วันเวลาปัจจุบัน 18 ก.ค. 2025, 12:07  



เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง




กลับไปยังกระทู้  [ 161 โพสต์ ]  ไปที่หน้า ย้อนกลับ  1, 2, 3, 4, 5, 6, 7, 8 ... 11  ต่อไป  Bookmark and Share
เจ้าของ ข้อความ
โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 24 มิ.ย. 2012, 06:17 
 
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 18 ก.ย. 2011, 21:51
โพสต์: 4941


 ข้อมูลส่วนตัว


:b8:
สาธุ อนุโมทนากับคุณวลัยพรครับ

"ในการสนทนาธรรมนี้ โลกทางอินเตอร์เน็ต เป็นโลกที่ชำแหละกิเลสได้ดีที่สุด กรรมหรือวิบากที่ส่งผล อย่างมากก็แค่ฟุ้งซ่านเท่านั้นเอง ส่วนดีคือ ได้รู้จักสภาวะหลากหลาย

ดีกว่า สนทนากับโลกตามความเป็นจริง ในชีวิตปัจจุบัน ทั้งกายกรรม วจีกรรม มโนกรรม รับเละ หากสติไม่ทัน"

:b27:


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 25 มิ.ย. 2012, 14:09 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 02 ก.ค. 2006, 22:20
โพสต์: 5976

โฮมเพจ: http://walaiblog.blogspot.com/
แนวปฏิบัติ: กายคตาสติ
อายุ: 0
ที่อยู่: สมุทรปราการ

 ข้อมูลส่วนตัว


มุสาวาท



โลกทางอินเตอร์เน็ต


ในดีมีเสีย ในเสียมีดี โลกของโลกทางอินเตอร์เน็ต ก็เช่นเดียวกัน

สามารถใช้ตรวจสอบตัวเองได้ ในเรื่องของศิล


ศิล เป็นเรื่องสำคัญมากๆ สภาวะจะก้าวหน้า หรือไม่ก้าวหน้า ข้อบ่งบอกอยู่ที่ ศิล


โลกทางอินเตอร์เน็ต อยากเล่น อยากแสดง อยากเป็นอะไรๆในสมมุติ ฯลฯ คือ เป็นได้หมดทุกอย่าง เป็นได้ตามใจ ที่อยากจะเป็น ตราบใดที่ยังมีกิเลส ไม่ใช่เรื่องผิดปกติอะไร

แต่ สำหรับศิลข้อมุสา คำว่า มุสา หมายถึง การพูดโกหก ในสภาวะที่ตัวเองเป็นอยู่จริง

เช่น เป็นหญิง แต่คำโพส แสดงตน เป็นชาย(สำนวน คำพูด) หรือ เป็นชาย คำโพส แสดงตนเป็นหญิง

หรือ ใช้คำแสดงตน เป็นหญิงบ้าง ชายบ้าง หรือพระบ้าง แม้กระทั่งเพศอื่นๆ ที่ไม่ใช่ตามความเป็นจริง ที่ตนนั้นเป็นอยู่ ปรากฏอยู่


การดูตามความเป็นจริง ในจิตของตัวเอง ต้องแสดงอยู่ตามความเป็นจริง แสดงตน ตามความเป็นจริงของเพศ ที่ตนนั้นเป็นอยู่

หากแม้น มีการมุ่งพยายามแสดงตนว่า เป็นผู้เห็นตามความเป็นจริง แต่ยังผิดศิลข้อนี้อยู่ คือ ไม่แสดงตนตามความเป็นจริง ของเพศที่ตนเป็นอยู่ ปรากฏอยู่

หากสภาวะ มีการแสดงตน ตรงกันข้าม กับความจริง ที่ปรากฏเห็นอยู่ ย่อมชื่อว่า มุสาวาท เหตุมี ผลย่อมมี


นี่คือ ข้อดี ในการใช้ตรวจสอบ ในเรื่องของศิล หากยังมีความประพฤติเช่นนี้อยู่ ชื่อว่า ยังมีการยึดติดอยู่ใน โลกธรรม ๘

ผู้ที่รู้เห็นตามความเป็นจริง ย่อมไม่ยึดมั่นถือมั่น ในโลกธรรม ๘ เป็นผู้ที่ชื่อว่า ไม่มีการปกปิดตัวเอง

.....................................................
มิจฉาปณิหิตจิต จิตที่ตั้งไว้ผิด ย่อมตามพิชิตตัวเอง

สัตว์โลกย่อมเป็นไปตามกรรม ตามการกระทำของแต่ละคน (ตามความเป็นจริง)


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 25 มิ.ย. 2012, 20:52 
 
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 25 เม.ย. 2009, 02:43
โพสต์: 12232


 ข้อมูลส่วนตัว


ศีล...ในโลกอินเทอเน็ต..สำคัญจริง ๆ ...

อย่างได้แกล้งเป็น...อย่างที่คุณวลัยพรว่ามาเลยนะครับ....เพื่อน ๆ พี่ ๆ น้อง ๆ ..

แม้จะดูเล็กน้อย...แต่อาจิณกรรม...ก็กำหนดชะตาชีวิตเราได้...

ลองคิดดู....เราเล่นทุกครั้ง....มันก็ผิดเป็นอัตโนมัตตามด้วยทุกที...

สยอง....นะ.. :b5: :b5:


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 25 มิ.ย. 2012, 20:57 
 
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 03 ธ.ค. 2011, 21:40
โพสต์: 952


 ข้อมูลส่วนตัว


walaiporn เขียน:
มุสาวาท



โลกทางอินเตอร์เน็ต


ในดีมีเสีย ในเสียมีดี โลกของโลกทางอินเตอร์เน็ต ก็เช่นเดียวกัน

สามารถใช้ตรวจสอบตัวเองได้ ในเรื่องของศิล


ศิล เป็นเรื่องสำคัญมากๆ สภาวะจะก้าวหน้า หรือไม่ก้าวหน้า ข้อบ่งบอกอยู่ที่ ศิล


โลกทางอินเตอร์เน็ต อยากเล่น อยากแสดง อยากเป็นอะไรๆในสมมุติ ฯลฯ คือ เป็นได้หมดทุกอย่าง เป็นได้ตามใจ ที่อยากจะเป็น ตราบใดที่ยังมีกิเลส ไม่ใช่เรื่องผิดปกติอะไร

แต่ สำหรับศิลข้อมุสา คำว่า มุสา หมายถึง การพูดโกหก ในสภาวะที่ตัวเองเป็นอยู่จริง

เช่น เป็นหญิง แต่คำโพส แสดงตน เป็นชาย(สำนวน คำพูด) หรือ เป็นชาย คำโพส แสดงตนเป็นหญิง

หรือ ใช้คำแสดงตน เป็นหญิงบ้าง ชายบ้าง หรือพระบ้าง แม้กระทั่งเพศอื่นๆ ที่ไม่ใช่ตามความเป็นจริง ที่ตนนั้นเป็นอยู่ ปรากฏอยู่


การดูตามความเป็นจริง ในจิตของตัวเอง ต้องแสดงอยู่ตามความเป็นจริง แสดงตน ตามความเป็นจริงของเพศ ที่ตนนั้นเป็นอยู่

หากแม้น มีการมุ่งพยายามแสดงตนว่า เป็นผู้เห็นตามความเป็นจริง แต่ยังผิดศิลข้อนี้อยู่ คือ ไม่แสดงตนตามความเป็นจริง ของเพศที่ตนเป็นอยู่ ปรากฏอยู่

หากสภาวะ มีการแสดงตน ตรงกันข้าม กับความจริง ที่ปรากฏเห็นอยู่ ย่อมชื่อว่า มุสาวาท เหตุมี ผลย่อมมี


นี่คือ ข้อดี ในการใช้ตรวจสอบ ในเรื่องของศิล หากยังมีความประพฤติเช่นนี้อยู่ ชื่อว่า ยังมีการยึดติดอยู่ใน โลกธรรม ๘

ผู้ที่รู้เห็นตามความเป็นจริง ย่อมไม่ยึดมั่นถือมั่น ในโลกธรรม ๘ เป็นผู้ที่ชื่อว่า ไม่มีการปกปิดตัวเอง


สาธุ สาธุ สาธุ ครับ

เริ่มที่ ศิล จบที่ ศิล
เริ่มจากรักษา ศิล พยายามได้บ้างไม่ได้บ้าง ปฏิบัติไป ดูผลความก้าวหน้าได้ จากความบริสุทธิ์จากศิล เริ่มจากศิล 5/8/... ไปจน ไม่ต้องรักษา ศิล

ส่วนผมเองยังไม่ก้าวไปไหนเลย cry


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 26 มิ.ย. 2012, 05:17 
 
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 18 ก.ย. 2011, 21:51
โพสต์: 4941


 ข้อมูลส่วนตัว


:b31: :b31: :b12: :b12: :b12:
ฝึกจิต........
สาธุ สาธุ สาธุ ครับ

เริ่มที่ ศีล จบที่ ศีล
เริ่มจากรักษา ศีล พยายามได้บ้างไม่ได้บ้าง ปฏิบัติไป ดูผลความก้าวหน้าได้ จากความบริสุทธิ์จากศีล เริ่มจากศีล 5/8/... ไปจน ไม่ต้องรักษา ศีล

ส่วนผมเองยังไม่ก้าวไปไหนเลย
:b17: :b17:
:b12: :b16:
ดีแล้ว คุณฝึกจิต ไม่ต้องก้าวไปไหน.....อยู่นิ่งๆ.......จน"ความสังเกต" ตามธรรมชาติเขาเกิดขึ้นมาสังเกตเข้าไปในกายและจิตที่กำลังอยู่นิ่งๆ..........เพราะการจะเข้าถึงความจริงนั้นต้องหยุด.........หยุด กาย หยุดใจ ให้นิ่ง หยุดการกระทำทุกสิ่งที่ใจร่ำร้อง.....มีแต่ปฏิกิริยามองสังเกตรู้อยู่กับปัจจุบันอารมณ์ ตามธรรมชาติการทำงานของจิต......แล้วชีวิตเขาจะสรุปตัวเองลงไปในสมดุลย์.......สุญญะ ก็จะผุดปรากฏขึ้นมาเองโดยธรรม
:b53: :b45: :b51:


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 26 มิ.ย. 2012, 06:28 
 
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 03 ธ.ค. 2011, 21:40
โพสต์: 952


 ข้อมูลส่วนตัว


asoka เขียน:
:b31: :b31: :b12: :b12: :b12:
ฝึกจิต........
สาธุ สาธุ สาธุ ครับ

เริ่มที่ ศีล จบที่ ศีล
เริ่มจากรักษา ศีล พยายามได้บ้างไม่ได้บ้าง ปฏิบัติไป ดูผลความก้าวหน้าได้ จากความบริสุทธิ์จากศีล เริ่มจากศีล 5/8/... ไปจน ไม่ต้องรักษา ศีล

ส่วนผมเองยังไม่ก้าวไปไหนเลย
:b17: :b17:
:b12: :b16:
ดีแล้ว คุณฝึกจิต ไม่ต้องก้าวไปไหน.....อยู่นิ่งๆ.......จน"ความสังเกต" ตามธรรมชาติเขาเกิดขึ้นมาสังเกตเข้าไปในกายและจิตที่กำลังอยู่นิ่งๆ..........เพราะการจะเข้าถึงความจริงนั้นต้องหยุด.........หยุด กาย หยุดใจ ให้นิ่ง หยุดการกระทำทุกสิ่งที่ใจร่ำร้อง.....มีแต่ปฏิกิริยามองสังเกตรู้อยู่กับปัจจุบันอารมณ์ ตามธรรมชาติการทำงานของจิต......แล้วชีวิตเขาจะสรุปตัวเองลงไปในสมดุลย์.......สุญญะ ก็จะผุดปรากฏขึ้นมาเองโดยธรรม
:b53: :b45: :b51:



หยุด ผมเจอคำว่า หยุด อีกแหละ ในเวป พลังจิตก็บอกให้ หยุด หยุดการปรุงแต่ง แล้วของท่านอโศกะ
นี้ หยุดอะไร หยุดนานแค่ไหน 1วิ 2วิ หรือ 1ชม. 2ชม. บอกให้หยุด แล้วบอกให้ สังเกตุ อีก สรุปแล้ว ต้องหยุดกี่อย่าง ให้เหลือ เพียงสังเกตุ ใช่มั้ย งั้นก็หยุดไม่หมดซิ

เอ!!! แล้ววันทั้งวัน ท่านจะได้เวลา วิปัสสนา กันกี่นาทีกันละนี้
เมื่อมีสติ (ตื่น) ผมก็วิปัสสนาได้ตลอดเวลา ไม่จำเป็นต้องหยุด ทั้งกาย และ ใจ


พระพุทธองค์สอนให้ หยุดการกระทำทุกสิ่ง ด้วยหรือ แนะนำ พุทธพจน์ ให้ผมอ่านหน่อยซิครับ

ขอบคุณล่วงหน้าครับ


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 26 มิ.ย. 2012, 06:53 
 
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 18 ก.ย. 2011, 21:51
โพสต์: 4941


 ข้อมูลส่วนตัว


ฝึกจิต เขียน:
asoka เขียน:
:b31: :b31: :b12: :b12: :b12:
ฝึกจิต........
สาธุ สาธุ สาธุ ครับ

เริ่มที่ ศีล จบที่ ศีล
เริ่มจากรักษา ศีล พยายามได้บ้างไม่ได้บ้าง ปฏิบัติไป ดูผลความก้าวหน้าได้ จากความบริสุทธิ์จากศีล เริ่มจากศีล 5/8/... ไปจน ไม่ต้องรักษา ศีล

ส่วนผมเองยังไม่ก้าวไปไหนเลย
:b17: :b17:
:b12: :b16:
ดีแล้ว คุณฝึกจิต ไม่ต้องก้าวไปไหน.....อยู่นิ่งๆ.......จน"ความสังเกต" ตามธรรมชาติเขาเกิดขึ้นมาสังเกตเข้าไปในกายและจิตที่กำลังอยู่นิ่งๆ..........เพราะการจะเข้าถึงความจริงนั้นต้องหยุด.........หยุด กาย หยุดใจ ให้นิ่ง หยุดการกระทำทุกสิ่งที่ใจร่ำร้อง.....มีแต่ปฏิกิริยามองสังเกตรู้อยู่กับปัจจุบันอารมณ์ ตามธรรมชาติการทำงานของจิต......แล้วชีวิตเขาจะสรุปตัวเองลงไปในสมดุลย์.......สุญญะ ก็จะผุดปรากฏขึ้นมาเองโดยธรรม
:b53: :b45: :b51:


ฝึกจิต.......
หยุด ผมเจอคำว่า หยุด อีกแหละ ในเวป พลังจิตก็บอกให้ หยุด หยุดการปรุงแต่ง แล้วของท่านอโศกะ
นี้ หยุดอะไร หยุดนานแค่ไหน 1วิ 2วิ หรือ 1ชม. 2ชม. บอกให้หยุด แล้วบอกให้ สังเกตุ อีก สรุปแล้ว ต้องหยุดกี่อย่าง ให้เหลือ เพียงสังเกตุ ใช่มั้ย งั้นก็หยุดไม่หมดซิ
:b48:
หยุด!.....นี่เป็นเพียงคำบอกในภาษาพูด.....แต่หยุดโดยธรรมนั้นคือ สติ ที่มาหยุด กาย หยุดจิต ที่ฟุ้งไปกับอดีตและอนาคต หยุดนิวรณ์ธรรมทั้งลาย แล้วปัจจุบันเขาจะปรากฏขึ้นมาเองโดยธรรม การทำวิปัสสนาในชีวิตประจำวันของคุณฝึกจิต ลองสังเกตให้ดี ปฏิกิริยาหยุดโดยธรรมชาติที่ได้รับการอบรมแล้วเขาก็เป็นอย่างนี้
:b48:
ความสังเกต เขาจะเกิดมีขึ้นมาเองโดยธรรมชาติ เมื่อกาย จิตสงบ หรือหยุดแล้ว
:b53:
ฝึกจิต......
เอ!!! แล้ววันทั้งวัน ท่านจะได้เวลา วิปัสสนา กันกี่นาทีกันละนี้
เมื่อมีสติ (ตื่น) ผมก็วิปัสสนาได้ตลอดเวลา ไม่จำเป็นต้องหยุด ทั้งกาย และ ใจ
:b8:
คำถามนี้ก็น่าจะหมดปัญหา จากคำอธิบายข้างต้นแล้วลองสังเกตข้อความที่ตัดยกมาให้ดูชัดๆอีกทีนะครับ
:b45:
1. จน"ความสังเกต" ตามธรรมชาติเขาเกิดขึ้นมา
:b42:
2.หยุดใจ ให้นิ่ง หยุดการกระทำทุกสิ่งที่ใจร่ำร้อง มีแต่ปฏิกิริยามองสังเกตรู้อยู่กับปัจจุบันอารมณ์ ตามธรรมชาติการทำงานของจิต
:b44:
ฝึกจิต......
พระพุทธองค์สอนให้ หยุดการกระทำทุกสิ่ง ด้วยหรือ แนะนำ พุทธพจน์ ให้ผมอ่านหน่อยซิครับ

ขอบคุณล่วงหน้าครับ

:b16:
พุทธพจน์เรื่อง "หยุด" ที่ชัดมากคือเมื่อครั้งที่องคุลีมาลย์ วิ่งไล่ตามพระพุทธองค์ไม่ทันแล้วตระโกนเรียกว่า "สมณะ หยุดก่อน" พระพุทธองค์ตรัสตอบว่า "เราหยุดแล้ว แต่เธอซิยังไม่หยุด" หยุดอะไรบ้างคุณฝึกจิตลองตีความหมายให้แตกดูนะครับ ฟังดูเหมือนไม่เกี่ียวกับเรื่องนี้ แต่ถ้าสังเกต พิจารณา ใช้สติปัญญาวิเคราะหดูให้ดี จะเห็นความเกี่่ยวข้องที่อธิบายการ "หยุด" ได้ลึกซึ้งยิ่งนัก
:b39: :b39:


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 26 มิ.ย. 2012, 07:24 
 
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 03 ธ.ค. 2011, 21:40
โพสต์: 952


 ข้อมูลส่วนตัว


ยังดี ที่ไม่บอกว่า หยุดปรุงแต่งไปเลย โดยไม่รู้จัก สงบ(สมาธิ) :b12: :b12:
ไม่ผิดหวัง :b8:

ก็บอกตรงๆก็ได้ ว่า เจริญสติ อยู่กับ ปัจจุบันขณะ :b8:


แก้ไขล่าสุดโดย ฝึกจิต เมื่อ 26 มิ.ย. 2012, 08:15, แก้ไขแล้ว 1 ครั้ง

โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 26 มิ.ย. 2012, 07:36 
 
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 25 เม.ย. 2009, 02:43
โพสต์: 12232


 ข้อมูลส่วนตัว


มันต้องไขว่คว้า....กันก่อน

ไขว่คว้าไปจนเหนื่อย...จึงรู้หยุด

หยุดแล้ว....จึงเห็น

เห็น..ตัณหาความทยานอยาก..ในอารมณ์ของการไขว่คว้า

เห็นโทษ..เห็นตัณหา...จึงรู้ได้ถึงความมีอยู่ของอวิชชา..มีม่านตัณหาบดบัง

จึงเห็นสิ่งที่ตน..ต้องถอดถอน

นี้คือ...หยุดจึงเห็น

แต่หยุดของอโสกะ...ไม่รู้ว่าหยุดเพราะเห็นตัณหา...หรือว่าหยุดเพราะตัณหา....


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 26 มิ.ย. 2012, 17:47 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 27 ก.พ. 2012, 12:27
โพสต์: 2372

แนวปฏิบัติ: ปฏิจจสมุปบาท และกรรมฐาน
งานอดิเรก: สวดมนต์รภาวนา
อายุ: 27

 ข้อมูลส่วนตัว


asoka เขียน:
:b31: :b31: :b12: :b12: :b12:
ฝึกจิต........
สาธุ สาธุ สาธุ ครับ

เริ่มที่ ศีล จบที่ ศีล
เริ่มจากรักษา ศีล พยายามได้บ้างไม่ได้บ้าง ปฏิบัติไป ดูผลความก้าวหน้าได้ จากความบริสุทธิ์จากศีล เริ่มจากศีล 5/8/... ไปจน ไม่ต้องรักษา ศีล

ส่วนผมเองยังไม่ก้าวไปไหนเลย
:b17: :b17:
:b12: :b16:
ดีแล้ว คุณฝึกจิต ไม่ต้องก้าวไปไหน.....อยู่นิ่งๆ.......จน"ความสังเกต" ตามธรรมชาติเขาเกิดขึ้นมาสังเกตเข้าไปในกายและจิตที่กำลังอยู่นิ่งๆ..........เพราะการจะเข้าถึงความจริงนั้นต้องหยุด.........หยุด กาย หยุดใจ ให้นิ่ง หยุดการกระทำทุกสิ่งที่ใจร่ำร้อง.....มีแต่ปฏิกิริยามองสังเกตรู้อยู่กับปัจจุบันอารมณ์ ตามธรรมชาติการทำงานของจิต......แล้วชีวิตเขาจะสรุปตัวเองลงไปในสมดุลย์.......สุญญะ ก็จะผุดปรากฏขึ้นมาเองโดยธรรม
:b53: :b45: :b51:

ถามอโสกะว่า เข้าใจสมถะ กับเข้าใจ สติระลึกรู้กับปัจจุบันขณะมั้ย
พูดอะไรของอโสะกะทำไมมันงุนงง หยุดใจให้นิ่ง หยุดการกระทำทุกสิ่งทุกอย่างที่ใจร่ำร้อง
หยุดอะไรหรออโสกะ หยุดการกระทำทุกสิ่งทุกอย่าง หยุดนั่นหยุดนี่ ตอนนั่งกรรมฐาน จิตมันก็ว่างอยู่ในสุญญตาอยู่แล้วถ้าคนเข้าฌานแต่ตอนออกจากฌาน สังเกตุตัวเองดีๆว่าไหลไปกับธรรมมารมย์อย่างอื่นไหม
การจะหยุดก็ต้องใช้ปัญญาพิจารณาว่าหยุดในความหมายที่แท้จริงคือ หยุดกิเลศตัณหา ไม่ใช่มาพูดว่าหยุดการกระทำทุกสิ่งทุกอย่าง สมมตินะอโสกะ คุนโดนคนอื่นใส่ร้ายว่า คุนขโมยตังเพื่อน ทั้งที่คุนไม่ได้ทำ คุนก็จะหยุดอยู่เฉยๆหรอ มันต้องดูเหตุปัจจัยมาก่อน สติเป็นใหญ่นะอโสกะ สมมติลูกชายคุนไปด่าเพื่อนแล้วเพื่อนลูกชายคุนเตะก้านคอลูกชายของอโสกะ ลุกชายก็มาฟ้องพ่อว่าโดนเตะก้านคอเพราะตัวเองไปด่าเพื่อน แบบนี้ถึงต้องหยุด ไม่ใช่ไปโกรธคนอื่นที่มาเตะลูกชายของตน หยุดความโลภ ความโกรธ ความหลง เข้าใจไหมอโสกะเอ้ย.. ตลกสิ้นดี :b6:


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 27 มิ.ย. 2012, 06:16 
 
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 18 ก.ย. 2011, 21:51
โพสต์: 4941


 ข้อมูลส่วนตัว


กบนอกกะลา เขียน:
มันต้องไขว่คว้า....กันก่อน

ไขว่คว้าไปจนเหนื่อย...จึงรู้หยุด

หยุดแล้ว....จึงเห็น

เห็น..ตัณหาความทยานอยาก..ในอารมณ์ของการไขว่คว้า

เห็นโทษ..เห็นตัณหา...จึงรู้ได้ถึงความมีอยู่ของอวิชชา..มีม่านตัณหาบดบัง

จึงเห็นสิ่งที่ตน..ต้องถอดถอน

นี้คือ...หยุดจึงเห็น

แต่หยุดของอโสกะ...ไม่รู้ว่าหยุดเพราะเห็นตัณหา...หรือว่าหยุดเพราะตัณหา....

:b1:
การ "หยุด"ตั้งแต่เริ่มต้นนั้นเป็นเรื่องง่ายๆ แต่ผมไม่อธิบายและตั้งปริศนาไว้ให้คุณฝึกจิตเขาคิดค้นหาคำตอบเอาเอง เพราะคุยและคุ้นเคยกับเขามานานแล้ว
:b16:
แต่คงยาก ที่คุณกบจะเข้าใจเรื่องนี้ได้อย่างง่ายๆ ลองอ่านและสังเกต พิจารณาให้ดีๆ ทุกคำพูด อีกทีอาจไขปริศนาในใจของคุณกบได้นะครับ ใบ้ให้น่อยว่า หยุดเมื่อเริ่มต้นนั้นยังไม่ใช่เพราะเห็นตัณหาหรือเพราะตัณหาและการเห็นตัณหาก็ไม่ใช่เหตุให้หยุดได้สนิท ต้องเห็นสังโยชน์ตัวที่ 1 ชัดๆแล้วถอนออกเสียได้ก่อน จากนั้นก็ถอนส่วนที่เหลือไปตามลำดับ
:b27: :b27:
ดีแล้ว คุณฝึกจิต ไม่ต้องก้าวไปไหน.....อยู่นิ่งๆ.......จน"ความสังเกต" ตามธรรมชาติเขาเกิดขึ้นมาสังเกตเข้าไปในกายและจิตที่กำลังอยู่นิ่งๆ..........เพราะการจะเข้าถึงความจริงนั้นต้องหยุด.........หยุด กาย หยุดใจ ให้นิ่ง หยุดการกระทำทุกสิ่งที่ใจร่ำร้อง.....มีแต่ปฏิกิริยามองสังเกตรู้อยู่กับปัจจุบันอารมณ์ ตามธรรมชาติการทำงานของจิต......แล้วชีวิตเขาจะสรุปตัวเองลงไปในสมดุลย์.......สุญญะ ก็จะผุดปรากฏขึ้นมาเองโดยธรรม
:b27: :b20:


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 27 มิ.ย. 2012, 06:27 
 
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 18 ก.ย. 2011, 21:51
โพสต์: 4941


 ข้อมูลส่วนตัว


ฝึกจิต เขียน:
ยังดี ที่ไม่บอกว่า หยุดปรุงแต่งไปเลย โดยไม่รู้จัก สงบ(สมาธิ) :b12: :b12:
ไม่ผิดหวัง :b8:

ก็บอกตรงๆก็ได้ ว่า เจริญสติ อยู่กับ ปัจจุบันขณะ :b8:

:b27: :b27: :b27:
อนุโมทากับคุณฝึกจิต งานจริงๆก็มีแค่นี้เอง แต่ขอปรับเพิ่มนิดหนึ่งได้ไหมครับว่า
:b45:
"ก็บอกตรงๆก็ได้ ว่า นิ่งอยู่จนปัญญากับสติ เขาเกิดขึ้นมาอยู่กับ ปัจจุบันขณะ (อารมณ์) (โดยธรรมชาติของเขา)"
อ้างอิงจาก........อาตาปี...สัมปฌาโณ....สติมา..... แล้ว วิเนยยะ...โลเก...อภิชฌา โทมนัสสัง เขาจะเกิดเองเป็นเองตามกระบวนการปรับสมดุลย์ตามธรรมชาติของกายและจิต
:b16: :b16: :b16: :b16:


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 27 มิ.ย. 2012, 06:37 
 
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 25 เม.ย. 2009, 02:43
โพสต์: 12232


 ข้อมูลส่วนตัว


กบนอกกะลา เขียน:
....

แต่หยุดของอโสกะ...ไม่รู้ว่าหยุดเพราะเห็นตัณหา...หรือว่าหยุดเพราะตัณหา....

asoka เขียน:
:b1:
การ "หยุด"ตั้งแต่เริ่มต้นนั้นเป็นเรื่องง่ายๆ แต่ผมไม่อธิบายและตั้งปริศนาไว้ให้คุณฝึกจิตเขาคิดค้นหาคำตอบเอาเอง เพราะคุยและคุ้นเคยกับเขามานานแล้ว
:b16:
แต่คงยาก ที่คุณกบจะเข้าใจเรื่องนี้ได้อย่างง่ายๆ ลองอ่านและสังเกต พิจารณาให้ดีๆ ทุกคำพูด อีกทีอาจไขปริศนาในใจของคุณกบได้นะครับ ใบ้ให้น่อยว่า หยุดเมื่อเริ่มต้นนั้นยังไม่ใช่เพราะเห็นตัณหาหรือเพราะตัณหาและการเห็นตัณหาก็ไม่ใช่เหตุให้หยุดได้สนิท ต้องเห็นสังโยชน์ตัวที่ 1 ชัดๆแล้วถอนออกเสียได้ก่อน จากนั้นก็ถอนส่วนที่เหลือไปตามลำดับ
:b20:


เอิ๊ก......เอิ๊ก.....จริง ๆ ..ยากที่กระผมจะเข้าใจจริง ๆ ... :b32:

คงตามจินตาการอันวิจิตร..ของอโสกะ....ไม่ทัน.. :b9:

ไอ้ผมมันถนัดแต่ของง่าย ๆ .... :b32: :b32: :b32:


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 27 มิ.ย. 2012, 07:00 
 
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 18 ก.ย. 2011, 21:51
โพสต์: 4941


 ข้อมูลส่วนตัว


nongkong เขียน:
asoka เขียน:
:b31: :b31: :b12: :b12: :b12:
ฝึกจิต........
สาธุ สาธุ สาธุ ครับ

เริ่มที่ ศีล จบที่ ศีล
เริ่มจากรักษา ศีล พยายามได้บ้างไม่ได้บ้าง ปฏิบัติไป ดูผลความก้าวหน้าได้ จากความบริสุทธิ์จากศีล เริ่มจากศีล 5/8/... ไปจน ไม่ต้องรักษา ศีล

ส่วนผมเองยังไม่ก้าวไปไหนเลย
:b17: :b17:
:b12: :b16:
ดีแล้ว คุณฝึกจิต ไม่ต้องก้าวไปไหน.....อยู่นิ่งๆ.......จน"ความสังเกต" ตามธรรมชาติเขาเกิดขึ้นมาสังเกตเข้าไปในกายและจิตที่กำลังอยู่นิ่งๆ..........เพราะการจะเข้าถึงความจริงนั้นต้องหยุด.........หยุด กาย หยุดใจ ให้นิ่ง หยุดการกระทำทุกสิ่งที่ใจร่ำร้อง.....มีแต่ปฏิกิริยามองสังเกตรู้อยู่กับปัจจุบันอารมณ์ ตามธรรมชาติการทำงานของจิต......แล้วชีวิตเขาจะสรุปตัวเองลงไปในสมดุลย์.......สุญญะ ก็จะผุดปรากฏขึ้นมาเองโดยธรรม
:b53: :b45: :b51:

ถามอโสกะว่า เข้าใจสมถะ กับเข้าใจ สติระลึกรู้กับปัจจุบันขณะมั้ย
พูดอะไรของอโสะกะทำไมมันงุนงง หยุดใจให้นิ่ง หยุดการกระทำทุกสิ่งทุกอย่างที่ใจร่ำร้อง
หยุดอะไรหรออโสกะ หยุดการกระทำทุกสิ่งทุกอย่าง หยุดนั่นหยุดนี่ ตอนนั่งกรรมฐาน จิตมันก็ว่างอยู่ในสุญญตาอยู่แล้วถ้าคนเข้าฌานแต่ตอนออกจากฌาน สังเกตุตัวเองดีๆว่าไหลไปกับธรรมมารมย์อย่างอื่นไหม
การจะหยุดก็ต้องใช้ปัญญาพิจารณาว่าหยุดในความหมายที่แท้จริงคือ หยุดกิเลศตัณหา ไม่ใช่มาพูดว่าหยุดการกระทำทุกสิ่งทุกอย่าง สมมตินะอโสกะ คุนโดนคนอื่นใส่ร้ายว่า คุนขโมยตังเพื่อน ทั้งที่คุนไม่ได้ทำ คุนก็จะหยุดอยู่เฉยๆหรอ มันต้องดูเหตุปัจจัยมาก่อน สติเป็นใหญ่นะอโสกะ สมมติลูกชายคุนไปด่าเพื่อนแล้วเพื่อนลูกชายคุนเตะก้านคอลูกชายของอโสกะ ลุกชายก็มาฟ้องพ่อว่าโดนเตะก้านคอเพราะตัวเองไปด่าเพื่อน แบบนี้ถึงต้องหยุด ไม่ใช่ไปโกรธคนอื่นที่มาเตะลูกชายของตน หยุดความโลภ ความโกรธ ความหลง เข้าใจไหมอโสกะเอ้ย.. ตลกสิ้นดี :b6:

:b12: :b12: :b12:
เป็นธรรมดาของคนอารมณ์ร้อนอย่างน้องคงที่จะต้องงุนงงไม่เข้าใจกับธรรมะที่ละเอียดอ่อน ชวนให้ต้องคิด พินิจพิเคราะห์ ตีปริศนาธรรม
:b12: :b12:
ใจเย็นๆ ค่อยๆอ่าน ค่อยๆสังเกต พิจารณาไป แล้วก็สังเกตคำพูดของตนเองให้ดีๆไปด้วย
จะวิเคราะห์ให้ฟังเป็นบางคำให้เห็น เพื่อให้เห็นว่า ถ้าสติปัญญายังไม่ละเอียดพอ จะตีความหรือใช้บัญญัติผิดไปจากสภาวธรรมจริงๆที่ปรากฏในจิต

:b41: :b41:
1."เข้าใจ สติระลึกรู้กับปัจจุบันขณะมั้ย" น้องคงถาม
:b6:
วิเคราะห์........
ปัจจุบันขณะ กับ ปัจจุบันอารมณ์ นั้นต่างกันมากโดยสภาวะ
:b39:
ปัจจุบันขณะ .....เป็นสิ่งที่เกิดขึ้นณเวลานั้น ซึ่งอาจจะซ้อนๆกันอยู่หลายชั้น เช่น หูกำลังได้ยินเสียง อากาศกำลังสัมผัสผิว กลิ่นอาหารกำลังกระทบจมูก ลมหายใจกำลังเข้าออก หัวใจเต้น ชีพจรเต้น ความสั่นสะเทือนในร่างกายกำลังทำงาน ทั้งหมดนี้กำลังเกิดขึ้นพร้อมๆกัน ในเวลาเดียวกัน
:b41: :b41:
ปัจจุบันอารมณ์.....เป็นความรู้ชัด รู้ทันอารมณ์ใดอารมณ์หนึ่งอารมณ์เดียวที่กำลังปรากฏ.....
ความรู้ชัดอารมณ์นั้น ขึ้นอยู่กับระดับสมาธิ ความนิ่ง ความคม ความละเอียด ของสติปัญญาของแต่ละบุคคล ตัวอย่างเช่นปัจจุบันขณะที่เกิดดังกล่าวข้างต้น บางคนอาจกำลังรู้ชัดเสียง.....บางคนอาจรู้ชัด กลิ่น การกระทบสัมผัส ลมหายใจ น้อยคนจะรู้ชัด หัวใจเต้น ชีพจร หรือความสั่นสะเทือนในร่างกายอันเป็นสิงที่ละเอียดอ่อน
:b40:
ปัจจุบันอารมณ์ มีหนึ่งเดียว เป็นอารม์สำหรับวิปัสสนาภาวนา
:b16:
ปัจจุบันขณะ ....มีหลายอัน เป็นบัญญัติเพื่อประกอบการแจกแจงอารมณ์
:b39:
2."ตอนนั่งกรรมฐาน จิตมันก็ว่างอยู่ในสุญญตาอยู่แล้ว" น้องคงพูด
:b15:
คำพูดนี้ ไม่ถูกต้องตามธรรม ......เพราะมีหรือที่ผู้นั่งกรรมฐานทุกคนจะเป็นอย่างที่น้องพูด ไม่ใช่ต้องผ่านด่านนิวรณ์กันให้ได้ก่อนในระยะเริ่มต้น เก่งกันทุกคนเหมือนน้องคงหรือครับ และน้องคงทำได้จริงๆหรือ นั่งปุ๊บ จิตว่างเป็นสูญปั๊บ"
cool
วิเคราะห์ จาก 2 ข้อนี้แล้ว จึงวินิจฉัยว่า สติปัญญาของน้องยังไม่ละเอียดพอที่จะตีความให้รู้เรื่อง ตามปริศนาให้คุณฝึกจิตเขาขบคิด .....น้องต้องลองไปอ่านดูอีกทีด้วยความพินิจพิเคราะห์นะครับ
:b53: :b55:
เจริญธรรม
:b8:


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 27 มิ.ย. 2012, 07:10 
 
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 18 ก.ย. 2011, 21:51
โพสต์: 4941


 ข้อมูลส่วนตัว


กบนอกกะลา เขียน:
กบนอกกะลา เขียน:
....

แต่หยุดของอโสกะ...ไม่รู้ว่าหยุดเพราะเห็นตัณหา...หรือว่าหยุดเพราะตัณหา....

asoka เขียน:
:b1:
การ "หยุด"ตั้งแต่เริ่มต้นนั้นเป็นเรื่องง่ายๆ แต่ผมไม่อธิบายและตั้งปริศนาไว้ให้คุณฝึกจิตเขาคิดค้นหาคำตอบเอาเอง เพราะคุยและคุ้นเคยกับเขามานานแล้ว
:b16:
แต่คงยาก ที่คุณกบจะเข้าใจเรื่องนี้ได้อย่างง่ายๆ ลองอ่านและสังเกต พิจารณาให้ดีๆ ทุกคำพูด อีกทีอาจไขปริศนาในใจของคุณกบได้นะครับ ใบ้ให้น่อยว่า หยุดเมื่อเริ่มต้นนั้นยังไม่ใช่เพราะเห็นตัณหาหรือเพราะตัณหาและการเห็นตัณหาก็ไม่ใช่เหตุให้หยุดได้สนิท ต้องเห็นสังโยชน์ตัวที่ 1 ชัดๆแล้วถอนออกเสียได้ก่อน จากนั้นก็ถอนส่วนที่เหลือไปตามลำดับ
:b20:


เอิ๊ก......เอิ๊ก.....จริง ๆ ..ยากที่กระผมจะเข้าใจจริง ๆ ... :b32:

คงตามจินตาการอันวิจิตร..ของอโสกะ....ไม่ทัน.. :b9:

ไอ้ผมมันถนัดแต่ของง่าย ๆ .... :b32: :b32: :b32:

:b11:
ดีแล้วที่ชอบของง่ายๆ
ธรรมะ จริงๆก็เป็นเรื่องง่ายๆ แต่กระทู้นี้เอายากมาขวางเพื่อให้ทุกท่านค้นพบความง่ายในธรรมด้วยตนเองซึ่งจะน่าภูมิใจกว่าการปรุงสำเร็จเป็น ฟาสท์ฟูด ใส่จานมาเสริฟให้อย่างที่เราไปสั่งเอาตามค้อฟฟี่ชอ็ปนะครับ

:b53: :b37: :b38:


แสดงโพสต์จาก:  เรียงตาม  
กลับไปยังกระทู้  [ 161 โพสต์ ]  ไปที่หน้า ย้อนกลับ  1, 2, 3, 4, 5, 6, 7, 8 ... 11  ต่อไป

เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง


 ผู้ใช้งานขณะนี้

่กำลังดูบอร์ดนี้: ไม่มีสมาชิก และ บุคคลทั่วไป 1 ท่าน


ท่าน ไม่สามารถ โพสต์กระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ตอบกระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แก้ไขโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ลบโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แนบไฟล์ในบอร์ดนี้ได้

ค้นหาสำหรับ:
ไปที่:  
Google
ทั่วไป เว็บธรรมจักร