วันเวลาปัจจุบัน 10 ส.ค. 2025, 22:34  



เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง




กลับไปยังกระทู้  [ 153 โพสต์ ]  ไปที่หน้า ย้อนกลับ  1 ... 3, 4, 5, 6, 7, 8, 9 ... 11  ต่อไป  Bookmark and Share
เจ้าของ ข้อความ
โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 31 พ.ค. 2013, 11:50 
 
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 11 ต.ค. 2010, 12:11
โพสต์: 5019


 ข้อมูลส่วนตัว


เอกอนเคยตอบท่านแล้ว ... ตามนี้

eragon_joe เขียน:
:b1:
asoka เขียน:
ถ้าคิดว่าชีวิตนี้เริ่มจาก ศูนย์.....ก็ต้อง..ศีล...สมาธิ....ปัญญา

แต่ถ้ารู้ว่าชีวิตชาตินี้เป็นการมาต่อยอดกุศลจากอดีตชาติ...ก็จงมาเริ่มต้นเจริญมรรค 8 คือ

ปัญญา....ศีล....สมาธิ

:b20: :b11:


"ถ้าคิด..."...ก็ไปเริ่มที่ ศีล สมาธิ ปัญญา ...
"แต่ถ้ารู้..."...ก็ไปเริ่มที่ ศีล สมาธิ ปัญญา ...

ถ้า ... รู้/เห็น ... จบแล้วที่ ปัญญา

:b12: :b16: :b16: :b12:


นั่นเอกอนแสดงความเห็นอย่าง ฟันธง ไม่บิดพริ้ว
เพราะเข้าใจอย่างชัดเจนว่า ปัญญาวิมุตติ ตามนัยแห่ง ศีล สมาธิ ปัญญา
ไม่มีทางที่ ปัญญาตามนัยยะนี้ จะมานำอยู่ข้างหน้าได้เรย
...

eragon_joe เขียน:
Quote Tipitaka:
[๔๙๗] ก. ดูกรท่านผู้มีอายุ ก็ปัจจัยเพื่อความเกิดขึ้นแห่งสัมมาทิฏฐิ มีเท่าไร?

สา. ธรรม ๒ ประการ คือความได้สดับแต่บุคคลอื่น ๑ ความทำในใจโดยแยบคาย ๑
เป็นปัจจัยเพื่อความเกิดขึ้นแห่งสัมมาทิฏฐิ ธรรม ๒ ประการนี้แล เป็นปัจจัยเมื่อความเกิดขึ้นแห่ง
สัมมาทิฏฐิ.


สา. สัมมาทิฏฐิ มีเจโตวิมุติเป็นผล และมีผลคือเจโตวิมุติเป็นอานิสงส์ด้วย มีปัญญา
วิมุติเป็นผล และมีผลคือปัญญาวิมุติเป็นอานิสงส์ด้วย อันองค์ธรรม ๕ ประการ อนุเคราะห์
แล้ว คือ สัมมาทิฏฐิ อันศีลอนุเคราะห์แล้ว ๑ อันสุตะอนุเคราะห์แล้ว ๑ อันสากัจฉาอนุเคราะห์
แล้ว ๑ อันสมถะอนุเคราะห์แล้ว ๑ อันวิปัสสนาอนุเคราะห์แล้ว ๑ สัมมาทิฏฐิ มีเจโตวิมุติเป็น
ผล และมีผลคือเจโตวิมุติเป็นอานิสงส์ด้วย มีปัญญาวิมุติเป็นผล และมีผลคือปัญญาวิมุติ
เป็นอานิสงส์ด้วย อันองค์ธรรม ๕ ประการนี้แล อนุเคราะห์แล้ว.


:b8: :b8: :b8:


ท่านจะเลี่ยงไปทำไม

:b1:

ที่ยกมาทั้งพระสูตร และยกมา 2 พระสูตร
เพื่อให้เห็นลำดับแห่งความบริสุทธิของจิต

ศีล สมาธิ ปัญญา
ปัญญา ในการแสดงธรรมนี้ เป็น ปัญญาวิมุตติ
ลำดับแห่งเจตสิก จากหยาบ สู่โสภณ เป็นเช่นนั้น ...
ไม่ใช่เรื่องที่เราจะหยิบเอา ปัญญาวิมุตติ มานำหน้าได้
...

:b8: :b8: :b8:

สัมมาทิฐิ อันท่านหมายให้ว่าเป็น ปัญญา (ปัญญา ศีล สมาธิ) นั้น

สุดท้าย ก็ต้อง ศีลอนุเคราะห์ ใช่มั๊ย
และก็ต้อง สมถะอนุเคราะห์ ใช่มั๊ย
แล้วจึงจะส่งผลสู่ เจโตวิมุตติ และ ปัญญาวิมุตติ ใช่มั๊ย

.....

:b1: :b1: :b1:


แก้ไขล่าสุดโดย eragon_joe เมื่อ 31 พ.ค. 2013, 16:25, แก้ไขแล้ว 2 ครั้ง.

โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 31 พ.ค. 2013, 12:33 
 
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 11 ต.ค. 2010, 12:11
โพสต์: 5019


 ข้อมูลส่วนตัว


asoka เขียน:

แล้วหลวงพ่อพูดด้วยรึเปล่าว่าที่ถูกต้องคือ "ปัญญา ศีล สมาธิ"

.... ที่ว่ากันมา "ศีล สมาธิ ปัญญา" นั้น เป็นการสอนกันมาผิด


หลวงพ่อไม่พูดอย่างที่เอก้อนเขียนมา


เอกอนก็รู้อยู่แล้ว หลวงพ่อไม่พูดแน่ ๆ
แต่ท่านกลับเอาคำสอนหลวงพ่อ มาเป็นเหตุสนับสนุน นัยยะของ "ปัญญา ศีล สมาธิ"
กลายเป็นทำให้โยงไปเหมือนว่า หลวงพ่อสอน "ปัญญา ศีล สมาธิ"

อ้างคำพูด:
แต่หลวงพ่อมักพูดเสมอว่า.....เมื่อหวังจะบรรลุธรรมในชาตินี้ พึงเอาปัญญานำหน้า ให้ ศีล สติ สมาธิเป็นกองหนุน...จึงจะประสบความ สำเร็จ....ปัญญาที่สำคัญคือ กลุมของปัญญามรรค อันได้แก่สัมมาทิฏฐิ และสัมมาสังกัปปะ ...ต้องนำมาใช้ให้เป็น ใช้ให้ถูกต้อง

ส่วนเรื่องของศีล สมาธิ ปัญญา นั้น เป็นเรื่องของธรรมะพื้นฐาน เพื่อสอนคนชั่วให้เป็นคนดี


สนับสนุน กลุ่มของปัญญามรรค
การเอาปัญญานำหน้า ... กลุ่มของปัญญามรรค ก็ไม่ใช่ ปัญญาวิมุตติ

ดังนั้น การเรียงลำดับ ก็ยังคงเป็น ศีล สมาธิ ปัญญา
เพราะ ปัญญามรรค ปัญญาที่เอามานำตรงนี้ ก็เป็น ความรู้ความเข้าใจที่เป็นสัมมาทิฐิ ไม่ใช่ ปัญญาวิมุตติ

เพราะ ... เจตสิกต่างกัน เอกอนตอบอย่างชัดเจน
มองให้เห็นในเรื่องของ จิต เจตสิก สิ่
แล้ว ... คำตอบก็จะไม่ห่างไปจากคำอธิบายของพระสารีบุตร ไม่ผิดเพี้ยน... :b1:

อ้างคำพูด:
มีคำถามให้คิดสั้นๆว่า

......
อย่าให้ความยึดติดบัญญัติของหมู่พวก มาทำให้เกิดความเห็นผิดจากสัจจธรรมเลยนะ

ความไม่ละเอียดอ่อนในการใช้บัญญัติ ภาษา จึงทำให้ไม่สามารถเข้าถึงธรรมที่ละเอียดลึกซึ้งได้ ทั้งๆที่บัณฑิตแต่ครั้งโบราณกาลท่่านก็ได้กรุณาทำบัญญัติที่ดีๆถูกต้องตามธรรมไว้ให้แล้วจนครบ


ศีล สมาธิ ปัญญา
ปัญญา ในนัยยะนี้ คือ ปัญญาวิมุตติ เอกอนเห็นผิดจากสัจธรรม ตรงไหนหรือท่าน... :b1:


แก้ไขล่าสุดโดย eragon_joe เมื่อ 31 พ.ค. 2013, 17:10, แก้ไขแล้ว 1 ครั้ง

โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 31 พ.ค. 2013, 12:45 
 
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 11 ต.ค. 2010, 12:11
โพสต์: 5019


 ข้อมูลส่วนตัว


การพิจารณาในเรื่อง การสะสมบารมีชาติที่แล้ว ๆ มา ...

ในทางปฏิบัติ นั่นเพราะ จิตยังติดอยู่ใน อภิสังขาร ...

อภิสังขาร ก็เป็นสิ่งที่ต้องละ
คือ ถ้ารู้และเห็น อภิสังขารปรากฏ มันก็เป็นสิ่งที่ต้องละ
ใช้สิ่งนั้นมาวิปัสสนาทันที แต่การที่จะละธรรมที่ละเอียดลุ่มลึกขึ้น
มันก็ต้องอาศัย ศีล สมาธิ ที่ละเอียดลุ่มลึกขึ้น ตามความละเอียดของธรรม

ศีลอย่างหยาบ/กลาง สมาธิอย่างหยาบ/กลาง ไม่สามารถรองรับความบริสุทธิแห่งปัญญาอันละเอียด/ลุ่มลึกได้

ไม่ว่าจะกี่รอบ ยังไงจึงต้องวนมาสู่
ศีล สมาธิ ปัญญา ตามความเหมาะสม

ศีลที่เหมาะ นำไปสู่สมาธิที่เหมาะ และนำไปสู่ปัญญาที่เหมาะ.........รอบ 1
และ
ศีลที่เหมาะ นำไปสู่สมาธิที่เหมาะ และนำไปสู่ปัญญาที่เหมาะ.........รอบ 2

...
จะกี่รอบก็ตาม ... ไม่ว่าจะระลึกได้ หรือ ไม่ได้ ก็ตาม .... :b1:

:b1:

...............

:b12: :b12: :b12:


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 31 พ.ค. 2013, 13:42 
 
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 11 ต.ค. 2010, 12:11
โพสต์: 5019


 ข้อมูลส่วนตัว


ว่าแต่ ท่านอโศกะ ละ อภิสังขาร ยังไง...

:b1:


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 31 พ.ค. 2013, 14:10 
 
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 25 เม.ย. 2009, 02:43
โพสต์: 12232


 ข้อมูลส่วนตัว


ว่าหลาย ๆรอบ....คนอาจจะงง...ซึ่งธรรมชาติมันเป้นอย่างนั้น...ธรรมชาติของคนที่ฟังทีเดียวแต่เป็นอรหันต์ไม่ได้
แต่หลาย ๆ คน..คิดว่า..รอบเดียว..ก็พอ..มั้ง...ตามสูตร
อิอิ...
:b32: :b32:


แก้ไขล่าสุดโดย กบนอกกะลา เมื่อ 31 พ.ค. 2013, 15:27, แก้ไขแล้ว 2 ครั้ง.

โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 31 พ.ค. 2013, 14:57 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 01 มี.ค. 2010, 16:12
โพสต์: 2298

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


กบนอกกะลา เขียน:
ว่าหลาย ๆรอบ....คนอาจจะงง...

แต่หลาย ๆ คน..คิดว่า..รอบเดียว..ก็พอ..มั้ง
อิอิ...
:b32: :b32:

นั่นดิ หลายรอบเวียนหัวอ่ะ อิอิ :b32: :b32:

.....................................................
"พุทโธ .. พุทโธ .. พุทโธ"
ภาวนาวันละนิด จิตแจ่มใส


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 31 พ.ค. 2013, 15:16 
 
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 25 เม.ย. 2009, 02:43
โพสต์: 12232


 ข้อมูลส่วนตัว


เหมือนขดยากันยุง..งะ..
จะไหม้สมบูรณ์จนถึงจุดศูนย์กลาง..จนไม่มีเหลือ....มันวนหลายรอบ...
:b23: :b23: :b23:


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 31 พ.ค. 2013, 15:21 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 01 มี.ค. 2010, 16:12
โพสต์: 2298

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


:b6: :b6: อ้อออ .. อย่างนี้เอง :b9: :b9:

:b11:

.....................................................
"พุทโธ .. พุทโธ .. พุทโธ"
ภาวนาวันละนิด จิตแจ่มใส


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 31 พ.ค. 2013, 16:34 
 
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 11 ต.ค. 2010, 12:11
โพสต์: 5019


 ข้อมูลส่วนตัว


:b32: :b32: :b32:


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 01 มิ.ย. 2013, 21:39 
 
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 11 ต.ค. 2010, 12:11
โพสต์: 5019


 ข้อมูลส่วนตัว


พระสูตรนี้ก็งามนะ ...

:b12: :b12: :b12:

Quote Tipitaka:
๔. รถวินีตสูตร
ภิกษุชาวชาติภูมิยกย่องพระปุณณมันตานีบุตร

....
พระสารีบุตรสนทนากับพระปุณณมันตานีบุตร

[๒๙๖] ครั้งนั้นเป็นเวลาเย็น ท่านพระสารีบุตรออกจากที่พักผ่อนแล้วเข้าไปหาท่านพระ
ปุณณมันตานีบุตรถึงสำนัก ได้ปราศรัยกับท่านพระปุณณมันตานีบุตร ครั้นผ่านการปราศรัยพอให้
ระลึกถึงกันไปแล้ว จึงนั่ง ณ ที่ควรส่วนข้างหนึ่ง ครั้นนั่งเรียบร้อยแล้ว จึงถามท่านพระปุณณมัน
ตานีบุตรดังนี้ว่า ท่านผู้มีอายุ ท่านประพฤติพรหมจรรย์ในพระผู้มีพระภาคของเราหรือ?
ท่านพระปุณณมันตานีบุตรตอบว่า ถูกแล้ว ท่านผู้มีอายุ?
สา. ท่านประพฤติพรหมจรรย์ในพระผู้มีพระภาค เพื่อสีลวิสุทธิหรือท่านผู้มีอายุ?
ปุ. ไม่ใช่อย่างนั้น ท่านผู้มีอายุ.
สา. ท่านประพฤติพรหมจรรย์ในพระผู้มีพระภาค เพื่อจิตตวิสุทธิหรือท่านผู้มีอายุ?
ปุ. ไม่ใช่อย่างนั้น ท่านผู้มีอายุ.
สา. ถ้าเช่นนั้น ท่านประพฤติพรหมจรรย์ในพระผู้มีพระภาค เพื่อทิฏฐิวิสุทธิหรือ ท่าน
ผู้มีอายุ?
ปุ. ไม่ใช่อย่างนั้น ท่านผู้มีอายุ.
สา. ถ้าเช่นนั้น ท่านประพฤติพรหมจรรย์ในพระผู้มีพระภาค เพื่อกังขาวิตรณวิสุทธิหรือ
ท่านผู้มีอายุ?
ปุ. ไม่ใช่อย่างนั้น ท่านผู้มีอายุ.
สา. ถ้าเช่นนั้น ท่านประพฤติพรหมจรรย์ในพระผู้มีพระภาค เพื่อมัคคามัคคญาณทัสสน
วิสุทธิหรือ ท่านผู้มีอายุ?
ปุ. ไม่ใช่อย่างนั้น ท่านผู้มีอายุ.
สา. ถ้าเช่นนั้น ท่านประพฤติพรหมจรรย์ในพระผู้มีพระภาค เพื่อปฏิปทาญาณทัสสน
วิสุทธิหรือ ท่านผู้มีอายุ?
ปุ. ไม่ใช่อย่างนั้น ท่านผู้มีอายุ.
สา. ถ้าเช่นนั้น ท่านประพฤติพรหมจรรย์ในพระผู้มีพระภาค เพื่อญาณทัสสนวิสุทธิ
หรือ ท่านผู้มีอายุ?
ปุ. ไม่ใช่อย่างนั้น ท่านผู้มีอายุ?
สา. ท่านผู้มีอายุ ผมถามท่านว่า ท่านประพฤติพรหมจรรย์ในพระผู้มีพระภาค เพื่อ
สีลวิสุทธิหรือ ท่านตอบผมว่า ไม่ใช่อย่างนั้น เมื่อผมถามท่านว่า ท่านประพฤติพรหมจรรย์ใน
พระผู้มีพระภาค เพื่อจิตตวิสุทธิหรือ เพื่อทิฏฐิวิสุทธิหรือ เพื่อกังขาวิตรณวิสุทธิหรือ เพื่อมัคคา
มัคคญาณทัสสนวิสุทธิหรือ เพื่อปฏิปทาญาณทัสสนวิสุทธิหรือ เพื่อญาณทัสสนวิสุทธิหรือ ท่าน
ก็ตอบผมว่าไม่ใช่อย่างนั้นๆ เมื่อเป็นเช่นนี้ ท่านประพฤติพรหมจรรย์ในพระผู้มีพระภาค เพื่อ
อะไรเล่า?
ปุ. ท่านผู้มีอายุ ผมประพฤติพรหมจรรย์ในพระผู้มีพระภาค เพื่ออนุปาทาปรินิพพาน.
สา. ท่านผู้มีอายุ สีลวิสุทธิหรือ เป็นอนุปาทาปรินิพพาน?
ปุ. ไม่ใช่อย่างนั้น ท่านผู้มีอายุ.
สา. ท่านผู้มีอายุ จิตตวิสุทธิหรือ เป็นอนุปาทาปรินิพพาน?
ปุ. ไม่ใช่อย่างนั้น ท่านผู้มีอายุ.
สา. ท่านผู้มีอายุ ทิฏฐิวิสุทธิหรือ เป็นอนุปาทาปรินิพพาน?
ปุ. ไม่ใช่อย่างนั้น ท่านผู้มีอายุ.
สา. ท่านผู้มีอายุ กังขาวิตรณวิสุทธิหรือ เป็นอนุปาทาปรินิพพาน?
ปุ. ไม่ใช่อย่างนั้น ท่านผู้มีอายุ.
สา. ท่านผู้มีอายุ มัคคามัคคญาณทัสสนวิสุทธิหรือ เป็นอนุปาทาปรินิพพาน?
ปุ. ไม่ใช่อย่างนั้น ท่านผู้มีอายุ.
สา. ท่านผู้มีอายุ ปฏิปทาญาณทัสสนวิสุทธิหรือ เป็นอนุปาทาปรินิพพาน?
ปุ. ไม่ใช่อย่างนั้น ท่านผู้มีอายุ.
สา. ท่านผู้มีอายุ ญาณทัสสนวิสุทธิหรือ เป็นอนุปาทาปรินิพพาน?
ปุ. ไม่ใช่อย่างนั้น ท่านผู้มีอายุ.
สา. ท่านผู้มีอายุ ที่นอกไปจากธรรมเหล่านี้หรือ เป็นอนุปาทาปรินิพพาน?
ปุ. ไม่ใช่อย่างนั้น ท่านผู้มีอายุ.
สา. ท่านผู้มีอายุ ผมถามท่านว่า สีลวิสุทธิหรือ เป็นอนุปาทาปรินิพพานจิตตวิสุทธิ
หรือ เป็นอนุปาทาปรินิพพาน ทิฏฐิวิสุทธิหรือ เป็นอนุปาทาปรินิพพานกังขาวิตรณวิสุทธิหรือ
เป็นอนุปาทาปรินิพพาน มัคคามัคคญาณทัสสนวิสุทธิหรือ เป็นอนุปาทาปรินิพพาน ปฏิปทาญาณ
ทัสสนวิสุทธิหรือ เป็นอนุปาทาปรินิพพานญาณทัสสนวิสุทธิหรือ เป็นอนุปาทาปรินิพพาน ที่
นอกไปจากธรรมเหล่านี้หรือ เป็นอนุปาทาปรินิพพาน ท่านก็ตอบผมว่า ไม่ใช่อย่างนั้นๆ เมื่อ
เป็นเช่นนี้ จะพึงเห็นเนื้อความของถ้อยคำที่ท่านกล่าวนี้อย่างไรเล่า?

[๒๙๗] ปุ. ท่านผู้มีอายุ ถ้าพระผู้มีพระภาคจักทรงบัญญัติสีลวิสุทธิว่าเป็นอนุปาทา
ปรินิพพานแล้ว ก็ชื่อว่าทรงบัญญัติธรรมที่ยังมีอุปาทาน ว่าเป็นอนุปาทาปรินิพพาน. ถ้าจักทรงบัญญัติ
จิตตวิสุทธิ ทิฏฐิวิสุทธิ กังขาวิตรณวิสุทธิ มัคคามัคคญาณทัสสนวิสุทธิ ปฏิปทาญาณทัสสนวิสุทธิ
ญาณทัสสนวิสุทธิว่า เป็นอนุปาทาปรินิพพานแล้ว ก็ชื่อว่าทรงบัญญัติธรรมที่ยังมีอุปาทาน ว่า
เป็นอนุปาทาปรินิพพาน ถ้าหากว่า ธรรมนอกจากธรรมเหล่านี้ จักเป็นอนุปาทาปรินิพพานแล้ว
ปุถุชน จะชื่อว่าปรินิพพาน เพราะว่า ปุถุชนไม่มีธรรมเหล่านี้ ท่านผู้มีอายุ ผมจะอุปมาให้ท่าน
ฟัง บุรุษผู้เป็นวิญญูชนบางพวกในโลกนี้ ย่อมรู้เนื้อความแห่งคำที่กล่าวแล้วด้วยอุปมา.
อุปมาด้วยรถ ๗ ผลัด

[๒๙๘] ท่านผู้มีอายุ เปรียบเหมือน พระเจ้าปเสนทิโกศล กำลังประทับอยู่ในพระนคร
สาวัตถี มีพระราชกรณียะด่วนบางอย่างเกิดขึ้นในเมืองสาเกต และในระหว่างพระนครสาวัตถีกับ
เมืองสาเกตนั้น จะต้องใช้รถถึง ๗ ผลัด ลำดับนั้น พระเจ้าปเสนทิโกศล เสด็จออกจาก
พระนครสาวัตถี ทรงรถพระที่นั่งผลัดที่หนึ่งที่ประตูพระราชวัง ไปถึงรถพระที่นั่งผลัดที่สองด้วย
รถพระที่นั่งผลัดที่หนึ่ง จึงปล่อยรถพระที่นั่งผลัดที่หนึ่ง ทรงรถพระที่นั่งผลัดที่สอง เสด็จไปถึง
รถพระที่นั่งผลัดที่สาม ด้วยรถพระที่นั่งผลัดที่สอง ทรงปล่อยรถพระที่นั่งผลัดที่สอง ทรงรถ
พระที่นั่งผลัดที่สาม เสด็จถึงรถพระที่นั่งผลัดที่สี่ ด้วยรถพระที่นั่งผลัดที่สาม ปล่อยรถพระที่นั่ง
ผลัดที่สาม ทรงรถพระที่นั่งผลัดที่สี่ เสด็จถึงรถพระที่นั่งผลัดที่ห้า ด้วยรถพระที่นั่ง
ผลัดที่สี่ ปล่อยรถพระที่นั่งผลัดที่สี่ ทรงรถพระที่นั่งผลัดที่ห้า เสด็จไปถึงรถพระที่นั่ง
ผลัดที่หก ด้วยรถพระที่นั่งผลัดที่ห้า ปล่อยรถพระที่นั่งผลัดที่ห้า ทรงรถพระที่นั่งผลัดที่หก
เสด็จไปถึงรถพระที่นั่งผลัดที่เจ็ด ด้วยรถพระที่นั่งผลัดที่หก ปล่อยรถพระที่นั่งผลัดที่หก
ทรงรถพระที่นั่งผลัดที่เจ็ด เสด็จไปถึงเมืองสาเกตที่ประตูพระราชวัง ด้วยรถพระที่นั่งผลัดที่เจ็ด
ถ้าพวกมิตรอำมาตย์ หรือพระญาติสาโลหิต จะพึงทูลถามพระองค์ซึ่งเสด็จถึงประตูพระราชวังว่า
ข้าแต่มหาราชเจ้า พระองค์เสด็จมาจากพระนครสาวัตถีถึงเมืองสาเกตที่ประตูพระราชวัง ด้วยรถ
พระที่นั่งผลัดนี้ผลัดเดียวหรือ ท่านผู้มีอายุ พระเจ้าปเสนทิโกศลจะตรัสตอบอย่างไร จึงจะเป็น
อันตรัสตอบถูกต้อง?

สา. ท่านผู้มีอายุ พระเจ้าปเสนทิโกศลจะต้องตรัสตอบอย่างนี้ จึงจะเป็นอันตรัสตอบ
ถูกต้อง คือ เมื่อฉันกำลังอยู่ในนครสาวัตถีนั้น มีกรณียะด่วนบางอย่างเกิดขึ้นในเมืองสาเกต
ก็ในระหว่างนครสาวัตถีกับเมืองสาเกตนั้นจะต้องใช้รถถึง ๗ ผลัด เมื่อเช่นนั้น ฉันจึงออกจาก
นครสาวัตถีขึ้นรถผลัดที่หนึ่งที่ประตูวังไปถึงรถผลัดที่สอง ด้วยรถผลัดที่หนึ่ง ปล่อยรถผลัดที่หนึ่ง
ขึ้นรถผลัดที่สอง ไปถึงรถผลัดที่สาม ด้วยรถผลัดที่สอง ปล่อยรถผลัดที่สอง ขึ้นรถผลัดที่สาม
ไปถึงรถผลัดที่สี่ ด้วยรถผลัดที่สาม ปล่อยรถผลัดที่สาม ขึ้นรถผลัดที่สี่ ไปถึงรถผลัดที่ห้า
ด้วยรถผลัดที่สี่ ปล่อยรถผลัดที่สี่ ขึ้นรถผลัดที่ห้า ไปถึงรถผลัดที่หก ด้วยรถผลัดที่ห้า ปล่อย
รถผลัดที่ห้า ขึ้นรถผลัดที่หก ไปถึงรถผลัดที่เจ็ด ด้วยรถผลัดที่หก ปล่อยรถผลัดที่หก ขึ้นรถ
ผลัดที่เจ็ด ไปถึงเมืองสาเกตที่ประตูวังด้วยรถผลัดที่เจ็ด ท่านผู้มีอายุ พระเจ้าปเสนทิโกศล จะ
ต้องตรัสตอบอย่างนี้ จึงจะเป็นอันตรัสตอบถูกต้อง.

ปุ. ท่านผู้มีอายุ ข้อนี้ก็ฉันนั้น สีลวิสุทธิ เป็นประโยชน์แก่จิตตวิสุทธิ จิตตวิสุทธิ
เป็นประโยชน์แก่ทิฏฐิวิสุทธิ ทิฏฐิวิสุทธิ เป็นประโยชน์แก่กังขาวิตรณวิสุทธิ กังขาวิตรณวิสุทธิ
เป็นประโยชน์แก่มัคคามัคคญาณทัสสนวิสุทธิ มัคคามัคคญาณทัสสนวิสุทธิ เป็นประโยชน์แก่
ปฏิปทาญาณทัสสนวิสุทธิ ปฏิปทาญาณทัสสนวิสุทธิ เป็นประโยชน์แก่ญาณทัสสนวิสุทธิ ญาณ
ทัสสนวิสุทธิ เป็นประโยชน์แก่อนุปาทาปรินิพพาน ท่านผู้มีอายุ ผมประพฤติพรหมจรรย์ใน
พระผู้มีพระภาค เพื่ออนุปาทาปรินิพพาน.


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 01 มิ.ย. 2013, 22:27 
 
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 11 ต.ค. 2010, 12:11
โพสต์: 5019


 ข้อมูลส่วนตัว


อ้างคำพูด:
ปั ญ ญ า ชั้ น สู ง
พระราชนิโรธรังสีคัมภีรปัญญาวิศิษฐ์ (หลวงปู่เทสก์ เทสรังสี)

• ปุจฉา
เมื่อพูดถึงศีล สมาธิ ปัญญา ตัวปัญญามาก่อนหรือมาทีหลังครับหลวงพ่อ ?

• วิสัชนา

อันนี้ก็ในทำนองอันเดียวกับทาน ศีล ภาวนา
ท่านยกเอาศีล สมาธิ ปัญญา มาตั้งไว้เป็นลำดับ
ก็เอาปัญญาไว้สุดท้าย ยกเอาศีลไว้เบื้องต้น
พูดแต่หยาบไปหาละเอียดคนจะได้เข้าใจง่ายเข้า

เมื่อเราปฏิบัติธรรม
คืออบรมใจให้เข้าถึงความสงบแล้วนั้น
จะเห็นได้ว่าผู้จะรักษาศีลให้บริสุทธิ์
หมดจดเรียบร้อยหรือมั่นคง หนักแน่นนั้น
เพราะปัญญาเกิดก่อน

คือปัญญาเห็นว่าสิ่งนี้ดี สิ่งนี้ถูก
สิ่งนี้ไม่ดี สิ่งนี้ชั่ว สิ่งนี้ควรทำ สิ่งนี้ไม่ควรทำ
ปัญญาเกิดขึ้นแล้วจงค่อยงดเว้นจากความชั่ว
คือรักษาศีล นี่จึงว่าปัญญาเกิดก่อนศีล

สมาธิก็เหมือนกันที่เราจะทำให้สงบแน่วแน่
มันต้องมีปัญญาฉลาด มีแยบคายไหวพริบในตัว
มีการชำระจิตตนอยู่รอบด้าน
หรือระวังสังวรณ์ในอินทรีย์ทั้งหลาย
ไม่ให้ฟุ้งซ่านส่งไปภายนอกให้เห็นโทษเห็นภัยของอารมณ์นั้นๆ
จึงจะสละอารมณ์ทั้งหลายนั้นๆ ทำให้เข้าถึงความสงบได้


เมื่อเราพูดถึงเรื่องปัญญาเกิดก่อนศีล เกิดก่อนสมาธิแล้ว
คราวนี้ตัวปัญญาก็ไม่ต้องพูดกันละคราวนี้


แต่คราวนี้ถ้าจะพูดอีกนัยหนึ่ง
ปัญญาในที่นี้ท่านบัญญัติปัญญาไว้สุดท้ายนั้น
ท่านพูดถึงปัญญาชั้นสูง ปัญญาที่พิจารณาวิปัสสนา
คือรู้แจ้งเห็นสัจจธรรมตามความเป็นจริง

ถ้าไม่มีศีล ไม่มีสมาธิ ปัญญาก็ไม่เกิด
ปัญญาที่จะเกิดวิปัสสนา
ปัญญาจะต้องมีศีลสมบูรณ์ สมาธิแน่วแน่
ปัญญาวิปัสสนาจึงจะเกิดขึ้น
เหตุนั้นท่านจึงบัญญัติไว้ตอนท้าย


นักปฏิบัติทั้งหลาย ผู้ที่มองเห็นว่า
ปัญญาเกิดก่อนศีล สมาธิ
บางคนอาจจะลบล้างหรือลบหลู่ว่าอันนั้นผิดก็ได้


เมื่อผู้ที่พิจารณาเห็นถึงวิปัสสนาปัญญาตรงนี้แล้ว
จะเห็นภูมิฐานชั้นเชิงที่ท่านเทศนาไว้
เป็นของจริงทุกสิ่งประการ


เพราะธรรมะมันมีหลายชั้นหลายภูมิ
เหตุนั้นปัญญาที่ท่านบัญญัติไว้
ท่านหมายเอา ปัญญาชั้นสูง
ที่เรียกว่า ปัญญาวิปัสสนา
หรือปัญญาที่รู้แจ้งสัจจธรรมตามความเป็นจริง
จนกระทั่งสละหรือเบื่อหน่ายปล่อยวางอุปาทานทั้งหลายได้



(ที่มา : วิสัชนาธรรม โดย หลวงพ่อชา สุภัทโท :
หลวงปู่เทสก์ เทสรังสี, ธรรมสภา จัดพิมพ์, หน้า ๑๕๒-๑๕๓)


:b8: :b8: :b8:

http://www.dhammajak.net/board/viewtopi ... 3353#83353


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 01 มิ.ย. 2013, 22:36 
 
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 25 เม.ย. 2009, 02:43
โพสต์: 12232


 ข้อมูลส่วนตัว


ทำให้คิดถึง...ธรรม...ที่ทำให้ผมหันชีวิตมาทางธรรมได้...ซึ่งมันก็ใช้ไม่ได้ในตอนนี้ซะแล้ว..เหมือนเสื้อผ้า...ตอนเด็ก..แทบจะเปลี่ยนทุกปี...


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 01 มิ.ย. 2013, 22:38 
 
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 11 ต.ค. 2010, 12:11
โพสต์: 5019


 ข้อมูลส่วนตัว


กบนอกกะลา เขียน:
ทำให้คิดถึง...ธรรม...ที่ทำให้ผมหันชีวิตมาทางธรรมได้...ซึ่งมันก็ใช้ไม่ได้ในตอนนี้ซะแล้ว..เหมือนเสื้อผ้า...ตอนเด็ก..แทบจะเปลี่ยนทุกปี...


นี่กำลังรำพึงไปถึงขดยากันยุงเหย๋อออ ...

:b1: :b32: :b32: :b1:


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 01 มิ.ย. 2013, 22:44 
 
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 18 ก.ย. 2011, 21:51
โพสต์: 4941


 ข้อมูลส่วนตัว


:b12: :b12: :b16: :b16:
น่าอนุโมทนากับวิริยะอุตสาหะของเอก้อนที่ไปค้นคว้าธรรมจากพระสูตรและธรรมของครูบาอาจารย์มาอ้างประกอบความเห็นของตนเอง

แต่สังเกตเห็นว่า เอก้อน ข้ามไม่วิจารณ์ข้อความตอนนี้ไป

มีคำถามให้คิดสั้นๆว่า

ถ้าคนที่จะเจริญศีล เจริญ สัมมาสติ ไม่ได้เรียนรู้ ไม่ได้รู้จักเรื่องของศีล(สุตตมยปัญญา) จะปฏิบัติศีลได้ถูกต้องหรือ?

คนที่ไม่ได้ศึกษาเรื่องสัมมาสติ คือสติเพื่อการเจริญมรรค 8 สู่ความหลุดพ้น....เขาจะทำสามัญสติของเขาให้เป็น สัมมาสติ ได้หรือ?

นี่เป็นคำอธิบายง่ายๆ ตื้นๆให้เห็นว่า ปัญญา นำหน้าอย่างไร?.....นะเอก้อน นะ



ในตอนทำงานจริงๆ ปัญญา ศีล สมาธิ..หรือ ปัญญา สติ สมาธิ เขาต่างเป็นเหตุปัจจัย สนับสนุน อุปถัมภ์ค้ำจุนกันไปมา

ปัญญา...อบรม ศีล สติ สมาธิ......ศีล สติ สมาธิกลับมาอบรมปัญญา...เกื้อหนุนกันขึ้นไปจากหยาบไปหาละเอียด...ตื้นไปหาลึก......หาได้มีข้อกำหนดตายตัว ว่าต้องอย่างนั้น ต้องอย่างนี้

แต่ลำดับตามธรรมชาติง่ายๆก็ดังคำถามที่ให้คิดสั้นๆดังยกมาให้คุณเอก้อนอ่านอีกทีนี่หละครับ

และที่คุณเอก้อนยกมาอธิบายเสียยาวยืดในกระทู้ทั้งหมดนั้นมันมาจากสุตตมยปัญญา หรือมาจากลำดับของศีล สมาธิกันล่ะครับ?


:b12: :b12: :b12:


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 01 มิ.ย. 2013, 23:11 
 
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 11 ต.ค. 2010, 12:11
โพสต์: 5019


 ข้อมูลส่วนตัว


พระสูตรนี้ก็งาม
อ่านฉบับเต็มได้ที่
http://www.84000.org/tipitaka/pitaka2/v ... 724&Z=3923

Quote Tipitaka:
๗. มหาจัตตารีสกสูตร (๑๑๗)

[๒๗๙] ดูกรภิกษุทั้งหลาย บรรดาองค์ทั้ง ๗ นั้น สัมมาทิฐิย่อมเป็นประธาน
ก็สัมมาทิฐิย่อมเป็นประธานอย่างไร คือ เมื่อมีสัมมาทิฐิ สัมมาสังกัปปะจึงพอเหมาะได้
เมื่อมีสัมมาสังกัปปะ สัมมาวาจาจึงพอเหมาะได้ เมื่อมีสัมมาวาจา สัมมากัมมันตะ
จึงพอเหมาะได้ เมื่อมีสัมมากัมมันตะ สัมมาอาชีวะจึงพอเหมาะได้ เมื่อมีสัมมาอาชีวะ
สัมมาวายามะจึงพอเหมาะได้ เมื่อมีสัมมาวายามะ สัมมาสติจึงพอเหมาะได้ เมื่อมีสัมมาสติ
สัมมาสมาธิจึงพอเหมาะได้
เมื่อมีสัมมาสมาธิ สัมมาญาณะจึงพอเหมาะได้
เมื่อมีสัมมาญาณะสัมมาวิมุตติจึงพอเหมาะได้

ดูกรภิกษุทั้งหลาย ด้วยประการนี้แล พระเสขะผู้
ประกอบด้วยองค์ ๘
จึงเป็นพระอรหันต์ประกอบด้วยองค์ ๑๐


:b8: :b8: :b8:

มีส่วนที่ต่อออกมาจาก องค์ ๘ .... :b1: :b1: :b1:


แสดงโพสต์จาก:  เรียงตาม  
กลับไปยังกระทู้  [ 153 โพสต์ ]  ไปที่หน้า ย้อนกลับ  1 ... 3, 4, 5, 6, 7, 8, 9 ... 11  ต่อไป

เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง


 ผู้ใช้งานขณะนี้

่กำลังดูบอร์ดนี้: ไม่มีสมาชิก และ บุคคลทั่วไป 1 ท่าน


ท่าน ไม่สามารถ โพสต์กระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ตอบกระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แก้ไขโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ลบโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แนบไฟล์ในบอร์ดนี้ได้

ค้นหาสำหรับ:
ไปที่:  
Google
ทั่วไป เว็บธรรมจักร