วันเวลาปัจจุบัน 19 ก.ค. 2025, 00:13  



เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง




กลับไปยังกระทู้  [ 71 โพสต์ ]  ไปที่หน้า ย้อนกลับ  1, 2, 3, 4, 5  ต่อไป  Bookmark and Share
เจ้าของ ข้อความ
โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 02 ส.ค. 2012, 23:22 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 9
สมาชิก ระดับ 9
ลงทะเบียนเมื่อ: 01 ก.ค. 2011, 22:53
โพสต์: 705

แนวปฏิบัติ: รู้สึกตัว
อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


ความเอ๋ยความคิด ผมคิด คุณคิด เมียคุณคิด คนนี้ คนนู้น คนโน้น คนนั้นคิด .... ทุกข์หนอ ความคิด cry

.....................................................
"ธรรมะเป็นปัจจัตตัง ต้องทำเอง รู้เอง เห็นเอง เข้าใจเอง"


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 02 ส.ค. 2012, 23:35 
 
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 25 เม.ย. 2009, 02:43
โพสต์: 12232


 ข้อมูลส่วนตัว


เข้ามาทางไหน....เวลาจะออก...ก็ต้องออกทางนั้น

มันมาด้วยความคิด....ก็ออกไปด้วยความคิด...เช่นกัน


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 02 ส.ค. 2012, 23:39 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 27 มิ.ย. 2012, 14:54
โพสต์: 2805


 ข้อมูลส่วนตัว


โฮฮับ เขียน:
ฝึกจิต เขียน:
สติ สำคัญมาก เหมือนจะอกแตกตาย เสียให้ได้
และตอนนี้ เรื่องกาม มันไม่กระดิกเลย แต่ภรรยา ยังต้องการอยู่ เลยไม่รู้จะทำอย่างไรนี้นะซิท่าน
จากกันด้วยดี คงไม่เป็นไร แต่กลัวเขาทุกข์ใจ จากการกระทำของเรา จนบานปลาย เป็นเหตุอื่น ๆ
มันเลยฟุ้งซาน กันไปใหญ่เลย เฮ้อ :b2:
ต้องเรียก สติ สติ สติ มาเร็วๆๆๆๆ

หวังว่าปัจจัยมันจะไหลมาส่งเสริม ไปในทางที่ดี เอง

:b8: :b8: :b8:

นั้นแน่! สองเกลอหัวแข็ง มาอีกคนแล้วครับ มีเมียแต่ไม่ยุ่งกับเมีย
อีกคนบอกเมียยังสาวยังสวย ขานี่หนักหน่อยเอาดีใส่ตัว เอาชั่วให้เมียเสียนี่
แมนมากเลยครับคุณฝึกจิต

"คุณเป็นคนดีที่หนึ่งเลยคร้าบๆๆ" :b32:
โดนอีกแล้วเรา ผมขอให้ถอนนะคร๊าบ! :b12: :b12:

.....................................................
อย่าลืมทำกิจในอริยสัจ
เราจะเดินให้สุดทาง http://www.thaidhamma.net


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 02 ส.ค. 2012, 23:53 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 27 มิ.ย. 2012, 14:54
โพสต์: 2805


 ข้อมูลส่วนตัว


ฝึกจิต เขียน:
ขอทราบความรู้สึก ตอนสลัดคืน จากท่านที่ผ่านมาแล้ว หรือคลิปเสียง วีดีโอ หรือช่วยถามครูบาร์อาจารย์ มาเล่าให้ฟังหน่อยซิครับ

และ อรหันต์ที่เป็นฆารวาส ก่อนบวช ปล่อยวาง พ่อแม่ลูกเมีย อย่างไรหนอ
พ่อแม่ไม่เท่าไหร่ แต่แล้วลูกเมีย หลังจากนั้น เป็นอย่างไรบ้าง
ใครมีบทความ หรือเรื่องราว ในพุทธกาล มาเล่าให้ฟังหน่อยครับ

ฝากเพื่อนกัลยาณมิตร ด้วยครับ

เรื่องภายนอกเตรียมการและวางหมดแล้ว เหลือ ข้ามตรงนี้ไม่ผ่านสักที่ หรือ อย่างไรไม่รู้ หรือบางครั้งที่สติมา เหมือนจะข้ามผ่าน ไม่ได้กลัวลูกเมียตาย แต่กลัวเขาจะทุกข์ มากขึ้น จนเป็นเหตุอื่นตามมา

อย่าคิดว่าผมมา อวดอะไรเลย เพราะมันเหมือน เขื่อนที่อันเอาไว้คอยจะพังลงมา


:b8:
ก็พอเดาๆได้บ้างนะ แต่จะให้รู้เลยตอบไม่ได้เพราะยังไม่ใช่อรหันต์ครับ จิตที่สลัดคืนนั้นจะต้องเกิดเอง เป็นอาการเบื่อในสิ่งที่เสพอยู่ ไม่ใช่อยากทิ้งพ่อทิ้งแม่ครับ เป็นการเข้าใจว่าอะไรๆก็ดำเนินไปตามเหตุปัจจัย ไม่วิตกกังวลเกี่ยวกับ พ่อ แม่ ลูก เมีย ถึงเวลาก็ทำหน้าที่สำหรับทุกคน พ่อแม่ก็ไปเยี่ยมตามเวลาที่เหมาะสม ลูกเมียก็ดูแลกันปกติ แต่ไม่ห่วงไม่เป็นทุกข์ทำหน้าที่ไปตามสมควรแก่ความเหมาะสม และการเบื่อในสิ่งที่เสพนั้นจะต้องน้อมเพื่อออกจากสิ่งนั้น และถ้าเบื่อจริงๆจะหักห้ามใจได้ ในสิ่งนั้นไม่หวลกับไปเสพอีก นี่เรียกว่าสลัดคืนครับ :b4:

.....................................................
อย่าลืมทำกิจในอริยสัจ
เราจะเดินให้สุดทาง http://www.thaidhamma.net


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 03 ส.ค. 2012, 07:49 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 3
สมาชิก ระดับ 3
ลงทะเบียนเมื่อ: 19 ก.ย. 2011, 17:04
โพสต์: 133


 ข้อมูลส่วนตัว


ฝึกจิต เขียน:

...

ฝากเพื่อนกัลยาณมิตร ด้วยครับ

เรื่องภายนอกเตรียมการและวางหมดแล้ว เหลือ ข้ามตรงนี้ไม่ผ่านสักที่ หรือ อย่างไรไม่รู้ หรือบางครั้งที่สติมา เหมือนจะข้ามผ่าน ไม่ได้กลัวลูกเมียตาย แต่กลัวเขาจะทุกข์ มากขึ้น จนเป็นเหตุอื่นตามมา

อย่าคิดว่าผมมา อวดอะไรเลย เพราะมันเหมือน เขื่อนที่อันเอาไว้คอยจะพังลงมา


ถ้าคุณมีการเตรียมการไว้แบบนี้แล้ว
หากคุณมีจิตที่เด็ดเดี่ยว และมีลูกบ้าพอ สภาวะแวดล้อมเหล่านี้แหละจะกลายเป็นสิ่งที่คุณต้องนำไปวิปัสสนาให้เห็นตามความเป็นจริงโดยอัตโนมัติ ให้จิตวางสิ่งต่างๆเหล่านี้ให้ได้ ถ้าคุณวางสิ่งเหล่านี้ได้ผ่านตรงนี้ได้ก็จบกิจ เพราะในทางโลกจะมีอะไรที่ยิ่งใหญ่ไปกว่าพวกเขาเล่า จริงมั๊ย

ทุกคนมีกรรมเป็นของตนเอง (ตรงนี้แถม มีมือ มีเท้า มีสมอง ไม่ยอมลำบากหรอก คุณจะไปหาสัจธรรมเพียงคนเดียวหรือ ก็เผื่อแผ่ให้พวกเขาด้วยสิ สอนให้เขาได้พบสัจธรรมไปด้วย :b16: :b12:)


แก้ไขล่าสุดโดย ละครน้ำเน่า เมื่อ 03 ส.ค. 2012, 08:42, แก้ไขแล้ว 1 ครั้ง

โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 03 ส.ค. 2012, 08:08 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 3
สมาชิก ระดับ 3
ลงทะเบียนเมื่อ: 19 ก.ย. 2011, 17:04
โพสต์: 133


 ข้อมูลส่วนตัว


ตอนแรกๆ อาจทำให้เขาเริ่มปรับตัวก่อน อาจขอไปปลีกวิเวกสัก 1 อาทิตย์
ครั้งต่อๆไป ก็สักเดือน สองเดือน
ครั้งต่อไปสักพรรษา
ครั้งต่อไปขอไปตลอดชีวิต :b13:

คุณได้ดูจิตตัวเองไปด้วย มันจะค่อยๆปรับสภาพไปเรื่อยๆ จนเมื่อถึงจุดหนึ่ง มันจะเป็นไปเองตามสภาวะทั้งทางโลกและทางธรรม

สิ่งที่คุณกลัวคือคุณคิดไปเอง แต่ก่อนผมมีปัญหาใหญ่ๆ ผมมักไม่บอกพ่อแม่กลัวท่านจะเป็นทุกข์ตาม แต่มารู้ภายหลังว่าผมคิดผิด มาหลังๆผมบอกเขา กลับทำให้เขาพบสัจธรรมยิ่งขึ้นและอื่นๆอีกหลายอย่างที่ไม่คาดคิด

ผมมีเครสตัวอย่าง แต่คุยได้หลังไมล์เท่านั้น :b31:


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 03 ส.ค. 2012, 08:29 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 3
สมาชิก ระดับ 3
ลงทะเบียนเมื่อ: 19 ก.ย. 2011, 17:04
โพสต์: 133


 ข้อมูลส่วนตัว


"พระเจสัน ยัง"

รูปภาพ


http://board.palungjit.com/f28/%E0%B8%A ... 46003.html


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 03 ส.ค. 2012, 10:36 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 13 ก.พ. 2010, 17:53
โพสต์: 4999

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


ละครน้ำเน่า เขียน:
ฝึกจิต เขียน:
ฝากเพื่อนกัลยาณมิตร ด้วยครับ

เรื่องภายนอกเตรียมการและวางหมดแล้ว เหลือ ข้ามตรงนี้ไม่ผ่านสักที่ หรือ อย่างไรไม่รู้ หรือบางครั้งที่สติมา เหมือนจะข้ามผ่าน ไม่ได้กลัวลูกเมียตาย แต่กลัวเขาจะทุกข์ มากขึ้น จนเป็นเหตุอื่นตามมา อย่าคิดว่าผมมา อวดอะไรเลย เพราะมันเหมือน เขื่อนที่อันเอาไว้คอยจะพังลงมา

ถ้าคุณมีการเตรียมการไว้แบบนี้แล้ว
หากคุณมีจิตที่เด็ดเดี่ยว และมีลูกบ้าพอ สภาวะแวดล้อมเหล่านี้แหละจะกลายเป็นสิ่งที่คุณต้องนำไปวิปัสสนาให้เห็นตามความเป็นจริงโดยอัตโนมัติ ให้จิตวางสิ่งต่างๆเหล่านี้ให้ได้ ถ้าคุณวางสิ่งเหล่านี้ได้ผ่านตรงนี้ได้ก็จบกิจ เพราะในทางโลกจะมีอะไรที่ยิ่งใหญ่ไปกว่าพวกเขาเล่า จริงมั๊ย

ทุกคนมีกรรมเป็นของตนเอง (ตรงนี้แถม มีมือ มีเท้า มีสมอง ไม่ยอมลำบากหรอก คุณจะไปหาสัจธรรมเพียงคนเดียวหรือ ก็เผื่อแผ่ให้พวกเขาด้วยสิ สอนให้เขาได้พบสัจธรรมไปด้วย :b16: :b12:)

คุณน้ำเน่าครับ ผมว่าอย่าไปบ้าจี้กับคุณฝึกจิตแกเลยครับ ที่คุณฝึกจิตแกเป็นอย่างนั้นเพราะว่าแก
กำลังหลงครับ ปฏิบัติผิดที่ผิดทาง ยังไม่เห็นเหตุแห่งทุกข์ ไม่รู้ว่าสิ่งที่กำลังเล่นงานแกอยู่
เป็นกิเลสตัวไหน เลยทำให้เกิดการกระทำที่เป็นมิจฉาทิฐิครับ

ที่เห็นได้ชัดๆก็คือ ไม่มองอะไรตามความเป็นจริง โดนวิจิกิจฉาเล่นงาน
เกิดความสับสนในเรื่องของศีล จนเป็นศีลพรตปรามาส สักกายไม่ต้องพูดถึงยึดมันเต็มๆ


คุณน้ำเน่าครับ ผมว่าคุณก็เหมือนกันครับ
ผมว่าสอนให้เขาทำหน้าที่ของเขาให้ดีก่อนไม่ดีกว่าหรือ
และอีกการปฏิบัติมันทำที่กายใจตัวเอง ไม่ใช่ไปวุ่นวายกับเมีย
ยิ่งถ้าตัวเองยังหลงแบบนี้ ขืนไปสอนคนอื่นรับรองได้ คนสอนถูกเมียตีหัวแตกแน่ๆ :b32:


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 03 ส.ค. 2012, 11:13 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 13 ก.พ. 2010, 17:53
โพสต์: 4999

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


ละครน้ำเน่า เขียน:
ตอนแรกๆ อาจทำให้เขาเริ่มปรับตัวก่อน อาจขอไปปลีกวิเวกสัก 1 อาทิตย์
ครั้งต่อๆไป ก็สักเดือน สองเดือน
ครั้งต่อไปสักพรรษา
ครั้งต่อไปขอไปตลอดชีวิต :b13: :

จะไปปลีกทำไมครับ ปัญหาเรื่องนี้มันไม่ได้เกิดจากเมียเลยครับ
มันเกิดจาก กิเลสคุณฝึกจิตแกเอง แกคิดว่าการไปยุ่งกับเมียตัวเอง
มันจะมีผลต่อการบรรลุธรรม การกระทำของแก แสดงให้เห็นเลยว่า
แกไม่เข้าใจเรื่องของการปฏิบัติ มันเป็นขั้นเป็นตอน ค่อยเป็นค่อยไป

พูดง่ายๆก็คือแกยังไม่มีปัญญาสัมมาทิฐิ ยังเป็นแค่ปุถุชน กระแสโสดาบัน
ก็ไม่ได้เฉียดใกล้ แต่หลงครับ คิดว่าตัวเองเป็นอริยบุคคลแล้วต้องถือพรมจรรย์
เพื่อบรรลุอรหันต์ให้ได้


ปัญหามันอยู่ที่คุณฝึกจิต แกไม่ยุ่งกับเมีย แต่ไม่กล้าเลิกกับเมีย
เพราะเป็นห่วงเมียกลัวเมียไปทำอะไรที่ไม่สมควรเข้า
นี่มันเป็นเรื่องของคุณฝึกจิตทั้งนั้น ฉะนั้นปัญหาที่แท้ก็คือความเป็นห่วงเมีย

แล้วคุณน้ำเน่ามาสอนให้คุณฝึกจิตไปปลีกวิเวก
เพื่อให้เมียเคยชิน มันปัญหาก็คือ ..กลัวคุณฝึกจิตแกจะอยู่ได้ไม่ถึงวัน
ต้องรีบกลับมาหาเมียแกนะซิครับ เพราะอะไรหรือครับก็เพราะความเป็นห่วงเมียนี่แหล่ะ

ละครน้ำเน่า เขียน:
คุณได้ดูจิตตัวเองไปด้วย มันจะค่อยๆปรับสภาพไปเรื่อยๆ จนเมื่อถึงจุดหนึ่ง มันจะเป็นไปเองตามสภาวะทั้งทางโลกและทางธรรม

นั้นแหล่ะถูกแล้ว ดูจิตตัวเองซิว่า ปากก็พูดไม่อยากยุ่งกับเมีย
แต่ทำไมถึงเลิกกับเมียไม่ได้ ไอ้ที่พูดว่า"ห่วงเมีย"กิเลสมันเล่นงานจนเราหลงหรือเปล่า
หลงคิดว่าตัวเองหมดแล้วกิเลสบรรลุแล้วธรรมเหลือแค่อรหันต์
ละครน้ำเน่า เขียน:
สิ่งที่คุณกลัวคือคุณคิดไปเอง แต่ก่อนผมมีปัญหาใหญ่ๆ ผมมักไม่บอกพ่อแม่กลัวท่านจะเป็นทุกข์ตาม แต่มารู้ภายหลังว่าผมคิดผิด มาหลังๆผมบอกเขา กลับทำให้เขาพบสัจธรรมยิ่งขึ้นและอื่นๆอีกหลายอย่างที่ไม่คาดคิด
ผมมีเครสตัวอย่าง แต่คุยได้หลังไมล์เท่านั้น :b31:

ที่คุณฝึกจิตแกคิดไปเอง อันที่จริงไม่ใช่คิดไปเองครับ มันมีเหตุปัจจัย
อันมีสาเหตุมาจากกิเลส แกไม่รู้ว่ากิเลสใดกำลังเล่นงานแกอยู่
ทำให้แกหลงคิดไปว่า เป็นกิเลสตัวอื่นที่สูงกว่ากำลังเล่นงานแก

อธิบายสั้นๆง่ายๆก็คือ แกกำลังคิดว่าแกเป็นอนาคาแล้วครับ
เพราะสิ่งที่คุณฝึกจิตแกพูดมันเป็นปัญหาของ อริยบุคคลขั้นอนาคามีนะครับ


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 03 ส.ค. 2012, 17:37 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 3
สมาชิก ระดับ 3
ลงทะเบียนเมื่อ: 19 ก.ย. 2011, 17:04
โพสต์: 133


 ข้อมูลส่วนตัว


ถ้าคุณฝึกจิตคิดว่าเขาเป็นอริยะก็ดีสิ
แกจะได้ระวัง รักษาศีลจริยวัตรของอริยะ เป็นผลดีเสียอีก :b32: :b32:


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 04 ส.ค. 2012, 03:40 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 13 ก.พ. 2010, 17:53
โพสต์: 4999

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


ละครน้ำเน่า เขียน:
ถ้าคุณฝึกจิตคิดว่าเขาเป็นอริยะก็ดีสิ
แกจะได้ระวัง รักษาศีลจริยวัตรของอริยะ เป็นผลดีเสียอีก :b32: :b32:

ก็เพราะว่า คำว่า.."คิดว่า"นี่ไง คิดเองเออเอง กิเลสเบื้องต่ำยังละไม่ได้
จะมาละกิเลสเบื้องสูงซะแล้ว หนังสือยังอ่านไม่ออก จะมาอ่านพระไตรปิฎกมันตลกมั้ย

แล้วอีกอย่าง พระอริยะมีศีลอันประกอบด้วยปัญญาเป็นหลัก มันเป็นสัมมาศีล(เป็นกลาง)
คนที่มีเมีย แล้วไม่ยุ่งกับเมีย อยู่บ้านเดียวกับเมีย ไม่กล้าเลิกกับเมีย ไม่กล้าออกบวช
เพราะเป็นห่วงเมีย แบบนี้เป็นสัมมาศีลตรงไหน

มันก็แค่คนเห็นแก่ตัว กำลังหลงคิดว่าสิ่งที่ตัวทำคือการปฏิบัติธรรม
ดูให้ดีมันก็แค่ความอยากได้ใคร่ดีอันเกิดจากกิเลสเบื้องต่ำ สามตัว
สักกายทิฐิ วิจิกิจฉาและศีลพรตปรามาส

ไม่รู้ตัวว่ากำลังทรมาณเมียตัวเอง ไม่ยุ่งกับเมียดันอยู่บ้านเดียวกับเมีย
ให้ไปบวชซะดันบอกว่า เป็นห่วงเมีย ไม่รู้จะเอาไงกันแน่กับชีวิต :b32:


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 10 ส.ค. 2012, 18:49 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 3
สมาชิก ระดับ 3
ลงทะเบียนเมื่อ: 19 ก.ย. 2011, 17:04
โพสต์: 133


 ข้อมูลส่วนตัว


ขอเอามาแปะไว้

055 จิตตอนละทิ้งสมมุติบัญญัคิเข้าสู่ปรมัตถ์นั้น เป็นอย่างไร
(หลวงพ่อพุธ)

http://www.youtube.com/watch?v=tDZc5s9p ... r_embedded


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 11 ส.ค. 2012, 00:10 
 
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 03 ธ.ค. 2011, 21:40
โพสต์: 952


 ข้อมูลส่วนตัว


ละครน้ำเน่า เขียน:
ถ้าคุณฝึกจิตคิดว่าเขาเป็นอริยะก็ดีสิ
แกจะได้ระวัง รักษาศีลจริยวัตรของอริยะ เป็นผลดีเสียอีก :b32: :b32:



ผมจะเอาอารายไปเป็นได้ละท่าน ไอ้ อริยะที่เขาเป็นกันนะ ยังไม่โผล่พ้นนรกเลยเรา :b12:


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 11 ส.ค. 2012, 00:10 
 
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 03 ธ.ค. 2011, 21:40
โพสต์: 952


 ข้อมูลส่วนตัว


ละครน้ำเน่า เขียน:
ขอเอามาแปะไว้

055 จิตตอนละทิ้งสมมุติบัญญัคิเข้าสู่ปรมัตถ์นั้น เป็นอย่างไร
(หลวงพ่อพุธ)

http://www.youtube.com/watch?v=tDZc5s9p ... r_embedded



:b8: :b8: :b8:


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 13 ส.ค. 2012, 17:25 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 3
สมาชิก ระดับ 3
ลงทะเบียนเมื่อ: 19 ก.ย. 2011, 17:04
โพสต์: 133


 ข้อมูลส่วนตัว


เอามาแปะรวบรวมไว้ครับ :b12:

ละครน้ำเน่า เขียน:
ฝึกจิต เขียน:
:b8: :b8:
เช่นนั้น เขียน:
ฝึกจิต เขียน:
เมื่อไหร่ที่ อวิชชาดับ วิชชาเกิด วิสังขารเกิด จิตก็ไม่ใช่จิต ถึงจะเป็นจิต ก็ไม่เรียกว่าจิต
แล้วจะเข้าใจธรรมนี้ (เคยยกมาหลายครั้งแล้วนิ)

ธรรมไม่เจือกับจิต เป็นไฉน?
รูปทั้งหมด และอสังขตธาตุ สภาวธรรมเหล่านี้ชื่อว่า ธรรมไม่เจือกับจิต.
จิต จะกล่าวว่าเจือกับจิตก็ไม่ได้ ว่าไม่เจือกับจิตก็ไม่ได้.



ใกล้เคียงบ้างมั้ยไม่รู้นะครับ s002

เมื่อ จิตปรุงแต่ง ด้วยธรรมอันเป็นสิ่งปรุงแต่งคืออริยมรรคมีองค์ 8 อันสมบูรณ์
จิตนั้น เรียกว่า สัมมาญาณะทัสสนะประกอบด้วยวิชชา อวิชชาย่อมดับลง
จิตนั้น บรรลุความหลุดพ้น อันเรียกสภาวะนั้นว่า สัมมาวิมุตติ อันไม่ปรุงแต่งด้วยกิเลสต่อไป
จิตนั้นจึงหลุดพ้นจากอาสวะ เพราะความสิ้นเหตุปัจจัยอันก่อให้เกิดอาสวะ เรียกสภาวะนั้นว่า หลุดพ้นด้วยสอุปทิเสสนิพพานธาตุ
เพราะยังมีวิบากแห่งขันธ์เหลืออยู่จิตจึงเพียงดำเนินไปตามวิบากแห่งขันธ์ที่เหลืออยู่ จนกระทั่งหมดอายุขัย
จิตนั้นจึงทำหน้าทีสุดท้ายคือเคลื่อนไปและ ไม่ก่อปฏิสนธิอีกเพราะความสิ้นเหตุปัจจัย คือเคลื่อนไปดับไปด้วยอนุปาทิเสสนิพพานธาตุ
จิตจะมีก็ไม่ใช่ จะไม่มีก็ไม่ใช่ เพียงแต่เป็นธรรมธาตุหนึ่งที่ เนื่องด้วยเหตุปัจจัย
.....

จิต จะกล่าวว่าเจือกับจิตก็ไม่ได้ ว่าไม่เจือกับจิตก็ไม่ได้
เพราะจิตเป็นธรรมธาตุที่รู้ แลเนื่องด้วยเหตุปัจจัย
เพราะสังขารเป็นเหตุปัจจัย ความปรากฏแห่งจิตจึงปรากฏ
จึงกล่าวได้ว่า เจือกับจิตก็ไม่ได้ ไม่เจือกับจิตก็ไม่ได้ ...เพราะด้วยเหตุด้วยปัจจัย


:b8: :b8: :b8:

ธรรมหลวงปู่ดุลย์ บางส่วน

จิตนี้ ไม่ใช่จิตซึ่งเป็นความคิดปรุงแต่ง มันเป็นสิ่งซึ่งอยู่ต่างหาก ปราศจากการเกี่ยวข้องกับรูปธรรมโดยสิ้นเชิง ฉะนั้นพระพุทธเจ้าทั้งหลาย และสัตว์โลกทั้งปวงก็เป็นเช่นนั้น พวกเราเพียงแต่สามารถปลดเปลื้องตนเองออกจากความคิดปรุงแต่งเท่านั้น พวกเราจะประสบความสำเร็จทุกอย่าง

หลักธรรมที่แท้จริงก็คือ จิต นั่นเอง ซึ่งถ้านอกไปจากนั้นแล้ว ก็ไม่มีหลักธรรมใดๆ เลย จิตนี่แหละคือหลักธรรม ซึ่งถ้านอกไปจากนั้นแล้วมันก็ไม่ใช่จิต จิตนั้นโดยตัวมันเองก็ไม่ใช่จิต แต่ถึงกระนั้นมันก็ยังไม่ใช่ มิใช่จิต การที่กล่าวว่าจิตนั้น มิใช่จิตดังนี้ นั่นแหละ ย่อมหมายถึงสิ่งบางสิ่งซึ่งมีอยู่จริงสิ่งนี้มันอยู่เหนือคำพูด ขอจงเลิกละการคิดและการอธิบายเสียให้หมดสิ้น เมื่อนั้นเราอาจกล่าวได้ว่า คลองแห่งคำพูดก็ได้ผูกตัดขาดไปแล้ว และพฤติของจิตก็ถูกเพิกถอนขึ้นสิ้นเชิงแล้ว


:b8: :b8: :b8:


:b8: :b8: :b8: สุดยอดครับท่านทั้งสอง


:b12: ขอคัดลอก ธรรมหลวงปู่ดุลย์ มอบให้เจ้าของกระทู้
ตอกย้ำครับตอกย้ำ ตอกลงไปเลยครับ :b12:

"จิตนี้ ไม่ใช่จิตซึ่งเป็นความคิดปรุงแต่ง
มันเป็นสิ่งซึ่งอยู่ต่างหาก
ปราศจากการเกี่ยวข้องกับรูปธรรมโดยสิ้นเชิง"


:b42: :b42: :b42:


viewtopic.php?f=1&t=42899&start=90


แสดงโพสต์จาก:  เรียงตาม  
กลับไปยังกระทู้  [ 71 โพสต์ ]  ไปที่หน้า ย้อนกลับ  1, 2, 3, 4, 5  ต่อไป

เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง


 ผู้ใช้งานขณะนี้

่กำลังดูบอร์ดนี้: ไม่มีสมาชิก และ บุคคลทั่วไป 1 ท่าน


ท่าน ไม่สามารถ โพสต์กระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ตอบกระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แก้ไขโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ลบโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แนบไฟล์ในบอร์ดนี้ได้

ค้นหาสำหรับ:
ไปที่:  
Google
ทั่วไป เว็บธรรมจักร


cron