วันเวลาปัจจุบัน 18 ก.ค. 2025, 15:55  



เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง




กลับไปยังกระทู้  [ 131 โพสต์ ]  ไปที่หน้า ย้อนกลับ  1, 2, 3, 4, 5, 6, 7 ... 9  ต่อไป  Bookmark and Share
เจ้าของ ข้อความ
โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 03 ก.พ. 2012, 21:41 
 
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 3
สมาชิก ระดับ 3
ลงทะเบียนเมื่อ: 25 ม.ค. 2012, 16:35
โพสต์: 110


 ข้อมูลส่วนตัว


murano เขียน:
เป็นภาวะ อรูปฌาณ หรือเปล่านะ

อวกาศคือ ความมืด ใช่ปะ แล้วก่อนหน้านี้ มันมืดมาตลอดหรือเปล่า แต่ยังไงก็เห็นจะไม่ใช่สมถะเพียวๆ

ในเวลาปกติที่ไม่ได้เข้าสมาธิ มีอาการ เกิดอารมณ์ยาก ไหม คือมีการวางเฉยจนเป็นปกติ ไม่ค่อยโกรธ หงุดหงิด รำคาญ สงสาร เมตตา หรืออารมณ์อื่นๆ ...

ในเวลาที่อยู่เฉยๆ ไม่ได้ทำอะไร จะอยู่นิ่งๆ แบบไม่คิดอะไรหรือเปล่า

ในเวลาที่เข้าสมาธิจนกลายเป็น อวกาศ อยู่นั้น ลมหายใจยังอยู่ไหม หรือไม่เหลืออะไรเลย... ได้ยินเสียงหรือเปล่า

ความรู้สึกก่อนเข้าสมาธิ กับในขณะที่อยู่ในสมาธิ ต่างกันมากไหม...


ค่ะ เป็นความมืด ปกติ เมื่อไม่สามารถพิจารณากายได้แล้วก็จะหันไปพิจารณา ดูจิตในจืต เพิ่มขึ้นน่ะค่ะ
แต่เมื่อวาน มีเพื่อนนักธรรมแนะนำวิธีมา เลยลองทำตามท่านดู ก็เห็นเป็น ความมืด เหมือนท้องฟ้าที่ไม่มี
แสงดาว เงียบ ไม่มีเสียง นิ่ง แช่ ไม่ขยับเขยือน ไม่มีอะไรอยู่ในความมืด มีแต่ความว่างเปล่าค่ะ

อ้างคำพูด:
วิธีที่ฝึกค่อนข้างแปลกนะ onion onion onion

แก้ไขเพิ่มเติม: จริงๆ เราไม่ค่อยเห็นด้วยกับการฝึกแบบอสุภะ มันอาจเป็นวิธีหนึ่ง ที่จะเหมาะกับคนที่มีกามราคะสูงเกินกว่าปกติ (กามราคะ ไม่ได้แปลว่าเรื่องเพศอย่างเดียวนะ)
แต่มันก็เหมาะในขณะที่ยังติดใจในกามราคะอย่างรุนแรงเท่านั้น เมื่อกามราคะลดระดับลง ก็ควรจะหันไปใช้วิธีอื่นๆ ดีกว่า


ปกติไม่ว่าดิฉันจะเดินกรรมฐานแบบใด ดิฉันจะยึดหลัก สังโยชน์10 และบารมี 10 ไว้เป็นหลักในการเดินเสมอ

ค่ะ เมื่อดิฉันมาฝึกมหาสติ ดิฉันเห็นว่า ไม่ว่า ปฎิกูลบรรพ ธาตุบรรพ นวสี ต่างก็ฝึกเพื่อให้เห็นความเป็นจริง

ของร่างกายเพื่อลดกามฉันทะ ส่วนอสุภะ ก็เช่นเดียวกัน หลักใหญ่ของ อสุภะ ก็เพื่อลดการฉันทะเช่นกัน และ

กามฉันทะ ก็เป็น 1 ใน สังโยชน์ 10 ดิฉันเห็นว่าเป็นหมวดเดียวกัน เลยนำมาพิจารณาต่อเนื่องกันไปทีเดียวนะ

ค่ะ

อ้างคำพูด:
แก้ไขเพิ่มเติม 2: เอางี้ดีกว่า ไม่ต้องตอบก็ได้ ลองแบบนี้... ลองฝึกแบบ อานาปานสติ ดูความเคลื่อนไหวของลมหายใจและร่างกาย แล้วดูว่า มันจะเหลือเฉพาะช่วงอกหรือเปล่า (แต่ควรจะได้ยินเสียงครบถ้วนนะ)
ถ้าเหลือเฉพาะช่วงอก ก็ถือว่าเพียงพอกับวิปัสสนาญาณแล้ว ก็ฝึกไปเรื่อยๆ วันละสักครึ่งชั่วโมง จนถึงเวลาที่...
1. ความรู้สึกก่อนเข้าสมาธิ กับในขณะที่อยู่ในสมาธิ ไม่ต่างกัน
2. อารมณ์ในชีวิตปกติ ไม่ใช่อารมณ์ในภาวะ ทรงฌาณ

ถ้าได้ 2 อย่างนี้ ที่เหลือก็อยู่ที่เวลา ความเพียร และการได้อยู่ในที่ที่เหมาะสมต่อธรรม (สัปปายะ) เท่านั้น... การเข้าถึงโสดาปัตติผล ย่อมเป็นที่หวังได้


ดิฉันฝึกมหาสติแบบเดินเสมอค่ะ ขอบคุณนะค่ะ กับคำแนะนำและพรที่ให้ สาูธุ สาธุ ค่ะ :b8: :b8:


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 03 ก.พ. 2012, 22:34 
 
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 11 ต.ค. 2010, 12:11
โพสต์: 5019


 ข้อมูลส่วนตัว


:b53: :b53: :b53:


แก้ไขล่าสุดโดย eragon_joe เมื่อ 03 ก.พ. 2012, 22:53, แก้ไขแล้ว 2 ครั้ง.

โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 03 ก.พ. 2012, 22:37 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 9
สมาชิก ระดับ 9
ลงทะเบียนเมื่อ: 01 ก.ค. 2011, 22:53
โพสต์: 705

แนวปฏิบัติ: รู้สึกตัว
อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


ลูกพระป่า เขียน:
ชาวโลก เขียน:
ลูกพระป่า เขียน:
สวัสดีครับพี่ชาวโลก :b8:
**พิจารณาจากที่พี่กล่าวมาในผลการปฏิบัติของพี่นั้นอยู่สูงกว่าภูมิปัญญาที่ผมมีจึงไม่อาจกล่าวว่าผิดหรือถูกอะไรได้เต็มปากมากนัก แต่ก็พอทราบลักษณะอาการดังกล่าวจากคำบอกกล่าวของพระอาจารย์ท่านที่ได้สั่งสอนไว้ แต่ยังไงก็ไม่ขอแนะนำอะไรดีกว่าครับในเรื่องการแก้ไข แต่อยากถามว่าพี่เป็นคนพื้นเพที่ไหนครับหรอทำงานอยู่ที่ไหน เผื่อมีครูบาอาจารย์ที่อยู่ใกล้ๆที่ผมพอจะทราบ ผมจะได้แนะนำให้พี่ไปปรึกษาเพื่อขอหลักธรรมเพื่อนำไปปฏิบัติต่อหรือแก้ไขได้ครับ เพราะนักปฏิบัติเราจำเป็นอย่างยิ่งที่จะต้องมีครูบาอาจารย์ที่พึ่งได้เป็นสรณะด้วยนะครับ เพื่อเวลาอย่างนี้แหละครับ
ขอบคุณครับ :b8:


ดิฉันอยู่ภาคอิสานค่ะ.. :b1:

สวัสดีครับพี่ชาวโลก :b8:
ถ้าพี่อยู่อีสานก็ถือว่าดีมากๆเลยครับเพราะเป็นถิ่นที่มีครูบาอาจารย์ผู้สำเร็จด้วยชอบแล้วอยู่มากมาย แต่ถ้าจะให้เป็นเฉพาะเจาะจงผมขอแนะนำให้พี่ไปหาท่านแม่ชีจันดี ที่วัดป่าบ้านตาด จังหวัดอุดรธานีดูครับ ท่านเป็นน้องสาวของหลวงตามหาบัว ที่สำคัญท่านก็เป็นผู้สำเร็จด้วยชอบแล้วเหมือนกันครับ ผมเชื่อว่าถ้าพี่เข้าไปกราบขอธรรมปฏิบัติจากท่านแม่ชีจันดี พี่จะสามารถเดินหน้าต่อไปได้ครับ มีอาจารย์นำทางย่อมไปได้ไวขึ้นครับพี่
ขอบคุณครับ :b8:



ผมเห็นสอดคล้องกับความเห็นของคุณลูกพระป่าครับ การมีครูอาจารย์ที่ดี ย่อมทำให้ก้าวหน้ายิ่งท่านครูที่คุณลูกพระป่าแนะนำ น่าจะเป็นผู้รู้แจ้งเห็นจริงลองปรึกษาท่านดู เพราะจริตทางธรรมของคุณชาวโลกช่างโลดโผน มีพลัง น่าสนใจ

ส่วนจริตผมนั้นเหมาะกับการปฏิบัติแนวเจริญสติแบบเคลื่อนไหว เพราะจิตผมมีความฟุ้งมาก นั่งสมาธิได้ไม่นาน ยิ่งเจริญสติตอนทำงาน เห็นจิตเห็นธรรมชัดแจ้งมาก

:b12:

.....................................................
"ธรรมะเป็นปัจจัตตัง ต้องทำเอง รู้เอง เห็นเอง เข้าใจเอง"


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 03 ก.พ. 2012, 22:59 
 
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 25 เม.ย. 2009, 02:43
โพสต์: 12232


 ข้อมูลส่วนตัว


eragon_joe เขียน:
:b53: :b53: :b53:


เอกอน....เล่นกล...ซะแล้ว :b13: :b13:
อ่านได้แว๊บเดียว..เอง :b12:


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 04 ก.พ. 2012, 08:15 
 
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 18 ก.ย. 2011, 21:51
โพสต์: 4941


 ข้อมูลส่วนตัว


onion
วันนี้ดิฉันมาขอความช่วยเหลือค่ะ

เนื่องจากการตั้งหัวข้อ เกิดจากการที่ดิฉันรู้ผิดทำให้เดินทางธรรมผิด

เกิดผลให้การทำมหาสติของดิฉันชะงักงัน..เมื่อดิฉันเดินมหาสติได้สักพักนึง

ในการดู กาย เวทนา จิต ธรรม รวบย่อมาได้ที่ กายกับจิต

เมื่อดิฉันดูกายในกาย ได้สักพัก จิตเริ่มเห็นกายตามความเป็นจริง เห็นโทษของกาย

เห็น ความเกิดดับไปตามเป็นจริงของกาย เมื่อจิตเห็นแจ้งตามนั้นแล้ว จิตกลับบเพิกกายไป

ทำให้การทำมหาสติของดิฉันไม่สามารถเดินต่อไปได้ เนื่องจากว่า ไม่ว่าจะเริ่มดูกายเมื่อใด

ไม่นานจิตจะเพิกรูปของกายไปทุกที กลับกลายเป็นว่า ไปอยู่ใน ความว่างเปล่า
นิมิตที่เห็นในสมาธิคือ

อวกาศทุกครั้งและเมื่อเริ่มพิจารณากายก็จะไปจบที่อวกาศทุกครั้งไป..ลึกๆดิฉันรู้ว่าดิฉันเดินมหาสติผิด

เพราะถ้าตรงทางจะสามารถพิจารณากายได้เรื่อยๆไป ส่วนจิตนั้น ไม่มีปัญหาในการพิจารณา ดูจิตในจิต
เมื่อดิฉันได้เข้ามาในเวปลานธรรมนี้ ทำให้ดิฉันมีความรู้เพิ่มเติมมากมาก และเห็นได้ชัดว่า

ดิฉันเดินมหาสติผิดจริง หลายวันนี้ดิฉันได้ทบทวนในการเดินทางธรรมของดิฉันเองและ รู้ว่า เหตุเพราะดิฉันคิด

ผิดจึงทำให้การเดินทางธรรมผิดไป


วันนี้ดิฉันเลยมาขอความช่วยเหลือค่ะ..เพราะดิฉันไม่มั่นใจในตัวเองว่าคิดถูกไหม

ดิฉันอยากถามว่า การละขันธ์5 ในทางมหาสตินั้น คือละขันธ์5 แบบไหน

ละแบบเพิกขันธ์5 หรือ ละขันธ์5 คือ การวางเฉยต่อขันธ์5 ค่ะ

ละขันธ์5 แบบไหน ถูกต้องในมหาสติค่ะ.
:b27: :b16:
ขอความรู้ถูกต้อง สัมมาทิฐิและความเจริญในธรรมจงบังเกิดมีแก่ทุกๆท่าน

จากคำถามแลคำแนะนำทั้ง 4 หน้าที่ผ่านมา ล้วนมีคุณค่าจนน่าจะเกือบได้พบคำตอบแล้วนะครับ
ความจริงชื่อกระทู้ของคุณนั้นบอกสาเหตุสำคัญ แห่งความติดขัดในการเจริญธรรมได้ดีแล้ว

"รู้ถูกต้อง"สำคัญที่สุดดังหลวงปู่ท่านหนึ่งกล่าวอยู่เสมอว่า

รู้ถูกต้องจะทำให้ เห็นถูกต้อง(สัมมาทิฐิ)เห็นถูกต้อง จะทำให้ คิดถูกต้อง (สัมมาสังกัปปะ)
คิดถูกต้อง จะทำให้เกิด การทำถูกต้อง ทำถูกต้อง จะทำให้ได้รับผลถูกต้อง ได้รับผลที่ถูกต้องจะทำให้ เป็นคนถูกต้อง เป็นคนถูกต้องก็ย่อมจะ พูดและถ่ายทอดแต่สิ่งที่ถูกต้อง เป็นกัลยาณมิตรแก่ชาวโลกต่อไป


ภาพรวมจากคำพูดของคุณทั้งหมด คุณพูดว่ากำลังเจริญมหาสติปัฏฐาน 4 แต่กระกระทำนั้นเป็นการทำและยึดแน่นอยู่ในฐานเดียวคือฐานกาย สติปัฏฐานจึงไม่เป็นไปตามธรรมชาติจึงเกิดผลให้ติดขัด สงสัย มากมาย

ธรรมชาติของสติปัฏฐาน 4 นั้นเขาจะเกิดขึ้นและต่อเนื่องกันไปครบทั้ง 4 ฐานในทุกสัมผัสอารมณ์ ถ้า สติ ปัญญาได้ถูกฝึกหัดมาดี ละเอียด คมกล้าดีแล้วจะเห็นได้ครบและต่อเนื่องทั้ง 4 ฐานเสมอ

ดังนั้นสิ่งที่จะต้องพัฒนาต่อไปคือคุณควรจะวางความยึดอยู่แต่การเจริญสติในฐานกาย แล้วมาเจริญสติปัฏฐานทั้ง 4 ตามธรรมชาติ คือพิจารณาทุกฐานตามกำลังแห่งเหตุและปัจจัย ตามธรรม ตามปัจจุบันอารมณ์ ปัจจุบันกายชัด พิจารณากาย เวทนาชัด พิจารณาเวทนา จิตชัด พิจารณาจิต ธรรมชัด พิจารณาธรรม

จงมีปัจจุบันอารมณ์เป็นที่ตั้งรู้ตั้งระลึกของสติ แทนการกำหนดให้สติไปยึดอยู่เพียงฐานใดฐานหนึ่งซึ่งนั่นเป็นการเจริญสติปัฏฐาน 4 ตามตำรา มิใช่การเจริญสติปัฏฐาน 4 ตามธรรม

รายละเอียดคงต้องมาศึกษากันต่อไปถ้าหากสนใจเรื่องการเจริญสติปัฏฐาน 4 ตามธรรมชาติ ครับ

การจะละขันธ์ 5 โดยสติปัฏฐานนั้นจะเกิดขึ้นเป็นผลได้เมื่อคุณสามารถเจริญสติปัฏฐาน 4 โดยธรรมชาติได้ครับ :b1: :b12: :b16: :b27: :b8:


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 04 ก.พ. 2012, 11:26 
 
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 3
สมาชิก ระดับ 3
ลงทะเบียนเมื่อ: 25 ม.ค. 2012, 16:35
โพสต์: 110


 ข้อมูลส่วนตัว


ลูกพระป่า เขียน:
ชาวโลก เขียน:
ลูกพระป่า เขียน:
สวัสดีครับพี่ชาวโลก :b8:
**พิจารณาจากที่พี่กล่าวมาในผลการปฏิบัติของพี่นั้นอยู่สูงกว่าภูมิปัญญาที่ผมมีจึงไม่อาจกล่าวว่าผิดหรือถูกอะไรได้เต็มปากมากนัก แต่ก็พอทราบลักษณะอาการดังกล่าวจากคำบอกกล่าวของพระอาจารย์ท่านที่ได้สั่งสอนไว้ แต่ยังไงก็ไม่ขอแนะนำอะไรดีกว่าครับในเรื่องการแก้ไข แต่อยากถามว่าพี่เป็นคนพื้นเพที่ไหนครับหรอทำงานอยู่ที่ไหน เผื่อมีครูบาอาจารย์ที่อยู่ใกล้ๆที่ผมพอจะทราบ ผมจะได้แนะนำให้พี่ไปปรึกษาเพื่อขอหลักธรรมเพื่อนำไปปฏิบัติต่อหรือแก้ไขได้ครับ เพราะนักปฏิบัติเราจำเป็นอย่างยิ่งที่จะต้องมีครูบาอาจารย์ที่พึ่งได้เป็นสรณะด้วยนะครับ เพื่อเวลาอย่างนี้แหละครับ
ขอบคุณครับ :b8:


ดิฉันอยู่ภาคอิสานค่ะ.. :b1:

สวัสดีครับพี่ชาวโลก :b8:
ถ้าพี่อยู่อีสานก็ถือว่าดีมากๆเลยครับเพราะเป็นถิ่นที่มีครูบาอาจารย์ผู้สำเร็จด้วยชอบแล้วอยู่มากมาย แต่ถ้าจะให้เป็นเฉพาะเจาะจงผมขอแนะนำให้พี่ไปหาท่านแม่ชีจันดี ที่วัดป่าบ้านตาด จังหวัดอุดรธานีดูครับ ท่านเป็นน้องสาวของหลวงตามหาบัว ที่สำคัญท่านก็เป็นผู้สำเร็จด้วยชอบแล้วเหมือนกันครับ ผมเชื่อว่าถ้าพี่เข้าไปกราบขอธรรมปฏิบัติจากท่านแม่ชีจันดี พี่จะสามารถเดินหน้าต่อไปได้ครับ มีอาจารย์นำทางย่อมไปได้ไวขึ้นครับพี่
ขอบคุณครับ :b8:


:b8: :b8: ขอบคุณในคำแนะนำค่ะ ถ้ามีโอกาสดิฉันจะไปกราบท่านเพื่อขอความรู้ค่ะ :b8: :b8:


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 04 ก.พ. 2012, 11:27 
 
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 3
สมาชิก ระดับ 3
ลงทะเบียนเมื่อ: 25 ม.ค. 2012, 16:35
โพสต์: 110


 ข้อมูลส่วนตัว


asoka เขียน:
onion
วันนี้ดิฉันมาขอความช่วยเหลือค่ะ

เนื่องจากการตั้งหัวข้อ เกิดจากการที่ดิฉันรู้ผิดทำให้เดินทางธรรมผิด

เกิดผลให้การทำมหาสติของดิฉันชะงักงัน..เมื่อดิฉันเดินมหาสติได้สักพักนึง

ในการดู กาย เวทนา จิต ธรรม รวบย่อมาได้ที่ กายกับจิต

เมื่อดิฉันดูกายในกาย ได้สักพัก จิตเริ่มเห็นกายตามความเป็นจริง เห็นโทษของกาย

เห็น ความเกิดดับไปตามเป็นจริงของกาย เมื่อจิตเห็นแจ้งตามนั้นแล้ว จิตกลับบเพิกกายไป

ทำให้การทำมหาสติของดิฉันไม่สามารถเดินต่อไปได้ เนื่องจากว่า ไม่ว่าจะเริ่มดูกายเมื่อใด

ไม่นานจิตจะเพิกรูปของกายไปทุกที กลับกลายเป็นว่า ไปอยู่ใน ความว่างเปล่า
นิมิตที่เห็นในสมาธิคือ

อวกาศทุกครั้งและเมื่อเริ่มพิจารณากายก็จะไปจบที่อวกาศทุกครั้งไป..ลึกๆดิฉันรู้ว่าดิฉันเดินมหาสติผิด

เพราะถ้าตรงทางจะสามารถพิจารณากายได้เรื่อยๆไป ส่วนจิตนั้น ไม่มีปัญหาในการพิจารณา ดูจิตในจิต
เมื่อดิฉันได้เข้ามาในเวปลานธรรมนี้ ทำให้ดิฉันมีความรู้เพิ่มเติมมากมาก และเห็นได้ชัดว่า

ดิฉันเดินมหาสติผิดจริง หลายวันนี้ดิฉันได้ทบทวนในการเดินทางธรรมของดิฉันเองและ รู้ว่า เหตุเพราะดิฉันคิด

ผิดจึงทำให้การเดินทางธรรมผิดไป


วันนี้ดิฉันเลยมาขอความช่วยเหลือค่ะ..เพราะดิฉันไม่มั่นใจในตัวเองว่าคิดถูกไหม

ดิฉันอยากถามว่า การละขันธ์5 ในทางมหาสตินั้น คือละขันธ์5 แบบไหน

ละแบบเพิกขันธ์5 หรือ ละขันธ์5 คือ การวางเฉยต่อขันธ์5 ค่ะ

ละขันธ์5 แบบไหน ถูกต้องในมหาสติค่ะ.
:b27: :b16:
ขอความรู้ถูกต้อง สัมมาทิฐิและความเจริญในธรรมจงบังเกิดมีแก่ทุกๆท่าน

จากคำถามแลคำแนะนำทั้ง 4 หน้าที่ผ่านมา ล้วนมีคุณค่าจนน่าจะเกือบได้พบคำตอบแล้วนะครับ
ความจริงชื่อกระทู้ของคุณนั้นบอกสาเหตุสำคัญ แห่งความติดขัดในการเจริญธรรมได้ดีแล้ว

"รู้ถูกต้อง"สำคัญที่สุดดังหลวงปู่ท่านหนึ่งกล่าวอยู่เสมอว่า

รู้ถูกต้องจะทำให้ เห็นถูกต้อง(สัมมาทิฐิ)เห็นถูกต้อง จะทำให้ คิดถูกต้อง (สัมมาสังกัปปะ)
คิดถูกต้อง จะทำให้เกิด การทำถูกต้อง ทำถูกต้อง จะทำให้ได้รับผลถูกต้อง ได้รับผลที่ถูกต้องจะทำให้ เป็นคนถูกต้อง เป็นคนถูกต้องก็ย่อมจะ พูดและถ่ายทอดแต่สิ่งที่ถูกต้อง เป็นกัลยาณมิตรแก่ชาวโลกต่อไป


ภาพรวมจากคำพูดของคุณทั้งหมด คุณพูดว่ากำลังเจริญมหาสติปัฏฐาน 4 แต่กระกระทำนั้นเป็นการทำและยึดแน่นอยู่ในฐานเดียวคือฐานกาย สติปัฏฐานจึงไม่เป็นไปตามธรรมชาติจึงเกิดผลให้ติดขัด สงสัย มากมาย

ธรรมชาติของสติปัฏฐาน 4 นั้นเขาจะเกิดขึ้นและต่อเนื่องกันไปครบทั้ง 4 ฐานในทุกสัมผัสอารมณ์ ถ้า สติ ปัญญาได้ถูกฝึกหัดมาดี ละเอียด คมกล้าดีแล้วจะเห็นได้ครบและต่อเนื่องทั้ง 4 ฐานเสมอ

ดังนั้นสิ่งที่จะต้องพัฒนาต่อไปคือคุณควรจะวางความยึดอยู่แต่การเจริญสติในฐานกาย แล้วมาเจริญสติปัฏฐานทั้ง 4 ตามธรรมชาติ คือพิจารณาทุกฐานตามกำลังแห่งเหตุและปัจจัย ตามธรรม ตามปัจจุบันอารมณ์ ปัจจุบันกายชัด พิจารณากาย เวทนาชัด พิจารณาเวทนา จิตชัด พิจารณาจิต ธรรมชัด พิจารณาธรรม

จงมีปัจจุบันอารมณ์เป็นที่ตั้งรู้ตั้งระลึกของสติ แทนการกำหนดให้สติไปยึดอยู่เพียงฐานใดฐานหนึ่งซึ่งนั่นเป็นการเจริญสติปัฏฐาน 4 ตามตำรา มิใช่การเจริญสติปัฏฐาน 4 ตามธรรม

รายละเอียดคงต้องมาศึกษากันต่อไปถ้าหากสนใจเรื่องการเจริญสติปัฏฐาน 4 ตามธรรมชาติ ครับ

การจะละขันธ์ 5 โดยสติปัฏฐานนั้นจะเกิดขึ้นเป็นผลได้เมื่อคุณสามารถเจริญสติปัฏฐาน 4 โดยธรรมชาติได้ครับ :b1: :b12: :b16: :b27: :b8:


:b8: :b8: น้อมรับความรู้ค่ะ :b8: :b8:


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 04 ก.พ. 2012, 21:22 
 
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 11 ต.ค. 2010, 12:11
โพสต์: 5019


 ข้อมูลส่วนตัว


กบนอกกะลา เขียน:
eragon_joe เขียน:

:b53: :b53: :b53:


เอกอน....เล่นกล...ซะแล้ว :b13: :b13:
อ่านได้แว๊บเดียว..เอง :b12:


:b13: :b13:

อ่านทันด้วยเหย๋อออออ
นั่นเป็น พระสูตรที่กล่าวถึงเครื่องที่ ผูกสัตว์ ไว้

:b13: :b13:
:b32: :b9: :b9: :b32:


แก้ไขล่าสุดโดย eragon_joe เมื่อ 05 ก.พ. 2012, 10:49, แก้ไขแล้ว 2 ครั้ง.

โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 04 ก.พ. 2012, 21:44 
 
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 11 ต.ค. 2010, 12:11
โพสต์: 5019


 ข้อมูลส่วนตัว


พระพุทธองค์สอนธรรม
ซึ่งธรรมที่พระองค์สอน .... :b1:


อ๊บซ์ อ๊บซ์ พอจะเดาออกมั๊ยว่า .... คืออะไร

:b1:

อิอิ คือ ความในใจที่ไม่กล้าเอ่ย ไง

:b13: :b13: :b13:


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 04 ก.พ. 2012, 23:41 
 
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 25 เม.ย. 2009, 02:43
โพสต์: 12232


 ข้อมูลส่วนตัว


เดาไม่ออก... cry cry

กาล..มีเพราะจิตเคลื่อน...อาจมีคนงง.. :b12:

กาล...มีเพราะมีเกิด...กอ..อา..กา...แบบง่าย ๆ

มีเกิด...อนิจจัง...ทุกขัง...อนัตตาจึงมี...

ไตรลักษณ์คือ...กาล

นี้แง่หนึ่ง...

กาล..มีเพราะมีวัตถุ...ไม่มีวัตถุก็ไม่มีกาล

วัตถุเกิดจากดำริของจิต....อวิชชา

จิตอวิชชา...คือจิตที่เคลื่อนจากประภัสสร

นี้แง่หนึ่ง...

:b23: :b23: :b23:


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 04 ก.พ. 2012, 23:44 
 
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 25 เม.ย. 2009, 02:43
โพสต์: 12232


 ข้อมูลส่วนตัว


วันนี้ฟังเทศน์หลวงพ่อพุธ....แต่เสียดาย..เอามาให้คุณชาวโลกฟังไม่ได้ :b2: :b2:


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 05 ก.พ. 2012, 11:11 
 
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 3
สมาชิก ระดับ 3
ลงทะเบียนเมื่อ: 25 ม.ค. 2012, 16:35
โพสต์: 110


 ข้อมูลส่วนตัว


eragon_joe เขียน:
พระพุทธองค์สอนธรรม
ซึ่งธรรมที่พระองค์สอน .... :b1:


อ๊บซ์ อ๊บซ์ พอจะเดาออกมั๊ยว่า .... คืออะไร

:b1:

อิอิ คือ ความในใจที่ไม่กล้าเอ่ย ไง

:b13: :b13: :b13:



คุณeragon_joe ช่วยลงธรรมของพระองค์ให้อ่านหน่อยได้ไหมค่ะ..ถือว่าดิฉันขอเป็ฯธรรมทานค่ะ

ขอบพระคุณล่วงหน้าค่ะ :b8: :b8:


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 05 ก.พ. 2012, 11:13 
 
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 3
สมาชิก ระดับ 3
ลงทะเบียนเมื่อ: 25 ม.ค. 2012, 16:35
โพสต์: 110


 ข้อมูลส่วนตัว


กบนอกกะลา เขียน:
วันนี้ฟังเทศน์หลวงพ่อพุธ....แต่เสียดาย..เอามาให้คุณชาวโลกฟังไม่ได้ :b2: :b2:


:b8: :b8: ท่านกบ ก๊อปลิงค์มาได้ไหมค่ะ ดิฉันอยากฟัง เผื่อว่า ปัญญาโง่ๆ ของดิฉันจะฉลาดขึ้นบ้าง

ดิฉันขอเพื่อเป็นธรรมทานค่ะ กราบขอบพระคุณล่วงหน้าค่ะ :b8: :b8:


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 05 ก.พ. 2012, 11:46 
 
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 25 เม.ย. 2009, 02:43
โพสต์: 12232


 ข้อมูลส่วนตัว


ผมฟังจากวิทยุ....

คิก..คิก..คิก...LowTech ...ไปนิด
:b13: :b13:


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 05 ก.พ. 2012, 11:47 
 
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 3
สมาชิก ระดับ 3
ลงทะเบียนเมื่อ: 25 ม.ค. 2012, 16:35
โพสต์: 110


 ข้อมูลส่วนตัว


กบนอกกะลา เขียน:
เดาไม่ออก... cry cry

กาล..มีเพราะจิตเคลื่อน...อาจมีคนงง.. :b12:

กาล...มีเพราะมีเกิด...กอ..อา..กา...แบบง่าย ๆ

มีเกิด...อนิจจัง...ทุกขัง...อนัตตาจึงมี...

ไตรลักษณ์คือ...กาล


ขออนุญาติแปลแบบที่ดิฉันเข้าใจนะค่ะ ท่านกบ เนื่องจากกว่าดิฉันไม่ถนัดในการแปล

ข้อธรรม...อยากรบกวนท่านกบ ชี้แนะว่าดิฉันแปลถูกไหมนะค่ะ ช่วยยืนยันและแก้ไขให้ด้วยน่ะค่ะ ดิฉันแปลว่า


อนิจจัง ทุกขัง อนัตตา มีเพราะจิตเคลื่อน

อนิจจัง ทุกขัง อนัตตา มีเพราะมีเกิด

มีเกิด...อนิจจัง ทุกขัง อนัตตา จึงมี

[color=#408000]นี่คือเหตของวัฏฏะ ในการเวียนว่ายตายเกิดเป็นวงกลม ถ้าเราแจ้งใน อนิจจัง ทุกขัง อนัตตา..เข้าใจในไตรลักษณ์และสามารถวางเฉยเห็นเป็นธรรมดาได้ เราก็จะหลุดพ้นในวงกลมแห่งวัฎฎะ สงสารนี้

ไม่ทราบว่า ดิฉันแปลได้ถูกต้องหรือไม่ค่ะ ถ้าผิด ท่านกบช่วยเมตตาชี้แจงและแก้ไขให้ดิฉันเข้าใจได้ถูกต้องหน่อยได้ไหมค่ะ กราบขอบพระคุณค่ะ :b8: :b8:




อ้างคำพูด:
กาล..มีเพราะมีวัตถุ...ไม่มีวัตถุก็ไม่มีกาล

วัตถุเกิดจากดำริของจิต....อวิชชา

จิตอวิชชา...คือจิตที่เคลื่อนจากประภัสสร

นี้แง่หนึ่ง...

:b23: :b23: :b23:


ดิฉันแปลได้ว่าเจาะจงลงร่างกายอย่างเดียวน่ะค่ะ เพราะดิฉันไม่เก่งในการแปลข้อธรรม

อนิจจัง..ทุกขัง..อนัตตา..มีเพราะมีร่างกาย (ที่มองในรูปธาตุ4)

....ไม่มีร่างกาย ก็ไม่มี อนิจจัง....ทุกขัง..อนัตตา

ร่างกาย เกิดจากดำริของจิต...ที่เป็นอวิชชา

จิตอวิชชา...คือจิตที่เคลื่อนจากประภัสสร

ดิฉันแปลผิดไหมค่ะ ผิดช่วยแก้ไขให้ทีนะค่ะ กราบขอบพระคุณค่ะ
s002 s002


แสดงโพสต์จาก:  เรียงตาม  
กลับไปยังกระทู้  [ 131 โพสต์ ]  ไปที่หน้า ย้อนกลับ  1, 2, 3, 4, 5, 6, 7 ... 9  ต่อไป

เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง


 ผู้ใช้งานขณะนี้

่กำลังดูบอร์ดนี้: ไม่มีสมาชิก และ บุคคลทั่วไป 1 ท่าน


ท่าน ไม่สามารถ โพสต์กระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ตอบกระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แก้ไขโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ลบโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แนบไฟล์ในบอร์ดนี้ได้

ค้นหาสำหรับ:
ไปที่:  
Google
ทั่วไป เว็บธรรมจักร