สวัสดีขอรับผู้ใช้ชื่อว่า noohmairu เช้านี้อากาศเย็นสบายท้องฟ้าครึ้ม ๆ เหมือนฝนจะต้องงั้นแหละ สบายดี

นะขอรับ

ที่ถามว่า ติดต่อกับอุบลวรรณาเถรีทางไหน ติดต่อกันยังไง ตอบด้วยนะขอรับ

อิอิ นี่ละจ้าแสดงสภาวะอินทรีย์สังหอนของจานกลัดกามละจ้า

ได้แต่เห่าหอนตามความรู้สึกไปเรื่อยเปื่อยละจ้า อะบรู๊ว์ๆๆๆๆๆๆๆ



นี่ก็ไหลตามอินทรีย์สังหอนไปอีกละจ้า อะบรู๊ว์ๆๆๆๆๆๆๆๆ


อนุโมทนาสาธุจ้า

ที่ถามไม่ตอบ แสดงว่าอินทรีย์แก่สิท่า ไม่เห็นมีอะไรในสมอง ได้แต่หอนอะบรู๊ว์ๆๆ

อยากรู้อยากเห็นสิ่งซึ้งๆสุขุมคัมภีรภาพ ฯ แบบคาดไม่ถึงนั่นน่าอะไรน้า ขอดูหน่อยดิ

ขอรับ

แต่ดูๆแล้วก็ไม่เห็นมีอะไรนอกจากเสียงหอน อะบรู๊ว์ๆ

ถามผู้ใช้ชื่อว่า noohmairu นะขอรับ เห็นพูดพร่ำมาหลายครั้งแล้ว

อินทรีย์มีกี่อย่าง อะไรบ้าง จงอธิบาย

ก็ไม่เห็นมีใครเขาถามถึงวิธีดำเนินการ ต่อไป อย่างไร เพราะเขารู้กันดีอยู่แล้วและพวกเขาก็ศึกษากันอยู่แล้ว ว่า หนทางออกจากทุกข์นั้น ต้องออกทางใด วิธีการอย่างไร พระพุทธเจ้าตรัสรู้และสอนไว้หมดแล้วและยังมีคำสอนอยู่ในพระไตรปิฎกและมีฉบับแปลเป็นภาษาไทย ให้ได้ศึกษากันอย่างเต็มกำลังความสามารถของแต่และท่าน

ซึ่งลายเซ็นต์ท่านกัด ..เองนั่น ไงหละ เห็นอยู่ชัดเจนอยู่แล้วเป็นหนทาง ดำเนินการออกจากทุกข์ แล้วท่านกัด ...จะมาถามหาให้กวนที่ใส่รองเท้า ของข้าพเจ้าทำไม และนั่นคือ การกวนที่ใส่รองเท้า อย่างชัดเจน



แต่ดูเหมือนว่าจะแปลจากพระไตรปิฏกจากฉบับบาลีมาเองรึเปล่าจึงได้ความหมายแบบนั้น

ซึ่งแท้ที่จริงถ้าแปลออกจากกันระหว่าง อินทรีย์+สังวร

อินทรีย์แปลว่า ความเป็นใหญ่ สภาพที่เป็นใหญ่ในกิจของตน ธรรมที่เป็นเจ้าการในการทำหน้าที่อย่างหนึ่ง ๆ เช่น
ตาเป็นใหญ่ในการเห็น
หูเป็นใหญ่ในการได้ยิน
เป็นต้น

ส่วนคำว่าสังวรแปลว่า ความสำรวม หรือ การระวัง

เมื่อนำมารวมกัน อินทรีย์สังวร แปลว่า
การสำรวม หรือการระวัง หู ตาจมูก ลิ้น กาย ใจ

และอินทรีย์ก็มีหลายอย่างเชิญศึกษาด้วยการอ่าน ให้เข้าใจ

http://www.samyaek.com/tripidok/book31/001_050.htm

แต่ทำไมท่านกัด....ต้องใช้คำว่าควบคุม....เหมือนจะพาไปติดคุกอย่างไรไม่รู้นะท่านกัด...
แต่นั่นก็คือความคิดเห็นส่วนตัวของท่านกัด....
แต่ที่สอนไว้ในพระธรรมวินัยคือ คำสอนในพระไตรปิฎก..มิใช่ความเห็นส่วนตัวของใคร ผู้ใด...ครูบาฯอาจารย์ท่านใด...






ตอบให้แล้วข้างบน หวังว่า คงพอใจ และถ้าคำตอบไม่เป็นที่พอใจของท่านกัด...เชิญหาอ่าน ศึกษา พระไตรปิฎก เอาเองเพราะถ้าจะมาให้ข้าพเจ้า บอกกล่าวตามความเห็นส่วนตัวนั้น อาจทำให้เสียธรรมชาติ ที่พระพุทธเจ้าได้ตรัสรู้ไว้





ท่านกัด.. หมายถึง ข้าพเจ้า Keaksim ใช่หรือไม่


และต่อกระทู้ไปเยอะแยะแล้ว จขกท.เขาอนุญาตให้ตรงไหน
โกงเขาดื้อ ๆ นะหน่ะ





ก็ให้รู้ แพ้ชนะไปเลยว่า ใครความรู้ มากหรือ น้อยกว่ากัน เมื่อผลออกมาแล้วท่านกัด ..คงสบายใจขึ้นบ้างในหน้าร้อนปี 2553 นี้

แต่ขอเตือนท่าน noohmairu ไว้ด้วยว่าพระพุทธเจ้าสอนไว้ว่า

ควรฝึกบุรุษที่ควรฝึกได้ เท่านั้น ....

และ ยินดีในบุญกับ จขกท.ที่นำเสนอ กระทู้ให้แสดงความคิดเห็นกัน ตามความรู้ของตน

และเชิญท่านกัด คุยกับท่าน noohmairu ต่อไป

ติดต่อได้ด้วย???

นี้แหละ อัตตา ของพระพุทธองค์ ศาสนาของพระพุทธองค์ แล้ว สักกายทิฏฐิ มันมาจากไหนกันละ "ไม่มีตัวกู ของกู" แล้วทำไมถึงมีพระพุทธองค์ มีศาสนาของพระพุทธองค์
ศาสนาทุกศาสนามีไว้ เพื่อมนุษย์ได้ศึกษา และเป็นเครื่องป้องกันมิให้มนุษย์ กลายสภาพจิตใจเป็นเยี่ยงสัตว์เดรัจฉาน ดังเช่น กลุ่มคนบางพวก บางกลุ่มกำลังแก่งแย่งกันอยู่ นั่นแหละ หากสภาพจิตใจไร้ซึ่ง ธรรมะแห่งศาสนา พวกเขาเหล่านั้น ก็ย่อมจะคิดจะทำอะไร ได้เยี่ยงสัตว์เดรัจฉานไม่มีผิดดอกขอรับ
ที่กล่าวไป ไม่ได้ด่าใครนะขอรับ เป็นเพียงอธิบายให้ได้รู้ถึงว่า ศาสนาตั้งไว้ หรือมีไว้เพื่ออะไรเท่านั้น

อิอิ ท่านพระอุบลวรรณาเถรีให้ noohmairu มาบอกจานกลัดกามอย่างนี้ละจ้า

“เจ้าคนพาล เจ้าอย่าพินาศฉิบหายเลย เจ้าคนพาล เจ้าอย่าพินาศฉิบหายเลย”

ืnoohmairu ไม่อยู่สนทนากับจานกลัดกามสองต่อสองละจ้า

ท่านพระอุบลวรรณายังโดนข่มขืนมาแล้ว



อนุโมทนาสาธุจ้า

อินทรีย์สังวร ความสำรวมอินทรีย์ ไม่ได้หมายถึง การปิดหู ปิดตา ไม่ให้เห็น ไม่ให้ได้ยิน เป็นต้น

ในขั้นต้น หมายถึงการควบคุมจิตใจ ควบคุมความรู้สึกได้ในเมื่อเกิดความรับรู้ทางตา
ทางหู เป็นต้น ไม่ให้ถูกชักจูงไปในทางที่ถูกกิเลสครอบงำ
ในขั้นสูง เมื่อกลายเป็นผู้เจริญอินทรีย์แล้ว มีความหมายถึงขั้นเป็นนายเหนือความ
รู้สึกต่างๆที่จะเกิดจากการรับรู้เหล่านั้น สามารถบังคับให้เกิดความรู้สึกต่างๆได้ตามต้องการ

เหอๆๆ

ก็บอกแล้วไง
ว่าลายเซนต์แสดงสภาวะธรรม

ถามว่า ที่แสดงมานั่น เรียกว่าขั้นสูง หรือต่ำกว่ามาตรฐาน

จนป่านนี้ยังไม่รู้ ตัว

ความเข้าใจต่ำจริงๆๆ

กรรมอันใด..ที่เธอผู้ไม่รู้..ล่วงเกินต่อคุณพระรัตนไตร

ขอคุณพระรัตนไตร..
โปรดงดโทษ..อโหสิกรรม..แด่เธอ..ผู้ยังไม่รู้..ด้วยเถิด

ถามอีกคนแต่อีกคนมาตอบ สับไปสับมาสับสน เอางี้ดีไหมขอรับ ท่านผู้ใช้นามว่า keaksim เราไปตั้งกระทู้สนทนาเรื่องอินทรีย์กันสองคน ไม่ต้องแย่งกันตอบ

ถามเรืองอินทรีย์ ไปพูดเรื่องข่มขืน จะบ้าตาย เหมือนพูดกับคนเสพยาบ้า

ท่านกัด ...ยังศึกษาเรื่องอินทรีย์ไม่รู้เรื่อง ไม่เข้าใจอีกหรือ ที่นำพระสูตรมาจากพระไตรปิฎกมาอ่านศึกษาเอาเองแล้ว นำเรื่องอินทรีย์มาเป็นลายเซ็นต์ได้อย่างไร หรือมีไว้เล่น โก้ๆ

ส่วนข้าพเจ้า Keaksim จะไม่สนธนาอะไรกับท่านกัด ..เพราะไม่ชอบอัธยาศัยในการ ท่าทีการวางตัวของท่านกัด.. ในการ....มักหาเรื่องกับผู้อื่นให้คุมเค้น ตอบคำถามของท่านกัด เพราะท่านกัด...เป็นผู้รู้ มิใช่ เป็นผู้ไม่รู้....(จากวาทะ และท่าทีของท่านกัด)...เป็นผู้รู้เรื่องคำสอนของพระพุทธเจ้า แต่ชอบหาเรื่อง ...และกลับมาทำตัวกดดันผู้อื่นให้ตอบคำถามของตัวเอง เพราะคงจะคิดว่าผู้อื่นตอบแล้วไม่ถูกใจตัวเอง ซึ่งแท้ที่จริงแล้ว ท่านกัดจะต้อง เป็นผู้ตอบ อย่างสำรวม ระมัดระวัง ใจ วาจาของท่านกัด มิใช่ ให้ผู้อื่นเป็นจำเลยของท่านกัด...มาตอบคำถามของท่านกัด ..ซึ่ง หน้าที่นี้จะต้องคำถามของ จขกท.มิใช่ท่านกัด....โปรดรู้ตัวไว้ซะด้วย และข้าพเจ้า Keaksim ก็ขอเตือนท่านกัด..ดังนี้...

คำพูดของผู้ใช้นามว่า keaksim มันค้านกันอยู่ในตัว บ้างก็ว่ากรัชกาย (แต่กระเดะเรียกท่านกัด ...ทำเป็นสำเพ็งเยาวราช)

ข้างบนว่า ไม่รู้เรื่องอินทรีย์

แต่ข้างล่างว่าเป็นผู้รู้ มิใช่เป็นผู้ไม่รู้ (จะตอแหลแลนด์ไม่ถึงไหน)

เมื่อเห็นอย่างนี้กรุณาอย่าแสดงความเห็นกรณีนี้เลย กรัชกายกำลังสนทนากับผู้ใช้นามว่า noohmairu