วันเวลาปัจจุบัน 22 ก.ค. 2025, 05:34  



เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง




กลับไปยังกระทู้  [ 228 โพสต์ ]  ไปที่หน้า ย้อนกลับ  1 ... 3, 4, 5, 6, 7, 8, 9 ... 16  ต่อไป  Bookmark and Share
เจ้าของ ข้อความ
โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 17 ก.ค. 2013, 09:17 
 
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 04 ธ.ค. 2012, 15:49
โพสต์: 932


 ข้อมูลส่วนตัว


การเล่าเรียนในพระพุทธศาสนานั้นมีมากตั้งแต่เริ่มต้นเป็นไปตามลำดับมีมากหลายนัย และทุกคนจะเข้าใจตามภูมิที่ตนเองได้สะสมมา พระสัทธรรมของพระองค์ควบคุมกว้างใหญ่ไพศาลเพื่อให้มวลหมู่สัตว์ได้เรียนรู้ตามการสะสมมาไม่ตายตัวต่อการบรรลุธรรมตามแต่อาการบางพวกสะสมมาเพื่อจะบรรบุในภพมนุษย์ บางพวกสะสมมาเพื่อบรรลุในภพเทพนิกายต่าง แต่ถ้าในภพมนุษ์แล้วขอยืนยันในพุทธวจน ว่าต้องบริโภคกายคตาสติเท่านั้นถึงจะบรรลุธรรม และพระองค์ก็ทรงสรรเสริญอานาปานสติไว้มากและแสดงไว้30กว่าพระสูตร


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 17 ก.ค. 2013, 09:22 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 02 ก.ค. 2006, 22:20
โพสต์: 5976

โฮมเพจ: http://walaiblog.blogspot.com/
แนวปฏิบัติ: กายคตาสติ
อายุ: 0
ที่อยู่: สมุทรปราการ

 ข้อมูลส่วนตัว


amazing เขียน:
กายคตาสตินั้นเป็นการปฎิบัติเพื่อให้เข้าถึงที่สุดแห่งธรรม คือจิตหลุดพ้น มิใช่การเข้าสมาธิได่แน่นอน




การเจริญกายคตาสติ แล้วปฏิเสธเรื่อง สมาธิ

กรุณาศึกษาพระไตรปิฎกให้มากกกก

และที่สำคัญ ปฏิเสธสมาธิ แต่นำเรื่องสภาวะขณะจิตเป็นสมาธิมาเล่าสู่กันฟัง มันขัดๆกันอยู่นา หรือไม่รู้จริงๆว่า นี่คือ สมาธิ

amazing เขียน:
เพียงมีสติอยู่กับลมหายใจไม่สนใจอะไรทั้งสิ้น ที่เกิดกับผมก็คือ รูป1นาม3ดับไป หรืออธิบายย่อยๆอาตยนะทั้งหมดหายไปนั้นหมายความว่าพูดง่ายให้พอเข้าใจ รูปรสกลิ่นเสียงสัมผัสธัมมารมณ์ดับไป เหลือแต่วิญญาฯที่เป็นธาตุรู้ รับรู้ถึงความว่างเปล่าไม่มีอะไรนานสัก1นาที ก็กลับมาสู่สภาพเดิม

.....................................................
มิจฉาปณิหิตจิต จิตที่ตั้งไว้ผิด ย่อมตามพิชิตตัวเอง

สัตว์โลกย่อมเป็นไปตามกรรม ตามการกระทำของแต่ละคน (ตามความเป็นจริง)


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 17 ก.ค. 2013, 09:29 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 02 ก.ค. 2006, 22:20
โพสต์: 5976

โฮมเพจ: http://walaiblog.blogspot.com/
แนวปฏิบัติ: กายคตาสติ
อายุ: 0
ที่อยู่: สมุทรปราการ

 ข้อมูลส่วนตัว


กายและจิต เป็นเรื่องของ นามรูป

เมื่อมีการเกิด คือ กายและจิต ได้แก่ นามรูป

เมื่อมี นามรูปเกิด ย่อมมี อายตนะ
เมื่อมี อายตนะเกิด ย่อมมี ผัสสะเกิด

ผัสสะ เกิดจาก การทำงานของอายตนะ

ผัสสะ ไม่สามารถดับได้ แต่รู้ได้ว่า มีเกิดขึ้น
ขอแก้ไขข้อความ

ผัสสะเกิดขึ้น จากการทำงานของอายตนะ
เราไม่สามารถดับผัสสะได้ แต่รู้ได้ว่า มีเกิดและดับ ตราบใดที่ยังมีเหตุปัจจัย



ยกเว้น คนตายเท่านั้น ที่ผัสสะ ไม่สามารถเกิดขึ้นได้
เพราะ อายตนะ ไม่สามารถทำงานได้ ในคนตาย



ส่วน รูปนาม เป็นเรื่องของ ขันธ์ ๕ คนละตัว คนละสภาวะกัน


รูปส่วนรูป คนละตัวกัน

รูปสามารถเกิดและดับได้

.....................................................
มิจฉาปณิหิตจิต จิตที่ตั้งไว้ผิด ย่อมตามพิชิตตัวเอง

สัตว์โลกย่อมเป็นไปตามกรรม ตามการกระทำของแต่ละคน (ตามความเป็นจริง)


แก้ไขล่าสุดโดย walaiporn เมื่อ 17 ก.ค. 2013, 10:49, แก้ไขแล้ว 2 ครั้ง.

โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 17 ก.ค. 2013, 09:32 
 
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 04 ธ.ค. 2012, 15:49
โพสต์: 932


 ข้อมูลส่วนตัว


walaiporn เขียน:
amazing เขียน:
กายคตาสตินั้นเป็นการปฎิบัติเพื่อให้เข้าถึงที่สุดแห่งธรรม คือจิตหลุดพ้น มิใช่การเข้าสมาธิได่แน่นอน




การเจริญกายคตาสติ แล้วปฏิเสธเรื่อง สมาธิ

กรุณาศึกษาพระไตรปิฎกให้มากกกก

และที่สำคัญ ปฏิเสธสมาธิ แต่นำเรื่องสภาวะขณะจิตเป็นสมาธิมาเล่าสู่กันฟัง มันขัดๆกันอยู่นา หรือไม่รู้จริงๆว่า นี่คือ สมาธิ

amazing เขียน:
เพียงมีสติอยู่กับลมหายใจไม่สนใจอะไรทั้งสิ้น ที่เกิดกับผมก็คือ รูป1นาม3ดับไป หรืออธิบายย่อยๆอาตยนะทั้งหมดหายไปนั้นหมายความว่าพูดง่ายให้พอเข้าใจ รูปรสกลิ่นเสียงสัมผัสธัมมารมณ์ดับไป เหลือแต่วิญญาฯที่เป็นธาตุรู้ รับรู้ถึงความว่างเปล่าไม่มีอะไรนานสัก1นาที ก็กลับมาสู่สภาพเดิม
ไม่ได้ปฎเสธสมาธิ สมาธิก็เกิดร่วมด้วยแน่จะก่อนหรือหลัง สมาธิผมรู้จักดีเพราะปฎิบัติสมาธิอยู่ประจำ ผมคิดว่่านักปฎิบัติรู้จักดี แต่สิ่งที่ประจักษ์ไม่ใช่สมาธิครับ


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 17 ก.ค. 2013, 09:35 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 02 ก.ค. 2006, 22:20
โพสต์: 5976

โฮมเพจ: http://walaiblog.blogspot.com/
แนวปฏิบัติ: กายคตาสติ
อายุ: 0
ที่อยู่: สมุทรปราการ

 ข้อมูลส่วนตัว


amazing เขียน:
ไม่ได้ปฎเสธสมาธิ สมาธิก็เกิดร่วมด้วยแน่จะก่อนหรือหลัง สมาธิผมรู้จักดีเพราะปฎิบัติสมาธิอยู่ประจำ ผมคิดว่่านักปฎิบัติรู้จักดี แต่สิ่งที่ประจักษ์ไม่ใช่สมาธิครับ



นี่แหละ การปฏิเสธ

หากจิตไม่ตั้งมั่น สภาวะแบบนั้น ย่อมเกิดขึ้นไม่ได้


แนะนำนะ อย่าไปหลงมันเลย ฉานนน่ะเคยหลงมาก่อน ทุกสรรพสิ่งดับหมด เหลือแต่จิตดวงเดียวล้วนๆ นั่นน่ะ สัญญา อย่าได้ไปยึดมั่นถือมั่นเลย

เพราะโดยสภาวะแท้จริงแล้ว เป็นสภาวะที่เกิดขึ้น เป็นปกติ ขณะที่จิตเป็นสมาธิอยู่ สภาวะที่มีพิศดารกว่านั้น มีอีกมากมาย

.....................................................
มิจฉาปณิหิตจิต จิตที่ตั้งไว้ผิด ย่อมตามพิชิตตัวเอง

สัตว์โลกย่อมเป็นไปตามกรรม ตามการกระทำของแต่ละคน (ตามความเป็นจริง)


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 17 ก.ค. 2013, 09:41 
 
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 11 ต.ค. 2010, 12:11
โพสต์: 5019


 ข้อมูลส่วนตัว


walaiporn เขียน:
ผัสสะ เกิดจาก การทำงานของอายตนะ

ผัสสะ ไม่สามารถดับได้ ยกเว้น คนตายเท่านั้น ที่ผัสสะ ไม่สามารถเกิดขึ้นได้

รูปส่วนรูป คนละตัวกัน

รูปสามารถเกิดและดับได้


:b1:

พอจะมีอะไรมายืนยันความถูกต้องแน่นอนตรงความเห็นนี้ได้หรือไม่...

เพราะ...ในการปฏิบัติในการทำสมาธิ
มันยังมีการสร้างอัตภาพที่นอกเหนือจากกายเนื้อขึ้นมาได้

เพราะ ถ้าในแง่ของ การสร้างอัตภาพขึ้นมา
มันก็จะทำให้เห็นแง่ว่า มีอัตภาพอีกอัตภาพ มารองรับผัสสะต่อไป
คือ ถ้าหากว่า ผัสสะไม่สามารถดับได้ ยกเว้น คนตาย หรือ ผัสสะไม่สามารถเกิดได้ เมื่อตาย แล้ว
ทำไมพระพุทธองค์ ถึงได้ต้องสอน ปฏิจจสมุปบาท ...

หรือจะมีใครพอจะขยายความอธิบายได้บ้าง...
ในเรื่องของการสร้างอัตภาพของจิต

:b8:


แก้ไขล่าสุดโดย eragon_joe เมื่อ 17 ก.ค. 2013, 09:46, แก้ไขแล้ว 1 ครั้ง

โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 17 ก.ค. 2013, 09:43 
 
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 04 ธ.ค. 2012, 15:49
โพสต์: 932


 ข้อมูลส่วนตัว


walaiporn เขียน:
ผัสสะ เกิดจาก การทำงานของอายตนะ

ผัสสะ ไม่สามารถดับได้ ยกเว้น คนตายเท่านั้น ที่ผัสสะ ไม่สามารถเกิดขึ้นได้


รูปส่วนรูป คนละตัวกัน

รูปสามารถเกิดและดับได้
ถ้าบอกว่ารูปเกิดดับได้ ผัสสะก็เกิดดับได้เช่นกัน ในขณะรูปดับนั้นแหล่ะครับผัสสะดับ มันดับชั่วคราวเท่าที่เหตุปัจจัย เมื่อกลับมาสู่สภาวะปรกติผัสสะก็เกิดอีก รูปดับได้ผัสสะต้องดับได้ เพราะสฬายตนะเกิดได้เพราะมีรูป เมื่อรูปดับสฬายตนะก็ดับไปด้วย ผัสสะจึงดับไปด้วย การเข้าถึงธรรมนั้นคือการเข้าถึงความดับไปของรูปนาม รูป1นาม3 สัญญา เวทนา สังขาร เหลือแต่วิญญานที่ยังคงอ
ยู่เพราะจุตติวิญญาณยังไม่ปรากฎ วิญญานจะยังอยู่เมื่อรูป1นาม3ดับไป วิญญานจะหลุดพ้นจากทุกอย่างทั้งรูปทั้งนาม จิตจะรับรู้ถึงสภาวะที่ไม่เกิดไม่ดับ เพราะสิ่งที่เกิดดับนั้นคือขันต์ เมื่อวิญญานรับรู้ความจริงเข้าถึงสภาวะเป็นอมตะ แต่ในขณะที่จิตหลุดพ้นเป็นเวลาที่กิเลสตัณหาจะถูกกำจัดมากน้อย หรือตามมรรคจิตที่ปรากฎ


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 17 ก.ค. 2013, 09:45 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 02 ก.ค. 2006, 22:20
โพสต์: 5976

โฮมเพจ: http://walaiblog.blogspot.com/
แนวปฏิบัติ: กายคตาสติ
อายุ: 0
ที่อยู่: สมุทรปราการ

 ข้อมูลส่วนตัว


walaiporn เขียน:
ผัสสะ เกิดจาก การทำงานของอายตนะ

ผัสสะ ไม่สามารถดับได้ ยกเว้น คนตายเท่านั้น ที่ผัสสะ ไม่สามารถเกิดขึ้นได้

รูปส่วนรูป คนละตัวกัน

รูปสามารถเกิดและดับได้



ขออภัย ไม่ได้แยกข้อความ

คำว่า รูปส่วนรูป คนละตัวกัน

รูปสามารถเกิดและดับได้


หมายถึง ข้อความในกระทู้นี้

amazing เขียน:
ท่านใดคิดว่ารูปดับไม่ได้นี้นั้นขัดแย้งกับธรรมะโดยตรง โดยสภาพธรรมแล้วทุกอย่างเกิดขึ้นดับไป
อย่างเช่นตัวเราที่เราสมมุติว่าเป็นตัวเรานี้นั้นเราได้ดายไปเป็นล้านๆครั้งในชั่วลัดนิ้วมือ เราจึงมีรูปใหม่ปรากฎแก่เราตลอดแต่เรามองไม่เห็นเท่านั้น ย้อยไปดูอดีตเราถึงรู้ว่าก่อนหน้านั้นหน้าตาเราไม่ได้เป็นอย่างนี้ เราเปลี่ยนแปลงจากการตายหรือดับไปแล้วเกิดใหม่ตลอด รูปเก่าดับไปรูปใหม่ปรากฎเป็นอย่างนี้ตลอด เกิดดับ เกิดดับ

.....................................................
มิจฉาปณิหิตจิต จิตที่ตั้งไว้ผิด ย่อมตามพิชิตตัวเอง

สัตว์โลกย่อมเป็นไปตามกรรม ตามการกระทำของแต่ละคน (ตามความเป็นจริง)


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 17 ก.ค. 2013, 09:47 
 
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 04 ธ.ค. 2012, 15:49
โพสต์: 932


 ข้อมูลส่วนตัว


walaiporn เขียน:
amazing เขียน:
ไม่ได้ปฎเสธสมาธิ สมาธิก็เกิดร่วมด้วยแน่จะก่อนหรือหลัง สมาธิผมรู้จักดีเพราะปฎิบัติสมาธิอยู่ประจำ ผมคิดว่่านักปฎิบัติรู้จักดี แต่สิ่งที่ประจักษ์ไม่ใช่สมาธิครับ



นี่แหละ การปฏิเสธ

หากจิตไม่ตั้งมั่น สภาวะแบบนั้น ย่อมเกิดขึ้นไม่ได้


แนะนำนะ อย่าไปหลงมันเลย ฉานนน่ะเคยหลงมาก่อน ทุกสรรพสิ่งดับหมด เหลือแต่จิตดวงเดียวล้วนๆ นั่นน่ะ สัญญา อย่าได้ไปยึดมั่นถือมั่นเลย

เพราะโดยสภาวะแท้จริงแล้ว เป็นสภาวะที่เกิดขึ้น เป็นปกติ ขณะที่จิตเป็นสมาธิอยู่ สภาวะที่มีพิศดารกว่านั้น มีอีกมากมาย
อย่าพูดถึงความพิศดารของสมาธิเลยผมไม่สนใจหรอก อะไรจะประเสริฐเท่ากับการความไม่เกิดไม่ดับ การเข้าถึงความไม่ตาย


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 17 ก.ค. 2013, 09:52 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 02 ก.ค. 2006, 22:20
โพสต์: 5976

โฮมเพจ: http://walaiblog.blogspot.com/
แนวปฏิบัติ: กายคตาสติ
อายุ: 0
ที่อยู่: สมุทรปราการ

 ข้อมูลส่วนตัว


"ถ้าหากว่า ผัสสะไม่สามารถดับได้ ยกเว้น คนตาย หรือ ผัสสะไม่สามารถเกิดได้ เมื่อตาย แล้ว
ทำไมพระพุทธองค์ ถึงได้ต้องสอน ปฏิจจสมุปบาท ..."


ปฏิจจสมุปปบาท ฝ่ายเหตุของการเกิด การเวียนว่ายตายเกิดในวัฏฏสงสาร

ปฏิจจสมุปปบาท ฝ่ายดับ เป็นการดับเหตุ ของการเกิด การเวียนว่ายในวัฏฏสงสาร

ส่วนเรื่อง คนตาย เป็นคนละเรื่อง กับ ปฏิจจสมุปปบาท
แต่เป็นเพียง กายหรือ รูป ที่ปราศจาก นามหรือจิต ชั่วคราว หากยังมีเหตุปัจจัยอยู่ ย่อมมีการเกิด หรืออยู่ในวงจรของปฏิจจสมุปบาท

หากหมดเหตุปัจจัย คือ พระอรหันต์ กระแสปฏิจจสมุปบาท ย่อมดับลงตามเหตุปัจจัย

.....................................................
มิจฉาปณิหิตจิต จิตที่ตั้งไว้ผิด ย่อมตามพิชิตตัวเอง

สัตว์โลกย่อมเป็นไปตามกรรม ตามการกระทำของแต่ละคน (ตามความเป็นจริง)


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 17 ก.ค. 2013, 09:53 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 02 ก.ค. 2006, 22:20
โพสต์: 5976

โฮมเพจ: http://walaiblog.blogspot.com/
แนวปฏิบัติ: กายคตาสติ
อายุ: 0
ที่อยู่: สมุทรปราการ

 ข้อมูลส่วนตัว


amazing เขียน:
walaiporn เขียน:
ผัสสะ เกิดจาก การทำงานของอายตนะ

ผัสสะ ไม่สามารถดับได้ ยกเว้น คนตายเท่านั้น ที่ผัสสะ ไม่สามารถเกิดขึ้นได้


รูปส่วนรูป คนละตัวกัน

รูปสามารถเกิดและดับได้
ถ้าบอกว่ารูปเกิดดับได้ ผัสสะก็เกิดดับได้เช่นกัน ในขณะรูปดับนั้นแหล่ะครับผัสสะดับ มันดับชั่วคราวเท่าที่เหตุปัจจัย เมื่อกลับมาสู่สภาวะปรกติผัสสะก็เกิดอีก รูปดับได้ผัสสะต้องดับได้ เพราะสฬายตนะเกิดได้เพราะมีรูป เมื่อรูปดับสฬายตนะก็ดับไปด้วย ผัสสะจึงดับไปด้วย การเข้าถึงธรรมนั้นคือการเข้าถึงความดับไปของรูปนาม รูป1นาม3 สัญญา เวทนา สังขาร เหลือแต่วิญญานที่ยังคงอ
ยู่เพราะจุตติวิญญาณยังไม่ปรากฎ วิญญานจะยังอยู่เมื่อรูป1นาม3ดับไป วิญญานจะหลุดพ้นจากทุกอย่างทั้งรูปทั้งนาม จิตจะรับรู้ถึงสภาวะที่ไม่เกิดไม่ดับ เพราะสิ่งที่เกิดดับนั้นคือขันต์ เมื่อวิญญานรับรู้ความจริงเข้าถึงสภาวะเป็นอมตะ แต่ในขณะที่จิตหลุดพ้นเป็นเวลาที่กิเลสตัณหาจะถูกกำจัดมากน้อย หรือตามมรรคจิตที่ปรากฎ



ขอบคุณ ข้อคิดเห็น ทำให้เห็น ข้อความ ที่เขียนตกหล่นไป

.....................................................
มิจฉาปณิหิตจิต จิตที่ตั้งไว้ผิด ย่อมตามพิชิตตัวเอง

สัตว์โลกย่อมเป็นไปตามกรรม ตามการกระทำของแต่ละคน (ตามความเป็นจริง)


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 17 ก.ค. 2013, 09:55 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 02 ก.ค. 2006, 22:20
โพสต์: 5976

โฮมเพจ: http://walaiblog.blogspot.com/
แนวปฏิบัติ: กายคตาสติ
อายุ: 0
ที่อยู่: สมุทรปราการ

 ข้อมูลส่วนตัว


eragon_joe เขียน:
walaiporn เขียน:
ผัสสะ เกิดจาก การทำงานของอายตนะ

ผัสสะ ไม่สามารถดับได้ ยกเว้น คนตายเท่านั้น ที่ผัสสะ ไม่สามารถเกิดขึ้นได้

รูปส่วนรูป คนละตัวกัน

รูปสามารถเกิดและดับได้


:b1:

พอจะมีอะไรมายืนยันความถูกต้องแน่นอนตรงความเห็นนี้ได้หรือไม่...

เพราะ...ในการปฏิบัติในการทำสมาธิ
มันยังมีการสร้างอัตภาพที่นอกเหนือจากกายเนื้อขึ้นมาได้

เพราะ ถ้าในแง่ของ การสร้างอัตภาพขึ้นมา
มันก็จะทำให้เห็นแง่ว่า มีอัตภาพอีกอัตภาพ มารองรับผัสสะต่อไป
คือ ถ้าหากว่า ผัสสะไม่สามารถดับได้ ยกเว้น คนตาย หรือ ผัสสะไม่สามารถเกิดได้ เมื่อตาย แล้ว
ทำไมพระพุทธองค์ ถึงได้ต้องสอน ปฏิจจสมุปบาท ...

หรือจะมีใครพอจะขยายความอธิบายได้บ้าง...
ในเรื่องของการสร้างอัตภาพของจิต

:b8:



ขอบคุณ ข้อคิดเห็น ที่ทำให้เห็นข้อความที่ เขียนตกหล่นไป

.....................................................
มิจฉาปณิหิตจิต จิตที่ตั้งไว้ผิด ย่อมตามพิชิตตัวเอง

สัตว์โลกย่อมเป็นไปตามกรรม ตามการกระทำของแต่ละคน (ตามความเป็นจริง)


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 17 ก.ค. 2013, 09:58 
 
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 04 ธ.ค. 2012, 15:49
โพสต์: 932


 ข้อมูลส่วนตัว


การบรรลุสภาวะธรรมที่แท้จริง จะต่างจากการเข้าสมาธิ ถึงแม้ว่าการบรรลุธรรมนั้นจะต้องอาศัยสมาธิ การบรรลุธรรมนั้นจะต้องเกิดทุกสิ่งทุกอย่างเข้าใจได้ทางจิต อนิจจัง ทุกขัง อนัตตา สภาวะสูญญตาจะปรากฎโดยใช้รูปนามเป็นตัวเข้าถึง ปรากฎทาง จิต หรือวิญญาน หรือมโน ไม่ใช่ความสงบว่างอย่างเดียวแต่อย่างใด


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 17 ก.ค. 2013, 10:02 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 02 ก.ค. 2006, 22:20
โพสต์: 5976

โฮมเพจ: http://walaiblog.blogspot.com/
แนวปฏิบัติ: กายคตาสติ
อายุ: 0
ที่อยู่: สมุทรปราการ

 ข้อมูลส่วนตัว


ขอแก้ไขข้อความ

ผัสสะ ไม่สามารถเกิดขึ้นได้ ในคนตาย เพราะ มีแต่รูป(กาย) นามไม่มี(จิต)

แต่สามารถเกิดดับได้ ตลอดเวลา ในคนเป็น ตราบใดที่ยังมีเหตุปัจจัยอยู่

เพราะ ตราบใดที่ยังมีชีวิต คือ เมื่อมีนามรูป อายตนะ ย่อมมี

เมื่อมี อายตนะ ผัสสะ ย่อมมี

เพราะ ผัสสะ เกิดจากการทำงานของอายตนะ


ส่วนที่กล่าวว่า ผัสสะนั้น ดับได้อย่างไร

แม้แต่พระอรหันต์ หากยังมีชีวิตอยู่ อายตนะ ย่อมมีอยู่ เมื่อยังมีอายตนะ ผัสสะ ย่อมมีอยู่ เวทนาย่อมมีอยู่ เพียงแต่ ภพ ไม่สามารถเกิดขึ้นได้ เพราะ เวทนาที่เกิดขึ้น เป็นอุเบกขาเวทนา

ผัสสะของพระอรหันต์ สามารถดับลงได้ต่อเมื่อ ท่านตายไปแล้ว และไม่ต้องมาเวียนว่ายตายเกิดในวัฏฏสงสารอีก เพราะ อวิชชาดับหมดสิ้นแล้ว

.....................................................
มิจฉาปณิหิตจิต จิตที่ตั้งไว้ผิด ย่อมตามพิชิตตัวเอง

สัตว์โลกย่อมเป็นไปตามกรรม ตามการกระทำของแต่ละคน (ตามความเป็นจริง)


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 17 ก.ค. 2013, 10:06 
 
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 11 ต.ค. 2010, 12:11
โพสต์: 5019


 ข้อมูลส่วนตัว


เรื่องนาม-รูป เป็นเรื่องละเอียด

:b1: :b1: :b1:


แสดงโพสต์จาก:  เรียงตาม  
กลับไปยังกระทู้  [ 228 โพสต์ ]  ไปที่หน้า ย้อนกลับ  1 ... 3, 4, 5, 6, 7, 8, 9 ... 16  ต่อไป

เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง


 ผู้ใช้งานขณะนี้

่กำลังดูบอร์ดนี้: ไม่มีสมาชิก และ บุคคลทั่วไป 1 ท่าน


ท่าน ไม่สามารถ โพสต์กระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ตอบกระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แก้ไขโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ลบโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แนบไฟล์ในบอร์ดนี้ได้

ค้นหาสำหรับ:
ไปที่:  
Google
ทั่วไป เว็บธรรมจักร