วันเวลาปัจจุบัน 18 ก.ค. 2025, 13:04  



เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง




กลับไปยังกระทู้  [ 51 โพสต์ ]  ไปที่หน้า ย้อนกลับ  1, 2, 3, 4  Bookmark and Share
เจ้าของ ข้อความ
โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 20 ธ.ค. 2012, 22:40 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 4
สมาชิก ระดับ 4
ลงทะเบียนเมื่อ: 22 ธ.ค. 2009, 00:22
โพสต์: 223

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


eragon_joe เขียน:
Rotala เขียน:
ขยายก็ดีท่าน เอกอนพอจะมองเห็นภาพที่ท่านพยายามจะบอก
แต่ยังไม่ค่อยชั๊ดดดด เท่าไร

ดูจะเป็นแง่ อีกมุมมองหนึ่งที่ดีทีเดียว

smiley smiley smiley

:b6: ว่าแต่ ทำไมต้องเป็นทะเลสาบน้ำจืดด้วยล่ะท่าน...

ทะเลสาบน้ำเค็ม น้ำกร่อย ไม่ได้หร๋ออออ :b10:


เป็นความคิดผมครับ(อ่านๆมาแล้วนำความคิดมารวมกัน) คิดว่าไม่ถูก(ช่วงที่พิมพ์จิตสร้างทุกอย่าง)แค่เปลี่ยนแปลงก็พอ(ช่วงที่พิมพ์จิตกระเพื่อมกระแส) :b9: :b23: smiley
คือความเปลี่ยนแปลงทำให้เกิดเป็นเวลาขึ้นมา(ขยายความครับ)


แก้ไขล่าสุดโดย Rotala เมื่อ 21 ธ.ค. 2012, 21:13, แก้ไขแล้ว 1 ครั้ง

โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 21 ธ.ค. 2012, 06:56 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
Moderators-1
Moderators-1
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 พ.ค. 2011, 14:20
โพสต์: 8583


 ข้อมูลส่วนตัว




Y12032746-1.jpg
Y12032746-1.jpg [ 148.43 KiB | เปิดดู 2421 ครั้ง ]
ลุงหมาน เขียน:
วัฏฏะ แปลว่าหมุน และก็หมุนกันเป็นอย่างนี้ ดูในปฏิจจสมุปบาท
วัฏฏะนั้นมี ๓ คือ ๑.กิเลสวัฏฏ์ ๒.กัมมวัฏฏ์ ๓.วิปากวัฏฏ์

เมื่อมีกิเลสก็ย่อมทำให้เกิดทำกรรม
เมื่อมีกรรมก็ย่อมทำให้เกิดวิบาก
เมื่อมีวิบากก็ย่อมทำให้เกิดกิเลส
หมุนกันไปอย่างนี้ตลอดไปเรียกว่าวัฏฏะ

การเวียนตาย-เวียนเกิด ของสัตว์โลกที่ยังต้องเกี่ยวข้องกับวัฏฏะ

อันว่าเราท่านทั้งหลายนั้น ครั้นเมื่อตายไปแล้ว หากว่าแลัวกันไปก็หมดเรื่องหมดราว แต่นี่หาเป็นเช่นนั้นไม่
ตราบใดที่ยังมีกิเลสตัณหาอยู่ ก็ต้องเวียน เกิดเวียนตายอยู่ในวัฏลงสารไม่มีที่สิ้นสุด สถานที่ที่เราต้องไปเวียนเกิดเวียนตาย
ซึ่งเรียกว่าวัฏสงสารนั้น มีอยู่หลายที่หลายแห่ง ที่หนึ่ง ๆ จะเรียกว่า โลกหนึ่งๆ ก็ได้ ในจักรวาลอันกว้างใหญ่ไพศาลนี้

มีโลกอยู่มากมาย เช่น โลกนรก โลกมนุษย์ และโลกเทวดา เป็นต้น เราตายไปแล้วใช่ว่าจะกลับมาเกิดใน โลกมนุษย์นี้อยู่ร่ำไปก็หาไม่
อาจจะไปเกิดในโลกอื่นๆ อีกมากมาย แต่จะไป เกิดในโลกไหน และเกิดเป็นอะไรนั้น ก็สุดแต่กรรมที่ทำไว้ หรือตามสภาพของจิต
ของแต่ละบุคคล และการที่จะไปเกิดแต่ละครั้งนั้น ใช่ว่าอยู่ ๆ ก็ปุบปับไป เกิดส่งเดชอย่างนั้นเอง ไม่ต้องมีเหตุมีผลอะไร ไม่ใช่อย่างนั้น

อันที่จริงสัตว์ ที่จะตายไปเกิดนั้น ก่อนที่จะตายลงไปจริง ๆ ย่อมต้องเกิดมีอารมณ์ ขึ้นก่อน อารมณ์นี้ถ้าจะเปรียบก็เหมือนกับเป็นมัคคุเทศก์
ชี้ทางบอกให้ผู้ตายรู้ล่วงหน้าว่า ตนจักไปเกิดในโลกไหน มีสุขมีทุกข์ผิดแผกแตกต่างกันอย่างไร จักไปเกิดในโลกใหม่ซึ่งมิใช่โลกมนุษย์
หรือว่าจักไดักลับมาเกิดในมนุษยโลกนี้อีกต่อไป

อารมณ์ก่อนตาย กาลเมื่อสัตว์ทั้ งหลายใกล้จะถึงแก่มรณะ ย่างเขัาไปสู่แดนมฤตยู แล้วจะไป
บังเกิดอยู่ในโลกอื่นต่อไปนั้น ในมรณาสันกาลวิถี คือ กาลที่ใกล้จะตายนั้น แล้วเข้าสู่มรณาสัณนวิถี คือวิถีตาย
ย่อมมี อารมณ์ ๓ ประการ ปรากฏเป็นอารมณ์แห่งปฏิสนธิจิตก่อน ดังต่อไปนี้

๑. กรรมอารมณ์
๒. กรรมนิมิตอารมณ์
๓. คตินิมิตอารมณ์

.....................................................
พระธรรมคำสอน บัญญัติ ตรัส ไว้ดีแล้ว ไม่ต้องลด ไม่ต้องเพิ่ม ไม่ต้องแก้ไข ใดๆ ทั้งสิ้น
โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 21 ธ.ค. 2012, 21:53 
 
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 11 ต.ค. 2010, 12:11
โพสต์: 5019


 ข้อมูลส่วนตัว


:b41:

ภพ หนึ่ง ดูเหมือนเขาจะ ชิน กับสภาวะ เหมือนเป็น อมตะ
เขาจะทรงอยู่ในสภาวะเช่นนั้น ตราบนานเท่านาน
ไม่มี ต้นไม้สีเขียว ท้องฟ้าสีฟ้า
อะไร ๆ ดู สุก สว่าง ระยับ ไปหมด
พวกเขาไม่เดือดร้อนที่จะต้องหาทางออกจากสภาวะนั้น
การจุติจากสภาวะนั้น มีไม่มาก
ถ้าจุติ โดยมากจะเป็น พระพุทธเจ้า
ซึ่งวาระวิถีจิต สุดท้ายยังเป็นความลับ ที่พวกเขาเองก็ยังไม่รู้
พวกเขาไม่รู้ จริง ๆ
เพราะ ถ้ารู้ และถ้าสิ่งที่รู้นั่น มันชัวร์ สถานนั้นก็ไม่น่าจะเหลืออยู่

:b41:


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 21 ธ.ค. 2012, 23:00 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 9
สมาชิก ระดับ 9
ลงทะเบียนเมื่อ: 01 ก.ค. 2011, 22:53
โพสต์: 705

แนวปฏิบัติ: รู้สึกตัว
อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


eragon_joe เขียน:
:b41:

ภพ หนึ่ง ดูเหมือนเขาจะ ชิน กับสภาวะ เหมือนเป็น อมตะ
เขาจะทรงอยู่ในสภาวะเช่นนั้น ตราบนานเท่านาน
ไม่มี ต้นไม้สีเขียว ท้องฟ้าสีฟ้า
อะไร ๆ ดู สุก สว่าง ระยับ ไปหมด
พวกเขาไม่เดือดร้อนที่จะต้องหาทางออกจากสภาวะนั้น
การจุติจากสภาวะนั้น มีไม่มาก
ถ้าจุติ โดยมากจะเป็น พระพุทธเจ้า
ซึ่งวาระวิถีจิต สุดท้ายยังเป็นความลับ ที่พวกเขาเองก็ยังไม่รู้
พวกเขาไม่รู้ จริง ๆ
เพราะ ถ้ารู้ และถ้าสิ่งที่รู้นั่น มันชัวร์ สถานนั้นก็ไม่น่าจะเหลืออยู่

:b41:


ประมาณอาภัสราพรหมหรือครับ s006

.....................................................
"ธรรมะเป็นปัจจัตตัง ต้องทำเอง รู้เอง เห็นเอง เข้าใจเอง"


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 21 ธ.ค. 2012, 23:13 
 
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 11 ต.ค. 2010, 12:11
โพสต์: 5019


 ข้อมูลส่วนตัว


ขณะจิต เขียน:
ประมาณอาภัสราพรหมหรือครับ s006


ประมาณ...เรื่อยเปื่อย.. :b9: :b9:


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 26 ธ.ค. 2012, 08:53 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 4
สมาชิก ระดับ 4
ลงทะเบียนเมื่อ: 22 ธ.ค. 2009, 00:22
โพสต์: 223

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


รูปภาพ
รูปภาพ
รูปภาพ

http://www.bloggang.com/viewdiary.php?i ... 3&gblog=11 :b12:


แสดงโพสต์จาก:  เรียงตาม  
กลับไปยังกระทู้  [ 51 โพสต์ ]  ไปที่หน้า ย้อนกลับ  1, 2, 3, 4

เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง


 ผู้ใช้งานขณะนี้

่กำลังดูบอร์ดนี้: ไม่มีสมาชิก และ บุคคลทั่วไป 1 ท่าน


ท่าน ไม่สามารถ โพสต์กระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ตอบกระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แก้ไขโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ลบโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แนบไฟล์ในบอร์ดนี้ได้

ค้นหาสำหรับ:
ไปที่:  
Google
ทั่วไป เว็บธรรมจักร