วันเวลาปัจจุบัน 22 ก.ค. 2025, 06:30  



เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง




กลับไปยังกระทู้  [ 92 โพสต์ ]  ไปที่หน้า ย้อนกลับ  1 ... 3, 4, 5, 6, 7  ต่อไป  Bookmark and Share
เจ้าของ ข้อความ
โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 15 ก.ค. 2010, 17:52 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 29 ต.ค. 2009, 15:06
โพสต์: 7517

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


tongue
:b12:
...ถ้าท่านกรัชกายรู้ว่าเห็นเป็นคน สัตว์ สิ่งของ ก็รู้ได้ว่าเป็นกิเลส รู้ได้ไม่ต้องถามใครต้องเกิด...ฟันธง...
...สายทางของแต่ละบุคคลมีมาแล้ว...ถ้ารู้ตัวว่าชอบสะสมกุศลที่เป็นบารมีแบบไหนก็ได้เจอสิ่งนั้น...
...สายบุญ...ผู้ที่เข้าวัดปฏิบัติธรรมสายกรรมฐาน...ล้วนยินดีกับศรัทธาของการได้พบกัลยาณมิตร...
...สายบุญที่แสวงธรรม...เขารู้กันทั่วไป...ก็ไม่รู้แต่ผู้ไม่เคยแสวงหากัลยาณมิตรที่ดีที่สุดยุคปัจจุบัน...
...ไม่ลองไปคบแล้วก็ไปสนทนาธรรมกับหลวงปู่บุญเพ็ง กัปปโก...ลองดูสักกะหน่อยหรือเจ้าคะ...
http://www.dhammajak.net/forums/viewtopic.php?f=13&t=27013
:b8:
:b20: :b20:


แก้ไขล่าสุดโดย Rosarin เมื่อ 15 ก.ค. 2010, 17:55, แก้ไขแล้ว 2 ครั้ง.

โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 15 ก.ค. 2010, 18:27 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 ต.ค. 2006, 12:36
โพสต์: 33766

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


สงสัยนิดหนึ่งคิดไม่ตก ที่ว่า ว่าเป็นอริยะเป็นอรหันต์เนี่ยะมักจะเป็นพระป่า (เรียกตามเขา)

จะฝ่ายธรรมยุต :b8:

ส่วนพระมหานิกาย ไม่เห็นมีใครเคยเห็นหรือพูดถึงเลยว่า...ว่าเป็นพระอริยะหรือพระอรหันต์บ้างเลย :b7:

.....................................................
https://dhammachati.blogspot.com/


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 15 ก.ค. 2010, 18:50 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 29 ต.ค. 2009, 15:06
โพสต์: 7517

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


tongue
:b1:
...ก็เป็นความเห็นผู้รู้ที่รู้ตัวว่ายังไม่สิ้นกิเลส...แต่เข้าใจพระธรรมเพื่อละอกุศล...
...ก็เพราะว่าการปฏิบัติไม่ตรงกัน...จึงมาแบ่งกันเองภายหลัง...ที่เป็นคำสอน
...แล้วหลวงตามหาบัวเทศน์ที่จำได้ว่า...บรรพชาอุปสมบทแล้วให้ไปอยู่ป่า...
...ผิดก็ขออภัย...รุกขมูละเสนาสนัง...นิสายะปับประชา...อุสาโหกะระณีโย...
...เพื่อเร่งทำความเพียร...ก็พระพุทธเจ้าหนึ่งไม่มีสอง...ไม่มีสองมาตรฐาน...
...แต่จะสายไหนก็ตามถ้าปฏิบัติเพื่อความหลุดพ้นและสั่งสอนอบรมพุทธศาสนิกชนถูกต้อง...
...ก็ขึ้นชื่อว่าเป็นผู้เจริญ...และเป็นสรณังคัจฉามิ...ก็เป็นพระสงฆ์...เวลาทำบุญก็ไม่ควรเลือกปฏิบัติ...
...เพราะจิตที่คิดดีแล้วนำสุขมาให้...สร้างกุศลเข้าสู้ใจประจำ...ถึงจะมีอกุศลกรรมปนอยู่ก็ยังดี...
:b17:
:b44: :b44:


แก้ไขล่าสุดโดย Rosarin เมื่อ 15 ก.ค. 2010, 18:52, แก้ไขแล้ว 2 ครั้ง.

โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 15 ก.ค. 2010, 21:30 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 29 ต.ค. 2009, 15:06
โพสต์: 7517

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


tongue
:b20:
...อัศจรรย์พระธรรมคำสอนเหลือจะประมาณได้...
...อยากบอกคนทั้งโลกมาศึกษาศาสนาพุทธจัง...
:b2:
:b12: :b12:


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 18 ก.ค. 2010, 09:10 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 ต.ค. 2006, 12:36
โพสต์: 33766

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


รูปภาพ

รูปภาพ


น่าอัศจรรย์ :b14:

http://fwmail.teenee.com/etc/21580.html

.....................................................
https://dhammachati.blogspot.com/


แก้ไขล่าสุดโดย กรัชกาย เมื่อ 18 ก.ค. 2010, 22:01, แก้ไขแล้ว 1 ครั้ง

โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 18 ก.ค. 2010, 21:59 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 ต.ค. 2006, 12:36
โพสต์: 33766

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


แม่น้ำสายนั้น ชื่อแม่น้ำคงคง มีความเป็นมาอย่างไรความเชื่อของพรามหณ์-ฮินดูซึ่งมีต่อแม่น้ำนั้นยังไง แล้วพระพุทธเจ้าเคยตรัสไว้อย่างไร


ความเชื่อเรื่องการล้างบาปในแม่น้ำศักดิ์สิทธิ์
• พวกพราหมณ์ นิยมเชื่อถือเรื่องการอาบน้ำล้างบาป โดยเชื่อว่าแม่น้ำคงคาโดยเฉพาะที่ท่าเมือง
พาราณสีนั้นศักดิ์สิทธิ์มาก สามารถล้างบาปได้
พวกพราหมณ์ จึงพากันลงอาบน้ำล้างบาปอย่างน้อยวันละ 2 ครั้ง คือ เช้าและเย็น ถือว่าบาปที่ทำตอนกลางวันล้างด้วยการลงอาบน้ำในตอนเย็น
ส่วนบาปที่ทำตอนกลางคืนก็ล้างได้ด้วยการลงอาบน้ำในตอนเช้า ที่เชื่อกันว่ากระแสน้ำในแม่น้ำคงคาศักดิ์สิทธิ์นั้น เพราะเชื่อว่าได้ไหลผ่านเศียรของพระศิวะลงมาท่าน้ำแห่งแม่น้ำคงคาที่เมืองพาราณสี
จึงเป็นบุณยสถานของชาวอินเดียทั้งปวงในสมัยนั้น

• ปัจจุบันนี้ก็ยังเชื่อถือกันอยู่และยังเชื่อต่อไปอีกว่า ใครก็ตามที่ตายและได้เผาที่ท่าน้ำเมืองพาราณสีแล้วกวาดกระดูกลงแม่น้ำคงคาก็เป็นอันเชื่อได้ว่าต้องไปสวรรค์แน่นอน
พวกเศรษฐีนิยมมาปลูกบ้านทิ้งไว้ที่ริมฝั่งแม่น้ำคงคา เมื่อป่วยหนักคิดว่าจะไม่รอดแล้วพวกญาติก็จะนำมาที่บ้านริมแม่น้ำ พอตายก็จะได้สะดวกในการเผาที่ริมแม่น้ำและกวาดกระดูกลงแม่น้ำไป

• เมื่อพระพุทธเจ้าตรัสรู้แล้ว พระองค์เคยทรงสนทนากับพวกพราหมณ์ผู้ไปอาบน้ำในแม่น้ำคงคาเพื่อล้างบาปเป็นใจความว่า
ถ้าต้องการล้างบาปไม่จำเป็นต้องไปอาบน้ำในแม่น้ำคงคา ขอให้ชำระกาย วาจา ใจให้บริสุทธิ์ คือ เว้นทุจริตทางกาย วาจา ใจ และประพฤติสุจริตทางกาย วาจา ใจ นั่นแหละคือการอาบน้ำล้างบาปมีในศาสนาของพระองค์
ถ้าประพฤติอยู่ในสุจริตแล้ว แม้น้ำดื่ม น้ำอาบ ธรรมดาก็จะกลายเป็นน้ำศักดิ์สิทธิ์ไปด้วย
อนึ่ง ถ้าน้ำในแม่น้ำคงคาสามารถล้างบาปได้จริง และอำนวยผลให้ผู้ลงไปอาบไปสวรรค์ได้จริงแล้ว
พวก กุ้ง หอย ปู ปลา ก็มีโอกาสไปสวรรค์ได้มากกว่ามนุษย์เพราะอาศัยอยู่ในแม่น้ำนั้นตลอดเวลา

http://www.oceansmile.com/India/Paranasi.htm

.....................................................
https://dhammachati.blogspot.com/


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 19 ก.ค. 2010, 21:37 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 ต.ค. 2006, 12:36
โพสต์: 33766

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


คุณ Rosarin ยังติดตามกระทู้อยู่มั้ยครับ :b1: :b20:

.....................................................
https://dhammachati.blogspot.com/


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 21 ก.ค. 2010, 17:47 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 29 ต.ค. 2009, 15:06
โพสต์: 7517

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


tongue
:b12:
...ยังมีสถานะลมหายใจเข้า-ออกปกติดี...
...ช่วงนี้ย้ายที่ทำงานมาที่ใหม่ยุ่งๆอยู่...
...เลยไม่ค่อยมีเวลาเข้ามาติดตามข่าว...
:b29:
:b4: :b4:


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 03 ส.ค. 2010, 12:55 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 ต.ค. 2006, 12:36
โพสต์: 33766

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


ขออนุญาตคุณ Rosarin ลงพุทธพจน์ที่เกี่ยวข้องกับแม่น้ำ และน่าจะให้แง่คิดแก่ชาวพุทธบ้านเราได้ไม่

น้อยทีเดียว


“คนพาลมีกรรมดำ ถึงจะแล่นไปยังแม่น้ำศักดิ์สิทธิ์คือ แม่น้ำพาหุกา ท่าน้ำอธิกักกะ ท่าน้ำคยา

แม่น้ำสุนทริกา แม่น้ำสรัสวดี แม่น้ำปยาคะ และแม่น้ำพาหุมดี เป็นนิตย์ ก็บริสุทธิ์ไม่ได้

แม่น้ำสุนทริกา แม่น้ำปยาคะหรือแม่น้ำพาหุกา จักทำอะไรได้ จะชำระนรชนผู้มีเวร ผู้ทำกรรมอัน

หยาบช้า ผู้มีกรรมชั่วนั้น ให้บริสุทธิ์ไม่ได้เลย แต่ผัคคุณฤกษ์ (ฤกษ์ดีเยี่ยม) ย่อมสำเร็จ

ทุกเมื่อ แก่บุคคลผู้บริสุทธิ์ อุโบสถก็สำเร็จทุกเมื่อแก่ผู้บริสุทธิ์ วัตรของบุคคลผู้หมดจดแล้ว

มีการงานสะอาด ย่อมสำเร็จผลทุกเมื่อ แก่ผู้บริสุทธิ์ ดูกรพราหมณ์ ท่านจงอาบตนในคำสอน

ของเรานี้เถิด จงสร้างความเกษมแก่สัตว์ทั้งปวงเถิด ถ้าท่านไม่กล่าวเท็จ ไม่เบียดเบียนสัตว์

ไม่ทำอทินนาทาน เป็นผู้มีศรัทธา หาความตระหนี่มิได้ไซร้ ท่านจะต้องไปท่าน้ำคยาทำไม แม้น้ำ

ดื่มของท่านก็เป็นแม่น้ำคยาแล้ว”

(ม.มู.12/98/70)

.....................................................
https://dhammachati.blogspot.com/


แก้ไขล่าสุดโดย กรัชกาย เมื่อ 03 ส.ค. 2010, 17:01, แก้ไขแล้ว 1 ครั้ง

โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 03 ส.ค. 2010, 12:56 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 ต.ค. 2006, 12:36
โพสต์: 33766

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


“ถ้าแม้นบุคคลจะพ้นจากบาปกรรมได้ เพราะการอาบน้ำ (ชำระบาป) กบ นาค จระเข้ และสัตว์

เหล่าอื่นที่เที่ยวไปในแม่น้ำ ก็จะพากันไปสู่สวรรค์แน่นอน...ถ้าแม่น้ำเหล่านี้ พึงนำบาปที่ท่านทำไว้

แล้วในกาลก่อนไปได้ไซร้ แม่น้ำเหล่านี้ ก็พึงนำบุญของท่านไปได้ด้วย”

(ขุ.เถรี.26/466/81)

.....................................................
https://dhammachati.blogspot.com/


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 03 ส.ค. 2010, 12:57 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 ต.ค. 2006, 12:36
โพสต์: 33766

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


“ความสะอาดจะมีเพราะน้ำ (ศักดิ์สิทธิ์) ที่คนจำนวนมากพากันไปอาบก็หาไม่ ผู้ใดมีสัจจะ มีธรรม

ผู้นั้น จึงจะเป็นผู้สะอาด เป็นพราหมณ์”

(ขุ.อ.25/46/81)

.....................................................
https://dhammachati.blogspot.com/


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 03 ส.ค. 2010, 12:58 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 ต.ค. 2006, 12:36
โพสต์: 33766

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


“ผู้ใดไม่ถือมงคลตื่นข่าว ไม่ถืออุกกาบาต ไม่ถือความฝัน ไม่ถือลักษณะดีหรือชั่ว ผู้นั้นชื่อว่าล่วง

พ้นโทษแห่งการถือมงคลตื่นข่าว ครอบงำกิเลสที่ผูกสัตว์ไว้ในภพ อันเป็นดุจคูกั้นเสียได้ ย่อมไม่กลับ

มาเกิดอีก”

(ขุ.ชา.27/87/28)

.....................................................
https://dhammachati.blogspot.com/


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 03 ส.ค. 2010, 13:00 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 ต.ค. 2006, 12:36
โพสต์: 33766

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


“ประโยชน์ได้ล่วงเลยคนเขลาผู้คอยนับฤกษ์อยู่ ประโยชน์เป็นตัวฤกษ์ของประโยชน์เอง ดวงดาวจักทำ

อะไรได้”

(ขุ.ชา.27/49/16)

.....................................................
https://dhammachati.blogspot.com/


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 03 ส.ค. 2010, 13:01 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 ต.ค. 2006, 12:36
โพสต์: 33766

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


“บุคคลประพฤติชอบเวลาใด เวลานั้น ได้ชื่อว่า เป็นฤกษ์ดี มงคลดี เป็นเช้าดี อรุณดี เป็นขณะดี

ยามดี และเป็นอันได้ทำบูชาดีแล้วในท่านผู้ประพฤติพรหมจรรย์ทั้งหลาย แม้กายกรรมของเขา ก็เป็น

สิทธิโชค วจีกรรมก็เป็นสิทธิโชค มโนกรรมก็เป็นสิทธิโชค ประณิธานของเขาก็เป็นสิทธิโชค

ครั้นกระทำกรรมทั้งหลายที่เป็นสิทธิโชคแล้ว เขาย่อมได้ประสบแต่ผลที่มุ่งหมายอันเป็นสิทธิโชค”

(องฺ.ติก.20/595/379)

.....................................................
https://dhammachati.blogspot.com/


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 03 ส.ค. 2010, 16:04 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 ต.ค. 2006, 12:36
โพสต์: 33766

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


“ดูกรคฤหบดี ธรรม 5 ประการนี้ เป็นสิ่งที่น่าปรารถนา น่าใคร่ น่าพอใจ เป็นของได้ยากในโลก คือ

อายุ...วรรณะ...สุข...ยศ...สวรรค์ ธรรม 5 ประการนี้...เราไม่กล่าวว่าจะพึงได้มาเพราะการอ้อน

วอน หรือเพราะการตั้งปรารถนา ถ้าการได้ธรรม 5 ประการนี้ จะมีได้ เพราะการอ้อนวอน หรือเพราะ

การตั้งปรารถนาไซร้ ใครในโลกนี้ จะพึงเสื่อมจากอะไร ดูกรคฤหบดี อริยสาวกผู้ปรารถนาอายุ (ยืน)

ไม่พึงอ้อนวอนหรือมัวเพลิดเพลินกับอายุ เพราะการอยากได้อายุนั้นเลย อริยสาวกผู้ปรารถนาอายุ

พึงปฏิบัติข้อปฏิบัติที่จะเป็นไปเพื่ออายุ เพราะข้อปฏิบัติอันเป็นไปเพื่ออายุที่ข้อปฏิบัติแล้วนั่นแหละ

จึงจะเป็นไปเพื่อการได้อายุ อริยสาวกนั้น ย่อมเป็นผู้ได้อายุ ไม่ว่าจะเป็นของทิพย์ หรือของมนุษย์...

ผู้ปรารถนาวรรณะ...สุข...ยศ...สวรรค์ ก็พึงปฏิบัติข้อปฏิบัติที่จะเป็นไปเพื่อวรรณะ...สุข...ยศ...

สวรรค์...”

(องฺ.ปญฺจก.22/43/51)


“ภิกษุทั้งหลาย ภิกษุไม่หมั่นประกอบความเพียรในการฝึกอบรมจิต ถึงจะมีความปรารถนาว่า

“ ขอให้จิตของเราหลุดพ้นจากอาสวะเถิด” ดังนี้ จิตของเธอจะหลุดพ้นไปจากอาสวะได้ก็หาไม่...

เหมือนไข่ไก่ 8 ฟองก็ตาม 10 ฟองก็ตาม 12 ฟองก็ตาม ที่แม่ไก่ไม่นอนทับ ไม่กก ไม่ฟัก ถึงแม้

แม่ไก่จะมีความปรารถนาว่า “ขอให้ลูกของเราใช้ปลายเล็บหรือจะงอยปาก ทำลายเปลือกไข่ออก

มาโดยสวัสดีเถิด” ดังนี้ ลูกไก่จะใช้ปลายเล็บหรือจะงอยปากทำลายเปลือกไข่ออกมาได้ก็หาไม่”


(สํ.ข.17/261/186)

.....................................................
https://dhammachati.blogspot.com/


แสดงโพสต์จาก:  เรียงตาม  
กลับไปยังกระทู้  [ 92 โพสต์ ]  ไปที่หน้า ย้อนกลับ  1 ... 3, 4, 5, 6, 7  ต่อไป

เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง


 ผู้ใช้งานขณะนี้

่กำลังดูบอร์ดนี้: Google [Bot] และ บุคคลทั่วไป 1 ท่าน


ท่าน ไม่สามารถ โพสต์กระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ตอบกระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แก้ไขโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ลบโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แนบไฟล์ในบอร์ดนี้ได้

ค้นหาสำหรับ:
ไปที่:  
Google
ทั่วไป เว็บธรรมจักร