วันเวลาปัจจุบัน 27 ก.ค. 2025, 19:16  



เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง




กลับไปยังกระทู้  [ 124 โพสต์ ]  ไปที่หน้า ย้อนกลับ  1, 2, 3, 4, 5, 6, 7, 8, 9  ต่อไป  Bookmark and Share
เจ้าของ ข้อความ
โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 16 ม.ค. 2015, 10:01 
 
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 25 เม.ย. 2009, 02:43
โพสต์: 12232


 ข้อมูลส่วนตัว


ลุงหมาน เขียน:
การปลูกฝังแนวคิดแบบเก่าหลับหูหลับตาทำตามๆกันเป็นประเพณี ทำให้ชาวพุทธอ่อนแอ
มัวหมกมุ่นกับเรื่องเหล่านี พระธรรมคำสอนคือแสงสว่างแห่งพระรัตนตรัยก็จะริบหรี่


แก่นของธรรมแท้อยู่ที่สติ มีสติเป็นหัวหน้าให้พากันหัดทำสติให้ดี ให้สำเหนียก ให้แก่กล้า
สตินะทำเท่าไรก็ไม่ผิด เมื่อมีกำลังสติดีแล้วจิตมันจึงรวม เพราะสติ ให้เป็นสติสัมปชัญญะ
เพราะเหตุนั้นพวกเราต้องอบรมสติ ครั้นมีสติแก่กล้า
ทำให้มันดีแล้ว จะไม่พลาด ทำก็ไม่พลาด พูดก็ไม่พลาด คิดก็ไม่พลาด


ไม่เชื่อ...ต้องพิสูจน์...อันนี้ดีครับ...
เพราะ..ความจริง..ต้องพิสูจน์ได้..

แต่..ใครละ..จะมาเป็นกรรมการ..ว่า..ที่เรากำลังพิสูจน์นั้น...เราทำถึงจุดที่ถึงความพิสูจน์ด้วยตัวเองได้แล้ว
ในทางโลก....เขายังมีมาตราฐาน..เป็นกรรมการใช้วัด...เช่น..มาตราฐาน ASTM. ใช้ในวงการวิทยาศาสตร์..วิศวกรรมศาสตร์

ส่วน.ไม่เชื่อก็อย่า..ลบหลู่..นี้...ผมก็อึดอัด..นะ
ผมเคย..พิจารณาคำข้อห้าม..ของผู้เฒ่าผู้แก่...เช่น..ชั่วชั่งชี.ดีชั่งสงฆ์
สมัยก่อน..ผมก็ว่า..จะชั่งได้งั้ย...ชั่วก็ต้องบอกให้คนอื่นรู้ซิ..(เรื่องชั่วๆ..ส่วนใหญ่ก็ได้ยินมาอีกทอดหนึ่งซะมาก.)...แต่เรื่องจริงๆ..เราไม่รู้ไม่เห็นเลย...กลับใช้ความเชื่อไปเล่าบอกต่อคนอื่น..ซะแล้ว

พอมาถึงสมัยนี้...ได้ศึกษาพระศาสนาบ้าง...ก็พอจะรู้ว่า..ทำไม..บางครั้งบบบางคนต้องใช้คำขู่...ใว้ก่อน...ป้องกัน..อกุศลกรรม...พอถึงเวลาที่มีสติปัญญาพอ....เขาจะเข้าใจเนื้อในเอง

ในขณะเดียวกัน..พวกมิจฉาชีพก็ชอบใช้คำนี้เหมือนกัน..เพื่อหลอกผู้อื่น...หลอกผู้มีจริตศรัทธา


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 16 ม.ค. 2015, 20:47 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 27 ก.พ. 2012, 12:27
โพสต์: 2372

แนวปฏิบัติ: ปฏิจจสมุปบาท และกรรมฐาน
งานอดิเรก: สวดมนต์รภาวนา
อายุ: 27

 ข้อมูลส่วนตัว


ความจริงแต่ก่อนตอนปฏิบัติธรรมใหม่ๆ
อยากเห็น นรก สวรรค์ :b32: คือคิดว่า
นักปฏิบัติธรรมที่มีอภิญญาเป็นอะไรที่สุดยอด :b12: :b48:
ก็เด็กอ่ะตอนนั้น ไม่รู้อะไรของดี อะไรของเล่น :b43: ยิ่งใจร่ำร้องว่าอยากเห็น แต่ก็ไม่ได้เห็น
ไม่เคยมีเรื่องแปลกๆให้เจอเลย จนยอมรับว่า..
วาสนาไม่ถึง ก้มหน้าก้มตาทำสิ่งที่เป็นกุศลดีกว่า

เลยนึกว่าสงสัยเราออกแนว สุขวิปัสสโก :b48:
ไม่เป็นไร ไม่เห็นก็ได้..เจริญสติ รักษาศีล
ทำทาน ภาวนา ดีกว่า :b44:

แล้วผลจากการปฏิบัติ ที่ถูกต้องคือเน้น
ทาน ศีล ภาวนา ทำให้จิตเราผ่องใสขึ้น
ยิ่งลดละกิเลศได้มากเท่าไหร่ การภาวนา
ยิ่งเห็นผล จิตไม่ฟุ้งซ่าน ไม่ถูกนิวรณ์รบกวน

แค่นอนทำสมาธิทุกคืน ตื่นมาก็เจริญสติ และ
ศีลเป็นปกติ วันดีคืนดีจิตก็ชะแว๊บ ตกภวังค์
ของเก่า ก็ผลุบๆโผล่ๆ เหมือนเป็นสัญญาณว่า
กรรมเก่าที่เคยปฏิบัติไว้ มันกำลังจะกลับมาละนะ
คนอื่นเรียกของเก่า สำหรับคุนน้องเรียกกรรมเก่า :b14:

ไม่ให้เรียกกรรมเก่าได้ไงล่ะ.. ก็ตอนนั้นที่อยากรู้
ไม่ให้รู้.. พอตอนนี้เดินถูกทางรู้เข้าใจ
แนวทางของพระพุทธองค์ในเรื่อง อริยสัจสี่
ของเล่นพวกนี้ก็โผล่มา แถมทำให้เนิ่นช้า
เพราะตัวสงสัยเยอะ!

กรรมเก่าก็มาขัดขวาง คุนน้องเชื่อว่า
ชาตินี้คนที่มีจิตเป็นฌานถอดกายทิพย์ได้ อดีตชาติ
คงเคยเกิดเป็น ฤาษี ชีไพร นักบวก
อุบาสก อุบาสิกาในพุทธศาสนา :b43:

แล้วก็ต้องมาต่อยอดเพื่อให้ถึงที่สุดแห่งทุกข์
คุนน้องกลัวมากการต้องทำสมาธินานๆ
เพราะคุนน้องกลัวว่า ถ้าเราทำสมาธิเห็นโน่นนี่
ตอนนั้นเราจะรู้สึกยังไง จะเหลวไหลไหม
จะออกนอกลู่นอกทางคำสอนพระพุทธองค์ไหม

เพราะกิเลศมันเนียน ตราบใดที่เรายังมีขันธ์5
กิเลศมันก็ยังกำเริบได้ จะฝึกจริงๆก็ต้องหา
ครูบาอาจารย์มีความรู้ มีประสบการณ์
เพื่อไม่ให้เกิดอันตราย กลายเป็นคนผิดปกติ

เพราะการที่เราขาดความรู้ ความเข้าใจ
และลงมือทำในสิ่งนั้น ย่อมเป็นการประมาทนะ

เหมือนบางคน อยากมีหูทิพย์ตาทิพย์
ไปนรก สวรรค์ อยากฝึกให้ได้ฌาน
แต่ไม่ยอมทำตามขั้นตอน เล่นข้ามสเตป
ก็เหมือนคนกระโดดขึ้นบันไดข้ามขั้น
กระโดดพลาดก็ตกลงมาเจ็บหนัก
กว่าคนเดินขึ้นทีละขั้นนะ เราต้อง
เน้น ทาน ศีล ก่อนเริ่มต้น ฝึกเจริญสติ

คุนน้องว่าคนที่ยังรักษาศีล5ไม่ได้ จะทำฌาน
คงเป็นไปได้ยาก ถึงเคยมีของเก่าก็เป็นมิจฉาสมาธิ ปฏิบัตินานๆจะทำให้ฟุ้งซ่าน จิตผิดปกติ

เพราะเหตุนี้จะทำอะไร ทำไปทำไม
เพื่ออะไร ต้องศึกษาให้มาก อะไร
ที่มีคุนอนันต์ ก็มีโทษมหันต์ ถ้าไม่มี
ความรู้ความเข้าใจ :b44: :b48:


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 19 ม.ค. 2015, 23:24 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 27 ก.พ. 2012, 12:27
โพสต์: 2372

แนวปฏิบัติ: ปฏิจจสมุปบาท และกรรมฐาน
งานอดิเรก: สวดมนต์รภาวนา
อายุ: 27

 ข้อมูลส่วนตัว


คุนน้องเกิดlucid dream ครั้งล่าสุด แต่แปลกกว่าทุกครั้ง ( เพิ่งจะครบ30ปี ไปเมื่อวันเสาร์ :b32: )

ก่อนหน้านั้นฝันธรรมดา คือฝันว่าได้ทำกิจกรรม
เหมือนต้อนรับน้องใหม่ :b14: นั่งล้อมวงกัน แล้วมีคนร้องเพลง และเค้าบอกเรายืนขึ้น เต้นตามรุ่นพี่
:b14: :b14: (คือเทวดาอาจจะรับน้องใหม่ แบบธรรมเนียมโลกมนุษย์มั้ง :b32: )และมีแบ่งกลุ่ม
ทำกิจกรรมเล่นเกมส์กันด้วย แล้วทำไมคุนน้องต้องถูกเลือกด้วยล่ะ :b5: แถมแพ้ทีมตรงข้าม555

พอมาล่าสุดฝันว่า หลงไปอยู่ที่ไหนก็ไม่รู้ แล้วคุนน้องก็เดินไปเรื่อยๆตามทาง แล้วคุนน้องสะดุดกึก!!เพราะเหลือบไปเห็น งูสีเขียวมีหงอนสีแดงตัวขนาดกลาง ชันคอขึ้น เหมือนอยู่ใต้ดินแล้วโผล่ขึ้นมา
แค่ส่วนหัว คุนน้องกะจ้องกับงูตาไม่กระพริบ ไม่ขยับ
พอเค้ารู้ว่า คุนน้องเห็น เขามุดดินดำหายไปเลย
แล้วอยู่ๆ คุนน้องก็รู้สึกตัวว่าฝัน ใช่เราฝันในจิตบอกแบบนั้น แต่ฝันแบบรู้ชัดมาก คุนน้องเลยทำสมาธิเพื่อลองเหาะ ก็เหาะขึ้น ยิ่งเอาจิตมาจับลมเข้าลมออก ตอนเหาะ มันจะบินลิ่วเลยย คุนน้องเลยคิดว่า เราถอดจิตออกมาหรอ ทำไมเรารู้ตัวในฝันขนาดนี้(เมื่อก่อนรู้กึ่งๆคนเบลอ)เลยตั้งจิตกำหนด อยากเห็นสวรรค์ เชื่อมั้ยค่ะ คุนน้องไปโผล่ ที่ไหนไม่รู้เหมือนเราหายตัวฝลึบเลย..

คุยน้องเห็นดินแเดน ที่มองจากข้างนอก ที่ตนลอยอยู่ในอากาศเหนือเมฏ และเหมือนตาเรามันซูมมองภาพระยะไกลได้
คุนน้องมองเห็นความสว่างสไวด้วยแสงสว่างหลายสีในดินแดนนั้น คุยน้องจำได้ว่าเห็นดวงอาทิตย์ด้วย

แต่คุนน้องไม่ได้เข้าไป เพราะในจิตรู้ว่าเข้าไปไม่ได้..คือมองอยู่นอกอานาเขต เห็นแต่ด้านนอก
คุนน้องจำไม่ได้ อธิบายไม่ได้ มันติดที่ลิ้นบอกไม่ถูก รู้แต่ว่าสวยงามมากขนาดมองแค่ข้างนอก มันสว่างสไว :b20: :b49: :b47:
เป็นความฝันที่แปลกดี คุนน้องรู้สึกว่า เทวดาเริ่มเอ็นดูคุนน้อง :b9: :b41: เพราะตอนคุนน้องเจริญภาวนา คุนน้องแผ่บุญกุศลให้เทวดาทุกชั้นเลย รวมถึง
เจ้ากรรมนายเวร :b43:


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 20 ม.ค. 2015, 22:08 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 27 ก.พ. 2012, 12:27
โพสต์: 2372

แนวปฏิบัติ: ปฏิจจสมุปบาท และกรรมฐาน
งานอดิเรก: สวดมนต์รภาวนา
อายุ: 27

 ข้อมูลส่วนตัว


ถ้าเราถึงขั้น 2 แล้ว(จขกท.เคยทำได้บ่อยๆ คงรู้ว่าเป็นไง)สิ่งบ่งบอกให้สังเกตได้ว่าถึงขั้น 3 ก็คือ ถ้ามันเลยขั้น 2 สู่ขั้น 3 แล้ว ถ้าสมาธิตก มันก็จะถอยลงมาขั้นที่ 2 จะเกิดปีติขึ้น นั่นแสดงว่าเราถึงขั้น 3 แล้ว (ถ้ามันไม่ถึงขั้น 3 ไม่มีทางเลยที่มันจะแสดงอาการของปีติที่ขั้น 2 ได้ ปีติเกิดขึ้นตอนเริ่มเข้าขั้น 1 แว้บเดียวเท่านั้น กับตอนตกจากขั้น 3 ลงมาที่ขั้น 2 /ขั้น 3 ไม่มีปีติอยู่ในองค์ฌาณ ) ที่ต้องสังเกตจากตรงนี้ เพราะขั้น 3 สังเกตได้ยากมาก มันจะคล้ายคลึงกับขั้น 2 ส่วนขั้น 4 นั้นรู้อาการได้ชัดเจน แต่ถ้าถ้าเคยเข้าถึงขั้น 3 บ่อยๆ ก็จะจับอาการของมันได้ ต้องเจอด้วยตัวเอง คนอื่นอธิบายมันอาจจะเข้าใจได้ยาก เพราะไมรู้ใช้คำไหนถึงจะบรรยายได้ถูก
ฌาณทั้ง 4 ขั้นเพ่งที่เดียวกัน คือลมหรือจุดกระทบตั้งแต่เริ่มนั่นแหละ พอตั้งมั่นขึ้นเรื่อยๆ จากที่ตามลม มันก็จะตั้งมั่นที่จุดเดียว แล้วแต่กำลังสมาธิของเรา ไม่มีการเลิกเพ่งเด็ดขาด ยิ่งฌาณสูงกำลังการเพ่งก็จะยิ่งเข้มข้นขึ้น สติสมบูรณ์สุดอยู่ที่ฌาณ 4 (รูปฌาณ) อาการตัวหายนั้นเป็นไปได้เนื่องจากจิตไม่สนใจอย่างอื่นนอกจากจุดที่เราเพ่งอยู่ แต่อาการทุกอย่างหายไปหมด ไม่มีทางเป็นไปได้ เนื่องจากสติสมบูรณ์ เราจะมีความรู้ชัดตรงที่เราเพ่งอยู่เสมอ
นี่มาจากภาคปฎิบัติ การอธิบายอาจไม่ตรงตามคำศัพท์คัมภีร์หรือไม่ละเอียดเท่าใดนัก แบบคร่าวๆ ถูกไม่ถูกต้องลองทำเอง เผื่ออาจจะเจอเหมือนกันก็ได้


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 20 ม.ค. 2015, 22:09 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 27 ก.พ. 2012, 12:27
โพสต์: 2372

แนวปฏิบัติ: ปฏิจจสมุปบาท และกรรมฐาน
งานอดิเรก: สวดมนต์รภาวนา
อายุ: 27

 ข้อมูลส่วนตัว


nongkong เขียน:
ถ้าเราถึงขั้น 2 แล้ว(จขกท.เคยทำได้บ่อยๆ คงรู้ว่าเป็นไง)สิ่งบ่งบอกให้สังเกตได้ว่าถึงขั้น 3 ก็คือ ถ้ามันเลยขั้น 2 สู่ขั้น 3 แล้ว ถ้าสมาธิตก มันก็จะถอยลงมาขั้นที่ 2 จะเกิดปีติขึ้น นั่นแสดงว่าเราถึงขั้น 3 แล้ว (ถ้ามันไม่ถึงขั้น 3 ไม่มีทางเลยที่มันจะแสดงอาการของปีติที่ขั้น 2 ได้ ปีติเกิดขึ้นตอนเริ่มเข้าขั้น 1 แว้บเดียวเท่านั้น กับตอนตกจากขั้น 3 ลงมาที่ขั้น 2 /ขั้น 3 ไม่มีปีติอยู่ในองค์ฌาณ ) ที่ต้องสังเกตจากตรงนี้ เพราะขั้น 3 สังเกตได้ยากมาก มันจะคล้ายคลึงกับขั้น 2 ส่วนขั้น 4 นั้นรู้อาการได้ชัดเจน แต่ถ้าถ้าเคยเข้าถึงขั้น 3 บ่อยๆ ก็จะจับอาการของมันได้ ต้องเจอด้วยตัวเอง คนอื่นอธิบายมันอาจจะเข้าใจได้ยาก เพราะไมรู้ใช้คำไหนถึงจะบรรยายได้ถูก
ฌาณทั้ง 4 ขั้นเพ่งที่เดียวกัน คือลมหรือจุดกระทบตั้งแต่เริ่มนั่นแหละ พอตั้งมั่นขึ้นเรื่อยๆ จากที่ตามลม มันก็จะตั้งมั่นที่จุดเดียว แล้วแต่กำลังสมาธิของเรา ไม่มีการเลิกเพ่งเด็ดขาด ยิ่งฌาณสูงกำลังการเพ่งก็จะยิ่งเข้มข้นขึ้น สติสมบูรณ์สุดอยู่ที่ฌาณ 4 (รูปฌาณ) อาการตัวหายนั้นเป็นไปได้เนื่องจากจิตไม่สนใจอย่างอื่นนอกจากจุดที่เราเพ่งอยู่ แต่อาการทุกอย่างหายไปหมด ไม่มีทางเป็นไปได้ เนื่องจากสติสมบูรณ์ เราจะมีความรู้ชัดตรงที่เราเพ่งอยู่เสมอ
นี่มาจากภาคปฎิบัติ การอธิบายอาจไม่ตรงตามคำศัพท์คัมภีร์หรือไม่ละเอียดเท่าใดนัก แบบคร่าวๆ ถูกไม่ถูกต้องลองทำเอง เผื่ออาจจะเจอเหมือนกันก็ได้

สนใจนักภาวนาท่านนี้ พอดีสภาวะคล้ายคลึงกับตุนน้องอยู่


แก้ไขล่าสุดโดย nongkong เมื่อ 20 ม.ค. 2015, 22:25, แก้ไขแล้ว 1 ครั้ง

โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 20 ม.ค. 2015, 22:21 
 
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 4
สมาชิก ระดับ 4
ลงทะเบียนเมื่อ: 08 ธ.ค. 2011, 23:47
โพสต์: 298


 ข้อมูลส่วนตัว


เป็นที่ปรึกษา หรือต้องการความร้าวฉาน โดยหวังใจลึกๆว่าจะถูกก้อง


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 20 ม.ค. 2015, 22:29 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 27 ก.พ. 2012, 12:27
โพสต์: 2372

แนวปฏิบัติ: ปฏิจจสมุปบาท และกรรมฐาน
งานอดิเรก: สวดมนต์รภาวนา
อายุ: 27

 ข้อมูลส่วนตัว


yoottapong เขียน:
เป็นที่ปรึกษา หรือต้องการความร้าวฉาน โดยหวังใจลึกๆว่าจะถูกก้อง

ก็เทียบเคียงดู ว่าที่ตนปฏิบัติมันขั้นไหน เพราะไม่ค่อยมีคนอธิบายสภาวะที่ตนเจอตอนภาวนา!

มีแต่เล่าเห็นนิมิต ไร้สาระปรุงแต่ง ไม่มีประโยชน์
นักภาวนาจริงๆ เขาเล่าสภาวะได้เป็นฉากๆๆ
แล้วนักภาวนาคนนี้ ก็ทำให้คุนน้องเข้าใจว่าฌานแต่ละขั้น แตกต่างกันยังไง ดีกว่านั่งสมาธิเห็นนิมิต :b47: :b48:


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 20 ม.ค. 2015, 22:35 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 27 ก.พ. 2012, 12:27
โพสต์: 2372

แนวปฏิบัติ: ปฏิจจสมุปบาท และกรรมฐาน
งานอดิเรก: สวดมนต์รภาวนา
อายุ: 27

 ข้อมูลส่วนตัว


yoottapong เขียน:
เป็นที่ปรึกษา หรือต้องการความร้าวฉาน โดยหวังใจลึกๆว่าจะถูกก้อง

ไปหัดรักษาศีลให้ครบ แล้วเจริญสติให้มากๆนะ
อ่อมีไรจะบอก จริตพุทธภูมิเขาไม่กลัวตายนะ เขายอมตายเพื่อความดี !!


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 20 ม.ค. 2015, 22:46 
 
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 9
สมาชิก ระดับ 9
ลงทะเบียนเมื่อ: 12 มิ.ย. 2014, 20:13
โพสต์: 709

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


:b16: :b4: :b4:
สาธุในความเพียรค่ะ


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 20 ม.ค. 2015, 22:54 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 27 ก.พ. 2012, 12:27
โพสต์: 2372

แนวปฏิบัติ: ปฏิจจสมุปบาท และกรรมฐาน
งานอดิเรก: สวดมนต์รภาวนา
อายุ: 27

 ข้อมูลส่วนตัว


idea เขียน:
:b16: :b4: :b4:
สาธุในความเพียรค่ะ

ใช่ค่ะ อยากรู้ก็ต้องลงมือปฏิบัติ ขวนขวายเอาเอง
การกระทำคุนน้องคืออิทธิบาท4 ค่ะ

๑. ฉันทะ ความพอใจรักใคร่ในสิ่งนั้น
๒. วิริยะ ความพากเพียรในสิ่งนั้น
๓. จิตตะ ความเอาใจใส่ฝักใฝ่ในสิ่งนั้น
๔. วิมังสา ความหมั่นสอดส่องในเหตุผลของสิ่งนั้น
:b4: :b45:


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 20 ม.ค. 2015, 23:02 
 
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 4
สมาชิก ระดับ 4
ลงทะเบียนเมื่อ: 08 ธ.ค. 2011, 23:47
โพสต์: 298


 ข้อมูลส่วนตัว


แหมเค้าว่ากันว่าถ้าอยากได้Falung ต้องรู้จักหมักดอก(ดอกจิก)ด้วยมือที่ชุ่มเหงื่อ แล้วจะได้ฟลัด
หรือจะKing หรือ แหม่ม ก็ของอสุภะ


แก้ไขล่าสุดโดย yoottapong เมื่อ 21 ม.ค. 2015, 12:53, แก้ไขแล้ว 1 ครั้ง

โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 20 ม.ค. 2015, 23:04 
 
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 9
สมาชิก ระดับ 9
ลงทะเบียนเมื่อ: 12 มิ.ย. 2014, 20:13
โพสต์: 709

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


กำหนดลมหรือคะ
ไอเดียเคยทำ และเทียบเคียงสภาวะในเว็บ มันฟุ้งใหญ่เลย นี่คือสาเหตุที่ไม่ค่อยไปหาข้อมูล :b9: :b9:
และก็ตัดใจทิ้งสิ่งที่รู้ แล้วตั้งต้นใหม่ ไม่เทียบเคียงอะไรเลย ทำไปเรื่อยๆ
แต่คุนน้องเป็นคนมั่นใจ ตรงนี้แตกต่างกันมาก เก่งนะค่ะ :b16: :b19:
:b41: :b41:
แต่ขอแสดงความเห็นนะ ผิดถูกไม่ว่ากันนะ
ไอเดียเข้าใจว่า ถึงจุดหนึ่งมันปล่อยหมด คือรู้ รู้ว่ารู้อยู่อย่างนั้นอารมณ์เดียว :b15: รึเปล่า


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 20 ม.ค. 2015, 23:06 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 27 ก.พ. 2012, 12:27
โพสต์: 2372

แนวปฏิบัติ: ปฏิจจสมุปบาท และกรรมฐาน
งานอดิเรก: สวดมนต์รภาวนา
อายุ: 27

 ข้อมูลส่วนตัว


yoottapong เขียน:
แหมเค้าว่ากันว่าถ้าอยากได้Falung ต้องรู้จักหมักดอกด้วยมือที่ชุ่มเหงื่อ แล้วจะได้ฟลัด
หรือจะKing หรือ แหม่ม ก็ของอสุภะ

บอกให้ไปเจริญสติ หรือไปกินยากันอาการกำเริบนะ จะได้พูดจาเหมือนคนปกติ :b47: :b32:


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 20 ม.ค. 2015, 23:11 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 27 ก.พ. 2012, 12:27
โพสต์: 2372

แนวปฏิบัติ: ปฏิจจสมุปบาท และกรรมฐาน
งานอดิเรก: สวดมนต์รภาวนา
อายุ: 27

 ข้อมูลส่วนตัว


idea เขียน:
กำหนดลมหรือคะ
ไอเดียเคยทำ และเทียบเคียงสภาวะในเว็บ มันฟุ้งใหญ่เลย นี่คือสาเหตุที่ไม่ค่อยไปหาข้อมูล :b9: :b9:
และก็ตัดใจทิ้งสิ่งที่รู้ แล้วตั้งต้นใหม่ ไม่เทียบเคียงอะไรเลย ทำไปเรื่อยๆ
แต่คุนน้องเป็นคนมั่นใจ ตรงนี้แตกต่างกันมาก เก่งนะค่ะ :b16: :b19:
:b41: :b41:
แต่ขอแสดงความเห็นนะ ผิดถูกไม่ว่ากันนะ
ไอเดียเข้าใจว่า ถึงจุดหนึ่งมันปล่อยหมด คือรู้ รู้ว่ารู้อยู่อย่างนั้นอารมณ์เดียว :b15: รึเปล่า

ไม่ได้กำหนดลม เอาจิตรู้ลมเข้าลมออกที่ปลายจมูก คุนน้องข้ามวิตก วิจารณ์ ไปเลย คือปิติเกิด ก่อนถึงองค์ฌานน่ะ เเต่จะรู้ว่าถ้าจิตเราแว๊บไปคิดปรุงแต่ง สมาธิแกว่งกลับมาที่ ปิติ อีก เราก็จะ ตามรู้ลม มันก็เข้าสู่ฌานเหมือนเดิม แต่คุนน้องนั่ง20นาที พอ เอาสมถะเป็นบาทฐานเพื่อยกจิต วิปัสนา ค่ะ :b45:
เด่วไปเอาสมาธิตอนภาวนามาให้อ่านนะค่ะ เคยเขียนไว้ที่กระทู้คุนกบนอกกะลา


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 20 ม.ค. 2015, 23:17 
 
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 9
สมาชิก ระดับ 9
ลงทะเบียนเมื่อ: 12 มิ.ย. 2014, 20:13
โพสต์: 709

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


tongue
ไม่ได้ทำนานแล้วอะค่ะ :b9:


แสดงโพสต์จาก:  เรียงตาม  
กลับไปยังกระทู้  [ 124 โพสต์ ]  ไปที่หน้า ย้อนกลับ  1, 2, 3, 4, 5, 6, 7, 8, 9  ต่อไป

เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง


 ผู้ใช้งานขณะนี้

่กำลังดูบอร์ดนี้: ไม่มีสมาชิก และ บุคคลทั่วไป 1 ท่าน


ท่าน ไม่สามารถ โพสต์กระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ตอบกระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แก้ไขโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ลบโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แนบไฟล์ในบอร์ดนี้ได้

ค้นหาสำหรับ:
ไปที่:  
Google
ทั่วไป เว็บธรรมจักร