างๆทั้ง 31 ภพภูมินั้น...
...เป็นสภาพบีบคั้นจิตใจให้เสวยสุข-ทุกข์ไปตามกรรมที่ได้ทำไว้แล้ว...
...เมื่อจิตหมดอายุตามภพภูมิต่างๆ จะมีการเคลื่อนออกจากภพภูมิเดิมก็เรียกว่าตาย...
...เคลื่อนไปสู่ภพภูมิใหม่ก็เรียกว่าเกิด...เกิดใหม่ตามสิ่งที่ทำไว้ในภพภูมิเดิมเดิม...
...ซึ่งพระพุทธเจ้ามีการเสวยชาติตามภพต่างๆมายาวนาน...เป็นอเนกชาติ...คือนับชาติไม่ได้...
:b8: :b8: :b8:
:b20:


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 01 ก.พ. 2012, 23:05 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 10 พ.ย. 2009, 10:41
โพสต์: 4463

อายุ: 0
ที่อยู่: วัฏสงสาร

 ข้อมูลส่วนตัว


วิสุทธิสัตว์


ควรเรียนรู้เพิ่มเติมเกี่ยวกับ ......ปุญญาภิสังขาร อปุญญาภิสังขาร อาเนญชาภิสังขาร และภพภูมิต่างๆ


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 01 ก.พ. 2012, 23:49 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 10 พ.ย. 2009, 10:41
โพสต์: 4463

อายุ: 0
ที่อยู่: วัฏสงสาร

 ข้อมูลส่วนตัว




images.jpg
images.jpg [ 15.28 KiB | เปิดดู 2464 ครั้ง ]
ถ้าตายแล้วเรื่องจบ มันก็ดี ถ้าบรรลุแล้วเรื่องจบไปจริงๆก็ดี แต่....ความจริงหาเป็นเช่นนั้น(ไม่ได้หมายถึงคุณเช่นนั้น)ไม่!

[youtube]http://www.youtube.com/watch?v=QUpWCRadIIA&feature=watch_response[/youtube]
แสดงโพสต์จาก:  เรียงตาม  
กลับไปยังกระทู้  [ 55 โพสต์ ]  ไปที่หน้า ย้อนกลับ  1, 2, 3, 4

เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง


 ผู้ใช้งานขณะนี้

่กำลังดูบอร์ดนี้: ไม่มีสมาชิก และ บุคคลทั่วไป 1 ท่าน


ท่าน ไม่สามารถ โพสต์กระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ตอบกระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แก้ไขโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ลบโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แนบไฟล์ในบอร์ดนี้ได้

ค้นหาสำหรับ:
ไปที่:  
Google
ทั่วไป เว็บธรรมจักร