วันเวลาปัจจุบัน 26 ก.ค. 2025, 09:34  



เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง




กลับไปยังกระทู้  [ 111 โพสต์ ]  ไปที่หน้า ย้อนกลับ  1 ... 3, 4, 5, 6, 7, 8  ต่อไป  Bookmark and Share
เจ้าของ ข้อความ
โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 07 พ.ย. 2013, 13:24 
 
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 04 ธ.ค. 2012, 15:49
โพสต์: 932


 ข้อมูลส่วนตัว


nongkong เขียน:
amazing เขียน:
Quote Tipitaka:
nongkong เขียน:
amazing เขียน:
nongkong เขียน:
amazing เขียน:
nongkong เขียน:
amazing เขียน:
nongkong เขียน:
amazing เขียน:
กรัชกาย เขียน:
amazing เขียน:
กรัชกาย เขียน:
amazing เขียน:
กรัชกาย เขียน:
amazing เขียน:
กรัชกาย เขียน:
ชาวพุทธควรศึกษาความหมายถ้อยคำเหล่านี้ กฎธรรมชาติ,นิยาม,กฎแห่งกรรม,กฎมนุษย์ ให้เข้าใจ :b1:
อ้านี่ก้อยังไม่เข้าใจอีกดูอย่างเทวทัตซิ กฎธรรมชาติทั้งนั้น นี้แหล่ะมั้งที่เขาว่าอินทรีย ์ที่ต่างกัน



amazing ลงชื่อสนับเอาตัวฆาตกรไปสู่ศาล icc หรือยัง ถ้ายัง ไปลงสนับสนุนเลย :b1:
ปล่อยไปตามธรรมชาติ


ธรรมชาติตามที่ amazing คิดเนี่ยหมายถึงอะไร เอาชัดๆ :b1:
ปล่อยไปตาามเหตุปัจจัย อะไรที่มันอยู่นอกตัวกรัชกายอยากทำก็ทำ แมสซิ่งไม่สนใจ



พูดยังงั้นแสดงว่า amazing ยินดีพอใจสนับสนุนในการทำปาณาติบาตของเขาใช่ไหม รู้ไหมว่า ผิดศีลข้อ 1 คือ ฆ่าคน :b1:
กรัชกายไม่สนับสนุนส่งแม่ค้าขายหมูขายปลาไปศาล อะไรที่ว่านั้น เห็นฆ่ากันทุกวัน กรัชกายยิ่งหลงทางชวนโฮฮับไปซิ

คุนน้อง พี่กรัชกายและพี่โฮฮับไม่มีทางหลงทางถูกอำนาจมืดครอบงำ จนกลายเป็นมิจฉาทิฐฐิกลายเป็นคนหลงโลก เรื่องอะไรที่มันไม่เกิดกับตน ตนก็ไม่ทุกข์เพราะไม่เกี่ยวกับตนแล้วที่เรื่องครอบครัวคนอื่นเอาเค้ามาวิพากวิจารณ์ซะสนุกปากเชียวนะ ทำไมไม่ปล่อยไปตามเหตุปัจจัย ความลับมันไม่มีในโลกหรอกถึงอะเมซิ่งไม่พูดใครๆเค้าก็รู้ว่ามันเป็นยังไง ไม่จำเป็นต้องประกาศเรื่องชาวบ้านให้คนอื่นรู้หรอก ปากก็พูดไม่สนใจ ปล่อยไปตามเหตุปัจจัย แต่ที่พูดเรื่องครอบครัวคนอื่นนี่ แสดงว่าไม่สนใจปล่อยไปตามเหตุปัจจัยจริงหรอ 555+
ที่อยากพูดก็แค่เอากิเลศตนมาอวด พอเห็นธาตุแท้อะเมซิ่ง พูดตรงๆเห็นแก่ตัว ทำไมไม่ไปบวชปากก็พุดว่าตัดนั่นได้ตัดนี่ได้ ถ้าชาตินี้อะเมซิ่งไม่บวชแสดงว่าอะเมซิ่งเป้นคนตระบัดสัตย์ ประกาศตนเป็นสาวกของพระพุทะเจ้าบอกจะขอลาบวชไม่เกิน 3ปี 555+ขี้โม้ว่ะ ปากก็พูดบรรลุธรรมเอย อยู่กับอานาปานสติจนสังขารดับเอย เข้าถึงความสงบ555 +แต่การกระทำของตนนี่. :b32: .พูดพาดพิงชาวบ้านเห็นเป็นเรื่องสนุกปากแล้วมาพูดตัดทางโลก เข้าหาทางโลกุตระ ถ้าไม่ทำตามคำพูดของตนที่บอกจะลาบวช อย่าหวังชาตินี้จะได้ มรรค ผล นิพพาน แถมอะเมซิ่งยังเห็นชีวิตของมนุษย์ที่ถูกฆ่าอย่างไร้ความปราณีเป็นเหมือนผักปลา คือมองว่าเป็นปกติของทางโลก555+ตักน้ำใส่กะโหลกชะโงกดูเงาตนเองมั่งเหอะ ถ้ามองเช่นนั้นจริงตัดทางโลกได้จริงคงไปบวชตั้งนานแล้วไม่มานอนร่วมห้อง อาศัยอยู่กับลูกกับเมียหรอก จะบอกไรให้ มนุษย์เป็นสัตว์ประเสร็ฐ กว่าจะได้เกิดเป็นมนุษย์นี่สุดแสนจะยากลำบาก มนุษย์ฆ่ามนุษย์ด้วยกัน จะบอกง่ายๆนะ เลวยิ่งกว่าเดรัจฉาน เพราะอะไรนะหรอ เดรัจฉานมันฆ่าสัตว์เพื่อประทังชีวิต แต่มนุษย์ฆ่ากันเพราะแก่งแย่งอำนาจ ชิงดีชิงเด่นกัน( อย่าเอาองคุลีมารมาเปรียบเพราะองคุลีมารท่านถูกคนชั่วชักนำด้วยความไม่รู้แต่คนมีสติปัญญารู้อะไรผิดอะไรถูกยังแกล้งทำเป็นไม่สนใจระวังจะเจอวิบากกรรม) ทั้งที่ความตายมันก็รออยู่แล้วในเบื้องหน้า คนมีอำนาจ มีลาภ ยศ สมบัติ มันหนีความตายได้ไหม พวกมันฆ่าคนอื่นตายแล้วมันตายไม่เป็นหรอ มันรู้อยู่แล้วว่าทุกคนเกิดมาก็ต้องมีที่สุดคือความตาย แต่มันยังฆ่ากันอีก แล้วคนอย่างอะเมซิ่งพูดมาได้ปล่อยไปตามเหตุปัจจัย จำคำพุดของคุนน้องไว้ เมื่อใดความตายที่เกิดกับครอบครัวอะเมซิ่งอย่างไร้คุณธรรม อะเมซิ่งก็มองให้มันเป็นเหมือนผักเหมือนปลาละกัน ไม่มีใครหนีความตายได้หรอก ปล.แล้วจะบอกไรให้เอาบุญ ถ้าคุนน้องเอาออกได้ซึ่งความยินร้ายในโลกนี้คุนน้องก็คงไปบวชแล้วบรรลุเป็นพระอริยะบุคคลแล้วละอะเมซิ่งเอ๋ย :b32: :b32:
ไปกินรังแตนที่ไหนมาแต่เช้าเลยทำหน้าบูดแมสซิ่งไม่เกี่ยวนะจ๊ะเดี๋ยวไม่สวยนะ. มีใครบ้างฉุดมือให้พ้นความตายได้บ้างแม้แต่ที่ว่ารักกันมากที่สุดดั่งมารดารักบุตร. โลกมันเป็นอย่างนี้มาตั้งนานแล้วแมสซิ่งจะช่วยใครได้. ส่วนใครจะยินดียินร้ายในการฆ่านั้นแมสซิ่งไม่รุ้ คงต้องปล่อยให้เป็นไปตามกรรมนะจ๊ะ ส่วนเรื่องคุนน้องจะคิดอย่างไรกับแมสซิ่งก็ตามใจจะให้เป้นเทพบุตรหรือพญามรก็เอาเลย แมสซิ่งก็เป็นแบบนี้ แตบอกอย่างหนึ่งนะ แมสซิ่งกลัวผีอ่ะอิอิ

งั้นก็ไปบวชสิผีมันจะได้กลัวและไม่มาตอแย หรือไม่ก็เปลี่ยนลอคอินใหม่ไปเลย ไปไกลๆเหม็นขี้หน้า

อ้าวมาไล่กันซะแล้ว แมสซิ่งน่ารักนะสาวๆนี้ชอบแมสซิ่งเยอเลย

รีบนิพพานไปเร็วๆนะ จะได้ไม่ต้องเวียนว่ายตายเกิดในวักฏะสงสาร จะได้เลิกทำให้สาวๆช้ำใจอีก จะได้เลิกมาเป็นมารกวนใจคุนน้องด้วย เวลาอะเมซิ่งแสดงความเห็นสวนทางกับคุนน้องแล้วมันทำให้คุนน้องหงุดหงิด อารมณ์ขึ้นเข้าใจป่ะ
ยอมรับความต่างให้ได้สิจ๊ะถูกผิดก้ออีกอย่าง

5555+ตามสบาย แล้วอะเมซิ่งกล้าเดิมพันกับคุนน้องไหมหละ คุนน้องกล้าพุดว่าอะเมซิ่งไม่ใช่อริยะบุคคล เอาสัจจะวาจามาเดิมพันกัน
แมสซิ่งจะเป็นหรือไม่ตอนนี้ไม่สนใจแล้วล่ะใช่หรือไม่ใช่ มันว่างอ่ะ

ตอแหร มีหน้ามาอวดอ้าวตนว่าบรรลุธรรม พุดว่าว่าง ว่างจากอะไร คุนน้องก็ว่าง บางทีหัวสมองคุนน้องว่างเลยละโล่งไม่ได้คิดอะไรเลย 555+
ปล.คุนน้องสมารถกำหนดอารมณืกรรมฐานได้ในขระจิตเดียวก็เข้าสู่ความว่างไม่ปรุง แต่ถ้าไม่กดหนดคุนน้องก็ไหลไปเรื่อยๆตามอัตตาทิฐฐิมานะของตน อิอิ คุนน้องจะทำให้ว่างก็ได้จะทำให้ไม่ว่างก็ได้ อยากคิดอะไรก็คิดได้ตลอดเวลา ไม่อยากคิดอะไรก็สงบร่มเย็น อิอิ

ก้อดีแล้วนี่ครับแล้วจะเอาอะไรอีกก้อว่างไปเลย


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 10 พ.ย. 2013, 20:36 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 ต.ค. 2006, 12:36
โพสต์: 33766

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


เมสชิ่ง :b1: ลงชื่อจูงมือฆาตกรสั่งสังหารประชาชน (ผิดศีลข้อ 1 ปาณาิติบาต) ไปศาล icc ยังครับ จะไ้ด้เ็ป็นไปตามกรรม :b1:

.....................................................
https://dhammachati.blogspot.com/


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 10 พ.ย. 2013, 21:19 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 ต.ค. 2006, 12:36
โพสต์: 33766

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


คนทั่วไป ถือเอาสาระของศีลพื้นฐานนี้มาแสดงเป็นข้อกำหนดอย่างต่ำที่สุดในทางความประพฤติของมนุษย์ เท่าที่จำเป็นพอที่จะให้สังคมมนุษย์อยู่กันโดยปกติสุข และแต่ละคนมีชีวิตที่ไม่เป็นโทษภัย เรียกข้อกำหนดนี้ว่า สิกขาบท (= ข้อฝึกความประพฤติ) 5 หรือ ที่มานิยมเรียกกันเป็นสามัญว่า ศีล 5 - (บางครั้งเรียก นิจศีล ตามอรรถกถา) ได้แก่


1. เว้นจากปาณาติบาต คือ ไม่ทำลายชีวิต จับเอาสาระว่า ความประพฤติหรือการดำเนินชีวิตที่ปราศจากการเบียดเบียนผู้อื่นทางด้านชีวิตร่างกาย


2. เว้นจากอทินนาทาน คือ ไม่เอาสิ่งของที่เข้ามิได้ให้ หรือไม่ลักขโมย จับเอาสาระว่า ความประพฤติหรือดำเนินชีวิตที่ปราศจากการเบียดเบียนผู้อื่นทางด้านทรัพย์สินและกรรมสิทธิ์


3. เว้นจากกาเมสุมิจฉาจาร คือ ไม่ประพฤติผิดในกามทั้งหลาย จับเอาสาระว่า ความประพฤติหรือดำเนินชีวิตที่ปราศจากการเบียดเบียนผู้อื่นทางด้านคู่ครอง บุคคลที่รักหวงแหน ไม่ผิดประเพณีทางเพศ
ไม่นอกใจคู่ครองของตน


4. เว้นจากมุสาวาท คือ ไม่พูดเท็จ จับเอาสาระว่า ความประพฤติหรือดำเนินชีวิตที่ปราศจากการเบียดเบียนผู้อื่นด้วยวาจาเท็จโกหกหลอกลวงตัดรอนประโยชน์หรือแกล้งทำลาย


5. เว้นจากของเมา คือสุราและเมรัยอันเป็นที่ตั้งแห่งความประมาท คือ ไม่เสพของมึนเมาจับเอาสาระว่า ความประพฤติหรือดำเนินชีวิตที่ปราศจากความประมาทพลั้งพลาดมัวเมาเนื่องจากการใช้สิ่งเสพติดที่ทำให้เสียสติสัมปชัญญะ

.....................................................
https://dhammachati.blogspot.com/


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 10 พ.ย. 2013, 21:33 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 ต.ค. 2006, 12:36
โพสต์: 33766

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


ความหมาย และขอบเขตของศีล ตามพุทธพจน์มาแสดงให้พิจารณา (เล็กๆน้อยๆพอเป็นแนวพิจารณา)


“คหบดีทั้งหลาย เราจักแสดงธรรมบรรยายสำหรับน้อมเข้ามาเทียบตัว...

1. อริยสาวก ย่อมพิจารณาเห็นดังนี้ว่า เราเองอยากมีชีวิต ไม่อยากตาย รักสุข เกลียดทุกข์ ถ้าใครจะปลงชีวิตเรา ผู้อยากอยู่ ไม่อยากตาย รักสุข เกลียดทุกข์ ก็จะไม่เป็นข้อที่ชื่นชอบที่พอใจแก่เรา ก็ถ้าเรา จะปลงชีวิตคนอื่นผู้อยากอยู่ ไม่อยากตาย รักสุข เกลียดทุกข์ ก็จะไม่เป็นข้อที่ชื่นชอบที่พอใจแก่คนอื่นเหมือนกัน สิ่งใด ตัวเราเองไม่ชื่นชอบ ไม่พอใจ ถึงคนอื่นเขาก็ไม่ชื่นชอบ ไม่พอใจเหมือนกัน สิ่งใด ตัวเราเองก็ไม่ชอบ ไม่พอใจ ไฉนจะพึงเอาไปผูกใส่ ให้คนอื่นเล่า อริยสาวกนั้น พิจารณาเห็นดังนี้ ย่อมงดเว้นจากปาณาติบาต ด้วยตนเองด้วย ย่อมชักชวนผู้อื่นให้งดเว้นจากปาณาติบาตด้วย ย่อมกล่าวสรรเสริญคุณแห่งการงดเว้นจากปาณาติบาตด้วย กายสมาจารของอริยสาวกนั้น ย่อมบริสุทธิ์ทั้งสามด้านอย่างนี้


2. อีกประการหนึ่ง อริยสาวก ย่อมพิจารณาเห็นดังนี้ว่า ถ้าใคร จะถือเอาสิ่งของที่มิได้ให้ด้วยอาการขโมย ก็จะไม่เป็นข้อ ที่ชื่นชอบที่พอใจแก่เรา ก็ถ้าเรา จะถือเอาของที่ผู้อื่นมิได้ให้ด้วยอาการขโมย ก็จะไม่เป็นข้อ ที่ชื่นชอบที่พอใจแก่คนอื่น เหมือนกัน....


3. อีกประการหนึ่ง อริยสาวก ย่อมพิจารณาเห็นดังนี้ว่า ก็ถ้าใคร จะประพฤติผิดในภรรยาของเรา ก็จะไม่เป็นข้อที่ชื่นชอบ ที่พอใจแก่เรา ก็ถ้าเรา จะประพฤติผิดในภรรยาของคนอื่น ก็จะไม่เป็นข้อที่ชื่นชอบที่พอใจแก่คนอื่น เหมือนกัน....


4. อีกประการหนึ่ง อริยสาวก ย่อมพิจารณาเห็นดังนี้ว่า ก็ถ้าใคร จะทำลายประโยชน์ของเรา ด้วยการกล่าวเท็จ ก็จะไม่เป็นข้อที่ชื่นชอบที่พอใจแก่เรา ก็ถ้าเรา จะทำลายประโยชน์ของคนอื่น ด้วยการกล่าวเท็จก็จะไม่เป็นข้อที่ชื่นชอบที่พอใจแก่คนอื่น เหมือนกัน....


5. อีกประการหนึ่ง อริยสาวก ย่อมพิจารณาเห็นดังนี้ว่า ถ้าใครจะยุยงเราให้แตกจากมิตร ด้วยคำส่อเสียด ก็จะไม่เป็นข้อที่ชื่นชอบที่พอใจแก่เรา ก็ถ้าเราจะยุยงคนอื่นให้แตกจากมิตร ด้วยคำส่อเสียด ก็จะไม่เป็นข้อที่ชื่นชอบ ที่พอใจแก่คนอื่น เหมือนกัน...

ฯลฯ

.....................................................
https://dhammachati.blogspot.com/


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 11 พ.ย. 2013, 09:05 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 13 ก.พ. 2010, 17:53
โพสต์: 4999

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


กรัชกาย เขียน:
คนทั่วไป ถือเอาสาระของศีลพื้นฐานนี้มาแสดงเป็นข้อกำหนดอย่างต่ำที่สุดในทางความประพฤติของมนุษย์ เท่าที่จำเป็นพอที่จะให้สังคมมนุษย์อยู่กันโดยปกติสุข และแต่ละคนมีชีวิตที่ไม่เป็นโทษภัย เรียกข้อกำหนดนี้ว่า สิกขาบท (= ข้อฝึกความประพฤติ) 5 หรือ ที่มานิยมเรียกกันเป็นสามัญว่า ศีล 5 - (บางครั้งเรียก นิจศีล ตามอรรถกถา) ได้แก่


1. เว้นจากปาณาติบาต คือ ไม่ทำลายชีวิต จับเอาสาระว่า ความประพฤติหรือการดำเนินชีวิตที่ปราศจากการเบียดเบียนผู้อื่นทางด้านชีวิตร่างกาย


2. เว้นจากอทินนาทาน คือ ไม่เอาสิ่งของที่เข้ามิได้ให้ หรือไม่ลักขโมย จับเอาสาระว่า ความประพฤติหรือดำเนินชีวิตที่ปราศจากการเบียดเบียนผู้อื่นทางด้านทรัพย์สินและกรรมสิทธิ์


3. เว้นจากกาเมสุมิจฉาจาร คือ ไม่ประพฤติผิดในกามทั้งหลาย จับเอาสาระว่า ความประพฤติหรือดำเนินชีวิตที่ปราศจากการเบียดเบียนผู้อื่นทางด้านคู่ครอง บุคคลที่รักหวงแหน ไม่ผิดประเพณีทางเพศ
ไม่นอกใจคู่ครองของตน


4. เว้นจากมุสาวาท คือ ไม่พูดเท็จ จับเอาสาระว่า ความประพฤติหรือดำเนินชีวิตที่ปราศจากการเบียดเบียนผู้อื่นด้วยวาจาเท็จโกหกหลอกลวงตัดรอนประโยชน์หรือแกล้งทำลาย


5. เว้นจากของเมา คือสุราและเมรัยอันเป็นที่ตั้งแห่งความประมาท คือ ไม่เสพของมึนเมาจับเอาสาระว่า ความประพฤติหรือดำเนินชีวิตที่ปราศจากความประมาทพลั้งพลาดมัวเมาเนื่องจากการใช้สิ่งเสพติดที่ทำให้เสียสติสัมปชัญญะ


กรัชกายนี่มันมั่วอีกแล้ว บอกว่า ข้อกำหนดพื้นฐานของมนุษย์ แต่ดันโยงมาเรื่องสิกขาบท
กรัชกายรู้หรือเปล่าว่า แกงส้มกับจับฉ่าย ถึงแม้มันจะคล้ายกันที่มีผักหลายอย่าง
แต่มันเป็นคนล่ะอย่างกัน

ไอ้เรื่องข้อกำหนดพื้นฐานที่ชาวบ้านเรียกกันติดปากว่า "ศีล" มันแตกต่างจากสิกขาบท
ไม่ว่าจะเป็นจุดมุ่งหมายหรือการปฏิบัติ

ศีลพื้นฐานที่ชาวบ้านเขาปฏิบัติ มันไม่ใช่สาระธรรมที่พระพุทธองค์ทรงสอน
ศีลของชาวบ้านมันเป็นเรื่องของการห้าม ด้วยการข่มขู่ให้เกิดความหวาดกลัว
มันแตกต่างจากศีลสิกขาของพระพุทธองค์ พระพุทธองค์ไม่ได้ห้ามปฏิบัติหรือให้ปฏิบัติ
พระพุทธองค์เน้นเรื่อง .......เจตนา ความเป็นกุศล อกุศล

กุศลและอกุศล ไม่ใช่ความดีความชั่ว ความดีความชั่วไม่ใช่สาระธรรมของพระพุทธเจ้าอีกเช่นกัน
ความดี ความชั่วเป็นเพียง สิ่งที่ปรุงแต่งของปุถุชน

สรุปเลยว่า ศีลสิกขาของพุทธองค์จะเป็นเบื้องต้นหรือพื้นฐาน
ไม่ใช่ศีลข้อห้ามแบบที่กรัชกายกำลังมั่ว ศีลสิกขาขั้นพื้นฐานของพระพุทธองค์
คือ.....การปฏิบัติอันประกอบด้วย.......เจตนาแห่งกุศลธรรม


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 11 พ.ย. 2013, 09:10 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 13 ก.พ. 2010, 17:53
โพสต์: 4999

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


กรัชกาย เขียน:
ความหมาย และขอบเขตของศีล ตามพุทธพจน์มาแสดงให้พิจารณา (เล็กๆน้อยๆพอเป็นแนวพิจารณา)


“คหบดีทั้งหลาย เราจักแสดงธรรมบรรยายสำหรับน้อมเข้ามาเทียบตัว...

1. อริยสาวก ย่อมพิจารณาเห็นดังนี้ว่า เราเองอยากมีชีวิต ไม่อยากตาย รักสุข เกลียดทุกข์ ถ้าใครจะปลงชีวิตเรา ผู้อยากอยู่ ไม่อยากตาย รักสุข เกลียดทุกข์ ก็จะไม่เป็นข้อที่ชื่นชอบที่พอใจแก่เรา ก็ถ้าเรา จะปลงชีวิตคนอื่นผู้อยากอยู่ ไม่อยากตาย รักสุข เกลียดทุกข์ ก็จะไม่เป็นข้อที่ชื่นชอบที่พอใจแก่คนอื่นเหมือนกัน สิ่งใด ตัวเราเองไม่ชื่นชอบ ไม่พอใจ ถึงคนอื่นเขาก็ไม่ชื่นชอบ ไม่พอใจเหมือนกัน สิ่งใด ตัวเราเองก็ไม่ชอบ ไม่พอใจ ไฉนจะพึงเอาไปผูกใส่ ให้คนอื่นเล่า อริยสาวกนั้น พิจารณาเห็นดังนี้ ย่อมงดเว้นจากปาณาติบาต ด้วยตนเองด้วย ย่อมชักชวนผู้อื่นให้งดเว้นจากปาณาติบาตด้วย ย่อมกล่าวสรรเสริญคุณแห่งการงดเว้นจากปาณาติบาตด้วย กายสมาจารของอริยสาวกนั้น ย่อมบริสุทธิ์ทั้งสามด้านอย่างนี้


2. อีกประการหนึ่ง อริยสาวก ย่อมพิจารณาเห็นดังนี้ว่า ถ้าใคร จะถือเอาสิ่งของที่มิได้ให้ด้วยอาการขโมย ก็จะไม่เป็นข้อ ที่ชื่นชอบที่พอใจแก่เรา ก็ถ้าเรา จะถือเอาของที่ผู้อื่นมิได้ให้ด้วยอาการขโมย ก็จะไม่เป็นข้อ ที่ชื่นชอบที่พอใจแก่คนอื่น เหมือนกัน....


3. อีกประการหนึ่ง อริยสาวก ย่อมพิจารณาเห็นดังนี้ว่า ก็ถ้าใคร จะประพฤติผิดในภรรยาของเรา ก็จะไม่เป็นข้อที่ชื่นชอบ ที่พอใจแก่เรา ก็ถ้าเรา จะประพฤติผิดในภรรยาของคนอื่น ก็จะไม่เป็นข้อที่ชื่นชอบที่พอใจแก่คนอื่น เหมือนกัน....


4. อีกประการหนึ่ง อริยสาวก ย่อมพิจารณาเห็นดังนี้ว่า ก็ถ้าใคร จะทำลายประโยชน์ของเรา ด้วยการกล่าวเท็จ ก็จะไม่เป็นข้อที่ชื่นชอบที่พอใจแก่เรา ก็ถ้าเรา จะทำลายประโยชน์ของคนอื่น ด้วยการกล่าวเท็จก็จะไม่เป็นข้อที่ชื่นชอบที่พอใจแก่คนอื่น เหมือนกัน....


5. อีกประการหนึ่ง อริยสาวก ย่อมพิจารณาเห็นดังนี้ว่า ถ้าใครจะยุยงเราให้แตกจากมิตร ด้วยคำส่อเสียด ก็จะไม่เป็นข้อที่ชื่นชอบที่พอใจแก่เรา ก็ถ้าเราจะยุยงคนอื่นให้แตกจากมิตร ด้วยคำส่อเสียด ก็จะไม่เป็นข้อที่ชื่นชอบ ที่พอใจแก่คนอื่น เหมือนกัน...

ฯลฯ


กรัชกายนิสัยไม่เปลี่ยน บอกกี่ครั้งแล้ว จะอ้างอิงพุทธพจน์
จะต้องเอาลิ้งมาวางด้วย เขาจะได้รู้ที่มา
เมื่อรู้แล้วเขาจะได้เข้าไปพิจารณาธรรมนั้นด้วยตัวเอง
ไม่ใช่ให้กรัชกายมาพูดเองเออเองแบบนี้.......ไม่รู้หรือแกล้งไม่รู้หว่า :b6:


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 11 พ.ย. 2013, 10:39 
 
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 04 ธ.ค. 2012, 15:49
โพสต์: 932


 ข้อมูลส่วนตัว


โฮฮับ เขียน:
กรัชกาย เขียน:
ความหมาย และขอบเขตของศีล ตามพุทธพจน์มาแสดงให้พิจารณา (เล็กๆน้อยๆพอเป็นแนวพิจารณา)


“คหบดีทั้งหลาย เราจักแสดงธรรมบรรยายสำหรับน้อมเข้ามาเทียบตัว...

1. อริยสาวก ย่อมพิจารณาเห็นดังนี้ว่า เราเองอยากมีชีวิต ไม่อยากตาย รักสุข เกลียดทุกข์ ถ้าใครจะปลงชีวิตเรา ผู้อยากอยู่ ไม่อยากตาย รักสุข เกลียดทุกข์ ก็จะไม่เป็นข้อที่ชื่นชอบที่พอใจแก่เรา ก็ถ้าเรา จะปลงชีวิตคนอื่นผู้อยากอยู่ ไม่อยากตาย รักสุข เกลียดทุกข์ ก็จะไม่เป็นข้อที่ชื่นชอบที่พอใจแก่คนอื่นเหมือนกัน สิ่งใด ตัวเราเองไม่ชื่นชอบ ไม่พอใจ ถึงคนอื่นเขาก็ไม่ชื่นชอบ ไม่พอใจเหมือนกัน สิ่งใด ตัวเราเองก็ไม่ชอบ ไม่พอใจ ไฉนจะพึงเอาไปผูกใส่ ให้คนอื่นเล่า อริยสาวกนั้น พิจารณาเห็นดังนี้ ย่อมงดเว้นจากปาณาติบาต ด้วยตนเองด้วย ย่อมชักชวนผู้อื่นให้งดเว้นจากปาณาติบาตด้วย ย่อมกล่าวสรรเสริญคุณแห่งการงดเว้นจากปาณาติบาตด้วย กายสมาจารของอริยสาวกนั้น ย่อมบริสุทธิ์ทั้งสามด้านอย่างนี้


2. อีกประการหนึ่ง อริยสาวก ย่อมพิจารณาเห็นดังนี้ว่า ถ้าใคร จะถือเอาสิ่งของที่มิได้ให้ด้วยอาการขโมย ก็จะไม่เป็นข้อ ที่ชื่นชอบที่พอใจแก่เรา ก็ถ้าเรา จะถือเอาของที่ผู้อื่นมิได้ให้ด้วยอาการขโมย ก็จะไม่เป็นข้อ ที่ชื่นชอบที่พอใจแก่คนอื่น เหมือนกัน....


3. อีกประการหนึ่ง อริยสาวก ย่อมพิจารณาเห็นดังนี้ว่า ก็ถ้าใคร จะประพฤติผิดในภรรยาของเรา ก็จะไม่เป็นข้อที่ชื่นชอบ ที่พอใจแก่เรา ก็ถ้าเรา จะประพฤติผิดในภรรยาของคนอื่น ก็จะไม่เป็นข้อที่ชื่นชอบที่พอใจแก่คนอื่น เหมือนกัน....


4. อีกประการหนึ่ง อริยสาวก ย่อมพิจารณาเห็นดังนี้ว่า ก็ถ้าใคร จะทำลายประโยชน์ของเรา ด้วยการกล่าวเท็จ ก็จะไม่เป็นข้อที่ชื่นชอบที่พอใจแก่เรา ก็ถ้าเรา จะทำลายประโยชน์ของคนอื่น ด้วยการกล่าวเท็จก็จะไม่เป็นข้อที่ชื่นชอบที่พอใจแก่คนอื่น เหมือนกัน....


5. อีกประการหนึ่ง อริยสาวก ย่อมพิจารณาเห็นดังนี้ว่า ถ้าใครจะยุยงเราให้แตกจากมิตร ด้วยคำส่อเสียด ก็จะไม่เป็นข้อที่ชื่นชอบที่พอใจแก่เรา ก็ถ้าเราจะยุยงคนอื่นให้แตกจากมิตร ด้วยคำส่อเสียด ก็จะไม่เป็นข้อที่ชื่นชอบ ที่พอใจแก่คนอื่น เหมือนกัน...

ฯลฯ


กรัชกายนิสัยไม่เปลี่ยน บอกกี่ครั้งแล้ว จะอ้างอิงพุทธพจน์
จะต้องเอาลิ้งมาวางด้วย เขาจะได้รู้ที่มา
เมื่อรู้แล้วเขาจะได้เข้าไปพิจารณาธรรมนั้นด้วยตัวเอง
ไม่ใช่ให้กรัชกายมาพูดเองเออเองแบบนี้.......ไม่รู้หรือแกล้งไม่รู้หว่า :b6:
เขาขยายความได้ครับถ้าไม่เชื่อก้อตรวจทานเอานะโฮ คงไม่เหมือนทิ้งเมียนะอิอิ เอามาจากไหนทิ้งเมียน่ะ


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 11 พ.ย. 2013, 12:16 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 13 ก.พ. 2010, 17:53
โพสต์: 4999

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


amazing เขียน:
โฮฮับ เขียน:
กรัชกาย เขียน:
ความหมาย และขอบเขตของศีล ตามพุทธพจน์มาแสดงให้พิจารณา (เล็กๆน้อยๆพอเป็นแนวพิจารณา)


“คหบดีทั้งหลาย เราจักแสดงธรรมบรรยายสำหรับน้อมเข้ามาเทียบตัว...

1. อริยสาวก ย่อมพิจารณาเห็นดังนี้ว่า เราเองอยากมีชีวิต ไม่อยากตาย รักสุข เกลียดทุกข์ ถ้าใครจะปลงชีวิตเรา ผู้อยากอยู่ ไม่อยากตาย รักสุข เกลียดทุกข์ ก็จะไม่เป็นข้อที่ชื่นชอบที่พอใจแก่เรา ก็ถ้าเรา จะปลงชีวิตคนอื่นผู้อยากอยู่ ไม่อยากตาย รักสุข เกลียดทุกข์ ก็จะไม่เป็นข้อที่ชื่นชอบที่พอใจแก่คนอื่นเหมือนกัน สิ่งใด ตัวเราเองไม่ชื่นชอบ ไม่พอใจ ถึงคนอื่นเขาก็ไม่ชื่นชอบ ไม่พอใจเหมือนกัน สิ่งใด ตัวเราเองก็ไม่ชอบ ไม่พอใจ ไฉนจะพึงเอาไปผูกใส่ ให้คนอื่นเล่า อริยสาวกนั้น พิจารณาเห็นดังนี้ ย่อมงดเว้นจากปาณาติบาต ด้วยตนเองด้วย ย่อมชักชวนผู้อื่นให้งดเว้นจากปาณาติบาตด้วย ย่อมกล่าวสรรเสริญคุณแห่งการงดเว้นจากปาณาติบาตด้วย กายสมาจารของอริยสาวกนั้น ย่อมบริสุทธิ์ทั้งสามด้านอย่างนี้


2. อีกประการหนึ่ง อริยสาวก ย่อมพิจารณาเห็นดังนี้ว่า ถ้าใคร จะถือเอาสิ่งของที่มิได้ให้ด้วยอาการขโมย ก็จะไม่เป็นข้อ ที่ชื่นชอบที่พอใจแก่เรา ก็ถ้าเรา จะถือเอาของที่ผู้อื่นมิได้ให้ด้วยอาการขโมย ก็จะไม่เป็นข้อ ที่ชื่นชอบที่พอใจแก่คนอื่น เหมือนกัน....


3. อีกประการหนึ่ง อริยสาวก ย่อมพิจารณาเห็นดังนี้ว่า ก็ถ้าใคร จะประพฤติผิดในภรรยาของเรา ก็จะไม่เป็นข้อที่ชื่นชอบ ที่พอใจแก่เรา ก็ถ้าเรา จะประพฤติผิดในภรรยาของคนอื่น ก็จะไม่เป็นข้อที่ชื่นชอบที่พอใจแก่คนอื่น เหมือนกัน....


4. อีกประการหนึ่ง อริยสาวก ย่อมพิจารณาเห็นดังนี้ว่า ก็ถ้าใคร จะทำลายประโยชน์ของเรา ด้วยการกล่าวเท็จ ก็จะไม่เป็นข้อที่ชื่นชอบที่พอใจแก่เรา ก็ถ้าเรา จะทำลายประโยชน์ของคนอื่น ด้วยการกล่าวเท็จก็จะไม่เป็นข้อที่ชื่นชอบที่พอใจแก่คนอื่น เหมือนกัน....


5. อีกประการหนึ่ง อริยสาวก ย่อมพิจารณาเห็นดังนี้ว่า ถ้าใครจะยุยงเราให้แตกจากมิตร ด้วยคำส่อเสียด ก็จะไม่เป็นข้อที่ชื่นชอบที่พอใจแก่เรา ก็ถ้าเราจะยุยงคนอื่นให้แตกจากมิตร ด้วยคำส่อเสียด ก็จะไม่เป็นข้อที่ชื่นชอบ ที่พอใจแก่คนอื่น เหมือนกัน...

ฯลฯ


กรัชกายนิสัยไม่เปลี่ยน บอกกี่ครั้งแล้ว จะอ้างอิงพุทธพจน์
จะต้องเอาลิ้งมาวางด้วย เขาจะได้รู้ที่มา
เมื่อรู้แล้วเขาจะได้เข้าไปพิจารณาธรรมนั้นด้วยตัวเอง
ไม่ใช่ให้กรัชกายมาพูดเองเออเองแบบนี้.......ไม่รู้หรือแกล้งไม่รู้หว่า :b6:
เขาขยายความได้ครับถ้าไม่เชื่อก้อตรวจทานเอานะโฮ คงไม่เหมือนทิ้งเมียนะอิอิ เอามาจากไหนทิ้งเมียน่ะ


ขี้โม้! โม้แล้วไม่จำว่า ตัวเองเคยโม้อะไรไว้
เมื่อก่อนตอนปลอมตัวเป็นอเมชิ่งใหม่ เอาแบรนด์พุทธวจนมาใช้จำไม่ได้หรือ
รำคาญคนขี้โม้ชอบแอบอ้างธรรมะ เอาเปรียบผู้หญิง ไม่ทิ้งเมียแต่เกาะเมียกิน :b32:


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 11 พ.ย. 2013, 13:18 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 27 ก.พ. 2012, 12:27
โพสต์: 2372

แนวปฏิบัติ: ปฏิจจสมุปบาท และกรรมฐาน
งานอดิเรก: สวดมนต์รภาวนา
อายุ: 27

 ข้อมูลส่วนตัว


amazing เขียน:
โฮฮับ เขียน:
กรัชกาย เขียน:
ความหมาย และขอบเขตของศีล ตามพุทธพจน์มาแสดงให้พิจารณา (เล็กๆน้อยๆพอเป็นแนวพิจารณา)


“คหบดีทั้งหลาย เราจักแสดงธรรมบรรยายสำหรับน้อมเข้ามาเทียบตัว...

1. อริยสาวก ย่อมพิจารณาเห็นดังนี้ว่า เราเองอยากมีชีวิต ไม่อยากตาย รักสุข เกลียดทุกข์ ถ้าใครจะปลงชีวิตเรา ผู้อยากอยู่ ไม่อยากตาย รักสุข เกลียดทุกข์ ก็จะไม่เป็นข้อที่ชื่นชอบที่พอใจแก่เรา ก็ถ้าเรา จะปลงชีวิตคนอื่นผู้อยากอยู่ ไม่อยากตาย รักสุข เกลียดทุกข์ ก็จะไม่เป็นข้อที่ชื่นชอบที่พอใจแก่คนอื่นเหมือนกัน สิ่งใด ตัวเราเองไม่ชื่นชอบ ไม่พอใจ ถึงคนอื่นเขาก็ไม่ชื่นชอบ ไม่พอใจเหมือนกัน สิ่งใด ตัวเราเองก็ไม่ชอบ ไม่พอใจ ไฉนจะพึงเอาไปผูกใส่ ให้คนอื่นเล่า อริยสาวกนั้น พิจารณาเห็นดังนี้ ย่อมงดเว้นจากปาณาติบาต ด้วยตนเองด้วย ย่อมชักชวนผู้อื่นให้งดเว้นจากปาณาติบาตด้วย ย่อมกล่าวสรรเสริญคุณแห่งการงดเว้นจากปาณาติบาตด้วย กายสมาจารของอริยสาวกนั้น ย่อมบริสุทธิ์ทั้งสามด้านอย่างนี้


2. อีกประการหนึ่ง อริยสาวก ย่อมพิจารณาเห็นดังนี้ว่า ถ้าใคร จะถือเอาสิ่งของที่มิได้ให้ด้วยอาการขโมย ก็จะไม่เป็นข้อ ที่ชื่นชอบที่พอใจแก่เรา ก็ถ้าเรา จะถือเอาของที่ผู้อื่นมิได้ให้ด้วยอาการขโมย ก็จะไม่เป็นข้อ ที่ชื่นชอบที่พอใจแก่คนอื่น เหมือนกัน....


3. อีกประการหนึ่ง อริยสาวก ย่อมพิจารณาเห็นดังนี้ว่า ก็ถ้าใคร จะประพฤติผิดในภรรยาของเรา ก็จะไม่เป็นข้อที่ชื่นชอบ ที่พอใจแก่เรา ก็ถ้าเรา จะประพฤติผิดในภรรยาของคนอื่น ก็จะไม่เป็นข้อที่ชื่นชอบที่พอใจแก่คนอื่น เหมือนกัน....


4. อีกประการหนึ่ง อริยสาวก ย่อมพิจารณาเห็นดังนี้ว่า ก็ถ้าใคร จะทำลายประโยชน์ของเรา ด้วยการกล่าวเท็จ ก็จะไม่เป็นข้อที่ชื่นชอบที่พอใจแก่เรา ก็ถ้าเรา จะทำลายประโยชน์ของคนอื่น ด้วยการกล่าวเท็จก็จะไม่เป็นข้อที่ชื่นชอบที่พอใจแก่คนอื่น เหมือนกัน....


5. อีกประการหนึ่ง อริยสาวก ย่อมพิจารณาเห็นดังนี้ว่า ถ้าใครจะยุยงเราให้แตกจากมิตร ด้วยคำส่อเสียด ก็จะไม่เป็นข้อที่ชื่นชอบที่พอใจแก่เรา ก็ถ้าเราจะยุยงคนอื่นให้แตกจากมิตร ด้วยคำส่อเสียด ก็จะไม่เป็นข้อที่ชื่นชอบ ที่พอใจแก่คนอื่น เหมือนกัน...

ฯลฯ


กรัชกายนิสัยไม่เปลี่ยน บอกกี่ครั้งแล้ว จะอ้างอิงพุทธพจน์
จะต้องเอาลิ้งมาวางด้วย เขาจะได้รู้ที่มา
เมื่อรู้แล้วเขาจะได้เข้าไปพิจารณาธรรมนั้นด้วยตัวเอง
ไม่ใช่ให้กรัชกายมาพูดเองเออเองแบบนี้.......ไม่รู้หรือแกล้งไม่รู้หว่า :b6:
เขาขยายความได้ครับถ้าไม่เชื่อก้อตรวจทานเอานะโฮ คงไม่เหมือนทิ้งเมียนะอิอิ เอามาจากไหนทิ้งเมียน่ะ

อะเมซิ่งนี้เตือนหลายทีแล้วนะ :b26: ยังเอานิสัยเดิมมาใช้อีก ทำไมไม่รู้จักจำ ที่ตนเองปลอมตัวมาเป็นอะเมซิ่งลอคอินใหม่ทั้งทีตนเองก็คือบิ๊กทู่ก็เพราะอะไร ถ้าจำไม่ได้เด่วคุนน้องจะเตือนความจำให้ 555+
viewtopic.php?f=1&t=44000
ปล.ที่นี้เชื่อคุนน้องรึยังว่าทำไมคุนน้องกล้าพูดเต็มปากเต็มคำว่า อเมซิ่งไม่ใช่พระอริยะขั้นสอง :b32: :b32:


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 11 พ.ย. 2013, 15:00 
 
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 04 ธ.ค. 2012, 15:49
โพสต์: 932


 ข้อมูลส่วนตัว


โฮฮับ เขียน:
amazing เขียน:
โฮฮับ เขียน:
กรัชกาย เขียน:
ความหมาย และขอบเขตของศีล ตามพุทธพจน์มาแสดงให้พิจารณา (เล็กๆน้อยๆพอเป็นแนวพิจารณา)


“คหบดีทั้งหลาย เราจักแสดงธรรมบรรยายสำหรับน้อมเข้ามาเทียบตัว...

1. อริยสาวก ย่อมพิจารณาเห็นดังนี้ว่า เราเองอยากมีชีวิต ไม่อยากตาย รักสุข เกลียดทุกข์ ถ้าใครจะปลงชีวิตเรา ผู้อยากอยู่ ไม่อยากตาย รักสุข เกลียดทุกข์ ก็จะไม่เป็นข้อที่ชื่นชอบที่พอใจแก่เรา ก็ถ้าเรา จะปลงชีวิตคนอื่นผู้อยากอยู่ ไม่อยากตาย รักสุข เกลียดทุกข์ ก็จะไม่เป็นข้อที่ชื่นชอบที่พอใจแก่คนอื่นเหมือนกัน สิ่งใด ตัวเราเองไม่ชื่นชอบ ไม่พอใจ ถึงคนอื่นเขาก็ไม่ชื่นชอบ ไม่พอใจเหมือนกัน สิ่งใด ตัวเราเองก็ไม่ชอบ ไม่พอใจ ไฉนจะพึงเอาไปผูกใส่ ให้คนอื่นเล่า อริยสาวกนั้น พิจารณาเห็นดังนี้ ย่อมงดเว้นจากปาณาติบาต ด้วยตนเองด้วย ย่อมชักชวนผู้อื่นให้งดเว้นจากปาณาติบาตด้วย ย่อมกล่าวสรรเสริญคุณแห่งการงดเว้นจากปาณาติบาตด้วย กายสมาจารของอริยสาวกนั้น ย่อมบริสุทธิ์ทั้งสามด้านอย่างนี้


2. อีกประการหนึ่ง อริยสาวก ย่อมพิจารณาเห็นดังนี้ว่า ถ้าใคร จะถือเอาสิ่งของที่มิได้ให้ด้วยอาการขโมย ก็จะไม่เป็นข้อ ที่ชื่นชอบที่พอใจแก่เรา ก็ถ้าเรา จะถือเอาของที่ผู้อื่นมิได้ให้ด้วยอาการขโมย ก็จะไม่เป็นข้อ ที่ชื่นชอบที่พอใจแก่คนอื่น เหมือนกัน....


3. อีกประการหนึ่ง อริยสาวก ย่อมพิจารณาเห็นดังนี้ว่า ก็ถ้าใคร จะประพฤติผิดในภรรยาของเรา ก็จะไม่เป็นข้อที่ชื่นชอบ ที่พอใจแก่เรา ก็ถ้าเรา จะประพฤติผิดในภรรยาของคนอื่น ก็จะไม่เป็นข้อที่ชื่นชอบที่พอใจแก่คนอื่น เหมือนกัน....


4. อีกประการหนึ่ง อริยสาวก ย่อมพิจารณาเห็นดังนี้ว่า ก็ถ้าใคร จะทำลายประโยชน์ของเรา ด้วยการกล่าวเท็จ ก็จะไม่เป็นข้อที่ชื่นชอบที่พอใจแก่เรา ก็ถ้าเรา จะทำลายประโยชน์ของคนอื่น ด้วยการกล่าวเท็จก็จะไม่เป็นข้อที่ชื่นชอบที่พอใจแก่คนอื่น เหมือนกัน....


5. อีกประการหนึ่ง อริยสาวก ย่อมพิจารณาเห็นดังนี้ว่า ถ้าใครจะยุยงเราให้แตกจากมิตร ด้วยคำส่อเสียด ก็จะไม่เป็นข้อที่ชื่นชอบที่พอใจแก่เรา ก็ถ้าเราจะยุยงคนอื่นให้แตกจากมิตร ด้วยคำส่อเสียด ก็จะไม่เป็นข้อที่ชื่นชอบ ที่พอใจแก่คนอื่น เหมือนกัน...

ฯลฯ


กรัชกายนิสัยไม่เปลี่ยน บอกกี่ครั้งแล้ว จะอ้างอิงพุทธพจน์
จะต้องเอาลิ้งมาวางด้วย เขาจะได้รู้ที่มา
เมื่อรู้แล้วเขาจะได้เข้าไปพิจารณาธรรมนั้นด้วยตัวเอง
ไม่ใช่ให้กรัชกายมาพูดเองเออเองแบบนี้.......ไม่รู้หรือแกล้งไม่รู้หว่า :b6:
เขาขยายความได้ครับถ้าไม่เชื่อก้อตรวจทานเอานะโฮ คงไม่เหมือนทิ้งเมียนะอิอิ เอามาจากไหนทิ้งเมียน่ะ


ขี้โม้! โม้แล้วไม่จำว่า ตัวเองเคยโม้อะไรไว้
เมื่อก่อนตอนปลอมตัวเป็นอเมชิ่งใหม่ เอาแบรนด์พุทธวจนมาใช้จำไม่ได้หรือ
รำคาญคนขี้โม้ชอบแอบอ้างธรรมะ เอาเปรียบผู้หญิง ไม่ทิ้งเมียแต่เกาะเมียกิน :b32:
ใครเหรอเกาะเมียกินนะครับ โฮเหรอเมียไม่ให้เลยทิ้งเมีย ธรรมะทิ้งเมียขำฝุดๆมีหน้ามาแสดงธรรม ใครเขาจะเชื่อ


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 11 พ.ย. 2013, 15:17 
 
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 04 ธ.ค. 2012, 15:49
โพสต์: 932


 ข้อมูลส่วนตัว


nongkong เขียน:
amazing เขียน:
โฮฮับ เขียน:
กรัชกาย เขียน:
ความหมาย และขอบเขตของศีล ตามพุทธพจน์มาแสดงให้พิจารณา (เล็กๆน้อยๆพอเป็นแนวพิจารณา)


“คหบดีทั้งหลาย เราจักแสดงธรรมบรรยายสำหรับน้อมเข้ามาเทียบตัว...

1. อริยสาวก ย่อมพิจารณาเห็นดังนี้ว่า เราเองอยากมีชีวิต ไม่อยากตาย รักสุข เกลียดทุกข์ ถ้าใครจะปลงชีวิตเรา ผู้อยากอยู่ ไม่อยากตาย รักสุข เกลียดทุกข์ ก็จะไม่เป็นข้อที่ชื่นชอบที่พอใจแก่เรา ก็ถ้าเรา จะปลงชีวิตคนอื่นผู้อยากอยู่ ไม่อยากตาย รักสุข เกลียดทุกข์ ก็จะไม่เป็นข้อที่ชื่นชอบที่พอใจแก่คนอื่นเหมือนกัน สิ่งใด ตัวเราเองไม่ชื่นชอบ ไม่พอใจ ถึงคนอื่นเขาก็ไม่ชื่นชอบ ไม่พอใจเหมือนกัน สิ่งใด ตัวเราเองก็ไม่ชอบ ไม่พอใจ ไฉนจะพึงเอาไปผูกใส่ ให้คนอื่นเล่า อริยสาวกนั้น พิจารณาเห็นดังนี้ ย่อมงดเว้นจากปาณาติบาต ด้วยตนเองด้วย ย่อมชักชวนผู้อื่นให้งดเว้นจากปาณาติบาตด้วย ย่อมกล่าวสรรเสริญคุณแห่งการงดเว้นจากปาณาติบาตด้วย กายสมาจารของอริยสาวกนั้น ย่อมบริสุทธิ์ทั้งสามด้านอย่างนี้


2. อีกประการหนึ่ง อริยสาวก ย่อมพิจารณาเห็นดังนี้ว่า ถ้าใคร จะถือเอาสิ่งของที่มิได้ให้ด้วยอาการขโมย ก็จะไม่เป็นข้อ ที่ชื่นชอบที่พอใจแก่เรา ก็ถ้าเรา จะถือเอาของที่ผู้อื่นมิได้ให้ด้วยอาการขโมย ก็จะไม่เป็นข้อ ที่ชื่นชอบที่พอใจแก่คนอื่น เหมือนกัน....


3. อีกประการหนึ่ง อริยสาวก ย่อมพิจารณาเห็นดังนี้ว่า ก็ถ้าใคร จะประพฤติผิดในภรรยาของเรา ก็จะไม่เป็นข้อที่ชื่นชอบ ที่พอใจแก่เรา ก็ถ้าเรา จะประพฤติผิดในภรรยาของคนอื่น ก็จะไม่เป็นข้อที่ชื่นชอบที่พอใจแก่คนอื่น เหมือนกัน....


4. อีกประการหนึ่ง อริยสาวก ย่อมพิจารณาเห็นดังนี้ว่า ก็ถ้าใคร จะทำลายประโยชน์ของเรา ด้วยการกล่าวเท็จ ก็จะไม่เป็นข้อที่ชื่นชอบที่พอใจแก่เรา ก็ถ้าเรา จะทำลายประโยชน์ของคนอื่น ด้วยการกล่าวเท็จก็จะไม่เป็นข้อที่ชื่นชอบที่พอใจแก่คนอื่น เหมือนกัน....


5. อีกประการหนึ่ง อริยสาวก ย่อมพิจารณาเห็นดังนี้ว่า ถ้าใครจะยุยงเราให้แตกจากมิตร ด้วยคำส่อเสียด ก็จะไม่เป็นข้อที่ชื่นชอบที่พอใจแก่เรา ก็ถ้าเราจะยุยงคนอื่นให้แตกจากมิตร ด้วยคำส่อเสียด ก็จะไม่เป็นข้อที่ชื่นชอบ ที่พอใจแก่คนอื่น เหมือนกัน...

ฯลฯ


กรัชกายนิสัยไม่เปลี่ยน บอกกี่ครั้งแล้ว จะอ้างอิงพุทธพจน์
จะต้องเอาลิ้งมาวางด้วย เขาจะได้รู้ที่มา
เมื่อรู้แล้วเขาจะได้เข้าไปพิจารณาธรรมนั้นด้วยตัวเอง
ไม่ใช่ให้กรัชกายมาพูดเองเออเองแบบนี้.......ไม่รู้หรือแกล้งไม่รู้หว่า :b6:
เขาขยายความได้ครับถ้าไม่เชื่อก้อตรวจทานเอานะโฮ คงไม่เหมือนทิ้งเมียนะอิอิ เอามาจากไหนทิ้งเมียน่ะ

อะเมซิ่งนี้เตือนหลายทีแล้วนะ :b26: ยังเอานิสัยเดิมมาใช้อีก ทำไมไม่รู้จักจำ ที่ตนเองปลอมตัวมาเป็นอะเมซิ่งลอคอินใหม่ทั้งทีตนเองก็คือบิ๊กทู่ก็เพราะอะไร ถ้าจำไม่ได้เด่วคุนน้องจะเตือนความจำให้ 555+
viewtopic.php?f=1&t=44000
ปล.ที่นี้เชื่อคุนน้องรึยังว่าทำไมคุนน้องกล้าพูดเต็มปากเต็มคำว่า อเมซิ่งไม่ใช่พระอริยะขั้นสอง :b32: :b32:

ขนาดกล้าถามเรื่องแบบนั้น ถามแล้วก้อยังบอกว่าเป็นอริยะนี่รุ้ป่าวเพื่ออะไรเพื่อได้เข้าใจความจริงถกเถียงว่าขอบเขตของฆราวาสที่เป็นอริยะนั้น ทางใจคิดได้แค่ไหนประการใด อนาคามีถึงจะดับมโนทุจริตได้ ขั้นต้นเขาดับทุจริตทางกายได้เท่านั้นคือสิลห้า ถกเถียงมาการพุดแบบคิดเองนะมันไม่ตรงธรรม


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 11 พ.ย. 2013, 15:21 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 27 ก.พ. 2012, 12:27
โพสต์: 2372

แนวปฏิบัติ: ปฏิจจสมุปบาท และกรรมฐาน
งานอดิเรก: สวดมนต์รภาวนา
อายุ: 27

 ข้อมูลส่วนตัว


amazing เขียน:
โฮฮับ เขียน:
amazing เขียน:
โฮฮับ เขียน:
กรัชกาย เขียน:
ความหมาย และขอบเขตของศีล ตามพุทธพจน์มาแสดงให้พิจารณา (เล็กๆน้อยๆพอเป็นแนวพิจารณา)


“คหบดีทั้งหลาย เราจักแสดงธรรมบรรยายสำหรับน้อมเข้ามาเทียบตัว...

1. อริยสาวก ย่อมพิจารณาเห็นดังนี้ว่า เราเองอยากมีชีวิต ไม่อยากตาย รักสุข เกลียดทุกข์ ถ้าใครจะปลงชีวิตเรา ผู้อยากอยู่ ไม่อยากตาย รักสุข เกลียดทุกข์ ก็จะไม่เป็นข้อที่ชื่นชอบที่พอใจแก่เรา ก็ถ้าเรา จะปลงชีวิตคนอื่นผู้อยากอยู่ ไม่อยากตาย รักสุข เกลียดทุกข์ ก็จะไม่เป็นข้อที่ชื่นชอบที่พอใจแก่คนอื่นเหมือนกัน สิ่งใด ตัวเราเองไม่ชื่นชอบ ไม่พอใจ ถึงคนอื่นเขาก็ไม่ชื่นชอบ ไม่พอใจเหมือนกัน สิ่งใด ตัวเราเองก็ไม่ชอบ ไม่พอใจ ไฉนจะพึงเอาไปผูกใส่ ให้คนอื่นเล่า อริยสาวกนั้น พิจารณาเห็นดังนี้ ย่อมงดเว้นจากปาณาติบาต ด้วยตนเองด้วย ย่อมชักชวนผู้อื่นให้งดเว้นจากปาณาติบาตด้วย ย่อมกล่าวสรรเสริญคุณแห่งการงดเว้นจากปาณาติบาตด้วย กายสมาจารของอริยสาวกนั้น ย่อมบริสุทธิ์ทั้งสามด้านอย่างนี้


2. อีกประการหนึ่ง อริยสาวก ย่อมพิจารณาเห็นดังนี้ว่า ถ้าใคร จะถือเอาสิ่งของที่มิได้ให้ด้วยอาการขโมย ก็จะไม่เป็นข้อ ที่ชื่นชอบที่พอใจแก่เรา ก็ถ้าเรา จะถือเอาของที่ผู้อื่นมิได้ให้ด้วยอาการขโมย ก็จะไม่เป็นข้อ ที่ชื่นชอบที่พอใจแก่คนอื่น เหมือนกัน....


3. อีกประการหนึ่ง อริยสาวก ย่อมพิจารณาเห็นดังนี้ว่า ก็ถ้าใคร จะประพฤติผิดในภรรยาของเรา ก็จะไม่เป็นข้อที่ชื่นชอบ ที่พอใจแก่เรา ก็ถ้าเรา จะประพฤติผิดในภรรยาของคนอื่น ก็จะไม่เป็นข้อที่ชื่นชอบที่พอใจแก่คนอื่น เหมือนกัน....


4. อีกประการหนึ่ง อริยสาวก ย่อมพิจารณาเห็นดังนี้ว่า ก็ถ้าใคร จะทำลายประโยชน์ของเรา ด้วยการกล่าวเท็จ ก็จะไม่เป็นข้อที่ชื่นชอบที่พอใจแก่เรา ก็ถ้าเรา จะทำลายประโยชน์ของคนอื่น ด้วยการกล่าวเท็จก็จะไม่เป็นข้อที่ชื่นชอบที่พอใจแก่คนอื่น เหมือนกัน....


5. อีกประการหนึ่ง อริยสาวก ย่อมพิจารณาเห็นดังนี้ว่า ถ้าใครจะยุยงเราให้แตกจากมิตร ด้วยคำส่อเสียด ก็จะไม่เป็นข้อที่ชื่นชอบที่พอใจแก่เรา ก็ถ้าเราจะยุยงคนอื่นให้แตกจากมิตร ด้วยคำส่อเสียด ก็จะไม่เป็นข้อที่ชื่นชอบ ที่พอใจแก่คนอื่น เหมือนกัน...

ฯลฯ


กรัชกายนิสัยไม่เปลี่ยน บอกกี่ครั้งแล้ว จะอ้างอิงพุทธพจน์
จะต้องเอาลิ้งมาวางด้วย เขาจะได้รู้ที่มา
เมื่อรู้แล้วเขาจะได้เข้าไปพิจารณาธรรมนั้นด้วยตัวเอง
ไม่ใช่ให้กรัชกายมาพูดเองเออเองแบบนี้.......ไม่รู้หรือแกล้งไม่รู้หว่า :b6:
เขาขยายความได้ครับถ้าไม่เชื่อก้อตรวจทานเอานะโฮ คงไม่เหมือนทิ้งเมียนะอิอิ เอามาจากไหนทิ้งเมียน่ะ


ขี้โม้! โม้แล้วไม่จำว่า ตัวเองเคยโม้อะไรไว้
เมื่อก่อนตอนปลอมตัวเป็นอเมชิ่งใหม่ เอาแบรนด์พุทธวจนมาใช้จำไม่ได้หรือ
รำคาญคนขี้โม้ชอบแอบอ้างธรรมะ เอาเปรียบผู้หญิง ไม่ทิ้งเมียแต่เกาะเมียกิน :b32:
ใครเหรอเกาะเมียกินนะครับ โฮเหรอเมียไม่ให้เลยทิ้งเมีย ธรรมะทิ้งเมียขำฝุดๆมีหน้ามาแสดงธรรม ใครเขาจะเชื่อ

อะเมซิ่งยังมีหน้ามามาตำหนิผู้อื่นอีกเรื่องของตนไม่สำเนียกบ้างหละ :b26: อะเมซิ่งรู้ได้อย่างไรว่าพี่โฮเค้าทิ้งเมีย อะเมซิ่งเข้าใจพี่โฮหรอว่าเพราะอะไรถึงหย่ากับเมีย อะเมซิ่งรู้ได้อย่างไรว่าพี่โฮเลิกกับเมียเพราะเบื่อแล้วทิ้งเมียไป อะเมซิ่งเข้าใจว่าพี่โฮเป็นคนไม่ดี แต่พี่โฮไม่เคยมาแก้ตัวรึมาพูดว่าเพราะอะไรเลย..ไม่เหมือนอะเมซิ่งเวลาถูกจับได้ก็แก้ตัวแบบหน้าด้านๆ อย่างอะเมซิ่งพุดมาได้ไม่เคยนอกกายเมีย แต่นอกใจเมียเห็นๆ555+ยังมีหน้ามาพูดว่า 12ปีแล้วไม่ยุ่งกับผู้หยิงคนอื่น แต่ใจตนเองเตลิดไปถึงไหนต่อไหน แล้วอะเมซิ่งก็อยู่กับเมีย อยู่ไปเพื่ออะไร ในเมื่อใจคิดถึงคนอื่น อยู่กับเมียแต่ดันไปช่วยตัวเองเพราะคิดถึงสาวอื่น 555+ แล้วมีหน้ามาบอกว่าบรรลุธรรม 555+ ตักน้ำใส่กะโหลกดูเงาหัวตนเองบ้างดิ ค่อยมาว่าผู้อื่นอ่ะ :b34:


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 11 พ.ย. 2013, 15:22 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 27 ก.พ. 2012, 12:27
โพสต์: 2372

แนวปฏิบัติ: ปฏิจจสมุปบาท และกรรมฐาน
งานอดิเรก: สวดมนต์รภาวนา
อายุ: 27

 ข้อมูลส่วนตัว


amazing เขียน:
nongkong เขียน:
amazing เขียน:
โฮฮับ เขียน:
กรัชกาย เขียน:
ความหมาย และขอบเขตของศีล ตามพุทธพจน์มาแสดงให้พิจารณา (เล็กๆน้อยๆพอเป็นแนวพิจารณา)


“คหบดีทั้งหลาย เราจักแสดงธรรมบรรยายสำหรับน้อมเข้ามาเทียบตัว...

1. อริยสาวก ย่อมพิจารณาเห็นดังนี้ว่า เราเองอยากมีชีวิต ไม่อยากตาย รักสุข เกลียดทุกข์ ถ้าใครจะปลงชีวิตเรา ผู้อยากอยู่ ไม่อยากตาย รักสุข เกลียดทุกข์ ก็จะไม่เป็นข้อที่ชื่นชอบที่พอใจแก่เรา ก็ถ้าเรา จะปลงชีวิตคนอื่นผู้อยากอยู่ ไม่อยากตาย รักสุข เกลียดทุกข์ ก็จะไม่เป็นข้อที่ชื่นชอบที่พอใจแก่คนอื่นเหมือนกัน สิ่งใด ตัวเราเองไม่ชื่นชอบ ไม่พอใจ ถึงคนอื่นเขาก็ไม่ชื่นชอบ ไม่พอใจเหมือนกัน สิ่งใด ตัวเราเองก็ไม่ชอบ ไม่พอใจ ไฉนจะพึงเอาไปผูกใส่ ให้คนอื่นเล่า อริยสาวกนั้น พิจารณาเห็นดังนี้ ย่อมงดเว้นจากปาณาติบาต ด้วยตนเองด้วย ย่อมชักชวนผู้อื่นให้งดเว้นจากปาณาติบาตด้วย ย่อมกล่าวสรรเสริญคุณแห่งการงดเว้นจากปาณาติบาตด้วย กายสมาจารของอริยสาวกนั้น ย่อมบริสุทธิ์ทั้งสามด้านอย่างนี้


2. อีกประการหนึ่ง อริยสาวก ย่อมพิจารณาเห็นดังนี้ว่า ถ้าใคร จะถือเอาสิ่งของที่มิได้ให้ด้วยอาการขโมย ก็จะไม่เป็นข้อ ที่ชื่นชอบที่พอใจแก่เรา ก็ถ้าเรา จะถือเอาของที่ผู้อื่นมิได้ให้ด้วยอาการขโมย ก็จะไม่เป็นข้อ ที่ชื่นชอบที่พอใจแก่คนอื่น เหมือนกัน....


3. อีกประการหนึ่ง อริยสาวก ย่อมพิจารณาเห็นดังนี้ว่า ก็ถ้าใคร จะประพฤติผิดในภรรยาของเรา ก็จะไม่เป็นข้อที่ชื่นชอบ ที่พอใจแก่เรา ก็ถ้าเรา จะประพฤติผิดในภรรยาของคนอื่น ก็จะไม่เป็นข้อที่ชื่นชอบที่พอใจแก่คนอื่น เหมือนกัน....


4. อีกประการหนึ่ง อริยสาวก ย่อมพิจารณาเห็นดังนี้ว่า ก็ถ้าใคร จะทำลายประโยชน์ของเรา ด้วยการกล่าวเท็จ ก็จะไม่เป็นข้อที่ชื่นชอบที่พอใจแก่เรา ก็ถ้าเรา จะทำลายประโยชน์ของคนอื่น ด้วยการกล่าวเท็จก็จะไม่เป็นข้อที่ชื่นชอบที่พอใจแก่คนอื่น เหมือนกัน....


5. อีกประการหนึ่ง อริยสาวก ย่อมพิจารณาเห็นดังนี้ว่า ถ้าใครจะยุยงเราให้แตกจากมิตร ด้วยคำส่อเสียด ก็จะไม่เป็นข้อที่ชื่นชอบที่พอใจแก่เรา ก็ถ้าเราจะยุยงคนอื่นให้แตกจากมิตร ด้วยคำส่อเสียด ก็จะไม่เป็นข้อที่ชื่นชอบ ที่พอใจแก่คนอื่น เหมือนกัน...

ฯลฯ


กรัชกายนิสัยไม่เปลี่ยน บอกกี่ครั้งแล้ว จะอ้างอิงพุทธพจน์
จะต้องเอาลิ้งมาวางด้วย เขาจะได้รู้ที่มา
เมื่อรู้แล้วเขาจะได้เข้าไปพิจารณาธรรมนั้นด้วยตัวเอง
ไม่ใช่ให้กรัชกายมาพูดเองเออเองแบบนี้.......ไม่รู้หรือแกล้งไม่รู้หว่า :b6:
เขาขยายความได้ครับถ้าไม่เชื่อก้อตรวจทานเอานะโฮ คงไม่เหมือนทิ้งเมียนะอิอิ เอามาจากไหนทิ้งเมียน่ะ

อะเมซิ่งนี้เตือนหลายทีแล้วนะ :b26: ยังเอานิสัยเดิมมาใช้อีก ทำไมไม่รู้จักจำ ที่ตนเองปลอมตัวมาเป็นอะเมซิ่งลอคอินใหม่ทั้งทีตนเองก็คือบิ๊กทู่ก็เพราะอะไร ถ้าจำไม่ได้เด่วคุนน้องจะเตือนความจำให้ 555+
viewtopic.php?f=1&t=44000
ปล.ที่นี้เชื่อคุนน้องรึยังว่าทำไมคุนน้องกล้าพูดเต็มปากเต็มคำว่า อเมซิ่งไม่ใช่พระอริยะขั้นสอง :b32: :b32:

ขนาดกล้าถามเรื่องแบบนั้น ถามแล้วก้อยังบอกว่าเป็นอริยะนี่รุ้ป่าวเพื่ออะไรเพื่อได้เข้าใจความจริงถกเถียงว่าขอบเขตของฆราวาสที่เป็นอริยะนั้น ทางใจคิดได้แค่ไหนประการใด อนาคามีถึงจะดับมโนทุจริตได้ ขั้นต้นเขาดับทุจริตทางกายได้เท่านั้นคือสิลห้า ถกเถียงมาการพุดแบบคิดเองนะมันไม่ตรงธรรม

555+ตอแหร ขนาดกล้าถามแต่ทำไมไม่ใช้ชื่อบิ๊กทู่ถามหละ ขำว่ะ :b32: กินอยู่กับปากอยากอยู่กับท้อง อย่าให้คุณน้องโมโหนะ อย่าหาว่าไม่เตือน


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 11 พ.ย. 2013, 15:34 
 
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 04 ธ.ค. 2012, 15:49
โพสต์: 932


 ข้อมูลส่วนตัว


nongkong เขียน:
amazing เขียน:
nongkong เขียน:
amazing เขียน:
โฮฮับ เขียน:
กรัชกาย เขียน:
ความหมาย และขอบเขตของศีล ตามพุทธพจน์มาแสดงให้พิจารณา (เล็กๆน้อยๆพอเป็นแนวพิจารณา)


“คหบดีทั้งหลาย เราจักแสดงธรรมบรรยายสำหรับน้อมเข้ามาเทียบตัว...

1. อริยสาวก ย่อมพิจารณาเห็นดังนี้ว่า เราเองอยากมีชีวิต ไม่อยากตาย รักสุข เกลียดทุกข์ ถ้าใครจะปลงชีวิตเรา ผู้อยากอยู่ ไม่อยากตาย รักสุข เกลียดทุกข์ ก็จะไม่เป็นข้อที่ชื่นชอบที่พอใจแก่เรา ก็ถ้าเรา จะปลงชีวิตคนอื่นผู้อยากอยู่ ไม่อยากตาย รักสุข เกลียดทุกข์ ก็จะไม่เป็นข้อที่ชื่นชอบที่พอใจแก่คนอื่นเหมือนกัน สิ่งใด ตัวเราเองไม่ชื่นชอบ ไม่พอใจ ถึงคนอื่นเขาก็ไม่ชื่นชอบ ไม่พอใจเหมือนกัน สิ่งใด ตัวเราเองก็ไม่ชอบ ไม่พอใจ ไฉนจะพึงเอาไปผูกใส่ ให้คนอื่นเล่า อริยสาวกนั้น พิจารณาเห็นดังนี้ ย่อมงดเว้นจากปาณาติบาต ด้วยตนเองด้วย ย่อมชักชวนผู้อื่นให้งดเว้นจากปาณาติบาตด้วย ย่อมกล่าวสรรเสริญคุณแห่งการงดเว้นจากปาณาติบาตด้วย กายสมาจารของอริยสาวกนั้น ย่อมบริสุทธิ์ทั้งสามด้านอย่างนี้


2. อีกประการหนึ่ง อริยสาวก ย่อมพิจารณาเห็นดังนี้ว่า ถ้าใคร จะถือเอาสิ่งของที่มิได้ให้ด้วยอาการขโมย ก็จะไม่เป็นข้อ ที่ชื่นชอบที่พอใจแก่เรา ก็ถ้าเรา จะถือเอาของที่ผู้อื่นมิได้ให้ด้วยอาการขโมย ก็จะไม่เป็นข้อ ที่ชื่นชอบที่พอใจแก่คนอื่น เหมือนกัน....


3. อีกประการหนึ่ง อริยสาวก ย่อมพิจารณาเห็นดังนี้ว่า ก็ถ้าใคร จะประพฤติผิดในภรรยาของเรา ก็จะไม่เป็นข้อที่ชื่นชอบ ที่พอใจแก่เรา ก็ถ้าเรา จะประพฤติผิดในภรรยาของคนอื่น ก็จะไม่เป็นข้อที่ชื่นชอบที่พอใจแก่คนอื่น เหมือนกัน....


4. อีกประการหนึ่ง อริยสาวก ย่อมพิจารณาเห็นดังนี้ว่า ก็ถ้าใคร จะทำลายประโยชน์ของเรา ด้วยการกล่าวเท็จ ก็จะไม่เป็นข้อที่ชื่นชอบที่พอใจแก่เรา ก็ถ้าเรา จะทำลายประโยชน์ของคนอื่น ด้วยการกล่าวเท็จก็จะไม่เป็นข้อที่ชื่นชอบที่พอใจแก่คนอื่น เหมือนกัน....


5. อีกประการหนึ่ง อริยสาวก ย่อมพิจารณาเห็นดังนี้ว่า ถ้าใครจะยุยงเราให้แตกจากมิตร ด้วยคำส่อเสียด ก็จะไม่เป็นข้อที่ชื่นชอบที่พอใจแก่เรา ก็ถ้าเราจะยุยงคนอื่นให้แตกจากมิตร ด้วยคำส่อเสียด ก็จะไม่เป็นข้อที่ชื่นชอบ ที่พอใจแก่คนอื่น เหมือนกัน...

ฯลฯ


กรัชกายนิสัยไม่เปลี่ยน บอกกี่ครั้งแล้ว จะอ้างอิงพุทธพจน์
จะต้องเอาลิ้งมาวางด้วย เขาจะได้รู้ที่มา
เมื่อรู้แล้วเขาจะได้เข้าไปพิจารณาธรรมนั้นด้วยตัวเอง
ไม่ใช่ให้กรัชกายมาพูดเองเออเองแบบนี้.......ไม่รู้หรือแกล้งไม่รู้หว่า :b6:
เขาขยายความได้ครับถ้าไม่เชื่อก้อตรวจทานเอานะโฮ คงไม่เหมือนทิ้งเมียนะอิอิ เอามาจากไหนทิ้งเมียน่ะ

อะเมซิ่งนี้เตือนหลายทีแล้วนะ :b26: ยังเอานิสัยเดิมมาใช้อีก ทำไมไม่รู้จักจำ ที่ตนเองปลอมตัวมาเป็นอะเมซิ่งลอคอินใหม่ทั้งทีตนเองก็คือบิ๊กทู่ก็เพราะอะไร ถ้าจำไม่ได้เด่วคุนน้องจะเตือนความจำให้ 555+
viewtopic.php?f=1&t=44000
ปล.ที่นี้เชื่อคุนน้องรึยังว่าทำไมคุนน้องกล้าพูดเต็มปากเต็มคำว่า อเมซิ่งไม่ใช่พระอริยะขั้นสอง :b32: :b32:

ขนาดกล้าถามเรื่องแบบนั้น ถามแล้วก้อยังบอกว่าเป็นอริยะนี่รุ้ป่าวเพื่ออะไรเพื่อได้เข้าใจความจริงถกเถียงว่าขอบเขตของฆราวาสที่เป็นอริยะนั้น ทางใจคิดได้แค่ไหนประการใด อนาคามีถึงจะดับมโนทุจริตได้ ขั้นต้นเขาดับทุจริตทางกายได้เท่านั้นคือสิลห้า ถกเถียงมาการพุดแบบคิดเองนะมันไม่ตรงธรรม

555+ตอแหร ขนาดกล้าถามแต่ทำไมไม่ใช้ชื่อบิ๊กทู่ถามหละ ขำว่ะ :b32: กินอยู่กับปากอยากอยู่กับท้อง อย่าให้คุณน้องโมโหนะ อย่าหาว่าไม่เตือน
บิกตู่เขาถือสิลพรหมจรรย์ amazingเขาค้นพบสิ่งใหม่คนล่ะคนกันแล้วเขาเรียกว่านอนจมกองบ่วงแต่ไม่ติดบ่วงตามพุทธวจน ขนาดมีสาวๆอยากเจอตัวนัดเจอยังไม่รับนัดเลยเพราะกลัวผิดทุจริตทางกาย


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 11 พ.ย. 2013, 15:56 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 27 ก.พ. 2012, 12:27
โพสต์: 2372

แนวปฏิบัติ: ปฏิจจสมุปบาท และกรรมฐาน
งานอดิเรก: สวดมนต์รภาวนา
อายุ: 27

 ข้อมูลส่วนตัว


amazing เขียน:
nongkong เขียน:
amazing เขียน:
nongkong เขียน:
amazing เขียน:
โฮฮับ เขียน:
กรัชกาย เขียน:
ความหมาย และขอบเขตของศีล ตามพุทธพจน์มาแสดงให้พิจารณา (เล็กๆน้อยๆพอเป็นแนวพิจารณา)


“คหบดีทั้งหลาย เราจักแสดงธรรมบรรยายสำหรับน้อมเข้ามาเทียบตัว...

1. อริยสาวก ย่อมพิจารณาเห็นดังนี้ว่า เราเองอยากมีชีวิต ไม่อยากตาย รักสุข เกลียดทุกข์ ถ้าใครจะปลงชีวิตเรา ผู้อยากอยู่ ไม่อยากตาย รักสุข เกลียดทุกข์ ก็จะไม่เป็นข้อที่ชื่นชอบที่พอใจแก่เรา ก็ถ้าเรา จะปลงชีวิตคนอื่นผู้อยากอยู่ ไม่อยากตาย รักสุข เกลียดทุกข์ ก็จะไม่เป็นข้อที่ชื่นชอบที่พอใจแก่คนอื่นเหมือนกัน สิ่งใด ตัวเราเองไม่ชื่นชอบ ไม่พอใจ ถึงคนอื่นเขาก็ไม่ชื่นชอบ ไม่พอใจเหมือนกัน สิ่งใด ตัวเราเองก็ไม่ชอบ ไม่พอใจ ไฉนจะพึงเอาไปผูกใส่ ให้คนอื่นเล่า อริยสาวกนั้น พิจารณาเห็นดังนี้ ย่อมงดเว้นจากปาณาติบาต ด้วยตนเองด้วย ย่อมชักชวนผู้อื่นให้งดเว้นจากปาณาติบาตด้วย ย่อมกล่าวสรรเสริญคุณแห่งการงดเว้นจากปาณาติบาตด้วย กายสมาจารของอริยสาวกนั้น ย่อมบริสุทธิ์ทั้งสามด้านอย่างนี้


2. อีกประการหนึ่ง อริยสาวก ย่อมพิจารณาเห็นดังนี้ว่า ถ้าใคร จะถือเอาสิ่งของที่มิได้ให้ด้วยอาการขโมย ก็จะไม่เป็นข้อ ที่ชื่นชอบที่พอใจแก่เรา ก็ถ้าเรา จะถือเอาของที่ผู้อื่นมิได้ให้ด้วยอาการขโมย ก็จะไม่เป็นข้อ ที่ชื่นชอบที่พอใจแก่คนอื่น เหมือนกัน....


3. อีกประการหนึ่ง อริยสาวก ย่อมพิจารณาเห็นดังนี้ว่า ก็ถ้าใคร จะประพฤติผิดในภรรยาของเรา ก็จะไม่เป็นข้อที่ชื่นชอบ ที่พอใจแก่เรา ก็ถ้าเรา จะประพฤติผิดในภรรยาของคนอื่น ก็จะไม่เป็นข้อที่ชื่นชอบที่พอใจแก่คนอื่น เหมือนกัน....


4. อีกประการหนึ่ง อริยสาวก ย่อมพิจารณาเห็นดังนี้ว่า ก็ถ้าใคร จะทำลายประโยชน์ของเรา ด้วยการกล่าวเท็จ ก็จะไม่เป็นข้อที่ชื่นชอบที่พอใจแก่เรา ก็ถ้าเรา จะทำลายประโยชน์ของคนอื่น ด้วยการกล่าวเท็จก็จะไม่เป็นข้อที่ชื่นชอบที่พอใจแก่คนอื่น เหมือนกัน....


5. อีกประการหนึ่ง อริยสาวก ย่อมพิจารณาเห็นดังนี้ว่า ถ้าใครจะยุยงเราให้แตกจากมิตร ด้วยคำส่อเสียด ก็จะไม่เป็นข้อที่ชื่นชอบที่พอใจแก่เรา ก็ถ้าเราจะยุยงคนอื่นให้แตกจากมิตร ด้วยคำส่อเสียด ก็จะไม่เป็นข้อที่ชื่นชอบ ที่พอใจแก่คนอื่น เหมือนกัน...

ฯลฯ


กรัชกายนิสัยไม่เปลี่ยน บอกกี่ครั้งแล้ว จะอ้างอิงพุทธพจน์
จะต้องเอาลิ้งมาวางด้วย เขาจะได้รู้ที่มา
เมื่อรู้แล้วเขาจะได้เข้าไปพิจารณาธรรมนั้นด้วยตัวเอง
ไม่ใช่ให้กรัชกายมาพูดเองเออเองแบบนี้.......ไม่รู้หรือแกล้งไม่รู้หว่า :b6:
เขาขยายความได้ครับถ้าไม่เชื่อก้อตรวจทานเอานะโฮ คงไม่เหมือนทิ้งเมียนะอิอิ เอามาจากไหนทิ้งเมียน่ะ

อะเมซิ่งนี้เตือนหลายทีแล้วนะ :b26: ยังเอานิสัยเดิมมาใช้อีก ทำไมไม่รู้จักจำ ที่ตนเองปลอมตัวมาเป็นอะเมซิ่งลอคอินใหม่ทั้งทีตนเองก็คือบิ๊กทู่ก็เพราะอะไร ถ้าจำไม่ได้เด่วคุนน้องจะเตือนความจำให้ 555+
viewtopic.php?f=1&t=44000
ปล.ที่นี้เชื่อคุนน้องรึยังว่าทำไมคุนน้องกล้าพูดเต็มปากเต็มคำว่า อเมซิ่งไม่ใช่พระอริยะขั้นสอง :b32: :b32:

ขนาดกล้าถามเรื่องแบบนั้น ถามแล้วก้อยังบอกว่าเป็นอริยะนี่รุ้ป่าวเพื่ออะไรเพื่อได้เข้าใจความจริงถกเถียงว่าขอบเขตของฆราวาสที่เป็นอริยะนั้น ทางใจคิดได้แค่ไหนประการใด อนาคามีถึงจะดับมโนทุจริตได้ ขั้นต้นเขาดับทุจริตทางกายได้เท่านั้นคือสิลห้า ถกเถียงมาการพุดแบบคิดเองนะมันไม่ตรงธรรม

555+ตอแหร ขนาดกล้าถามแต่ทำไมไม่ใช้ชื่อบิ๊กทู่ถามหละ ขำว่ะ :b32: กินอยู่กับปากอยากอยู่กับท้อง อย่าให้คุณน้องโมโหนะ อย่าหาว่าไม่เตือน
บิกตู่เขาถือสิลพรหมจรรย์ amazingเขาค้นพบสิ่งใหม่คนล่ะคนกันแล้วเขาเรียกว่านอนจมกองบ่วงแต่ไม่ติดบ่วงตามพุทธวจน ขนาดมีสาวๆอยากเจอตัวนัดเจอยังไม่รับนัดเลยเพราะกลัวผิดทุจริตทางกาย

สาวคนไหนหรออยากเจออะเมซิ่ง มีหลายคนป่าวหละเจาะจงมาสิว่าใคร ทำไมต้องกลัวผิดทุจริตทางกายในเมื่อใจไม่ได้คิดอะไร ทำไมต้องกลัวหละ พุทธโธ่ !!!


แสดงโพสต์จาก:  เรียงตาม  
กลับไปยังกระทู้  [ 111 โพสต์ ]  ไปที่หน้า ย้อนกลับ  1 ... 3, 4, 5, 6, 7, 8  ต่อไป

เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง


 ผู้ใช้งานขณะนี้

่กำลังดูบอร์ดนี้: ไม่มีสมาชิก และ บุคคลทั่วไป 1 ท่าน


ท่าน ไม่สามารถ โพสต์กระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ตอบกระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แก้ไขโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ลบโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แนบไฟล์ในบอร์ดนี้ได้

ค้นหาสำหรับ:
ไปที่:  
Google
ทั่วไป เว็บธรรมจักร