วันเวลาปัจจุบัน 19 ก.ค. 2025, 11:09  



เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง




กลับไปยังกระทู้  [ 164 โพสต์ ]  ไปที่หน้า ย้อนกลับ  1, 2, 3, 4, 5, 6, 7, 8 ... 11  ต่อไป  Bookmark and Share
เจ้าของ ข้อความ
โพสต์ เมื่อ: 17 ธ.ค. 2011, 15:00 
 
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 18 ก.ย. 2011, 21:51
โพสต์: 4941


 ข้อมูลส่วนตัว


cool
หลับอยุ่ เขียน:
อ่านยันต์จากเกจิสมัยก่อนหรือปริศนาธรรมในพระเครื่อง ยังถูกต้องลึกซึ้งและง่ายกว่า :b6:

ไม่มีปัญญาพอจะทำความเข้าใจได้ใช่หรือเปล่า จึงหลบไปหาเครื่องรางของขลังโน่น นั่นไม่ใช่ทางที่พระพุทธเจ้าทรงสอนนะครับ
:b20: :b12:


โพสต์ เมื่อ: 17 ธ.ค. 2011, 15:18 
 
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 18 ก.ย. 2011, 21:51
โพสต์: 4941


 ข้อมูลส่วนตัว


กบนอกกะลา เขียน:
กบนอกกะลา เขียน:

:b12:
มันละยังงัยรึ...ความเห้นผิด..

มันเห็นอะไร...จึงละได้

มันต้องบอกได้ซี...

เล่นบอกละ..ลอย ๆ ...อย่างนี้...ไม่มีเหตุมีผลเอาซะเลย

อย่านึกว่ากระผมไม่เคยลอง...นะ..ไอ้รู้นิ่ง ๆ สังเกตุ ๆ ...


นิ่ง..มีอริยะสัจ..กับ..ไม่มี..ต่างกันยังงัย...บอกได้มั้ย

นิ่งมีสติ...แล้วเป็นวิปัสสนาอัตโนมัตเลยหรอ?

:b6:


ฟ้ามีตา... cry

รู้แล้ว.... :b19: :b19:

ไอ้นิ่งรู้...เนี้ย...รู้ครั้งแรก...เป็นสมถะ

มิน่าละ...รู้..มันก็รู้เฉย ๆ..ไม่เห็นตัดกิเลสได้

มันปิติในสมถะเฉย ๆ ...ยังละจริงไม่ได้หรอก...


จำใว้..asoka...ต้องทำต่อ...

ต่อยอดจากสมถะตัวนั้น...จึงเรียกว่า..วิปัสสนา


อย่าหลงว่ารู้แล้วจนไม่ทำงานทำการ...เด้อ..asoka


ฟ้ามีตา..จริง ๆ Kiss Kiss

คุณกบนี่คงไม่เข้าใจเรื่องสภาวธรรมจริงๆเลยนะครับ เวลาสติ ปัญญาไปนิ่งรู้อยู่กับปัจจุบันอารมณ์แล้วนี่ ปัญญาที่เป็นภาวนามยปัญญาเขาจะเกิดขึ้นมารู้ เห็นความเป็นอนิจจัง ทุกขัง อนัตตา รู้ไปที่ใจโดยตรงเลยทีเดียว ไม่ต้องไปยกอะไรขึ้นอย่างที่คุณว่าหรอกนะครับ ไปลองทำจริงมาดูใหม่ ใช้สติปัญญาสังเกต ดูให้ดีๆก่อน
:b34: น ะ ผ ะ ค


โพสต์ เมื่อ: 17 ธ.ค. 2011, 15:36 
 
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 18 ก.ย. 2011, 21:51
โพสต์: 4941


 ข้อมูลส่วนตัว


ส[
โฮฮับ เขียน:
asoka เขียน:
:b27:
ถ้าผู้ภาวนาอยู่กับปัจจุบันอารมณ์ได้ดีจริงๆ ไม่หวั่นไหวหรือมีปฏิกิริยาตอบโต้เมื่อถูกนิวรณ์อารมณ์แต่ละอย่างรบกวน นิ่งดู นิ่งสังเกต รู้ชัดตลอดสายตั้งแต่อารมณ์นั้น
เกิดขึ้น ตั้งอยู่จนดับไปต่อหน้าต่อตา นิวรณ์และอารมณ์นั้นๆจะ เบาบาจางไปเรื่อยๆ จนดับไป หรือหมดไปจากจิตใจ
นี่คือเคล็ดลับสำคัญในการขุดถอนกิเลส ตัณหา อัตตาและนิวรณ์ธรรมทั้งปวง

:b16:

นี้หรือครับ เคล็ดลับสำคัญของคุณ แสดงความเห็นแบบนี้สงสัย
ไม่รู้จักนิวรณ์ห้า มันอะไรของคุณครับ เกิดนิวรณ์นิ่งดู นิ่งสังเกตุ

เนี้ยบอกให้รู้เลยว่า ไม่รู้จักปัญญา ไม่รู้ว่าปัญญาได้มาอย่างไรแล้ว
นำไปใช้อย่างไร คำตอบเลยเลยเหมือนมั่วส่งๆไปครับ
:b13:

cool cool
สมถะ กลบบังนิวรณ์
วิปัสสนา ขุดถอนนิวรณ์ คุณ ยั ง ไ ม่รู้
ใค ร มั่ ว กั น แ น่ น้ อ
:b12:


โพสต์ เมื่อ: 17 ธ.ค. 2011, 15:48 
 
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 18 ก.ย. 2011, 21:51
โพสต์: 4941


 ข้อมูลส่วนตัว


โฮฮับ เขียน:
asoka เขียน:
:b27:
ถ้าผู้ภาวนาอยู่กับปัจจุบันอารมณ์ได้ดีจริงๆ ไม่หวั่นไหวหรือมีปฏิกิริยาตอบโต้เมื่อถูกนิวรณ์อารมณ์แต่ละอย่างรบกวน นิ่งดู นิ่งสังเกต รู้ชัดตลอดสายตั้งแต่อารมณ์นั้น
เกิดขึ้น ตั้งอยู่จนดับไปต่อหน้าต่อตา นิวรณ์และอารมณ์นั้นๆจะ เบาบาจางไปเรื่อยๆ จนดับไป หรือหมดไปจากจิตใจ
นี่คือเคล็ดลับสำคัญในการขุดถอนกิเลส ตัณหา อัตตาและนิวรณ์ธรรมทั้งปวง

:b16:

โฮฮับ..
นี้หรือครับ เคล็ดลับสำคัญของคุณ แสดงความเห็นแบบนี้สงสัย
ไม่รู้จักนิวรณ์ห้า มันอะไรของคุณครับ เกิดนิวรณ์นิ่งดู นิ่งสังเกตุ

เนี้ยบอกให้รู้เลยว่า ไม่รู้จักปัญญา ไม่รู้ว่าปัญญาได้มาอย่างไรแล้ว
นำไปใช้อย่างไร คำตอบเลยเลยเหมือนมั่วส่งๆไปครับ
:b13:

asoka เขียน:
cool cool ตามสบายนะครับคุณโฮ...กับคุณกบ
grin


อะไรกันครับคุณอโศกะ แค่นี้ก็ตัดช่องน้อยแต่พอตัวแล้วหรือครับ
จะเอาแต่เหตุ ไม่เอาผลไปด้วยหรือครับ ที่บอกว่าผมรู้ปริยัติไม่รู้ปฏิบัติ
ไอ้ปฏิบัติของคุณมันเป็นอย่างนี้นี่เอง คือการเดินหนี แถมเป็นการเดินตัวเปล่า
ไม่เอาปี่เอาขลุ่ยของตัวเองไปด้วย รักจะประชันดนตรีมันต้องร้องให้จบเพลง
ไม่ใช่ร้องครึ่งค่อนเพลง แล้วก็รีบม้วนเสื่อ
ไปเฉยๆไม่มีใครว่าหรอกครับ ข้าวของที่ทิ้งไว้เดี๋ยวก็มีคนเก็บให้
มันเสียตรงที่ ดันเดินผิวปากไปด้วย อันนี้ซิมันน่านัก :b13:

คุณอโศกะครับ นิวรณ์นิ่งดู นิ่งสังเกตุผมว่ามันคงไปกันใหญ่แล้วครับ
มันเหมือนกับตอนที่คุณ พูดเรื่องอริยสัจจ์สี่โดยเข้าใจว่า เป็นเรื่อง ปฏิจจ์ฯ
นั้นแหล่ะครับ

ไอ้วิธีการที่คุณบอกให้นิ่งรู้นิ่งดูเฉยๆ มันเป็นวิธีหาปัญญา ความหมายก็คือ
คนยังไม่มีปัญญา และคนไม่มีปัญญาดับนิวรณ์ไม่ทันหรอกครับ
ส่วนใหญ่แล้วมันจะพัฒนาปรุงแต่งเป็นกิเลสอกุศล

นิวรณ์ เป็นกิเลสที่ละเอียด วิธีการดับจึงต้องดับด้วยปัญญา
โดยการพิจารณาธรรมใด ธรรมหนี่งมาโยนิโสฯ เพื่อดับนิวรณ์นั้น
[/quote]
:b12:
เสื่อยังไม่ได้เก็บแต่คุยต่อไม่ค่อยสะดวก กำลังออนทัวร์แสดงธรรมอยู่ ใช้Tablet ตอบโต้ยังไม่ค่อยคล่อง ขออภัยที่ทิ้งให้เหงา
ผมยังไม่ไปไหนไกลหรอกครับ ตราบใดที่มิจฉาทิษฐิของคนบางกลุ่มยังไม่หายไป ผมจะไม่ทอดทิ้งหน้าที่หรอกครับ
:b12: ค ช ผ ค ก ก


โพสต์ เมื่อ: 17 ธ.ค. 2011, 18:51 
 
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 25 เม.ย. 2009, 02:43
โพสต์: 12232


 ข้อมูลส่วนตัว


asoka เขียน:
คุณกบนี่คงไม่เข้าใจเรื่องสภาวธรรมจริงๆเลยนะครับ

มันเลยจุดหลงว่าเข้าใจ...มาแล้วครับ:b32: :b32:
ตอนนี้มีแต่..ไม่เข้าใจ :b11:

asoka เขียน:
เวลาสติ ปัญญาไปนิ่งรู้อยู่กับปัจจุบันอารมณ์แล้วนี่ ปัญญาที่เป็นภาวนามยปัญญาเขาจะเกิดขึ้นมารู้ เห็นความเป็นอนิจจัง ทุกขัง อนัตตา รู้ไปที่ใจโดยตรงเลยทีเดียว ไม่ต้องไปยกอะไรขึ้นอย่างที่คุณว่าหรอกนะครับ ไปลองทำจริงมาดูใหม่ ใช้สติปัญญาสังเกต ดูให้ดีๆก่อน


สังโยชน์...เวลามันขาด...จะบอกได้ละเอียดยิบเลยละ...ครับ

คุณ asoka เองนั้นแหละ...ไม่เข้าใจ...เลยเอาแต่เถียง

แต่ไอ้ที่รู้ ๆ สภาวะนี้นะ...มันเป็นการฝึกเฉย ๆ ...อย่าดีใจไปว่าตัวเห็นแล้วผ่านแล้ว

ฝึกมันก็ดีอยู่...แต่อย่าไปหลง

กระผมถึงถามงัยว่า...จะรู้ได้งัยว่าตอนนี้กำลังภาวนาอยู่...หรือกำลังฟุ้งซ่านอยู่

ตอนมันบ้าสังขารอยู่มันจะแยกตัวเองออกรึ?...ไม่ออกหรอก

ถึงต้องมีวินัยในการปฏิบัติคือ...กลับมาทำความสงบของใจสลับควบคู่กับไป

อย่าไปหลงสังขารให้มากไปนักนะคุณ asoka

ไอ้ที่คิดว่าจะลัดสั้น...จะพาลเนินนานไปไม่รู้ตัว


โพสต์ เมื่อ: 17 ธ.ค. 2011, 18:57 
 
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 25 เม.ย. 2009, 02:43
โพสต์: 12232


 ข้อมูลส่วนตัว


ตอนโกรธ...รู้มั้ย?...รู้

แล้วทำไม...วันหลังยังโกรธอีก

แล้ว...ไอ้ที่รู้เมื่อตะกี้...เป็นปัญญา...ตัดโกรธได้รึยัง?


โพสต์ เมื่อ: 18 ธ.ค. 2011, 04:04 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 13 ก.พ. 2010, 17:53
โพสต์: 4999

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


asoka เขียน:
ส[
โฮฮับ เขียน:
asoka เขียน:
:b27:
ถ้าผู้ภาวนาอยู่กับปัจจุบันอารมณ์ได้ดีจริงๆ ไม่หวั่นไหวหรือมีปฏิกิริยาตอบโต้เมื่อถูกนิวรณ์อารมณ์แต่ละอย่างรบกวน นิ่งดู นิ่งสังเกต รู้ชัดตลอดสายตั้งแต่อารมณ์นั้น
เกิดขึ้น ตั้งอยู่จนดับไปต่อหน้าต่อตา นิวรณ์และอารมณ์นั้นๆจะ เบาบาจางไปเรื่อยๆ จนดับไป หรือหมดไปจากจิตใจ
นี่คือเคล็ดลับสำคัญในการขุดถอนกิเลส ตัณหา อัตตาและนิวรณ์ธรรมทั้งปวง

:b16:

นี้หรือครับ เคล็ดลับสำคัญของคุณ แสดงความเห็นแบบนี้สงสัย
ไม่รู้จักนิวรณ์ห้า มันอะไรของคุณครับ เกิดนิวรณ์นิ่งดู นิ่งสังเกตุ

เนี้ยบอกให้รู้เลยว่า ไม่รู้จักปัญญา ไม่รู้ว่าปัญญาได้มาอย่างไรแล้ว
นำไปใช้อย่างไร คำตอบเลยเลยเหมือนมั่วส่งๆไปครับ
:b13:

cool cool
สมถะ กลบบังนิวรณ์
วิปัสสนา ขุดถอนนิวรณ์ คุณ ยั ง ไ ม่รู้
ใค ร มั่ ว กั น แ น่ น้ อ :b12:

รู้ซิทำไมผมจะไม่รู้ ก็เพราะผมรู้ไง ถึงรู้ว่าคุณไม่รู้(มั่ว)

ไหนถ้ารู้จริงมันต้องพิสูจน์ครับ
คุณว่าเกิดนิวรณ์ใช้วิปัสนาฐานไหนอย่างไรครับ
ช่วยอธิบาย จะได้ไม่คิดว่าคุณตีลูกเนียน

บอกให้หน่อยเดี๋ยวจะหาว่าผมแกล้งเนียน
ไอ้วิธีของผม คือ วิปัสนาโดยใช้สมถะช่วย
บอกแค่นี้ เดี๋ยวลอกคำตอบเราไปแกล้งเนียน

แล้วอย่าลืมตอบน่ะ อย่าแกล้งหายไปแล้วกลับมาพร้อมกับ
ความไร้สาระเหมือนกระทู้โน้นล่ะ :b13:


โพสต์ เมื่อ: 18 ธ.ค. 2011, 04:17 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 13 ก.พ. 2010, 17:53
โพสต์: 4999

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


คุณกะลาครับ อย่าไปปรามาสคุณโสกะ แกนักเลยครับ มันบาป :b13:
แกเป็นสุดยอดและเจ๋งเป๋ง ขนาดนิวรณ์แกยังตามรู้ตามดูแบบนิ่งๆได้
แถมบอกว่ากำลังวิปัสนา นับถือๆ
คุณโสกะไปออนทัวร์ระวังหลงกลับบ้านไม่ถูกนะครับ :b13:


โพสต์ เมื่อ: 18 ธ.ค. 2011, 12:22 
 
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 18 ก.ย. 2011, 21:51
โพสต์: 4941


 ข้อมูลส่วนตัว


โฮฮับ เขียน:
asoka เขียน:
ส[
โฮฮับ เขียน:
asoka เขียน:
:b27:
ถ้าผู้ภาวนาอยู่กับปัจจุบันอารมณ์ได้ดีจริงๆ ไม่หวั่นไหวหรือมีปฏิกิริยาตอบโต้เมื่อถูกนิวรณ์อารมณ์แต่ละอย่างรบกวน นิ่งดู นิ่งสังเกต รู้ชัดตลอดสายตั้งแต่อารมณ์นั้น
เกิดขึ้น ตั้งอยู่จนดับไปต่อหน้าต่อตา นิวรณ์และอารมณ์นั้นๆจะ เบาบาจางไปเรื่อยๆ จนดับไป หรือหมดไปจากจิตใจ
นี่คือเคล็ดลับสำคัญในการขุดถอนกิเลส ตัณหา อัตตาและนิวรณ์ธรรมทั้งปวง

:b16:

นี้หรือครับ เคล็ดลับสำคัญของคุณ แสดงความเห็นแบบนี้สงสัย
ไม่รู้จักนิวรณ์ห้า มันอะไรของคุณครับ เกิดนิวรณ์นิ่งดู นิ่งสังเกตุ

เนี้ยบอกให้รู้เลยว่า ไม่รู้จักปัญญา ไม่รู้ว่าปัญญาได้มาอย่างไรแล้ว
นำไปใช้อย่างไร คำตอบเลยเลยเหมือนมั่วส่งๆไปครับ
:b13:

cool cool
สมถะ กลบบังนิวรณ์
วิปัสสนา ขุดถอนนิวรณ์ คุณ ยั ง ไ ม่รู้
ใค ร มั่ ว กั น แ น่ น้ อ :b12:

รู้ซิทำไมผมจะไม่รู้ ก็เพราะผมรู้ไง ถึงรู้ว่าคุณไม่รู้(มั่ว)

ไหนถ้ารู้จริงมันต้องพิสูจน์ครับ :b12:
คุณว่าเกิดนิวรณ์ใช้วิปัสนาฐานไหนอย่างไรครับ
ช่วยอธิบาย จะได้ไม่คิดว่าคุณตีลูกเนียน


บอกให้หน่อยเดี๋ยวจะหาว่าผมแกล้งเนียน
ไอ้วิธีของผม คือ วิปัสนาโดยใช้สมถะช่วย
บอกแค่นี้ เดี๋ยวลอกคำตอบเราไปแกล้งเนียน

แล้วอย่าลืมตอบน่ะ อย่าแกล้งหายไปแล้วกลับมาพร้อมกับ
ความไร้สาระเหมือนกระทู้โน้นล่ะ :b13:

:b12: นิวรณ์ธรรมเกิด ต้องใช้ธัมมานุปัสนาสติปัฏฐานคือนิ่งรู้นิ่งสังเกตหรือที่บาลีว่า ธัมเมสุธัมมานุปัสสีวิหารติ ด้วย อาตาปี มีความเพียรจดจ่อต่อเนื่องไม่ลดละ สัมปฌาโน มีปัญญา รู้ตัว สติมา มีสติรู้ทัน วิเนยยะโลเกอภิชฌาโทมนัสสัง เอาออกเสียให้ได้ซึ่งความยินดียินร้ายในโลก ซึง ก็ คื อ ค วาม ต อ บ โ ต้ ต่อนิวรรณ์ตัว นั้ น
วิ ธี ที่จ ะ ทำ ใ ห้นิ วร ณ์ ตั ว นั้ น ดั บ ไ ป ก็ เ พียง แ ต่ นิ่งรู้ นิ่ง สังเกตไว้เฉยๆ สักพักเดียวมันก็จะดับไป ว ก ใ ฝ ฟ ช ผ


โพสต์ เมื่อ: 18 ธ.ค. 2011, 12:32 
 
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 18 ก.ย. 2011, 21:51
โพสต์: 4941


 ข้อมูลส่วนตัว


กบนอกกะลา เขียน:
ตอนโกรธ...รู้มั้ย?...รู้

แล้วทำไม...วันหลังยังโกรธอีก

แล้ว...ไอ้ที่รู้เมื่อตะกี้...เป็นปัญญา...ตัดโกรธได้รึยัง?

onion onion แค่สัญญา ปัญญาจริงๆเขาจะรู้และทะลวงลึกไปถึงต้นเหง้าของความโกรธโน่นคือความที่ยังมี กู อยู่ยังไงไม่รู้หรือครับ
อย่าคิดไปฆ่าโกรธเลยเพราะมันเป็นผล จงหมายไปฆ่าที่เหตุโน่นคือความเป็นกู
ฮู้บ่
tongue


โพสต์ เมื่อ: 18 ธ.ค. 2011, 12:40 
 
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 18 ก.ย. 2011, 21:51
โพสต์: 4941


 ข้อมูลส่วนตัว


โฮฮับ เขียน:
คุณกะลาครับ อย่าไปปรามาสคุณโสกะ แกนักเลยครับ มันบาป :b13:
แกเป็นสุดยอดและเจ๋งเป๋ง ขนาดนิวรณ์แกยังตามรู้ตามดูแบบนิ่งๆได้
แถมบอกว่ากำลังวิปัสนา นับถือๆ
คุณโสกะไปออนทัวร์ระวังหลงกลับบ้านไม่ถูกนะครับ :b13:

:b1: :b1: โห ........นี่สองท่านนี้ขนาดนิวรณ์ธรรมเกิดขึ้นในจิตยังไม่สามารถเอาสติปัญญาไปจับรู้จับสังเกตได้ คงเพราะมัวแต่ใช้สติไปตัด วิปัสนาปัญญาจึงไม่เกิด ก ก ก


โพสต์ เมื่อ: 18 ธ.ค. 2011, 13:54 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 13 ก.พ. 2010, 17:53
โพสต์: 4999

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


asoka เขียน:
[ :b12: นิวรณ์ธรรมเกิด ต้องใช้ธัมมานุปัสนาสติปัฏฐานคือนิ่งรู้นิ่งสังเกตหรือที่บาลีว่า ธัมเมสุธัมมานุปัสสีวิหารติ ด้วย อาตาปี มีความเพียรจดจ่อต่อเนื่องไม่ลดละ สัมปฌาโน มีปัญญา รู้ตัว สติมา มีสติรู้ทัน วิเนยยะโลเกอภิชฌาโทมนัสสัง เอาออกเสียให้ได้ซึ่งความยินดียินร้ายในโลก ซึง ก็ คื อ ค วาม ต อ บ โ ต้ ต่อนิวรรณ์ตัว นั้ น
วิ ธี ที่จ ะ ทำ ใ ห้นิ วร ณ์ ตั ว นั้ น ดั บ ไ ป ก็ เ พียง แ ต่ นิ่งรู้ นิ่ง สังเกตไว้เฉยๆ สักพักเดียวมันก็จะดับไป ว ก ใ ฝ ฟ ช ผ

พูดไปเรื่อยแทนที่จะแปลบาลีมาด้วย ใส่บาลีมาทั้งดุ้นแบบนี้
ชาวบ้านก็รู้หมดว่าไปลอกเขามา ลอกมาไม่ว่า ดันมั่วเป็นจับฉ่ายแแกงโฮ๊ะอีก

มันมีที่ไหนธัมมาวิปัสสนาคือการนิ่งสังเกตุ อย่าว่าแต่ธัมมาฯเลย
ต่อให้เป็นวิปัสนาของสติปัสฐานสี่ทุกฐาน เขาก็ไม่นิ่งสังเกตุ

ไอ้วิธีนิ่งสังเกตุ มันเป็นวิธีของปุถุชน เขาใช้หาปัญญา

ส่วนวิปัสสนากรรมฐาน มันเป็นเรื่องของอริยบุคคลผู้มีปัญญาแล้ว
และนำปัญญามาพิจารณาธรรม


แล้วที่ตอบมาว่าใช้ธัมมานุปัสนาน่ะถูกแล้ว แต่มันผิดที่วิธีการ
หรืออาจพูดได้ว่าเจ้าตัวไม่รู้ไม่เข้าใจในสิ่งที่เอามาพูดด้วยซ้ำไป


โพสต์ เมื่อ: 18 ธ.ค. 2011, 16:55 
 
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 18 ก.ย. 2011, 21:51
โพสต์: 4941


 ข้อมูลส่วนตัว


โฮฮับ เขียน:
asoka เขียน:
[ :b12: นิวรณ์ธรรมเกิด ต้องใช้ธัมมานุปัสนาสติปัฏฐานคือนิ่งรู้นิ่งสังเกตหรือที่บาลีว่า ธัมเมสุธัมมานุปัสสีวิหารติ ด้วย อาตาปี มีความเพียรจดจ่อต่อเนื่องไม่ลดละ สัมปฌาโน มีปัญญา รู้ตัว สติมา มีสติรู้ทัน วิเนยยะโลเกอภิชฌาโทมนัสสัง เอาออกเสียให้ได้ซึ่งความยินดียินร้ายในโลก ซึง ก็ คื อ ค วาม ต อ บ โ ต้ ต่อนิวรรณ์ตัว นั้ น
วิ ธี ที่จ ะ ทำ ใ ห้นิ วร ณ์ ตั ว นั้ น ดั บ ไ ป ก็ เ พียง แ ต่ นิ่งรู้ นิ่ง สังเกตไว้เฉยๆ สักพักเดียวมันก็จะดับไป ว ก ใ ฝ ฟ ช ผ

พูดไปเรื่อยแทนที่จะแปลบาลีมาด้วย ใส่บาลีมาทั้งดุ้นแบบนี้
ชาวบ้านก็รู้หมดว่าไปลอกเขามา ลอกมาไม่ว่า ดันมั่วเป็นจับฉ่ายแแกงโฮ๊ะอีก

มันมีที่ไหนธัมมาวิปัสสนาคือการนิ่งสังเกตุ อย่าว่าแต่ธัมมาฯเลย
ต่อให้เป็นวิปัสนาของสติปัสฐานสี่ทุกฐาน เขาก็ไม่นิ่งสังเกตุ

ไอ้วิธีนิ่งสังเกตุ มันเป็นวิธีของปุถุชน เขาใช้หาปัญญา

ส่วนวิปัสสนากรรมฐาน มันเป็นเรื่องของอริยบุคคลผู้มีปัญญาแล้ว
และนำปัญญามาพิจารณาธรรม


แล้วที่ตอบมาว่าใช้ธัมมานุปัสนาน่ะถูกแล้ว แต่มันผิดที่วิธีการ
หรืออาจพูดได้ว่าเจ้าตัวไม่รู้ไม่เข้าใจในสิ่งที่เอามาพูดด้วยซ้ำไป

:b29:
ที่คุณโฮ...ไปลอกพระไตรปิฎกมาอวดภูมิไปทั่วทั้งลานนั่นไม่ยิ่งกว่าหรือครับ

แล้วสติปัฏฐานสี่ที่ยกมาให้ดูท่อนหนึ่ง แปลให้ดูตั้งหลายประโยค เว้นท่อนแรกไว้ลองภูมิคน ก็เจอคนไม่รู้จริงๆ :b28:

เธอพึงเฝ้าพิจารณาเห็นธรรมในธรรมอยู่เนืองๆ ตำราเขาแปลอย่างนี้ มีค่าเท่ากับการนิ่งดูนิ่งสังเกตพิจารณานั่นแหละครับ ลองปฏิบัติจริงดูซิครับคุณโฮ..อย่ามัวไปคิดจับผิดผู้อื่นอยู่ร่ำไปจะตกนรกทั้งเป็นโดยไม่รู้ตัวนะครับ

ส่วนที่ไปเข้าใจหรือเห็นว่าเรื่องสติปัฏฐานสี่เป็นเรื่องของพระอริยเจ้าทำเท่านั้น นี่เห็นผิดอย่างมหาศาลอย่างไม่น่าให้อภัยเพราะจะพาให้ผู้ใหม่ที่ไม่รู้หลงผิดตามไปด้วย บาปหนักนะโยม.........
ไปทบทวนอ่านดูใหม่ให้ดีๆนะครับ

แล้วไอ้ที่คุณว่าใช้วิธีสมถะผสมวิปัสนาแก้นิวรณ์ของคุณนั้นนะลองเอามาแสดงดูซิครับ ไม่ต้องกลัวผมลอก ผมไม่ลอกสิ่งที่ผิดๆที่คุณจะบอกหรอกครับ เพราะผมรู้ว่าคุณเห็นผิดมาตั้งแต่ต้นที่เอาสติ สมาธิมานำหน้าปัญญา

แสดงภูมิทางด้านปฏิบัติมาให้ดูให้ชื่นใจหน่อยซิครับ แต่อย่าไปลอกเอาข้อความในพระไตรปิฎกมาเกทับใครอีกล่ะ
:b34: :b26: :b34:


ฑ ม ผผ


โพสต์ เมื่อ: 18 ธ.ค. 2011, 22:49 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 10 พ.ย. 2009, 10:41
โพสต์: 4463

อายุ: 0
ที่อยู่: วัฏสงสาร

 ข้อมูลส่วนตัว


asoka เขียน:
cool
หลับอยุ่ เขียน:
อ่านยันต์จากเกจิสมัยก่อนหรือปริศนาธรรมในพระเครื่อง ยังถูกต้องลึกซึ้งและง่ายกว่า :b6:

ไม่มีปัญญาพอจะทำความเข้าใจได้ใช่หรือเปล่า จึงหลบไปหาเครื่องรางของขลังโน่น นั่นไม่ใช่ทางที่พระพุทธเจ้าทรงสอนนะครับ
:b20: :b12:

ก้กระโหลกกกะลาแบบคุณโสกะไงครับ ที่อ่านศิลปะธรรมไม่ออก ไม่รู้เรื่องน้ำดินไฟลมจตุฏวัฏฐาน1หนึ่งในสมถะสี่สิบกอง เจริญจนเป็นธรรมเอกผุดขึ้นตั้งมั่นในภายในตั้งแต่ปฐมฌานขึ้นไปถึงขั้นภูมิวิปัสสนา


โพสต์ เมื่อ: 19 ธ.ค. 2011, 01:47 
 
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 25 เม.ย. 2009, 02:43
โพสต์: 12232


 ข้อมูลส่วนตัว


asoka เขียน:
กบนอกกะลา เขียน:
ตอนโกรธ...รู้มั้ย?...รู้

แล้วทำไม...วันหลังยังโกรธอีก

แล้ว...ไอ้ที่รู้เมื่อตะกี้...เป็นปัญญา...ตัดโกรธได้รึยัง?

onion onion แค่สัญญา ปัญญาจริงๆเขาจะรู้และทะลวงลึกไปถึงต้นเหง้าของความโกรธโน่นคือความที่ยังมี กู อยู่ยังไงไม่รู้หรือครับ
อย่าคิดไปฆ่าโกรธเลยเพราะมันเป็นผล จงหมายไปฆ่าที่เหตุโน่นคือความเป็นกู
ฮู้บ่
tongue


:b32: :b32: :b32:
ก็ไหนบอกว่า...ให้นิ่งรู้งัย :b32:

ไหนช่วยบอกหน่อยซิ...นิ่งรู้...ไปทำลายตัวกูอันเป็นเหตุ...ได้งัย? :b13:

อย่าลืมคำพูดของตัวเองนะ..ว่า...ไม่ต้องยกอะไรมาพิจารณา..นะ

asoka..อย่าพายเรือในอ่าง..เด้อ :b12:


แสดงโพสต์จาก:  เรียงตาม  
กลับไปยังกระทู้  [ 164 โพสต์ ]  ไปที่หน้า ย้อนกลับ  1, 2, 3, 4, 5, 6, 7, 8 ... 11  ต่อไป

เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง


 ผู้ใช้งานขณะนี้

่กำลังดูบอร์ดนี้: ไม่มีสมาชิก และ บุคคลทั่วไป 1 ท่าน


ท่าน ไม่สามารถ โพสต์กระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ตอบกระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แก้ไขโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ลบโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แนบไฟล์ในบอร์ดนี้ได้

ค้นหาสำหรับ:
ไปที่:  
Google
ทั่วไป เว็บธรรมจักร